กลับมาอีกครั้งกับทริปลาวใต้ปีที่ 6 ติดต่อกัน หน้าฝนของทุกปีผมมักแบกเป้หาที่เที่ยวใหม่ๆในลาวใต้อยู่เสมอ ครังนี้ก็เช่นกัน กะว่าจะหาเช่ามอไซด์ขับเข้าไปนอนเล่นชิลๆที่บ้านหนองหลวงสัก 2-3 คืน พอดีรุ่นพี่ที่รู้จักกันจะเอารถกระบะและพาเพื่อนแก็งค์มอเตอร์ไซด์ขับข้ามไปฝั่งลาว เห็นว่าเป็นจุดหมายเดียวกัน เลยขอติดสอยห้อยตามไปด้วยกะว่าถ้ารถเต็มจะขออาศัยไปลงปากเซแล้วหาเช่ามอไซด์ honda wave แว็นซ์ตามสักหน่อย แต่พอเห็นกลุ่มมอไซด์ของเพื่อนรุ่นพี่แล้วต้องเบรคตัวโก่งพับแผนเข้าไปนั่งตัวลีบเบียดอยู่ในรถกระบะสำหรับบรรทุกสัมภาระของกลุ่ม Honda CRF เมืองอุบล ที่จะเข้าไป survey เส้นทางวิบาก และจะเข้าไปสำรวจตาดตัวใหม่ของเมืองปากซ่องจากคำเชื้อเชิญของอ้ายหลุยส์ แห่งปากซองแอดเวนเจอร์ ดังนั้นแล้วความมันส์จึงบังเกิดขึ้น 

Days 1

☕ นครคาเฟ่

จุดหมายปลายทางของวันแรกตกลงกันว่าจะไปนอนที่จำปาสักกันสักคืนนึงก่อน ด้วยที่เป็นรถ service จึงต้องวิ่งไปตามถนนสายหลัก ส่วนพวกกลุ่มวิบาก ทางดีๆมักไม่ค่อยไปแต่ทางจังไรไปจัง จึงต้องแยกทางกันแล้วไปนัดเจอกันอีกที่ที่บ้านดอนตลาด เมืองจำปาสัก ออกจากด่านช่องเม็กวิ่งบนทางหลวงหมายเลข 10 ช่องเม็ก-วัดพูสะเหลา จนมาถึงเมืองโพนทองจากนั้นเราใช้ทางลัดเป็นถนนสายเก่าเพื่อหลีกเลี่ยงค่าผ่านทางที่เก็บยิบย่อย เพราะหากวิ่งเข้าทางหลวงหมายเลข 13 ปากเซ-จำปาสักแล้วก็จะเจอด่านเก็บค่าผ่านทางอีกซึ่งค่าผ่านทางแต่ละจุดก็ 80 บาท/คัน เราก็เลยใช้ทางลัดวิ่งลัดเลาะมาออกทางด้านหลังของปราสาทหินวัดพู ถึงบ้านดอนตลาดแล้วทันกับกลุ่มมอเตอร์ไซด์ที่ล่วงหน้าไปจอดพักรถรออยู่ที่ร้านนครคาเฟ่ ร้านนครคาเฟ่ตั้งอยู่บนถนนสายเก่าฝั่งตรงข้ามกับวัดนคร ติดกับริมน้ำโขง เป็นทั้งร้านอาหารและที่พักภายในตัว เราพักคนพักรถทานข้าวกันสักพักนึงก็ออกเดินทางต่อไปยังร้านอีกร้านนึงถัดไปอีกประมาณ 1 กิโลเมตร

🍲🍺 ด้วยรักจำปาสัก

ร้านนี้เป็นร้านดังร้านนึงในเมืองจำปาสักก็ว่าได้ อยู่บนถนนสายเก่าเลียบแม่น้ำโขงใกล้กับวัดเมืองแสน พี่ที่พาผมไปได้พาผมไปรู้จักกับพี่หมู ผู้เกลียดแจ๊ส คนไทยคนนึงซึ่งเป็นนักดนตรีในตำนานเป็นผู้ดูแลร้านด้วยรักจำปาสัก ซึ่งพอเอ่ยนามไปเด็กรุ่นใหม่อาจจะไม่รู้จัก แต่ถ้าเป็นรุ่น 40 ปีขึ้นไปคงรู้จักวงแม็คอินทอชกันเป็นอย่างดี และพี่หมูก็เป็นมือกีต้าร์หนึ่งในสมาชิกของวงแม็คอินทอชนั่นเอง

ร้านด้วยรักจำปาสัก เป็นร้านอาหารวิวสวยบรรยากาศดี น่านั่งอ่านหนังสือชิลๆ ชมวิวทิวทัศน์ ยิ่งยามเย็นพระอาทิตย์ตกลงแม่น้ำโขงเบื้องหน้าสวยอย่าบอกใคร ที่ร้านยังมีดนตรีสดของพี่หมูเล่นให้ฟังอีกด้วย ร้านนี้เปิดทุกวันตั้งแต่ แปดโมงเช้า ไปจนถึงสี่ทุ่ม เสาร์-อาทิตย์ ก็เปิดตั้งแต่ 6 โมงเช้าโน่นเลย นอกจากนี้ที่ร้านยังมีห้องพักราคาถูกแบ่งให้เช่าด้วยเป็นห้องแอร์ 350 บาท และห้องพัดลม 160 บาท อาหารแนะนำที่อยากให้ลองคือ ตำหมี่ กับ ก้อยปลาพอน ส่วนเครื่องดื่มหลักๆนอกจากเบียร์ลาวแล้วก็มีพวกกาแฟสดอีกด้วย

🚩 ดอนแดง

เรานั่งทานอาหารกันสักพัก พวกกลุ่มมอเตอร์ไซด์อยากลองไปเล่นรถบนหาดทรายบนเกาะฝั่งตรงข้ามดู เลยขับรถไปลงยังท่าเรือจำปาสักแล้วเช่าเรือเอารถข้ามไปฝั่งนั้น ส่วนทางผมหลังจากนั่งมองเกาะสักพักเลย search หาใน gps จึงรู้ว่าเกาะนี้มีชื่อว่า "ดอนแดง" พี่หมูก็ใจดี ถามว่าอยากข้ามไปเที่ยวใหม เราก็เลยเอาเรือออกข้ามไปเพื่อจะเก็บภาพบรรยากาศทางฝั่งโน้นดูบ้าง บนเกาะดอนแดงมีพื้นที่จากหัวเกาะไปจนถึงท้ายเกาะยาวราวๆ 8 กิโล ไม่ต้องพูดถึงว่ามันจะกว้างใหญ่ขนาดไหน แต่บนเกาะกลับมีหมู่บ้านเล็กๆที่เงียบสงบตั้งอยู่ ไม่ค่อยมีสิ่งอำนวยความสะดวกมากนัก จะมีแค่ทุ่งนา วัดในตำนานอย่างวัดโพนสะเม็ก และ resort ชื่อดังอยู่เจ้านึงคือ ลา โฟลี่ ลอดจ์

หลังจากเดินสำรวจชายหาดที่กว้างใหญ่และชมวิวภูเขาที่มองจากฝั่งดอนแดง จะเห็นยอดภูอยู่ยอดนึงอันเป็นบริเวณจุดที่ตั้งของปราสาทหินวัดพู ซึ่งเรียกว่าภูเกล้า หรือภูนมสาว ข้างบนที่เห็นเป็นเหมือนยอดหัวนมนั่นจะเป็นแท่งศิวลึงค์ขนาดใหญ่ ช่วงหน้าฝนจะมีเมฆหมอกลอยต่ำๆดูสวยงามมาก ( credit ภาพสายหมอกจากพี่หมู แม็คอินทอช)

เรานั่งรอจนกลุ่มมอไซด์ขับวนเล่นทั่วเกาะกลับมาจึงเก็บภาพกันก่อนข้ามกลับไปยังฝั่งเดิมที่มา

จากนั้นก็ร่ำลาพี่หมูเพื่ออกเดินทางต่อไปหาที่พักริมน้ำโขงที่อยู่ข้างหน้าซึ่งยังไม่รู้ว่าจะพักที่ไหน ตัดออกทางสายใหม่ขับรถเลียบลำน้ำโขงกลับไปทางปากเซ เจอตลาดชาวบ้านระหว่างทางเลยแวะลงไปดูตลาดบ้านเขาสักหน่อยว่าเขาขายอะไรกันบ้าง ส่วนใหญ่ก็จะเป็นพืชพัก และขาดไม่ได้ก็ปลาสดๆจากแม่น้ำโขง หน้าตาก็คล้ายๆปลาบ้านเราหรืออาจจะเรียกชื่อไม่เหมือนกัน และผมก็ได้เห็นว่าปลาพอน ที่เป็นเมนูเด็ดของร้านด้วยรักจำปาสักว่าหน้าตามันเป็นอย่างไร รูปร่างก็คล้ายๆปลานวลจันทร์บ้านเรา หรือปลาเทร้าต์ทางเมืองฝรั่ง

🏠 โรงแรมหัวปาข่อ

เราขับรถมาเรื่อยๆมาเจอที่พักดูจากภายนอกแล้วน่าจะเปิดใหม่ ทั้งตัวที่พักและวิวค่อนข้างสวยเลยทีเดียว ชื่อโรงแรมเป็นภาษาลาวค่อนข้างอ่านยากสักหน่อย ชื่อโรงแรมหัวปาข่อ แปลเป็นไทยว่า หัวปลาช่อน แต่ถ้าดูใน google map แล้วชื่อว่า Wopakok Hotel แปลกดีเหมือนกัน ตัวโรงแรมสร้างเป็นสไตล์ English Cottage ด้านล่างจะเป็นห้องเดี่ยวเป็นห้องแอร์ราคา 800 รวมอาหารเช้า มี 6 ห้องอยู่ฝั่งหันหน้าออกถนน อีกด้านจะเป็นห้องอาหารวิวสวยริมแม่น้ำโขง ส่วนชั้นลอยข้างบนมี 2 ห้อง เป็นห้องพัดลมนอนได้ห้องล่ะ 8 - 10 คน ราคาคืนละ 400 วิวด้านบนตรงระเบียงทั้งสองฝั่งมองเห็นลำน้ำโขงสวยมาก นอกจากนี้ยังมีพื้นที่ให้เช่ากางเต้นท์ถ้าเอาเต้นท์มาเองคิดราคาประมาณ 270 ถ้าเช่าเต้นท์พร้อมเครื่องนอนจากทางโรงแรมคิด 400 บาท ที่นี่สถานที่ค่อนข้าง ok สำหรับพวกเราแต่ติดปัญหาอยู่อย่างเดียว ที่นี่มีแต่ห้องน้ำรวมไม่ว่าจะเป็นห้องเดี่ยวหรือห้องรวม แล้วกลุ่มของพวกเราก็เกือบ 20 คนคงเป็นอุปสรรคสำหรับพวกเราแน่ๆในตอนเช้า

🏠 โรงแรมแม่โขงพาราไดซ์รีสอร์ท

เราตัดสินใจเปลี่ยนแผนเข้าไปนอนปากเซดีกว่าวันรุ่งขึ้นจะได้ขับไปปากซ่องไม่ไกลนัก นัดเจอกันอีกทีก็ที่แม่โขงพาราไดซ์รีสอร์ท เรามาถึงรีสอร์ทราวๆ 6 โมง ที่นี่หากมาจากช่องเม็กข้ามสะพานลาว-ญี่ปุ่น มาเลยโรงแรมจำปาสักแกรนด์มานิดหน่อยแล้วเลี้ยวขวาตรงเข้ามาประมาณกิโลนึง จะเห็นป้ายทางขวามือเขียนว่าแม่โขงพาราไดซ์รีสอร์ทก็ขับตรงเข้ามาอีก 1 กิโลก็จะถึง ช่วงจังหวะที่มาถึงพระอาทิตย์กำลังจะลับขอบฟ้า วิวพระอาทิตย์ตกจุดนี้สวยไม่น้อยกว่าบนวัดพูสะเหลาเลย

ในส่วนห้องพักแนะนำว่าถ้าไม่ได้จองผ่านเว็บ online travel agency แล้วก็ walk in เข้ามาต่อราคาได้เลยเผลอๆอาจจะถูกกว่า แต่ก็ไม่มาก ห้องนี้เรานอนกัน 4 คนในราคา 1200 ไม่รวมอาหารเช้าแค่คนล่ะ 300 บาทเท่านั้น เฟอร์นิเจอร์ส่วนใหญ่เป็นไม้ทั้งหมด ที่พักทางฝั่งนี้จะค่อนข้างเงียบสงบกว่าในตัวเมืองปากเซมากนักและวิวค่อนข้างจะสวยกว่าและราคาไม่แพง ตอนกลางคืนเมืองปากเซอากาศจะเหมือนบ้านเราค่อนข้างจะร้อนเลยทีเดียว

Days 2

รุ่งอรุณของเช้าวันใหม่เริ่มต้นพร้อมกับอาการ hangover เล็กน้อยหลังจากเมื่อคืนนั่งคุยสังสรรค์กันเบาๆในห้องพักนิดหน่อย ตอนแรกกะว่าจะออกไปสังสรรค์ริมระเบียงกับกลุ่มใหญ่ แต่เจออากาศคืนที่ร้อนอบอ้าอ้าวกลางเดือนพฤษภา ในเมืองปากเซแล้ว ขอถอยมานั่งดื่มตากแอร์เย็นๆในห้องจะดีกว่า ผมเดินมาสูดอากาศยามเช้าริมระเบียง มองดูวิถีชีวิตชาวประมงพื้นบ้านที่ผูกพันกับสายน้ำที่หล่อเลี้ยงชีวิตมาชั่วนาตาปี ท่ามกลางยุคสมัยที่กำลังจะเปลี่ยนแปลงไปในลาวใต้ ทรัพยากรธรรมชาติและพลังงานเป็นสิ่งเย้ายวนใจเชื้อเชิญนักธุรกิจต่างชาติเข้ามาลงทุนเมื่อลาวได้เปิดประเทศ กระแสโลกาภิวัฒน์ไหลบ่าเข้ามาอย่างรวดเร็วและรุนแรง วิถีชีวิตผู้คนค่อยๆเปลี่ยนแปลงไปพร้อมกับความเจริญเข้ามาชดเชยปัจจัยพื้นฐานของมนุษย์

ผมเดินสำรวจบริเวณที่พักอยู่สักครู่ จึงได้เวลาเก็บข้าวของเพื่อออกเดินทางไปยังจุดหมายต่อไปในวันที่ 2 นั่นก็คือเมืองปากซ่อง

🍜 ร้านเฝอแคมโขง

ก่อนเข้าเมืองปากซ่องแวะหาอะไรรองท้องตอนเช้ากันก่อน และก็คงหนีไม่พ้นที่อาหารประจำชาติของลาว ไม่ว่าจะลาวเหนือ กลาง ใต้ ล้วนต้องมีร้านเฝอ ทั้งๆที่ต้นกำเนิดมาจากเวียดนามก็คงเหมือนก๋วยเตี๋ยวบ้านเราที่มีอยู่ทั่วบ้านทั่วเมือง หลังจากที่เคยลองเฝอร้านดังของเมืองปากเซมาแล้ว 2 ร้านคือ เฝอโรงแรมลานคำ กับเฝอร้านแม็กกี้ ครั้งนี้มาลองร้าน เฝอแคมโขงดูบ้าง ร้านตั้งอยู่ริมฝั่งโขงใกล้กับตลาดดาวเรือง ซึ่งตอนนี้บริเวณริมโขงกำลังสร้างเขื่อนกันตลิ่งทรุด ที่ร้านจะขายแต่เฝอเนื้ออย่างเดียว คนค่อนข้างเยอะทีเดียว ส่วนตัวแล้วรสชาติโดยรวมรสชาติดี แต่ก็ยังสู้ 2 ร้านแรกที่ผมกล่าวถึงไม่ได้

🏡 เมืองปากซ่อง

เมื่อเข้าสู่เหมืองปากซ่องสิ่งแรกที่จะเห็นตามรายทางคือเพิงขายพืชผลทางการเกษตรของชาวบ้านในแถบนั้น และยังมีชา กาแฟรสชาติดีเป็นที่รู้จักไปทั่งโลก ที่ปลูกกันมากแทบทุกครัวเรือน และอีกอย่างที่รู้สึกได้คือสภาพอากาศที่เปลี่ยนไป ถึงแม้จะอยู่ในฤดูร้อนแต่อากาศที่นี่กลับเย็นสบายตลอดทั้งปี หน้าหนาวแถบนี้จะหนาวมากเป็นพิเศษเพราะอยู่บนที่ราบสูงบอละเวน รถวิ่งมาถึงตรงสามแยกบริเวณอนุเสาวรีย์องค์แก้ว มีป้ายบอกทาง ซ้ายไปเซกอง ตรงไปคือ อัตปือ ขวาไปปากบ้อง เราเลือกเดินทางไปทางขวาบนเส้นทางเก่าที่ผมเคยผ่านมาแล้วครั้งหนึ่ง

ความทรงจำเก่าๆบนเส้นทางสายเดิมที่คุ้นตาปรากฎขึ้นในความคิดคำนึง บางช่วงบางตอนดูเปลี่ยนไปกำลังมีการก่อสร้างทำถนนทำสะพานข้ามลำห้วย เราวิ่งมาถึงลำห้วยที่ 3 ที่ยังทำสะพานไม่เสร็จ ถึงแม้น้ำในลำห้วยจะไม่ได้สูงมากนัก แต่กับรถที่ไม่ใช่ offroad เราเองก็ไม่อยากเสี่ยง หันหัวรถกลับเบี่ยงไปเข้าอีกทางที่ผ่านมา

🚩 ตาดแซพะ

"พื้นที่ภัยพิบัติหลังเขื่อนแตก" หลังจากที่เกิดภัยพิบัติทางธรรมชาติมีฝนตกชุกเมื่อช่วงเดือนกรกฎาคมปีที่แล้วเป็นเหตุทำให้เขื่อนเซเปียน-เซน้ำน้อยทางแขวงอัตปือแตกมวลน้ำมหาศาลไหลท่วมหมู่บ้านภายในเวลาไม่กี่ชั่วโมง ผู้คนบาดเจ็บล้มตายและสูญหายไปนับไม่ถ้วน นั่นคือภาพข่าวที่ผ่านตาผมมาเมื่อช่วงปีที่แล้ว และเบื้องหน้าคือสถานที่จริงในวันนี้ที่ถึงแม้จะเก็บกวาดไปบ้างแล้วแต่ก็ยังหลงเหลือเศษซากปรักหักพังอยู่บ้าง จุดที่เราเคยตั้งแคมป์ริมน้ำกันเมื่อ 2 ปีก่อนต้องนึกกันอย่นานเพราะสภาพภูมิทัศน์ดูเปลี่ยนไป

บางครั้งธรรมชาติก็ไม่ได้โหดร้ายจนเกินไปนัก ตาดแซพะในวันนี้กลับดูผิดแผลกแปลกตาไปกว่าเดิม มีความสวยงามมากขึ้นกว่าช่วงหน้าน้ำที่ผมมาเมื่อ 2 ปีก่อน ก้อนหินขนาดมหึมาหลายก้อนเมื่อก่อนอยู่บริเวณหัวน้ำตกถูกแรงผลักดันของมวลน้ำขนาดใหญ่เมื่อช่วงเชื่อนแตกได้พัดปลิวไปไกลหลายร้อยเมตร

อาจะเป็นเพราะเป็นช่วงหน้าร้อนที่ระดับน้ำไม่เยอะมากนักมันจึงทำให้เราได้เข้าใกล้ตัวน้ำตก ได้เข้าไปสัมผัสกับละอองน้ำได้อย่างใกล้ชิด ได้สัมผัสความเย็นฉ่ำของสายน้ำ มากกว่าที่จะได้แค่ยืนมองอย่างเดียวเหมือนตอนหน้าน้ำ และมุมมองที่เราได้เห็นตัวน้ำตกมันมีหลายมุมความรู้สึกมันเลยมองดูว่าสวยกว่าเดิม

🚩 ตาดแซป่องไล

ที่ต่อมาที่จะขาดไม่ได้หากมาตาดแซพะแล้วต้องมาต่อที่ตาดแซป่องไล ซึ่งสถานที่แห่งนี้ถือว่า unseen สุดๆเมื่อ 2 ปีก่อนและกำลังจะพัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยว แต่โชคร้ายที่มาเจอเหตุการณ์เขื่อนแตกเสียก่อน ผลกระทบจากเหตุการณ์เชื่อนแตกในครั้งนั้นทำให้มีดินสไลด์มาปิดทางเดินไปยังตัวน้ำตก แต่ก็ไม่ได้ทำให้ลำบากอะไรมากมาย ตัวน้ำตกยังคงสวยงาม แต่พื้นหินบริเวณน้ำตกที่เป็นตะปุ่มตะป่ำเหมือนดาวอังคารเมื่อยามที่น้ำน้อยเผยโฉมออกมาให้เห็น ความงามเลยดูลดน้อยลงกว่าตอนหน้าน้ำมากนัก อาจจะเป็นเพราะแถบนี้เเคยเป็นภูเขาไฟมาก่อน ชั้นหินตะปุ่มตะป่ำมีรูพรุน เกิดจากโดนหลอมละลายจากลาวาเมื่อเย็นตัวลงจะเป็นหินตะกอนภูเขาไฟ

🚩 ตาดลิงโตน

เราใช้เวลาอยู่ถึงเกือบ 3 โมงกว่าก็กลับเข้าเมืองปากซ่องไปหาที่นอนข้างหน้า ตามโปรแกรมเรานัดกันว่าจะเข้าไปนอนในแคมป์กลางป่า เพื่อไปยลโฉมตาดตัวใหม่จากคำเชิญของอ้ายหลุยส์แห่งปากซ่องแอดเวนเจอร์ ตาดลิงโตนหรือตาดคดน้อยแห่งเมืองปากซ่อง เข้าทางบ้านหลัก 36 หรือบ้านหลัก 38 ก็ได้ ใกล้กับทางตาดถ้ำจำปี ทางเข้าค่อนข้างลึกประมาณ 20 กิโลได้ และเส้นทางคดเคี้ยวผ่านสวนกาแฟของชาวบ้านต้องมีคนนำทางเพราะไม่ใช่ถนนสายหลัก เรามาถึงก็ใกล้ค่ำแล้ว จัดแจงขนสัมภาระลงรถ หาพื้นที่กลางเต้นท์ซึ่งอ้ายหลุยส์ได้ทำแคร่ไว้สำหรับกางเต้นท์ประมาณ 10 แคร่ได้เพราะพื้นที่บริเวณนั้นมีพื้นที่ลาดเอียง และกำลังจะพัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยวแห่งใหม่อยู่

Days 3

คืนนั้นผมเคลิ้มหลับลงด้วยฤทธิ์ของอัลกอฮอลหลายขนาดเมื่อตอนประมาณ 4 ทุ่มได้ อากาศดีมากๆ ค่อนคืนถึงรุ่งสางมีหนาวจนต้องเข้าไปซุกตัวอยู่ในถุงนอน ตอนเช้าตื่นขึ้นมาขับไล่ความมึนงงด้วยกาแฟลาวรสชาติดีของที่นี่เสร็จแล้วคว้ากล้องคู่ใจเดินลงไปสำรวจตาดที่นอนฟังเสียงมาทั้งคืนว่าหน้าตาจะเป็นอย่างไร จากแคมป์เดินลงไปไม่ไกลก็จะเจอลำธารของชั้นน้ำตก ทางทีมงานแห่งปากซ่องแอดเวนเจอร์เขาได้เตรียมทำทางเดินไว้ให้ทำให้ไม่ลำบากมานัก แต่การที่จะไปยืนถ่ายด้านหน้าของน้ำตกต้องปินป่ายลัดเลาะไปเบื้องล่าง ตาดลิงโตนนี้มี 3 ชั้น ไม่สูงมากน่าจะสูงประมาณ 30 เมตร ตั้งชื่อตาดง่ายๆเป็นชื่อที่ชาวบ้านเรียกกันมานาน เพราะมาเจอฝูงลิงใหญ่ฝูงหนึ่งมาอาศัยอยู่บริเวณนี้ก็เลยเรียกตาดลิงโตน ตาดแห่งนี่คงเกิดจากตาน้ำที่ใดสักที่หนึ่งไหลลัดเลาะผืนป่าตกไปเป็นชั้นๆ เกิดเป็นน้ำตกมากมายที่อยู่บริเวณนี้ ทั้งที่ถูกค้นพบแล้ว และยังไม่ถูกค้นพบก็อีกมาก

🚩 ด่านสินไซย

ช่วงสายๆได้เวลาย้ายแคมป์เก็บข้าวของเพื่อไปยังที่ต่อไป บรรดาขาแว๊นซ์ล่วงหน้าออกไปก่อน ส่วนรถเซอร์วิสที่ผมนั่งมาด้วยขับตามหลังมาได้สักพักก็แวะเข้ามาดูสถานที่สวยๆอีกที่หนึ่ง อยู่บริเวณกลางป่าเป็นสำนักสงฆ์ด่านสินไซย บริเวณที่ตั้งสำนักสงฆ์จะมีทุ่งสนสองใบ สนสามใบขึ้นอยู่เรียงรายคล้ายๆด่านใหญ่ ที่บ้านหนองหลวง ตามพื้นดินมีร่องรอยของมอสที่แห้งเนื่องจากถูกแดดเผารอวันเวลาที่ฝนแรกจะมาเยือน ช่วงปีใหม่ลาวบนด่านแห่งนี้จะคลาคล่ำไปด้วยเหล่าพุทธศาสนิกชนหลั่งไหลกันมาทำบุญที่นี่จนแน่นขนัด

🚩 ตาดแม่ลูก

กว่าจะหลุดออกมาจากด่านสินไซยเพื่ออกถนนใหญ่ใช้เวลาหาทางออกอยู่นาน เพราะเส้นทางที่คดเคี้ยวในป่าตัดผ่านไร่กาแฟของชาวบ้านมันคล้ายๆกัน พอออกถนนใหญ่ได้เราก็ไปยัง ตาดแม่ลูก ตาดนี้จะอยู่ที่บ้านแบ่ง บ้านกะตวด(ทางผ่านไปเมืองท่าแตง แขวงเซกอง) เมืองปากซอง ห่างจากตัวเมืองปากซ่อง ประมาณ 17 กม ตัวตาดไม่ได้สูงเป็นชั้นเตี้ยๆ ลักษณะแผ่ขนานเป็นแนวนอน ใช้เวลาเก็บภาพได้ไม่นานฝนก็เริ่มลงเม็ด

🚩 ตาดม่วน

ตาดแห่งนี้อยู่ทางเดียวกันกับตาดแม่ลูกและไม่ได้ไกลกันมากนัก ตัวตาดสูงประมาณ 20-30 เมตร มีด้วยกันสองตาดติดๆกัน จุดนี้สามารถตั้งแคมป์ริมน้ำได้เพราะมีพื้นที่ค่อนข้างสะดวกและไม่ไกลจากตัวตาด

🥗 ร้านป้าบางลาบเป็ดเจ้าเก่า ตลาดเมืองปากซ่อง

กลับเข้าเมืองปากซ่องอีกครั้งพร้อมความหิวระดับ 8 ริกเตอร์หาอาหารพื้นถิ่นง่ายๆรองท้องสักหน่อย เป็นร้านลาบส้มตำข้างทางชื่อร้านป้าบางลาบเป็ด นอกจากส้มตำแล้วก็มีพวกเมนูปิ้งย่าง และพวกข้าวแกง รสชาติบางอย่างก็แซ่บ บางอย่างบ้านเราก็อร่อยกว่า แต่เมนูที่สร้างความประหลาดใจให้ผมก็คือ อั่วกบ ที่เขาลอกหนังออกแล้วเอาเนื้อมาสับละเอียดใส่เครื่องเทศมาคลุกเคล้าจนได้ที่แล้วยัดเนื้อกลับเข้าไปในตั่วกบนำไปย่าง ทำเหมือนไส้อั่วทางบ้านเรารสชาติดีทีเดียว

🚩 โฮมสเตย์บ้านพ่อใหญ่ทิ บ้านหนองหลวง

คืนนี้พวกเราเข้าไปนอนโฮมสเตย์ราคาถูกแห่งบ้านหนองหลวง เป็นบ้านที่ผมคุ้นเคยเป็นอย่างดีจนเหมือนเป็นบ้านหลังที่สองของผม จากปากทางเข้าตรงอนุสาวรีย์พันธมิตรร่วมรบเวียดนาม-ลาว เข้ามาประมาณ 10 กว่าโล ทางเข้ายังคงเป็นหลุมเป็นบ่อเหมือนเดิม แต่ดีที่ยังไม่ใช่ช่วงหน้าฝนใช้เวลาไม่นาน แต่ถ้าเป็นหน้าฝนถนนเส้นนี้จะเหมือนปลักควายดีดีนี่เอง

"บ้านหนองหลวง" เป็นหมู่บ้านเล็กๆ ที่อยู่ชายขอบของ ป่าสงวนแห่งชาติดงหัวสาว ตั้งขึ้นเมื่อ ค.ศ.1977 หลังจากทำการปฏิวัติขับไล่จักรวรรดินิยมอเมริกา และประกาศอิสรภาพอย่าง สมบูรณ์ นำโดยพรรคประชาชนปฏิวัติลาว เมื่อ 2 ธันวาคม ค.ศ.1975 เริ่มแรกสังกัดใน "นิคม 08" ที่รวบรวมเอาครอบครัวทหาร ตำรวจ และกองกำลังฝ่ายตรงข้ามกับรัฐบาล หรือฝ่ายอเมริกา ใน สงครามปลดปล่อยชาติ เพื่อปรับแนวคิดทางการเมืองเรียกว่า"สัมมนา" ตามวิถีลัทธิมาร์ก-เลนนิน ซึ่งเป็นแนวทางการปกครองประเทศในระบอบสังคมนิยมมาถึงปัจจุบัน นอกจากนี้ บ้านหนองหลวงยังเป็นหนึ่งในไม่กี่หมู่บ้านแห่งที่ราบสูงบอละเวน ที่ปลูกกาแฟได้คุณภาพดี โดยเฉพาะสายพันธุ์ "อาราบิกา ทริปิกา" กาแฟพันธุ์ดีและหายากที่มีเพียงไม่กี่แห่งในโลก เป็น กาแฟพันธุ์ที่เจ้าพ่อกาแฟอย่าง "Starbucks" ใช้เป็นวัตถุดิบจนเป็นที่ติดอกติดใจของคนทั่วโลก [ที่มาข้อมูลจากพี่โรเจอร์ :http://www.oknation.net/blog/theexplorer (คัดย่อจากรายงานการสำรวจแหล่งท่องเที่ยวบ้านหนองหลวง ส.ป.ป.ลาว) ]

Days 4

วิถีชีวิตของผู้คนในหมู่บ้านยามเช้าของทุกวันยังคงสวยงาม ไม่ว่าวันเวลาจะหมุนเวียนเปลี่ยนไปหรือความเจริญจะหลั่งไหลเข้ามาตามยุคตามสมัย ผู้คนยังคงมีความเลื่อมใสศรัทธาและมีสิ่งยึดเหนี่ยวประจำใจจากพระผู้ปฎิบัติดีปฎิบัติชอบแห่งวัดป่าคีรีวงกตที่ตั้งอยู่ท้ายหมู่บ้าน โดยการทำบุญใส่บาตรกันอยู่เป็นนิจ ส่งลูกหลานไปบวชเรียนศึกษา หรือแม้แต่ผลัดเปลี่ยนกันเข้าไปดูแลทำความสะอาดวัดประจำหมู่บ้านในแต่ละวัน ภาพเหล่านี้มันน่าแปลกที่ผมมักได้พบเห็นในวันสุดท้ายที่ต้องจากลาทุกครั้งตลอดระยะเวลาหลายปีที่ได้มาเยือนบ้านหนองหลวง ลาวใต้แห่งนี้...

และนี่คือเรื่องลาวอีกเรื่องหนึ่งที่เวลาเขียนที่ไรมันอดที่จะยาวไม่ได้ทุกครั้ง

  • ขอขอบคุณกลุ่ม Honda CRF เมืองอุบล , พี่ติ๊ก-พี่อุ้ย ม.อุบล , ตั้ม-เอก-ก้อย, อ้ายหลุยส์แห่งปากซ่องแอดเวนเจอร์ และ credit ภาพถ่ายบางส่วนจาก ต่าย กลุ่ม Honda CRF ด้วยครับ

ยังมีเรื่องลาวๆอีกหลายเรื่องที่น่าติดตามเข้าไปชมได้ตาม link เหล่านี้

ยกก๊วนชวนเที่ยว "ปากเซ-จำปาสัก"มนต์เสน่ห์แห่งลาวใต้

ยกก๊วน ชวนเที่ยว หลวงพระบาง-หนองเขียว ไปกัน

บ๊ายบายท้องฟ้า บ๊ายบายสายลม @ Zipline ตาดฟานรีสอรท์ ลาวใต้

อันซีน อัตปือ สำรวจตาดแซพะ - ตาดแซป่องไล เพชรเม็ดใหม่แห่งที่ราบสูงโบโลเวน

รีวิวที่พัก : The Elephant Crossing Hotel วังเวียง สปป.ลาว

รีวิวที่พัก : Mountainview Riverside Boutique Hotel วังเวียง สปป.ลาว

รีวิวที่พัก : เวียงธาราวิลลา วังเวียง สปป.ลาว

ออกไปใช้ชีวิตมันส์ๆ ที่วังเวียง สปป.ลาว กันเถอะ

ปีนป่ายหุบเหวน้ำตกยักษ์ ชมความงาม ตาดนางนี - ตาดน้ำพาก แห่งที่ราบสูงบอละเวน สปป.ลาว

ด่านใหญ่ - ตาดเสือ - ตาดขมึด อัญมณีแห่งที่ราบสูงบอละเวน สปป.ลาว

สำรวจตาดเซคำพอ ที่ราบสูงบอละเวน ลาวใต้


-ขอขอบคุณเพื่อนๆที่ได้เข้ามาชม และ กด like กด share เป็นกำลังใจน่ะครับ

-แลกเปลี่ยนข้อมูล หรือพูดคุย สอบถามข้อมูลการเดินทาง Fanpage : สตั๊ดดอยร้อยเรื่องราว

-ติดตามบทความเก่าๆ ได้ที่นี่ครับ ทริปเดินทางทั้งหมด












สตั๊ดดอย ร้อยเรื่องราว

 วันอาทิตย์ที่ 14 กรกฎาคม พ.ศ. 2562 เวลา 17.03 น.

ความคิดเห็น