เหนียงไปมาแล้ว x แพคีรีวาริน เชี่ยวหลาน


สวัสดีค้าาา.. กลับมาพบกับ เหนียงไปมาแล้ว อีกเช่นเคยย.. วันนี้เหนียงฟอขอมารีวิวงามๆ ที่ได้มีโอกาสไปเที่ยวมาในช่วงสงกรานต์ เป็นทริปครอบครัวที่น้องสาวชวนพาแม่ไปเที่ยวกันที่ เขื่อนรัชชประภา หรือ เขื่อนเชียวหลาน เขื่อนนี้ที่ได้ชื่อว่าเป็น กุ้ยหลินเมืองไทย ดั่งสวรรค์บนดินกันเลยทีเดียว ตั้งอยู่ที่ จ.สุราษฎร์ธานี การจะไปยังที่พักจะต้องนั่งเรือไปเท่านั้น โดยไปขึ้นเรือที่ ท่าเรือเทศบาลเขื่อนรัชชประภา ที่อยู่ห่างจากสนามบินสุราษฎร์ฯ ไปราวๆ 60 กิโลเมตร หรือใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่ง โดย เรือรับ-ส่งจากท่าเรือไปยังที่พัก จะถูกรวมไปแล้วกับแพคเกจห้องพัก ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม รวมแล้วแม้กระทั่งอาหาร 6 มื้อจนถึงเช้าวันกลับเลย ซึ่งที่พักที่ว่ามานี้ก็คือ แพคีรีวาริน เชี่ยวหลาน รีสอร์ท ต้องนั่งเรือออกจากท่าเรือไปอีกประมาณ 1 ชั่วโมง

(รีวิวรายละเอียดการเดินทางทั้งหมด : https://th.readme.me/p/24053)

เรือรับ-ส่งของที่พัก จะนัดเวลาให้ไปรวมตัวที่ท่าเรือเพื่อเตรียมตัวออกเรือพร้อมๆ กัน ราว 11 โมงถึงประมาณเที่ยง เพราะฉะนั้นจะต้องกะเที่ยวบินไปลงที่สุราษฎร์ฯ ให้ดีนะ ไปสายจากเวลานั้นจะต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมไปอีกก.. จากความกังวลที่ต้องพาแม่ไปด้วย เลยไม่เหมาะที่จะทำการเร่งเวลาแม่แต่อย่างใด จึงตัดสินใจกับน้องสาวว่าเราจะเข้าไปพักที่ตัวเมืองสุราษฎร์ฯ ก่อน 1 คืน แล้วเช้าวันถัดมาจะได้นั่งรถบัสรอบ 9 โมงเช้า จากในตัวเมืองมายังท่าเรือกันแบบชิลๆ
มาทันเวลาไม่ต้องเสียเงินเพิ่ม หน้าน้องสาวก็จะกินลมชมวิวแบบฟินๆ หน่อย วิวโดยรอบสวยมากๆ เป็นเขื่อนน้ำจืดที่ใส และสวยราวกับน้ำทะเลฝั่งอันดามัน จริงๆ แล้วทางรีสอร์ทบอกว่าช่วงนี้เป็นช่วงที่น้ำขุ่นที่สุดแล้ว ถ้ามาช่วงหน้าฝนน้ำจะใสกว่านี้อีก นี่คือขุ่นสุดแล้วเหรอ ช็อคเลย !
ระหว่างทางไปยังแพที่พัก เรือจะพาแวะชมวิวจุดต่างๆ ภายในเขื่อนที่เล็งเห็นมาแล้วว่าถ่ายรูปสวย เรือก็จะจอดเป็นช่วงๆ เพื่อให้เราถ่ายรูปได้แบบไม่โคลงเคลง และจุดเช็คอินเลยก็คือ เขาสามเกลอ ที่มีรีวิวเยอะมาก ใครมาไม่ถ่ายคือมาไม่ถึง น้องยืนรออยู่ที่นี่ทุกวันเลยนะ
มาถึงแพที่พักกันแล้ว แพคีรีวาริน เชี่ยวหลาน รีสอร์ท ถูกต้อนรับแบบประสานเสียงจากพนักงานที่น่ารักทุกคนตั้งแต่จอดเรือ บริเวณโดยรอบใกล้ชิดธรรชาติมากๆ มีร้านอาหารส่วนกลางอยู่ด้านนอก และมีโซนแพพักอยู่ 3 วิว ห้องพักมีทั้ง ห้องพักชั้นล่าง และ ห้องพักชั้นบนใต้หลังคา แต่สามารถจองเหมาทั้งหลัง ทั้งชั้นบนและล่างได้
หลังจากมาถึงทุกคนจะต้องลงกันที่ร้านอาหารก่อน จะมีอาหารกลางวันมื้อแรกจัดหนักเตรียมไว้ให้พร้อมอยู่แล้วกับผักต้มน้ำพริกกะปิ ไก่ทอด แกงไตปลา และต้มไก่ใบชมวง อาหารอร่อยอยู่นะ มื้อไหนๆ ก็ไม่เคยผิดหวัง
ถึงเวลาเข้าห้องพักกันแล้ว ทางรีสอร์ทจะรอให้แขกผู้เข้าพักทุกคนทานอาหารกันเสร็จจะมีพนักงานพาไปยังห้องพัก ยกกระเป๋าบริการกันถึงที่ไปเลย
ห้องพักเป็นห้องพักชั้นล่าง พักได้ประมาณ 2 - 3 คน มีระเบียงและบันไดลงเล่นน้ำได้จากห้องพัก ห้องน้ำและห้องอาบน้ำแยกฝั่งกัน ในห้องพักจะไม่มีเครื่องใช้ไฟฟ้าเลย นอกจากพัดลม 2 ตัว และสปริงเกอร์บนหลังคาเท่านั้น เครื่องใช้ไฟฟ้าที่ไม่มีในที่นี้รวมไปถึงเครื่องทำน้ำอุ่นและปลั๊กไฟด้วยนะ โดยถ้าใครต้องการจะชาร์จอุปกรณ์อิเล็กทรอนิค จะมีปลั๊กสามตาต่อไฟบริการอยู่ที่ร้านอาหาร เพราะฉะนั้นเตรียม PowerBank ไปด้วยจะดีมาก เหนียงจัดไป 30,000 mAh กันเลยทีเดียว เพราะมีทั้งโทรศัพท์ และกล้องไว้ถ่ายรูปสวยๆ มาฝากทุกคน
ถึงเวลาเล่นน้ำแล้ว หลังจากเก็บของก็เปลี่ยนชุดเตรียมความพร้อมลงเล่นน้ำทันที แม่กับน้องคือตื่นเต้นกันถึงขีดสุด พากันพายเรือคายัคไปที่ต้นบุญนาคกลางน้ำที่เป็นจุดที่แขกส่วนใหญ่ไปกระโดดน้ำและถ่ายวิวสวยๆ กัน
กิจกรรมยามเย็นจะมีการพาไปชมพระอาทิตย์ตกดิน แต่ทำการเอาฤกษ์เอาชัยในโอกาสวันสงกรานต์ด้วยการรดน้ำดำหัวผู้ใหญ่ซะหน่อย ทางรีสอร์ทได้จัดแจงพาแขกผู้เข้าพักอาวุโสมานั่งเป็นตัวแทนผู้ใหญ่ให้เด็กๆ รดน้ำกันอย่างสนุกสนาน แต่ก็ต้องเสียดายที่หลังจากออกเรือไปแล้วฝนตก ทำให้ไม่มีรูปพระอาทิตย์ตกดินสวยๆ มาฝากเลย
หลังจากผิดหวังกับการชวดวิวพระอาทิตย์ตก ก็กลับมาปลอบใจตัวเองกันด้วยมื้อเย็นที่ทางรีสอร์ทเตรียมไว้ ที่นี่ทานอาหารเย็นกันตอน 19:00 น. อาหารเป็นกับข้าวเสิร์ฟเป็นจาน แต่ส่วนใหญ่จะเติมได้ไม่อั้น จะมีเพียงบางเมนูเท่านั้นที่จะเสิร์ฟเพียงครั้งเดียวต่อโต๊ะ อย่างเช่น ปลาทอด กุ้งอบ แต่ไม่ต้องตกใจไปแต่ละโต๊ะจะได้ปริมาณกุ้งและขนาดปลาไม่เท่ากันขึ้นอยู่กับจำนวนคนในโต๊ะ คนเยอะ กุ้งก็เยอะ ปลาก็ตัวใหญ่ไปด้วย ไม่ต้องกลัวไม่พอกินน้า รายการอาหารวันนี้เป็น ต้มจืดหมูสับ ปลาทอด แกงหน่อไม้ ปลาอะไรไม่แน่ใจ กินอิ่มกลับเข้าห้องนอนสบายพุงเลยย.. วันแรกก็จะประมาณนี้ละ

เช้านี้ตื่นมาก็มีกิจกรรมรออยู่ เป็นชมทะเลหมอกยามเช้า ก็จะมีพนักงานมารอที่ร้านอาหารตั้งแต่ 6โมงครึ่งเพื่อพาไปชมวิวรอบๆ ที่พักในจุดที่จะเห็นทะเลหมอก แต่ด้วยความที่กล้องเหนียงซูมไม่ได้นั้น ภาพที่ออกมามีหมอกเหมือนไม่มีเลย 555 ขอกลับมาทานมื้อเช้าดีกว่า มื้อเช้าที่นี่เสิร์ฟตอน 7 โมง - 8 โมงครึ่งเท่านั้นนะจ๊ะ ใครตื่นสายอดกินนน
หลังจากอิ่มหนำสำราญแล้ว ก็กลับมานอนย่อยได้ไม่นานต้องออกไปเล่นน้ำอีกแล้ว เมื่อวานเหนียงไม่ได้ถ่ายรูปตัวเองเลย ขอออกมาเป็นนางแบบให้แม่กับน้องถ่ายรูปให้หน่อย ถามว่าตัวได้โดนน้ำบ้างไหม บอกเลยว่าไม่เปียกเลยขึ้นมาจากข้อเท้าแน่นอน 5555
เหน็ดเหนื่อยเล่นน้ำกันไปแล้ว อาบน้ำ สระผมเรียบร้อย แม่กับน้องนะ ไม่ใช่เหนียง 555 ถึงเวลาอาหารอีกแล้ว ชีวิตที่นี่มีแต่กิน เล่นน้ำ และนอน ไม่ได้แตะโทรศัพท์เลยจ้า เมนูเที่ยงนี้เป็น ต้มฟักไก่ หมูผัดสัปปะรดน้ำมันหอย แกงฟักไก่ และหมูผัดกะปิ อิ่มสบายใจกลับไปนอนต่อที่ห้องได้
หลังจากกลับห้องมาได้ไม่นาน กิจกรรมก็มาอีกแล้ว ทางรีสอร์ทจัดกิจกรรมแน่นจริงๆ นัดรวมพลทุกคนที่ร้านอาหารที่เดิมตอนบ่าย 2 โมง และพนักงานจะพาขึ้นไปชมวิวที่จุดชมวิวไกรสร ที่จะเห็นวิวของเขื่อนจากบนเขาในมุมกว้าง บอกเลยว่า ไม่ใช่จุดชมวิวที่ขึ้นกันง่ายๆ เลยนะ รีสอร์ทแจ้งตั้งแต่จองเลยว่าถ้าแขกท่านใดประสงค์ร่วมกิจกรรมนี้ เตรียมรองเท้าผ้าใบกันมาให้ดีๆ ต้องเตรียมพร้อมสุดๆ เพราะทางขึ้นบางช่วงนั้นแทบจะ 90 องศาเลยทีเดียว แต่พอขึ้นไปเห็นวิวแล้วก็ถือว่าการเดินทางที่ยากลำบากนี้ก็คุ้มค่า
กลับลงมาจากจุดชมวิวยังทันเวลาพระอาทิตย์ตกดินอยู่ แต่ว่าจากตรงบริเวณรีสอร์ทไม่สามารถเห็นพระอาทิตย์ได้ตรงๆ จะต้องขับเรือออกไป ซึ่งเราชวดไปแล้วเมื่อวาน วันนี้เลยต้องชมจากหน้าต่างห้องแบบแห็นแค่แสงรำไรก็ยังดี
ไม่ทันไรถึงเวลาอาหารเย็นอีกแล้ว เมนูเย็นนี้เป็นปลาทอดราดซอส ต้มไก่ ไข่เจียว และน้ำพริกกะปิผักต้ม บอกเลยว่าก็ยังไม่เคยผิดหวังกับมื้อไหนๆ เลย
ทางรีสอร์ทมีกิจกรรมให้เขียนความรู้สึกลง Tag ติดห้อยบนเพดานของร้านอาหาร เหนียงก็ไม่พลาดที่จะขอชื่นชมในรสชาติอาหาร การบริการที่สุดประทับใจของที่นี่ ใครไปแล้วหาของเหนียงเจอบ้างง
ยังไม่พอเพียงเท่านั้น แต่ละคืนจะมีการแสดงของน้องๆ พนักงานบ้าง น้องๆ ที่มาฝึกงานบ้างเป็นสีสันให้ผู้เข้าพักบันเทิงกันสุดๆ น้องๆ ทุกคนก็ตั้งใจมากๆ และเป็นดั่งที่คาดไว้กับความแม่ที่เอ็นดูน้องๆ จนต้องแอบมีค่าขนมให้ไปหลายอยู่เลยละ พอเพลินเพลินจนสาแก่ใจแกก็พากันเข้าห้องพักอาบน้ำนอนกันสบายใจ พรุ่งนี้เช้าจะต้องกลับแล้ว เร็วมากก..

เช้านี้ก็ยังลงมาทานอาหารเช้าที่เดิม เวลาเดิม แต่วันนี้ไม่ตื่นไปดูทะเลหมอกแล้ว นอนเพลินไปหน่อย ที่นี่เวลา Check-out คือ 9 โมงเช้านะ ไม่ใช่เที่ยงเหมือนที่อื่นๆ เพราะต้องใช้เวลาในการเดินทางไปยังท่าเรือนาน ทางรีสอร์ทจะต้องเผื่อเวลาเพื่อไปรับแขกผู้เข้าพักในวันถัดไปให้ทัน 11 โมงเหมือนขาไปรับเหนียงนั่นเอง ไม่ต้องน้อยใจไปนะ
ทานข้าวเสร็จแล้วก็เตรียมตัวรอเรือไปส่งกลับที่ท่าเรือ ก็ขอแอบถ่ายรูปเล่นรอบๆ รีสอร์ทกันหน่อย เหนียงก็เอารูปน้องสาวมาฝากกัน บอกเลยว่าการใช้ชีวิตแบบไม่มีสัญญาณโทรศัพท์ ไม่มีแอร์ ไม่มีตู้เย็น ไม่มีทีวี สัมผัสธรรมชาติกันอย่าง Slow Life มากเลยทีเดียว ใครที่อยากใช้ความคิด อยู่กับตัวเอง หรืออยากรู้ว่าถ้าเราหายไปใครจะคิดถึงเราบ้าง ลองมาพักใจกันดูนะ มันดีมากเลยละ เหนียงไปมาแล้วว..

#เหนียงฟอ


รายละเอียดที่พัก

*ที่พัก : แพคีรีวาริน เชี่ยวหลาน รีสอร์ท

*Location : จ.สุราษฎร์ธานี

*Room Type : ห้องพักชั้นล่าง

*จำนวนผู้เข้าพัก : สำหรับ 2-3 คน

*ราคา : 6,690 บาท/คน (3 วัน 2 คืน)

*วิว : เขื่อนรัชชประภา / เขื่อนเชี่ยวหลาน

*วิธีการจอง : บูธแพคีรีวาริน ที่งานไทยเที่ยวไทย

*พิกัด : https://goo.gl/maps/7mkGTf3vHvVNt8rV8

*Facebook : https://th-th.facebook.com/keereewarin.chiewlarn


ติดตามรีวิวอื่นๆ : https://www.facebook.com/doublechindroppin/

เหนียงไปมาแล้ว Droppin

 วันอังคารที่ 23 เมษายน พ.ศ. 2562 เวลา 15.38 น.

ความคิดเห็น