สวัสดีค่ะ กระทู้นี้จะมารวมเรื่องเล่าความประทับใจ ความสวยงาม และอุปสรรคของเราที่พบเจอ ระหว่างไปเที่ยวที่ Leh ladakh, India

ในช่วงวันที่ 14 เมษายน - 20 เมษายน 2562เป็นทั้งเรื่องเล่า ประสบการณ์ มิตรภาพจากเพื่อนร่วมทริปและระหว่างทางที่พบเจอ พร้อมแล้ว ไปกันเลย..

1. ก่อนเราเดินทางไป Leh Ladakh ช่วงนั้นมีการขัดแย้งระหว่าง ปากีสถาน และอินเดีย ที่ออกข่าวครึกโครม แน่นอนเรา และเพื่อนๆต่างกลัว ภาวนาให้ทั้ง

สองประเทศคืนดีกันโดยไว เพื่อให้เราไปเที่ยวอย่างสงบ เพราะพื้นที่บางแห่งใน Leh ต้องเปิด Permit เพื่อขออนุญาติเข้าสถานที่

2. ก่อนเดินทางไม่ถึง 1 เดือน เราได้รับ e-mail cancelled flight จากสายการบิน Jet Airway ตอนนั้นยอมรับว่ามืดมนไปหมดเลยค่ะ เพราะโดนเทแบบหน้าหงาย เราและเพื่อนมืดมนมากค่ะ ว่าจะเอายังไงต่อดี ไปหรือไม่ไป สรุปจนได้ใจความว่า มันเป็น Dream List ค่ะที่ทุกคนตั้งใจจะไป อีกอย่างทำการจองมัดจำทัวร์ที่นู่นกับเอเจนซี่ไว้ทั้งหมดแล้ว ตอนนั้นก็ทำการจองตั๋วใหม่ และรอทำการ Refund เงินคืน จาก Jet Airway ในใจนี่ภาวนาให้ได้เงินคืนเต็มจำนวน และโชคเข้าข้างเราค่ะ เราได้เงินคืนทั้งหมด คอยหมั่นเช็ค E-Mail และโทรหา Call center เป็นระยะ ช่วงนี้คือทะเลาะกับเพื่อนแทบทุกวันค่ะ ลุ้นเรื่องเอาเงินคืน ผลัดกันโทรหา Call center ปั่นป่วนไปหมด บอกตรงๆว่าท้อไปเลย

3. วันเดินทาง เราบินจากกรุงเทพไปลงเดลี และเที่ยวเดลีก่อน 1 วันค่ะ เช้าวันรุ่งขึ้น เตรียมตัวเพื่อจะไปขึ้นเครื่อง สายการบินที่จองไว้ คือ Go Air ค่ะ ไปด้วยความมั่นใจ เพราะฉันอ่านข้อมูลมาแล้วว่ามันขึ้นที่ Termainal 1 ผ่างงงงงง !!! ผิดค่ะ เราต้องไป Tremanal 2 ค่ะ !! ใช้ค่ะ โชคดีที่เราเรียกรถไป 2 คันไปส่งสนามบิน แบ่งกันกับสมาชิก เราเลยอัดกันขึ้นรถอีกคัน เพื่อไป Terminal 2 ให้ทันเวลา ในใจคิดนะ ว่า ฉันจะตกเครื่องไหม สรุปรอดค่ะ ไป Check-in ได้ทันเวลา แต่ แต่ แต่ยัง ผ่านด่านสแกนกระเป๋าสัมภาระถือขึ้นเครื่อง กระเป๋าเราไม่ผ่านค่ะ เทของแล้วเทของอีก เช็คไปเช็คมา เจ้าหน้าที่บอกว่ามันมีบางอย่างในกระเป๋าตังค์ เป็นแท่งๆ เราจึงรื้อในช่องใส่เงินดู แท่น แท่น แท๊นนน.. ของสิ่งนั้นคือ เทพทันใจที่บูชาจากพม่าค่ะ เทพทันใจไม่มีพาสปอร์ตนะค่ะ เลยไม่ได้ไปต่อ เล่นเรากับเพื่อนๆนี่ขำไปเลย

4. หลังจากที่เจอเรื่องทรหดมาเยอะ เราถูกต้อนรับบนเครื่อง มองไปข้างนอกหน้าต่างด้วยวิวภูเขาหิมะที่สวย สวยแบบหรูหราหมาเห่ามากค่ะ ภูเขาสีขาว ตัดกับท้องฟ้า วิวนี้แหละค่ะทำให้ลืมเรื่องราวที่พบเจอมาได้ชั่วขณะเลย..

5. วันแรกที่มาถึงเมือง Leh เราเข้า Check-in ที่พักเพื่อพักผ่อนปรับร่างกาย ให้เข้ากับความสูงจากระดับน้ำทะเลที่นี่ ก่อนเดินทาง เราและเพื่อนๆกินยา Diamox เพื่อป้องกันการแพ้ความสูงกันมาแล้ว และยังคงกินต่อในทุกๆวันที่อยู่ที่เมืองนี้.. ช่วงเย็น เราไปเที่ยวที่ Shanti Stupa และแล้วหนึ่งในผู้ร่วมชะตากรรม มีอาการแพ้ความสูงค่ะ เวียนหัว จะอ้วก เราตัดสินใจกันพาเพื่อนไปโรงพยาบาลในเมืองเลห์ค่ะ คุณหมอและพยาบาลน่ารักมากค่ะ ให้ความช่วยเหลือ อธิบาย และรักษากันแบบเต็มใจและเต็มที่ (อันนี้สัมผัสได้ทุกคน) คุณหมอให้เพื่อนเราอยู่ดมออกซิเจนเป็นเวลาประมาณ 1 ชั่วโมง และทานยา เราชื่นชอบพยาบาลที่นี่นะ คือที่เราเห็นในห้องผู้ป่วยมีพยาบาลประมาณ 1-2 คน กับคนไข้หลายเตียง พวกเขาดูทำงานด้วยความตั้งใจ ให้การรักษาอย่างเต็มที่ อธิบายต่อคนไข้ ส่งรอยยิ้มแถมชวนพวกเราคุยด้วย ณ จุดนี้ ประทับใจค่ะ

6. วันที่เดินทางเพื่อจะไป Nubra Valley เราต้องผ่านถนนที่สูงที่สุดของที่นี่คือ Kradungla Pass ที่มีค่ายทหารอยู่บนเขา ด้วยความที่อากาศเดือนเมษายน ค่อนข้างหนาวมาก หิมะยังมีตกบ้าง ทำให้ถนนบางช่วงมีหิมะปิดทาง บางช่วงต้องรอเคลียร์ทางเพื่อให้เดินรถได้ เราผ่าน Pass นี้มาได้ แต่แล้ว.. ด้วยความที่ถนนแคบและมีรถสวนทาง รถของเราต้องหยุดเพื่อให้รถอีกฝั่งสวนทางมาได้ และรถที่สวนทางมาคือรถทหารค่ะ คันสูงๆใหญ่ๆได้ชนรถเราค่ะ ชนดังตึ้บ !! พวกเราในรถตกใจมากค่ะ ลงไปดูพบว่าไฟท้ายได้หลุดลงมาแล้ว ช๊อคมากค่ะ ณ จุดนี้

7. เมื่อไปถึง Nubra Valley ในแถวนั้นจะมีให้ขี่อูฐ เพื่อนๆเราก็ไปขี่อูฐกัน ทันใดนั้นค่ะ มันมีพายุกลางทะเลทรายค่ะคุณ คือทรายฟุ้งไปตามลมมาก ในอากาศมีแต่ทราย เข้าหู ตา จมูก เสื้อผ้าไปหมด

8. เมื่อเราเดินทางไป Pangong Lake ถ่ายรูปเล่นไปได้สักพัก ตอนนั้นหิมะก็ตกลงมาเลยค่ะ ตื้นเต้นมาก เพราะนี่คือหิมะแรกในชีวิตเลย ตื่นเต้นบวกสนุก โดยหารู้ไม่ค่ะ หายนะกำลังจะมาในวันต่อไป

9. หลังจากพักแถว Pangong Lake 1 คืน วันนี้มีแพลนจะกลับเมืองเลห์ค่ะ พวกเราได้รับข่าวแจ้งจากคนขับว่า ไม่ต้องรีบนะ เพราะหิมะปิดทาง Permit ยังไม่เปิดทางให้กลับ เรารอจนถึงเที่ยง หลังจากนั้นก็เดินทางเพื่อจะกลับเมืองเลห์ เราได้ข่าวกันว่า Changla Pass จะเปิด 5โมงเย็นให้รถขึ้นได้ แน่นอนว่ารอค่ะ รอจนถึงเย็น ตรงนี้มีนักท่องเที่ยวคนไทยและคนอินเดียเองหลายคันต่อแถวยาวเพื่อจะกลับเมืองเลห์ แจ่แล้ว 5โมงค่ะ เราได้รับข่าวว่า Pass ไม่เปิด ต้องกลับเข้าไปพักที่เดิมนะ แล้วค่อยกลับพรุ่งนี้..

10. แน่นอนว่ากลับไปเย็นแล้ว แล้วก็ไม่ได้จองที่พักไว้ เท่ากับเราต้องไป Walk in โรงแรม แน่นอนว่าเต็มค่ะ !! ตอนนั้นคือมืดแล้ว หนาวด้วย น้ำตาแทบร่วงค่ะ จะไปนอนไหน กลับก็ไม่ได้กลับ ที่พักก็ไม่มี โชคดีเข้าข้างค่ะ มีพี่คนไทย พี่คนนึงลงมาบอก Reception ว่า ต้องให้น้องนอนที่นี่ จะให้น้องผู้หญิงไปนอนไหนกัน 5 คน มันอันตรายแล้ว ทางเจ้าหน้าที่ก็บอกว่าห้องเต็มแล้วไม่มีห้อง พี่แกไฟท์สุดพลัง จนบอกว่า มีเตียงเสริมผ้าห่มไหม ให้น้องมานอนกันในห้องพี่ นอนด้วยกัน สรุปคืนนั้นเรานอนกันในห้องเล็กๆทั้งหม8 คนค่ะ ในความโชคร้ายของเรายังมีความโชคดีอยู่ ขอบคุณพี่เปิ้ลมากๆ (ขออนุญาติเอ่ยนาม) พี่ช่วยพวกเราให้มีที่นอนกันหนาวในคืนนั้นค่ะ น้ำใจของคนไทยในต่างแดนทำเอาพวกเราน้ำตาไหลเลย การไปไกลๆ ไม่มีสัญญาณโทรศัพท์ อินเตอร์เนต ความรู้สึกหมดหนทาง แต่เจอคนไทยที่นี่ มันดีใจ ตื้นตันไปหมด ขอบคุณมากๆค่ะ

11. วันนี้เจ้าหน้าที่บอกว่า Changla Pass เปิด สามารถขึ้นได้ พวกเราก็ดีใจมากๆ จะได้เข้าเมืองแล้ว คนขับก็ขับรถไปค่ะ ขับไปได้ระยะหนึ่งต้องชะงักค่ะ เพราะมีหิมะปิดทาง ระหว่างนั้น 11 โมงค่ะ พวกเรารอ รอ จนมีรถมาต่อคิวยาวข้างหลัวเต็มไปหมด อ่อ เราได้คนขับพูดภาษาอังกฤษไม่ได้ค่ะ การสื่อสารของเรายากมาก เราอยากรู้ทุกอย่างว่าปัญหาคืออะไร ทำไมไปไม่ได้ เราต้องลงไปคุยกับคันอื่นๆ หาข้อมูล จนได้ความว่า อ่อ ทหารเคลียร์ทางอยู่นะ เดี๋ยวก็ได้ไปแล้ว ที่ที่เราติดคือทางบน Changla Pass ที่ระดับความสูง 5000 กว่าเมตรจากน้ำทะเล แน่นอนค่ะ ออกซิเจนเบาบางมาก หิวก็หิว น้ำก็ต้องจิบตลอด ปวดฉี่.. แน่นอนว่าฉี่มันข้างทางเลยค่ะ

12. เราติดบน Changla Pass ตั้งแต่ 11 โมง จนกระทั้งฟ้ามืด อากาศเริ่มเย็นลง หิว และท้อ กลัวแต่จะไม่ได้กลับบ้าน ตอนนั้นคนขับรถบอกว่าเราต้องเดิน ใช่ค่ะ เราต้องเดินบนทางหิมะ ที่อากาศเย็น -17 องศา (อันนี้ถามมาจากทหาร) แบกเป้ขึ้นบ่าและลากเพื่อนไป เพื่อจะไปที่แคมป์หทาร ระหว่างเดินเท้าต้องเดิน หยุด เดิน อากาศก็เบาบาง จนมีเพื่อนบางคนวูบไป ตอนนั้นคือน้ำตาไหลค่ะ ต้องเอาออกซิเจนกระป๋องมาให้เพื่อนดม ได้รับความช่วยเหลือจากลามะที่เดินเท้าหิ้วปีกเพื่อนเราไป ได้รับความช่วยเหลือจากทหารอินเดีย ขอบคุณหลายๆคนที่ทำให้เราและเพื่อนรอดจากเหตุการณ์ตรงนี้ได้ อารมณ์เราคล้ายๆผู้ลี้ภัยในแคมป์ทหาร มีพี่ทหารทำขนมให้กิน มีหมอทหารมาเช็คออกซิเจนในเลือดเป็นระยะ จากเหตุการณ์นี้ เรารอรถจากเอเจนซี่ เพื่อมารับเราที่แคมป์ทหารและลงไปเมืองเลห์ค่ะ ตอนนั้นคือดีใจมากที่เห็นรถมารับอีกฝั่ง ดีใจที่อีกวันจะได้กลับบ้านแล้ว

นี่แหละค่ะ เป็นเหตุกาณ์ที่เราเจอมาในช่วงไปเที่ยว ช่วงเดือนเมษายนคือหนาว มีหิมะ เสี่ยงต่อทางปิดมากๆ แต่วิวข้างทางก็สวยมากเช่นกัน และในเดือนเมษายนก็จะมีดอกแอพพลิคอตบาน คล้ายดอกซากุระ จริงๆมันเป็นเหตุการณ์ที่ต้องแก้ไขตามสถาณการณ์มากๆ ขอบคุณความช่วยเหลือจากพี่คนไทยในต่างแดน หลายคนที่ติดในวันนั้น เราช่วยกันแบ่งที่นอน แบ่งน้ำที่มี แบ่งออกซิเจนกระป๋อง ขอบคุณพี่ๆทหารช่วยเหลือ แบ่งปันฮีทเตอร์หนาวๆ ขอบคุณเพื่อนร่วมทางที่ให้กำลังใจและผ่านเหตุการณ์ในนี้มาได้ ขอบคุณครอบครัวที่ให้ความเข้าใจทำให้การเดินทางสมบูรณ์มากขึ้น ขอบคุณร่างกายตัวเองที่ฝ่าฟันอุปสรรคและปัญหามาได้ เหตุการณ์นี้สอนเรารู้คุณค่าของการมีชีวิตอยู่ คุณค่าของเวลา ขอบคุณประสบการณ์ที่หาไม่ได้หนังสือเรียน : )



Champpy Bobbiexx

 วันพุธที่ 12 มิถุนายน พ.ศ. 2562 เวลา 18.30 น.

ความคิดเห็น