แบกเป้เที่ยวพม่า ย่างกุ้ง-อินเล-พุกาม-มัณฑะเลย์ ตอน ตะลุยเดี่ยวเที่ยวย่างกุ้ง

แบกเป้เที่ยวประเทศพม่า 7 วัน 6 คืน ย่างกุ้ง-อินเล-พุกาม-มัณฑะเลย์

ก่อนที่เราจะรีวิว ผมขอพูดถึงการเตรียมตัวก่อนการเดินทางตั้งแต่ที่อยู่ในประเทศไทย ก่อนนะครับ

การเตรียมตัว

พาสปอร์ต
เขียนตารางการเที่ยว
จองโรงแรมผ่าน agoda ฯลฯ
จองรถบัสไป รัฐฉาน-พุกาม-มัณฑะเลย์ ผ่านระบบ https://myanmarbusticket.com/
เสื้อผ้า ของใช้ส่วนตัว
เงินดอลล่า (ต้องใหม่กริบเท่านั้น ย้ำ ว่าใหม่กริบ)
กล้องถ่ายรูป

การเขียนตารางการเที่ยวแบบคร่าวๆ ของผม ก็จะเป็นแบบ Backpacker นะครับ หน้าตาจะออกมาเป็นแบบนี้นะแจ๊ะ.....

30 เมษายน 2562

สนามบินดอนเมือง - สนามบินย่างกุ้ง
สนามบินย่างกุ้งไป โรงแรม Beauty Land Hotel (Bo-Cho) เพื่อเช็คอิน
เจดีย์โบตาทาวน์
เจดีย์สุเล
สวนสาธารณะMahabandoola Garden
เจดีย์ชเวดากอง
พักผ่อน

01 พฤษภาคม 2562

พระนอนตาหวาน
ทะเลสาบอันดอร์จี
เช็คเอ้าส์
ท่ารถ Aung Mingalar Bus Station,Yangon , Myanmar (ไปรัฐฉาน ทะเลสาบอินเล)

02 พฤษภาคม 2562

ทะเลสาบอินเล
เช็คอินโรงแรม 81 อินเล
พักผ่อน

03 พฤษภาคม 2562

สะพานไม้ที่หมู่บ้าน Maing Thauk
ทางเข้าโรงแรม Myanmar Treasure Resort
เช้คเอ้าส์
ท่ารถ Nyaung Shwe JJ Sun Goddess Gate (เดินทางไปพุกาม)

04 พฤษภาคม 2562

ฝากกระเป๋าที่โรงแรม Royal Bagan Hotel
เช่าจักรยานยนต์ไฟฟ้าไปดูพระอาทิตย์ขึ้น
วัดต่างๆ ที่พุกาม
เช็คอิน
ขับรถไปดูพระอาทิตย์ตก
พักผ่อน

05 พฤษภาคม 2562

เช็คเอ้าส์
ท่ารถ Bagan Shwe Pyi High Way Bus Terminal (เดินทางไปมัณฑะเลย์)
พระราชวังมัณฑะเลย์
เช็คอินโรงแรม The Hotel 78
สะพานอูเบ็ง
พักผ่อน

06 พฤษภาคม 2562

วัดมหามัยมุนี พิธีล้างหน้าพระมหามัยมุนี
เช็คเอ้าส์
สนามบินมัณฑะเลย์-สนามบินดอนเมือง

การจองโรงแรม

ผมจองโรงแรมผ่าน agoda เพราะว่าเป็น Member กับที่นี่ไว้จนได้ส่วนลด

30 เมษายน - 01 พฤษภาคม โรงแรม Beauty Land Hotel (ฺBo-Cho) - (ย่างกุ้ง)
01 พฤษภาคม - 02 พฤษภาคม เดินทางกลางคืนเพื่อประหยัดค่าห้องพัก
02 พฤษภาคม - 03 พฤษภาคม โรงแรม 81 Inle - (อินเล)
03 พฤษภาคม - 04 พฤษภาคม เดินทางกลางคืนเพื่อประหยัดค่าห้องพัก
04 พฤษภาคม - 05 พฤษภาคม โรงแรม Royal Bagan Hotel - (พุกาม)
05 พฤษภาคม เดินทางกลางวัน
05 พฤษภาคม - 06 พฤษภาคม โรงแรม Hotel 78 - (มัณฑะเลย์)

การจองรถเพื่อเดินทางไปเมืองต่างๆ

การเดินทางไปเมืองต่างๆ ที่มีระยะทางไกลๆ จำเป็นสุดคือการจองตั๋วล่วงหน้าผ่านเว็บไซต์ หรือ E-Ticket

โดยเข้าไปจองตั๋วที่เว็บhttps://myanmarbusticket.com/

พอเข้าไปหน้าตาจะเป็นแบบนี้ครับ แล้วเราก็สมัครเป็น Member ก่อนนะครับ

พอสมัครเป็น Member เรียบร้อยแล้ว เราก็เลือกว่าจะเดินทางจากไหน ไปไหน กี่ที่นั่ง วันที่เท่าไหร่ แล้วก็กด SEARCH ระบบจะโชร์หน้าที่มีบริษัทรถทัวร์หลายบริษัทเลย, เวลาเดินทาง, ชั่วโมงในการเดินทาง, เวลาถึงจุดหมายปลายทาง และราคา ในการเดินทางครั้งนี้ผมเลือกเดินทางกับรถทัวร์ชื่อ JJExpress Bus

ให้เราทำตามขั้นตอนจนถึงจ่ายเงิน โดยผมเลือกจ่ายผ่านบัตรเครดิต หลังจากนั้นจะมี e-mail มาหาเราครับหน้าตาแบบนี้เลย

และให้รออีกประมาณ 3-4 วันจะมีเมลมาอีกครับจะแนบไฟล์เป็นตั๋วมาให้ อันนี้ให้ปริ้น ติดตัวเวลาเดินทางด้วยนะครับ

ผมจองตั๋วรถทัวร์เพื่อเดินทางไป อินเล, พุกาม (พม่าเรียก Bagan), มัณฑะเลย์ ดังนั้นผมจองตั๋วผ่าน E-Ticket ทั้งหมด 3 รอบ ประมาณนี้นะครับ

Yangon - Nyanug Shwe Inle Lake
Nyanug Shwe Inle Lake - Bagan
Bagan - Mandalay

เราต้องดูจุดขึ้นรถ - ลงรถ ที่ตั๋วด้วยนะครับ ผมลงสุดสายปลายทางทุกจุด และการขึ้นรถควรไปก่อนเวลาก็จะดีนะครับ

หลังจากที่เราได้ทำการจองตั๋วเครื่องบิน, จองที่พัก, จองรถทัวร์ ก่อนการเดินทางที่ประเทศไทยแล้ว เราก็แค่เก็บเสื้อผ้า เงินพกติดตัว พาสปอร์ต กล้อง แล้วก็เตรียมไปเที่ยวกันเล๊ยยยยย

หมายเหตุ...การเขียนแผนที่เที่ยวจะทำให้เราจัดตารางการจองที่พัก การจองรถทัวร์เพื่อเดินทางได้สะดวกมากขึ้น ส่วนสถานที่เที่ยวสามารถปรับขยับได้ตามที่ต้องการครับ

Let's Go Myanmar

Yangon !!

30 เมษายน 2562

เริ่มต้นที่ สนามบินดอนเมือง ลำดับแรกเราต้องเช็คอินก่อน หลังจากนั้นก็จะผ่านด่านตรวจสัมภาระ แล้วก็ผ่าน ตม. พอหลุดจาก ตม. แล้วเราก็ไปรอที่ Gate ได้เลยครับ

ผมเดินทางกับสายการบินไทยไลออนแอร์ รอบ 07.35 ถึงสนามบินย่างกุ้ง 08.25 (เวลาช้ากว่าประเทศไทย 30 นาที) เดินทางรอบเช้าเพราะเราจะมีเวลาเที่ยวได้ทั้งวัน

พอเราถึงสนามบินย่างกุ้ง ก็เดินตามทางเพื่อเข้าด่าน ตม. พอผ่าน ตม. แล้วก็เดินตามทางมาเรื่อยๆ จนถึงทางออก แต่เดี๋ยวก่อน..............ก่อนออกจากสนามบิน เราต้องแลกเงินก่อนนะครับ

ทริปนี้ผมพกไป 285 us แลกเป็นเงิน จ๊าด พม่าได้ 428,115 จ๊าด เหี้ย..หนาเป็นปึก ไม่สงสารกระเป๋าตังค์ตรูเลย 555 (ขอซองใส่ด่วนเลย)

ถ้าเราใช้เงิน ดอลล่า มาแลกเป็นเงินจ๊าตพม่า เงินดอลล่าต้องใหม่เท่านั้นนะครับ แต่เวลาได้เงินจ๊าตมา โห..เงินโคตรเก่ามาก บอกเลย

หลังจากได้เงินมาแล้ว ก็อย่าเพิ่งออกจากสนามบินนะ เดินหาช็อป เพื่อซื้อซิมการ์ดก่อนนะครับ ผมเดินจนไปสะดุดตากับช็อปโลโก้หน้าตาคุ้นๆ เจอช็อปที่ขายซิมการ์ด ยี่ห้อ Telenor เห้ย..มันเลียนแบบโลโก้กันเลยหรือ 555 เปล่า ดีแทคบ้านเรา Telenor บ้านเค้านี่แหละ

พอถึงคิว เจ้าหน้าที่พ่นอังกฤษสำเนียงพม่าใส่เลยคร๊าบบ เราก็พ่นอังกฤษสำเนียงไทย ใส่เลยทันที 555 อย่าไปยอม สรุปตกลง ซื้อ 7GB ราคา 9,000 จ๊าต เป็นการควักเงินจ๊าตจ่ายครั้งแรก เจ้าหน้าที่จะจัดการเปลี่ยนซิมใส่เครื่องจนกระทั่งพร้อมใช้งานเลย บริการดีมากๆ และจะบอกว่า เน๊ตที่พม่า ไวเว่อร์ ดีกว่าฟิลิปปินส์ หลายร้อยเท่า555 แอบนินทา.

ตอนนี้เงินพร้อม โซเซียลพร้อม ก็ออกไปเผชิญโลกภายนอกกันเลยครับ 555

ก้าวแรกออกมาจากสนามบิน สมองสั่งงานเลยครับ โอ้ย..ร้อนฉิปหาย Hahaha และก็จะมีคนมารุมเรามากมาย เปรียบประดังบุคคลสำคัญ ฟังไม่ออกหรอก แต่พอเดาได้ว่า จะไปไหน คนเหล่านี้คือ คนขับแท๊กซี่ และเราก็หยิ่งงัย ไม่สนใจ เดินมึนๆ วนไปวนมารอบนึง เพื่อตั้งหลักก่อน สุดท้ายมีคนเดินตาม พ่นอังกฤษสำเนียงพม่าใส่เรา

Taxi : Where are you going?

Me : I'm going to town. How much?

Taxi : 20,000ks

Me : สัส กูอ่านรีวิวมา แพงไป ...สัญชาตญาณบอกว่ามรึงเริ่มโกงกูล่ะ 5555

Me : No, พร้อมควักโทรสัพ โหมดเครื่องคิดเลข 10,000ks

Taxi : No, ลบของกูออกซะงั้น 15,000ks

Me : No, ลบลบ แพงไป พร้อมกด 12,000ks

Taxi : ไม่พูดพร่ำทำเพลง ลบ พร้อมกด 13,000ks

Me : OK เอาจริงๆ ก็ว่ายังแพงอยู่ เพราะอ่านรีวิวก่อนมาจ่ายแค่ 8,000-10,000ks แต่เราอยากออกไปจากตรงนี้แล้ว เลยตกลงด้วยราคานี้

คนขับรถ Taxi พาเราไปขึ้นรถ เราก็บอกว่าเราจะไปโรงแรม Beauty Land Hotel (Bo Cho)

พอถึงโรงแรม ก็ทำการเช็คอินครับ ขึ้นห้องพัก พนักงานจะแบกเป้เราและพาขึ้นลิฟท์ไปชั้นบนสุดก่อน เพื่อพาเราไปชั้นดาดฟ้า เป็นจุดชมวิว มองเห็นเจดีย์ชเวดากอง (จะบอกว่าสวยครับเวลากลางคืน รอดูรูปนะ)

โรงแรม Beauty Land Hotel

แผนที่เที่ยวของวันที่ 30 เมษายน 2562 หลังจากเช็คอินที่โรงแรม

พอพักหายเหนื่อย ก็เรียก Taxi ผ่าน Grab ไป โบตาทาวน์ หรือคนไทยเรียก วัดเทพทันใจ สนนราคา 3,100 จ๊าต พอถึงวัด ก็ต้องซื้อบัตรเข้าด้วยนะครับ ด้วยราคา 4,000 จ๊าต แล้วจะได้สติ๊กเกอร์มา 1 ใบ ติดที่หน้าอก แล้วก็ต้องถอดรองเท้าด้วยนะ (วัดทุกวัดที่พม่า ต้องถอดรองเท้า ถุงเท้า หรือชัดๆ คือ เดิน Teen เปล่านั่นเอง ส่วนถ้าวัดใหญ่ๆ ห้ามใส่ขาสั้นนะครับ) หน้าวัดจะมีเด็กๆหรือคนมาเดินตามขายดอกไม้ ก็แล้วแต่ว่าเราจะอุดหนุนมั้ย พอเข้ามาในวัดก็จะต้องตรวจกระเป๋าด้วยเครื่องแสกน จากนั้นก็เดินเข้าเจดีย์โบตาทาวน์ ภายในเจดีย์จะเป็นห้องสีทอง ชัดๆคำเดียวว่า สวย ประชาชนที่ศรัทธามากๆ ก็จะมานั่งสวนมนต์ภายในเจดีย์ด้วย

วัดโบตาทาวน์ (Botahtaung Pagoda)

พอเราออกมาจากเจดีย์ ก็จะมี ด้านซ้าย กับ ด้านขวา ถ้าหันหน้าเข้าเจดีย์ ด้านซ้ายคือ ทางเดินไปเทพทันใจ ด้านขวามือคือ พระพุทธรูปของเจดีย์โบตาทาวน์ ซึ่งผมเดินมาไหว้พระที่ด้านขวาก่อน เพราะคนไม่เยอะ

พอไหว้พระขอพรเรียบร้อย ก็เดินไปอีกด้านหนึ่งซึ่งมีคนเยอะพอสมควร นั่นคือ เทพทันใจ ที่คนไทยชอบมาขอพรกัน แล้วผมก็เจอกับคนไทยตรงจุดนั้นเยอะมาก มาเป็นทัวร์กันเลยทีเดียว แลดูอบอุ่นเหมือนไม่ได้มาประเทศพม่า 555 พอได้คุยภาษาบ้านเราบ้าง

ในเมื่อมาถึงขนาดนี้แล้ว ก็ต้องขอพรบ้างสิครับ 555 เพื่อกลับไปบ้านเราจะได้รางวัลใหญ่ๆ กับเค้าบ้าง

หลังจากขอพร กันเป็นที่เรียบร้อย ก็เดินชมวัด ซึ่งตอนนั้นน่าจะเที่ยงได้ แดดโคตรร้อน แล้วลานวัดเป็นกระเบื้อง เดินกันที เต็นเป็นกุ้งกระโดดกันโหย่งๆ เลย

ซึ่งภายนอกเจดีย์โบตาทาวน์ กำลังบูรณะ

หลังจากที่เสร็จกับการเดินไปรอบๆวัดแล้ว ที่ต่อไปก็คือ เทพกระซิบ ที่คนไทยก็นิยมไปไหว้กระซิบขอพรกัน ซึ่งก็อยู่ฝั่งตรงข้ามกับโบตาทาวน์ หรือฝั่งตรงข้ามกับทางเข้าที่ขายบัตรนั่นเอง จุดนี้คนมหาศาลเลยแค่ถ่ายรูปไม่ได้เข้าไป

ผมออกจากเจดีย์โบตาทาวน์ นั่ง Taxi เพื่อไปเจดีย์สุเล ซึ่งไม่ไกลมากครับ เจดีย์สุเล อยู่กลางถนนเลยนะต้องเดินข้ามถนนไป แล้วรถที่นี่วิ่งไวมาก ต้องดูจังหวะดีๆ

เจดีย์สุเล (Sula Pagoda)

รอบๆ เจดีย์สุเล ก็จะมีพระพุทธรูปให้เรากราบไหว้ขอพร คนไม่เยอะมาก

จุดนี้ผมใช้เวลาไม่นาน ประมาณครึ่งชั่วโมงกับเจดีย์สุเล แล้วก็ออกมาเพื่อเดินไปฝั่งตรงข้าม จะมีสวนสาธารณะชื่อ Mahabandoola Garden ก็ไปเดินถ่ายรูปเล่น จุดนี้ก็ใช้เวลาประมาณครึ่งชั่วโมงเช่นกัน

เดินเล่นเสร็จก็หาข้าวกลางวันกินแถวๆนั้น เมนูร้านนี้มีรูปภาพประกอบ ก็สบายไป 555 ข้าวผัดไข่ กินได้รสชาดบ้านเรานี่แหละ

หลังจากกินข้าวเสร็จก็นั่ง Taxi กลับโรงแรมเพื่อพักผ่อน ตอนเย็นค่อยไปเจดีย์ชเวดากอง ที่เป็น Highlight ของย่างกุ้ง

หลังจากพักผ่อนจนถึง 17.00 ผมเดินจากที่พักไปเจดีย์ชเวดากอง เพราะไม่ไกลมาก ไหนๆ ก็มาแล้วก็เลือกที่จะเดินเอา เหมือนเดินเที่ยวไปด้วย ทางเข้าเจดีย์มีหลายทางผมก็เดินตาม Google map ไปเรื่อยๆ ทางเข้าไปเจดีย์ดูใหญ่อลังการมาก คือไม่เหมือนวัดที่บ้านเรา พอเข้าเขตวัด ก็ต้องถอดรองเท้าเลย ทางขึ้นแบบเดินบันไดขึ้นเขา สุดลูกหูลูกตา (เรื่องจริง ถ้ามองขึ้นไปมันไกลมาก)

เจดีย์ชเวดากอง (Shwedagon Pagoda)

ก่อนจะถึงข้างบน จะมีการตรวจกระเป๋า โดยผ่านเครื่องแสกน ด้วย และมีจุดฝากรองเท้า พอถึงข้างบน ก่อนจะไปที่เจดีย์ จะมีจุดขายบัตรเข้า ค่าเข้าสนน ราคาอยู่ที่ 10,000 จ๊าต ก็จะได้สติ๊กเกอร์มาติดหน้าอกเช่นเคย จะบอกว่า คนเยอะมาก เพราะประชาชนนิยมมาตอนเย็นเพราะแดดไม่ร้อน และตอนเปิดไฟสวยมากครับ

เรามาดูภาพกันรัวๆไปเลยดีฟ่า ตอนเย็นๆ ยังไม่มืด ก็ว่าสวยแล้วแต่พอเปิดไฟมันสวยมากและดูขลังน่าศรัทธามากครับ

รอบๆเจดีย์จะมีศาลาเพื่อให้คนนั่งสวดมนต์ หรือตามทางเดินรอบๆ เจดีย์ก็จะมีคนนั่งสวดมนต์เช่นกัน ลานกว้างมาก คนเยอะมากแต่มันดูยิ่งใหญ่ และผมก็ไม่เคยเห็นบรรยากาศแบบนี้ด้วย ผมก็ไหว้พระขอพร เดินรอบๆ เจดีย์ 3 รอบ แล้วก็นั่งดูคนมาไหว้พระจนคิดว่าได้เวลากลับ ก็เดินทางกลับ

ระหว่างเดินลงมาจากเจดีย์ชเวดากองแล้ว ข้างทางก็จะมีร้านขายของเยอะมาก มีร้านขายข้าวข้างทางด้วย คึกคักมาก ด้วยความที่หิว เลยแวะกินข้าวข้างทางง่ายดี 555

พอกินข้าวเย็นเสร็จก็เดินกลับโรงแรมอาบน้ำ เดินไปชั้นดาดฟ้า เพื่อไปชมวิวเจดีย์ชเวดากอง ในระยะไกลๆ เฮ้ย...มันสวย

นั่งเล่นตากลมสักพักก็กลับห้องนอนพักเอาแรง ไว้เที่ยวต่อพรุ่งนี้ ฝันดีคร๊าบ zzZZ

01 พฤษภาคม 2562 (วันแรงงานแห่งชาติ)

แผนที่เที่ยวสำหรับวันนี้

ตื่นเช้าประมาณ 06.00 ไม่ได้กินอาหารเช้าที่โรงแรม อาบน้ำแต่งตัวรีบไปวัดพระพุทธไสยาสน์เจ้าทัตยี หรือพระนอนตาหวานเลย การเดินทางก็เรียก Grab Taxi เลยครับสะดวกและราคาไม่แพง พอถึงวัดก็ตามระเบียบถอดรองเท้า แต่วัดนี้ไม่ต้องเสียค่าบัตรเข้าครับ

วัดพระพุทธไสยาสน์เจ้าทัตยี (พระนอนตาหวาน)

ไหว้พระถ่ายรูปเสร็จ นั่งพักแป๊ป ก็เรียก Taxi ไปสวนสาธารณะทะเลสาบอันดอจี พอถึงสวนสาธารณะก็จ่ายค่าเข้า 300 จ๊าต และเสียค่าเอากล้องถ่ายรูปเข้า 500 จ๊าต รวมเป็น 800 จ๊าต พอเข้าแล้วก็จะมีร้านอาหาร ก็เลยแวะกินข้าวเช้าที่นี่กันเลย