อยากเห็นทะน้ำใสๆ ฟ้าสีคราม หาดทรายขาวๆ จำเป็นไหม ที่จะต้องไปเที่ยวทะเลภาคใต้ ซึ่งจากรีวิวและรูปสวยๆ ทาง Internet และ Social network รวมถึงความนิยมจากชวนไทยและต่างประเทศที่หลังไหลกันลงไปเที่ยว เห็นชัดเจนอยู่แล้วว่าทะเลฝั่งอันดามัน มีความสวยงามระดับโลกที่ใครๆ ก็อยากไปเที่ยวอยู่บ่อยๆ



แต่ในยุคปัจจุบัน ต่างคนต่างทำงานหาเงิน เลี้ยงครอบครัว กับเวลาอันน้อยนิด บางคนทำงาน 6 วันบ้าง, ต้องเข้ากะเป็นเดือนๆ บ้าง การสละเวลาไปเที่ยวถึงทะเลภาคใต้ กับค่าครองชีพ และค่าเดินทางเฉียดกับการเที่ยวต่างประเทศก็ไม่ใช่ทางเลือกที่ดีนัก แต่หากมองหาสถานที่ใกล้ๆ ผมแนะนำทะเลในอำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี ซึ่งตัวผมเองได้อยู่ที่ชลบุรีมาเกือบ 10 ปี ตั้งแต่เริ่มเรียนในระดับอุดมศึกษา โดยไม่เคยสนใจสถานที่แห่งนี้เลย ว่ามีความสวยงามจนต้องหลงรัก และอยากมาที่นี่อีกครั้ง




สำหรับการเดินทางแนะนำว่าควรเป็นรถยนต์ส่วนตัว เพื่อให้สะดวกต่อการเปลี่ยนสถานที่ได้หลายที่ โดยแต่ละสถานที่ๆ ผมไปนั้น เป็นบริเวณ บนฝั่งของสัตหีบ ซึ่งอำเภอสัตหีบเองยังมีเกาะสวยๆ ให้เที่ยว อาทิ เช่น เกาะแสมสาร เกาะขาม ฯลฯ และต้องขออภัยหากข้อมูลไม่พอเพียงครบถ้วนเท่าที่ควร (เนื่องจากมาแบบไม่ได้ตั้งในจะมา ^^)



สถานที่แห่งแรกที่ผมไปคือ หาดสอ เป็นเพื้อที่ปลูกแนวอนุรักษ์ปะการัง อยู่ในเขตทหาร จำเป็นต้องแลกบัตรเพื่อเข้าชม มีค่าเข้าชมเพียง 20 บาทเท่านั้น สถานที่แห่งนี้เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ ห้ามจับสัตว์น้ำ และปะการังเด็ดขาดนะครับ



ความประทับใจแรกคือความสงบ กับน้ำทะเล ใสๆ

ที่เห็นอยู่ไกลๆ ตาคือเกาะครามใหญ่

หันไปฝั่งซ้ายจะพบกับสะพานของท่าเรือทุ่งโปร่ง



หลังจากเดินลงไป ได้ประมาณ 100 เมตร จากชายฝั่งเราก็จะเห็นปะการัง ซึ่งมันน่าทึ่งตรงที่ ปกติ เราต้องไปหาทริปดำน้ำเพื่อดูปะการัง แต่สำหรับที่นี่เราสามารถเดินลงไปดูจากความสูงน้ำทะเลแค่เข่าเท่านั้น



ปะการังอยู่ใกล้กับฝั่งมากกกก



แนวปะการังทอดยาวสุดลูกหูลูกตา



เดินชมแนวปะการังสักพัก ก็เห็นอะไรเขียวๆ พอเข้าไปมองใกล้ๆ โอ้วววว มันคือหอย ซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นหอยมือเสือครับ


ส่วนที่โผล่มาบนผิวน้ำ น่าจะเป็นดอกไม้ทะเล



หลังจากดื่มด่ำกับธรรมชาติจากสถานที่แรก เราตัดสินใจไปชม ศูนย์อนุรักษ์พันธุ์เต่าทะเล ดูแลและควบคุมโดยกองทัพเรือ ซึ่งยังไม่ทันได้เข้าไปในศูนย์อนุรักษ์ ก็หันไปเห็นความสวยงามของสีน้ำทะเล ด้านนอก ยอมรับว่าไม่คิดว่าแถวเขตทะเลอ่าวไทย น้ำจะสวยได้ขนาดนี้



อันนี้ดอกอะไรไม่รู้ครับ เห็นมันสวยดีเลยถ่ายมา ฮ่าๆๆๆ



หลังจากเดินชมภูเขา ชมทะเลสักพัก พอเข้ามาในศูนย์อนุรักษ์ก็มีน้องเต่าตัวใหญ่ โพล่หัวมาทักทาย



สวัสดี มนุษย์ !!



เจ้าตัวเล็ก



ภายในจะมีอาคารสำหรับแสดงพันธุ์สัตว์น้ำในไทย ที่สำคัญคือมีแอร์ครับ ฮ่าๆ อากาศด้านนอกร้อนแทบขาดใจ



แต่ผมชอบเป็นการส่วนตัวคือปลาการ์ตูน หรือคนทั่วไปพอเห็นเจ้าตัวเล็ก ก็จะเรียกมันว่า นีโม่



รูปนี้ไม่มีสัตว์น้ำครับ แต่ผมเห็นว่าสวยดี



หลังจากออกมาจากตัวศูนย์อนุรักษ์ ก็อดไม่ได้ที่จะเก็บภาพบรรยากาศสวยๆ มาฝากครับ



สำหรับสถานที่ๆ 3 คือ หาดนางรำ - หาดนางรอง(ค่าธรรมเนียม 20 บาท) สิ่งแรกที่เห็นคือมีหุ่นแต่งชุดนางรำยืนอยู่ข้างๆ กับป้าย “หาดนางรำ” ซึ่งจากประวัติที่ผมกลับมานั่งอ่านใน Internet จาหลายๆ Website กล่าวที่มาของหาดนางรำไว้ว่า สมัยก่อนชาวบ้านได้ยินเสียงดนตรีมโหรีที่มีการร่ายรำ จากบนเกาะเล็กๆ ใกล้ๆ กับหาด จึงตั้งชื่อเกาะนั้นว่าเกาะนางรำ และเรียกชายหาดว่าหาดนางรำ ส่วนหาดนางรองที่อยู่ต่อกับหาดนางรำ ผมลองหาที่มาของชื่อยังไม่เจอ หากท่านใดมีข้อมูล สามารถ Comment เพิ่มได้เลยครับ



เนื่องจากคนเยอะมาก เพราะเป็นวันหยุด หาที่จอดเลยไปถึงหาดนางรอง ที่อยู่เกาะเกาะเล็กๆ ไกลๆ คือหาดนางรำตามเรื่องเล่าขนหัวลุก อากาศวันนั้นร้อนมาก แต่แดดดีแบบนี้ก็ทำให้ผมได้ภาพสวยๆ กลับมาฝากครับ



โขดหินเล็กๆ กับฟ้าสีคราม



เกาะอยู่ใกล้กับหาดมากๆ ซึ่งจากเรื่องเล่าที่ว่าได้ยินเสียงดนตรีมโหรีดังมาจากเกาะนี้หล่ะครับ



แดดเริ่มแรง และความเหนื่อยล้าจากการเดินทางทั้งวันก็ ถึงเวลาต้องเข้าที่พัก ซึ่งเราเลือกจองที่พักบริเวณชุมชนแสมสาร


ซึ่งบริเวณที่พักสามารถนั่งตกปลาหมึกชิลๆ บริเวณริมทะเลได้เลย และมีเบ็ดตกหมึกขายสำหรับผู้ที่ไม่ได้เตรียมมาด้วย




มื้อเย็นพร้อมแล้วครับ



มาบตาพุดยามค่ำคืน



เช้าวันถัดมาความตั้งใจแรกคือตื่นไปเก็บแสงที่ขึ้นจากทะเล แต่ดันฝกตกซะะงั้น กว่าฟ้าจะเปิดก็ปาเข้าไป 8 โมง แล้ว



อย่างที่กล่าวไว้ข้างต้นว่าผมชอบปลาการ์ตูนมากๆ จึงมุ่งตรงไปที่เพอคูล่าฟาร์ม ซึ่งเป็นฟาร์มปลาการ์ตูน ตั้งอยู่บริเวณชุมชนแสมสาร ใกล้ๆ กับที่พักนี่เอง



บรรยากาศชายทะเลด้านหลังของฟาร์ม



ไม่ใช่แค่โม่ ดอลลี่กับผองเพื่อนก็มา มาเป็นฝูงเลยครับ



สำหรับสถานที่สุดท้ายที่จะพาไปชม คือหาดน้ำใส ซึ่งผมก็แปลกใจว่าทำไมถึงตั้งชื่อว่าน้ำใส เลยอยากไปพิสูจน์ให้เห็นกับตา โดยสถานที่นี้ต้องจอดรถบริเวณลานจอดรถที่เจ้าหน้าที่ทหารจัดไว้และนั่งรถสองแถวต่อเข้าไปคนละ 15 บาท (ไป-กลับ)



น้ำจะใสแค่ไหน เดี๋ยวช่วงนี้ผมให้ภาพชุดสุดท้ายเล่าเรื่องด้วยตัวมันเองนะครับ



สำหรับรีวิวนี้เป็นแค่ส่วนหนึ่งของอำเภอสัตหีบ หากได้มีโอกาศมาอีกครั้งผมจะพาไปดำน้ำดูปะการังบนเกาะ แสมสาร หากมีข้อมูลผิดพลาดประการใด ต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย ก่อนจากกันไปขอฝากเพื่อนๆ ทุกคนเที่ยวอยากมีสติ ไม่ทำลายธรรมชาติ ให้ความสวยงามตกทอดไปถึงลูกๆ หลานๆ ได้รับชมด้วยนะครับ แล้วพบกันใหม่กระทู้หน้า บ๊ายบายครับ



เห็นปูน้อยมั้ย ?



Arnuphap Yaiphimai

 วันเสาร์ที่ 11 พฤษภาคม พ.ศ. 2562 เวลา 19.42 น.

ความคิดเห็น