มาแล้ว หลังจากที่พาไปเที่ยวทะเลมาเมื่อรีวิวก่อนหน้านี้

เปิดประสบการณ์กางเต็นท์ริมชายหาด " หาดวนกร " | ประจวบคีรีขันธ์

ขี่รถไปประจวบทั้งทีจะไปแค่ที่เดียวมันก็จะดูไม่คุ้มค่าเหนื่อยสักเท่าไร

มันต้องเหนื่อยกว่านี้อีก 555

ไปกันต่อ คราวนี้เราจะพาไปเข้าป่ากันบ้าง งานถนัดของเรา


FOLLOW ME
Facebook page : Once-a-month
Instagram:
onceamonth.travel
YouTube : Once-a-month

มาต่อกันเลย หลังจากออกจากหาดวนกรแล้ว ก็เตรียมเปิด google map + ภาพถ่ายเส้นทางของจุดหมายต่อไปของเรากันเลย ซึ่งจุดหมายต่อไปก็คือ " ชุมชนบ้านป่าหมาก " เป็นชุมชนที่อยู่แนวเขตแดน แต่มีบริเวณให้เราได้เข้าไปกางเต็นท์สัมผัสกับธรรมชาติ

จากหาดวนกรไปบ้านป่าหมากระยะทางประมาณ 150 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3 ชั่วโมง

ตกใจกับเวลามากปกติ 150 กิโลเมตรใช้เวลาไม่เกิน 2 ชั่วโมง เส้นทางมันต้องไม่ธรรมดาแน่ๆ

ออกจากหาดวนกรก็ไปกลับรถแล้ววิ่งเส้นเพชรเกษมขาเข้า วิ่งตรงมาเรื่อยๆ จนเจอ 3 แยก โครงการปราณบุรี ( โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาปราณบุรี ) แล้วก็เลี้ยวซ้ายเข้ามา แล้วก็ตรงตามทางมาเรื่อยๆ ส่วนเส้นทางหลังจากนี้เราอธิบายไม่ได้จริงๆ ว่าไปทางไหน แยกไหน อะไรยังไง เอาเป็นว่ายกให้เป็นหน้าที่ของ gps + ภาพเส้นทางที่มีคนเคยรีวิวไว้ + ถามจากช้าวบ้านระหว่างทางก็แล้วกัน

เราสามารถตั้ง gps ไปได้เลย https://goo.gl/maps/gbdMePbnSkMsNJUp7

หรือถ้ากลัวหลงโทรสอบถามเส้นทางก่อนได้ที่ ท่องเที่ยวชุมชนบ้านป่าหมาก ( 0623235537 )

แล้วอันนี้ก็เป็นภาพเส้นทางที่มีคนทำไว้ เปิดควบคู่กันไปด้วยก็ยิ่งดี เส้นทาไปบ้านป่าหมาก

ปล. เรามี video time lapse เส้นทางนะ แต่เป็นขากลับออกจากหมู่บ้านนะ



เรื่องเล่าระหว่างทาง
ขอเล่าเป็นความรู้สึกตอนขี่รถเข้าไปแล้วกันเนาะ ว่าระหว่างทางเราได้เจออะไรกันบ้าง
จากสามแยกทางเข้า เป็นถนนราดยาง 2 เลน ตรงเข้ามาจากสามแยกไกลพอสมควร
เข้ามาลึกขึ้นเรื่อยๆ เราก็กลัวจะหลง เพราะสัญญาณโทรศัพท์ไม่มีเลย
เจอชาวบ้านที่ไหนก็แวะถามทางกันมาตลอด จากทางราดยางสู่ทางดิน
2 ข้างทางล้อมรอบไปด้วยต้นไม้ ภูเขา ป่ายาง สวนของชาวบ้าน
ส่วนบ้านคนนานๆ ทีจะเจอสักหลัง เอาจริงยิ่งทางลึกขึ้น ยิ่งสวย
เพราะมันคือธรรมชาติล้วนๆ สิ่งก่อสร้างน้อยมาก
แต่จะดื่มด่ำบรรยากาศระหว่างทางก็ทำได้ไม่เต็มที่ มันเป็นกังวลว่าจะหลงทางรึเปล่า
แต่ก็เป็นโชคดีของเราที่ระหว่างทางเจอชาวบ้านตลอด มันก็คลายกังวลไปได้
เราไปกัน 2 คัน ทีแรกเพื่อนของเราจะไม่ตามมาด้วยแล้ว เพราะกลัวว่ารถเค้าจะไปไม่ได้
ทางส่วนใหญ่จะเป็นทางดินซะมากกว่า มีทางคอนกรีตสลับบ้างเล็กน้อย
สำหรับหน้าแล้งแบบนี้รถของเราไปได้สบายมาก มีบางจุดที่ต้องดูทางดีๆ หน่อย เพราะมันเป็นร่องน้ำ
ถ้าหน้าฝนนี่แนะนำเป็นแค่ 4*4 จะดีที่สุด

แล้วเราก็พาวาร์ปมาถึงหมู่บ้านแพรกตะลุย เป็นหมู่บเานก่อนที่จะถึงบ้านป่าหมาก เห็นมีจัดงาน และมีร้านค้า ร้านข้าว เราเลยแวะทานข้าวกันก่อน

กับข้าวชาวบ้านแบบนี้อร่อยดีแท้ จัดก๋วยเตี๋ยวหมูกับข้าวแกงไปคนละจาน ช่วงที่กินข้าวก็ได้เม้ามอยกับป้าๆ ลุงๆ เค้าบอกว่าบ้านอยู่แถวนี้ยังไม่เคยเข้าไปเลย 555 แต่ก็เห็นนักท่องเที่ยวเข้าไปกันตลอด เอาล่ะเดินทางกันต่อดีกว่า อีกแค่ 10 กิโลเมตรเราก็จะถึงจุดหมายกันแล้ว เส้นทางระหว่างนี้ก็ลูกรังบ้าง คอนกรีตบ้างสลับกันไป ไม่นานเราก็มาถึงแล้ว บ้านป่าหมากของเรา สวยกว่าในรูปที่เราเห็นตามรีวิวอีกนะเนี่ย

ดูบรรยากาศสิ ร่มรื่นมากๆ พื้นที่สีเขียวเยอะมาก ดูแล้วสบายตาสุดๆ ไปเลย พอเข้ามาถึงก็จะมีพี่คนนึงเข้ามาถามว่ามากางเต็นท์ใช่มั้ย พี่เค้าก็จัดแจงบอกรายละเอียดต่างๆ ให้เสร็จสรรพ จากนั้นก็เอาของลงจากรถ กางเต็นท์ให้เสร็จก่อนที่ฝนจะลงเม็ด

เรียบร้อยแล้วที่นอนของเราคืนนี้ ตอนที่เราเข้าไปถึงก็ประมาณบ่าย 2 โมงกว่าๆ อากาศมันก็อบอ้าวนิดๆ ครึ้มฟ้าครึ้มฝนหน่อยๆ จะตกไม่ตก แล้วก็พัดหายไป พอจัดของเข้าที่เสร็จก็เดินขึ้นไปร้านกาแฟกันเถอะ ที่นี่มีร้านกาแฟด้วยนะ เป็นกาแฟที่ชาวบ้านปลูกกันในหมู่บ้าน ก่อนที่จะเดินไปถึงร้านเราต้องเดินข้ามสะพานแขวนก่อนนะ ไม่ได้เป็นคนกลัวความสูงนะ แต่ข้ามสะพานแบบนี้ทีไร ใจมันก็ตุ้มๆ ต่อมๆ 555

ถึงแล้วเดินโยกกันเลยทีเดียว อ้อลืมบอกไปว่าร้านชื่อว่า " โรบัสต้าป่าช้างขาว " มี Facebook fanpage ด้วยนะ โรบัสต้าป่าช้างขาว

เราก็นั่งเล่นชิวๆ ตรงนี้ก่อน เย็นสบายดี ด้านหลังร้านกาแฟเป็นวัดนะ เข้าไปไหว้พระกันได้ แต่หลวงพ่อและเณรน้อย ส่วนใหญ่จะออกมาอยู่ตรงเรียกว่าเป็นลานกิจกรรมแล้วกัน ก็ตรงข้างร้านกาแฟเนี่ยแหละ เป็นเหมือนที่ให้เด็กๆ ในหมู่บ้านได้มานั่งประดิษฐ์ของที่เราเห็นก็จะมีสร้อยข้อมือ สร้อยคอต่างๆ บางคนก็ทำงานศิลปะ ได้พูดคุยกับพี่เค้าบอกว่าหลวงพ่อจัดขึ้นเพื่อให้ชาวบ้าน เด็กๆ มีรายได้ ตอนนี้ก็ยังเป็นช่วงที่เริ่มฝึกกัน ต่อไปน่าจะมีผลงานของเด็กๆ ออกมาให้นักท่องเที่ยวอย่างเราได้อุดหนุนกัน

นั่งๆ ไปก็เริ่มจะง่วง ไปหาอะไรอย่างอื่นทำดีกว่า

จะเห็นได้ว่าลานกางเต็นท์ของเราอยู่ติดลำธารเลย ตอนนี้เริ่มเย็นแดดร่มลมตกแล้ว ไปนั่งแช่น้ำในลำธารกันดีกว่า

น้ำที่นี่ไม่ได้เย็นเจี๊ยบเหมือนน้ำตก แต่เย็นแบบกำลังสบาย น้ำใสดี เริ่มเย็นคนก็เริ่มทยอยเข้ามากัน แล้วเราก็บังเอิญเจอพี่ที่เจอกันตรงทางเข้าหาดวนกร ไม่ได้รู้จักกันนะแต่จำน้องมังกรน้อยที่เกาะทุเรียนอยู่หลังรถพี่เค้า แล้วพี่เค้าก็จำพวกเราได้ เพราะพวกเราไม่ละสายตาจากทุเรียนของพี่เค้าเลย เลยได้มากางเต็นท์ใกล้ๆ กัน เป็นการทำความรู้จักกันอย่างเป็นทางการ

ค่ำแล้วท้องก็เริ่มงอแงแล้ว ขึ้นจากน้ำ ไปอาบน้ำอาบท่า แล้วมาทำอาหารเย็นกินกันเถอะ ห้องน้ำที่นี่เพิ่งสร้างเสร็จเลย มีห้องส้ม ห้องอาบน้ำแยกกัน จำนวนเพียงพอต่อพวกเราแน่นอน

มื้อเย็นของเราวันนี้ ก็กินอะไรง่ายๆ แล้วกัน หนีไม่พ้นอาหารประจำชาติของชาวแคมป์อย่างพวกเรา นั่นก็คือ มาม่า 555 แต่ก็ไม่ได้มีแค่มาม่าเพียวๆ นะ ใส่เต้าหู้ ไข่ ไส้กรอกอยู่ เอาจริงๆ กินแค่นี้กับบรแบบนี้ก็ฟินแล้ว

มาม่าคนละซอง เหมือนจะไม่อิ่มแต่กินแทบไม่หมด อร่อยสุดๆ ไปเลย ชิวต่อกันด้วยเบียร์สัก 2 ขวด พอให้หลับสบาย

แล้วความมืดก็มาเยือน รอบข้างมืดไปหมด มีก็แค่ไฟจากเต็นท์ ไฟห้องน้ำ แล้วก็ไฟจากร้านกาแฟ แต่วันนี้ดีหน่อยมีแสงจากพระจันทร์ส่องสว่างให้เรา ส่วนอากาศก็เริ่มเย็นสบาย ไปนั่งพูดคุยกับพี่ๆ เค้าทำความรู้จักกันสักหน่อย เนี่ยแหละวิถีชาวแคมป์

แล้วระหว่างที่เรานั่งคุยกันอยู่นั้น ก็เห็นแสงแว็บๆ ให้ทายว่าคืออะไร .... เฉลยเลยและกัน " หิ่งห้อย " จร้า แบบเยอะมาก บินส่องแสงเต็มไปหมดเลย เป็นอะไรที่สวยมาก ถ่ายมาก็ไม่สวยเหมือนตาเปล่า เห็นแล้วฟินเลย



ไปนอนกันเถอะ ถึงเวลาและ เริ่มง่วงได้ที่แล้ว เจอกันใหม่พรุ่งนี้เช้า เข้านอนในเต็นท์แบบอากาศเย็นสบาย ไม่ร้อน

ปล. แอบตื่นขึ้นมาถ่ายทางช้างเผือกด้วย

สวัสดีเช้าวันใหม่ เช้านี้อากาศดี แดดดีเชียว ตื่นมาก็หิว หิวก็กินอีกแล้ว เช้านี้มีไข่ดาวกับขนมปัง เสร็จแล้วก็ต่อด้วยกาแฟร้อนๆ ข้างบน แต่ก่อนจะไปกินกาแฟ พี่เต็นท์ข้างๆ ก็ชวนกินทุเรียน แกะทุเรียนกันแต่เช้าเลย ของโปรดขนาดนี้บอกเลยว่าจะไม่พลาด

เช้าๆ แบบนี้พระที่วัดก็ออกบิณฑบาต เห็นตอนเดินข้ามสะพานพอดี

ไปกินกาแฟต่อดีกว่าเรา ตอนเช้าที่ร้านกาแฟมีกาแฟร้อน จะสั่งที่ชงเสร็จแล้วมากิน หรือจะลงมือทำกาแฟกินเองก็ได้ เราเลยเอามาทำเอง ก็ทำตั้งแต่คั่วเมล็ดกาแฟ บด แล้วก็ต้มด้วย moka pot แต่พอดีว่าเตาแก๊สมีไม่พอ พี่เค้าเลยเอาไปต้มมาให้

มองจากร้านกาแฟได้เห็นวิถีชีวิตของชาวบ้านที่นี่ สาวๆ ในหมู่บ้านจะมาซักผ้ากันตรงฝายกั้นน้ำ เด็กๆ ผู้ชายตัวเล็กๆ ก็ชวนกันมาโดดน้ำ ว่ายน้ำ กันสนุกสนานเลย

สายแล้วกลับเต็นท์เก็บของ เตรียมตัวกลับบ้านกันเถอะ ถ้าออกสายกว่านี้แดดแรง เดี๋ยวจะเพลียกัน

เอาจริงๆ ก็ไม่อยากกลับเลย พี่ๆ เค้าก็ชวนอยู่ต่ออีกคืน ใจก็อยากจะอยู่ แต่กลับไปพักผ่อนที่ห้องก่อนเริ่มทำงานดีกว่า

ลาแล้วจริงๆ นะบ้านป่าหมาก ไว้มีโอกาสจะเข้ามาเยี่ยมใหม่ อยากให้ทุกอย่างในวันนี้คงเดิม แม้ว่าจะมีนักท่องเที่ยวเข้ามาเที่ยวกันเพิ่มมากขึ้น อยากให้ทุกคนที่เข้าไปสัมผัสหมู่บ้านนี้ช่วยกันรักษาสิ่งที่เป็นอยู่ตอนนี้ไว้ ธรรมชาติให้พลังบวกกับเราเสมอ อย่าลืมรักษาความสะอาดกันด้วยนะ บ๊าย บาย ......

เที่ยวแบบเรา : Once-a-month

 วันอังคารที่ 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2562 เวลา 13.07 น.

ความคิดเห็น