"Machill Home"

พื้นที่ของคนหนุ่มสาว เลือกที่จะมาใช้ชีวิตแบบเรียบง่าย สร้างเอง ปลูกเอง ทำกินเอง ในรูปแบบของฟาร์มสเตย์รักษ์โลก ด้วยการพยายามทำให้เป็นฟาร์มปลอดขยะ เริ่มต้นทำมันทีละเล็กทีละน้อย มาถึงจุดที่ฟาร์มเริ่มจะอยู่ตัวและเกิดความสุขขึ้นกับเขาทั้งสอง จึงอยากให้คนอื่นๆ มาสนุกมาชิวด้วยกัน มาพูดคุยศึกษาแลกเปลี่ยน แนวทางการใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาตัวเอง การใช้และจัดการกับพลาสติกอย่างถูกวิธี...


"เกล้าและกุ้ง"

จากชีวิตวิศวกรโรงงานรถยนต์ ยอดมนุษย์เงินเดือนทำงานอยู่ในโรงงานขนาดใหญ่ ด้วยกลไกของเศรษฐกิจและวัฎจักรชีวิตมนุษย์เงินเดือน ทำให้รู้สึกถึงความไม่มั่นคงของหน้าที่การงาน 'กุ้ง' และ 'เกล้า' จึงเริ่มวางแผนและเตรียมตัวที่จะลาออกครั้งสุดท้าย มุ่งหน้าสู่พื้นที่แห่งความฝันและความสุข ทั้งคู่ค่อยๆ ปรับเปลี่ยนที่ดินผืนนี้ โดยที่มีพ่อแม่และอาสาชาวต่างชาติ แวะเวียนมาเรียนรู้แลกเปลี่ยนวัฒนธรรม พร้อมกับช่วยเหลืองานในพื้นที่แห่งนี้ มุ่งหวังให้สามารถใชีชีวิตได้ด้วยการพึ่งพาตนเองเป็นหลัก ทำร้ายโลกใบนี้ของเราให้น้อยที่สุด

"Zero Waste Farm"

ภายในฟาร์มเปิดให้นักท่องเที่ยว สามารถเข้าพักค้างคืนได้ มีบ้านพักให้บริการ 2 หลัง 'Mud House' บ้านหลังแรกเป็นบ้านดิน สร้างกันเองกับเพื่อนๆ อาสาสมัคร ส่วนโครงสร้างที่ต้องอาศัยทักษะเฉพาะ ก็ส่งต่อให้ช่างท้องถิ่นทำต่อจนเสร็จสมบูรณ์ 'Mud House' เป็นบ้านดินความสูงชั้นครึ่ง สามารถพักได้ 2 ถึง 4 คน ภายในมีเตียงโตๆ สำหรับสองคนวางอยู่ด้านล่าง

มีมุมโซฟาน่ารักๆ ไว้ให้ด้วยนะ

เดินขึ้นบันไดวนไปยังชั้นลอย มีฟูกขนาดนอนคนเดียวอีกสองผืน

ข้างๆ กัน มีเตียงตาข่ายให้ได้นอนเล่นชิวๆ อีกนะ

ในห้องน้ำมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน

มีแชมพูและสบู่ ที่ทำขึ้นเอง แล้วยังมีมีคอตตอนบัดแบบก้านไม้เตรียมไว้ให้

บ้านหลังที่สอง 'Bird House' เป็นบ้านปูน สร้างขึ้นตามการออกแบบของกุ้งและเกล้า โดยให้พี่ช่างท้องถิ่นผู้ชำนาญ ทำการก่อสร้างหลังนี้ทั้งหมด 'Bird House' เป็นบ้านปูนชั้นเดียว สามารถพักได้ 2 คน มีเตียงขนาดใหญ่วางไว้กลางห้อง

ความพิเศษของ 'Bird House' จะมีหน้าต่างกลมๆ ขนาดใหญ่ มีเบาะรองนั่งสามารถนั่งอ่านหนังสือชิวๆ หรือนั่งถ่ายภาพสวยๆ ช่วงเย็นจะมองเห็นแสงสุดท้ายได้จากมุมนี้เลยด้วย

ภายในห้องน้ำก็ยังมีความชิว มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครันเช่นเดียวกัน

ทั้งสองห้องมีบริการน้ำดื่มในขวดแก้ว สลิปเปอร์ที่ทำจากผักตบชวา ผ้าเช็ดตัว และกล้วยฉาบเต็มโหล ในส่วนของกล้วยฉาบนั้นดีงามพระรามสามจริง เฟิร์มเลย

'กุ้ง' และ 'เกล้า' ตั้งใจจะทำให้ที่แห่งนี้เป็นเขตปลอดขยะ โดยเริ่มจากการรับผิดชอบขยะที่เกิดขึ้นภายในฟาร์ม ด้วยตัวเองกันก่อน ทั้งสองพยายามทำให้ขยะทุกชิ้น ได้มีโอกาสนำไปใช้ใหม่ นำไปรีไซเคิล นำไปอัพไซเคิล พยายามจะทำให้ขยะที่เกิดขึ้นทำร้ายโลกให้น้อยที่สุด เมื่อเริ่มได้จากตัวเองแล้ว ก็อยากจะให้เพื่อนๆ ที่เข้ามาเยี่ยมเยือนได้เริ่มต้นจัดการขยะไปด้วยกัน โดยขอความร่วมมือให้นักท่องเที่ยวที่เข้ามาเข้าพัก ไม่นำขยะที่ย่อยสลายไม่ได้ติดตัวมาหรือทิ้งเอาไว้ ทาง 'Machill Home' จะคืนเงินค่าทำความสะอาดให้ด้วยนะ

บริเวณโดยรอบมีแปลงปลูกผัก มีสนามหญ้า มีดอกไม้ที่กำลังแข่งกันผลิดอกอวดสี ปลูกแซมอยู่เป็นระยะ

"เป็นไปได้ไหมที่เราจะผลิตอาหารได้เอง"

เดินเล่นในสวนครู่นึง หันไปเห็นเจ้าบ้านกำลังเตรียมทำอาหารเย็น เราจึงขอเข้าไปป่วนด้วยคน 'กุ้ง' หยิบแป้งที่ผสมแล้วออกมาจากกล่องใสๆ "แป้งข้าวสาลีสำหรับทำพิซซ่า เพื่อนอาสาสมัครต่างชาติสอนไว้" พร้อมกับสอนวิธีนวดแป้งอย่างง่าย แต่ก็เหมือนจะยาก 555

รองพื้นด้วยซอสพิซซ่าที่ทำเอง แต่งหน้าด้วยพริกหยวก มะเขือ เห็ด ที่ปลูกเองจากในฟาร์ม โรยปิดหน้าด้วยชีสแบบไม่อั้น ขณะที่เราแต่งแต้มพิซซ่า พ่อครัวก็วิ่งไปอุ่นเตาอบพิซซ่า มันเป็นเตาก่ออิฐ มีช่องสำหรับใส่ฟืนและอาหารที่ต้องการอบ ด้านบนมีปล่องควันขนาดเล็ก อุ่นเตาโดยการจุดไฟสุมฟืนเข้าไป ทำให้เตาอิฐเกิดความร้อนสะสมไว้ พร้อมสำหรับการอบอาหารที่เราต้องการ

ปะแป้งแต่งหน้าเสร็จ ก็เอาถาดพิซซ่าเข้าเตา ชีสเยิ้มอย่างรวดเร็ว แป้งเซตตัวสุก ใช้เวลาไม่เกินสามนาที พิซซ่าก็พร้อมเสริฟ

พิซซ่าโฮมเมทฝีมือการแต่งหน้าของเรา คือดีมากรสชาติดีมากกลมกล่อมไม่มากไปไม่น้อยไป สลับกับ สลัดผักจากฟาร์ม ผักสดจากแปลงปลูก สดมากกกกก ถ้าอยากได้สดกว่านี้คงต้องกินจากแปลงปลูกแล้วแหละ ผักสดกรอบๆ รสหวานกินกับกล้วยตากหวานเล็กๆ หูยยย ฟิน

อีกเมนูที่รักมาก สเต็กปลา เนื้อปลานิ่มๆ ตัดกับซอสหัวหอมเปรี้ยวอมหวาน ฟินอย่าบอกใคร

เริ่มด้วยพิซซ่าโฮมเมด สลัดผักสด สเต็กปลาซอสหัวหอม ไข่พระอาทิตย์ ตามมาด้วยน้ำมะตูม น้ำมะม่วงหาวมะนาวโห่ 'Farm Dinner' ของเราในค่ำคืนนี้พร้อมแล้ว

มื้อเย็นเริ่มต้นขึ้นพร้อมกับเสียงเพลงเบาๆ ลมพัดเย็นๆ ผ่านมาไม่ขาดสาย แสงสุดท้ายค่อยๆ ลับขอบฟ้า อาหารรสชาติดีดี กับวงสนทนาเรื่องราวความเป็นมาของฟาร์มแห่งนี้ หรือใครจะมาทานมื้อเย็นกับคนสำคัญในวันสำคัญ บรรยากาศแบบนี้เราว่าสุดมาก ฟินจริงฟินจัง

"27องศา หลัง 2 ทุ่ม"

หลังเสร็จสิ้นจาก 'Farm Dinner' สุดชิว ทั้งเจ้าบ้านแลผู้มาเยือน ต่างช่วยกันเก็บข้าวของ โต๊ะเก้าอี้กลับเข้าที่ ก่อนจะแยกย้ายกันเข้าที่พัก เราได้รับคำแนะนำจากเจ้าบ้าน "ลองเปิดแอร์ที่ 27องศา ช่วงเวลาหลัง 2 ทุ่มดูนะ" ปกติเราจะเคยชินกับการเร่งแอร์ให้น้อยกว่า 20องศา ในโอกาสที่ไปพักค้างคืนนอกบ้าน แต่ที่นี่มันต่างออกไปจากที่พักอื่นๆ ที่เราเคยไปมา ช่วงเวลาหลัง 2 ทุ่ม บ้านดินเขาจะคายความร้อน ทำให้ภายในมีอากาศที่เย็นสบาย การปรับแอร์ที่ 27องศา เพียงพอต่อความสบายของเรา จนต้องเอาตัวซุกเข้าไปอยู่ในผ้าห่มหนาๆ กันเลย

"อาหารที่รู้ที่มา"

ค่ำคืนที่แสนสบายผ่านพ้นไปอย่างรวดเร็ว ถูกแทนที่ด้วยแสงแรกของวัน ความเย็นสบายภายในบ้านดิน ทำเอาเราไม่อยากลุกจากเตียงเลย แต่ก็ต้องเด้งตัวเองขึ้นมา เพราะเจ้าบ้านได้เตรียมอาหารไว้ให้เราตั้งแต่เช้ามืดแล้ว

เดินออกมาจากที่พัก ภายในสนามหญ้ามีเสื่อถูกปูเอาไว้ 'เกล้า' เอ่ยทักทายพร้อมกับสำรับอาหารเช้า มีขนมปังอบราดด้วยน้ำผึ้ง ไข่กระทะ น้ำชาอุ่นๆ น้ำมะม่วงหาวมะนาวโห่ ลมพัดเย็นๆ รับวิตามินซียามเช้า กับอาหารเช้าคลีนๆ

จริงๆ แล้วอาหารในฟาร์มแห่งนี้ รสชาติไม่ได้จัดจ้านเหมือนอาหารปกติในบ้านเรา รสชาติมันจะอ่อนลงกว่าปกติ แต่ถือเป็นอาหารที่อร่อยเลยนะ ได้รู้ด้วยว่าวัตถุดิบที่นำมาปรุงมาจากไหน สบายใจได้เลยว่าเป็นวัตถุดิบที่ดี ปลอดสารพิษแน่นอน มื้ออาหารสองมื้อนี้ ทำให้เรารู้สึกเอะใจ ว่าที่ผ่านมาเรากินอะไรอยู่ รสอาหารที่กินจัดมาก หวานมันเค็มครบสูตร หรือที่แท้จริงแล้ว เราควรกินรสชาติแบบไหนกัน...

'มัฟฟิน' หัวแก้วหัวแหวนของเจ้าบ้าน เช้าๆ น้องจะวิ่งออกมารับแสงแรก เราจึงเดินมาเล่นด้วย แต่น้องอาจจะดุหน่อย น้องยังไม่ค่อยคุ้นเคยกับคนสักเท่าไร น้องอาจจะดิ้นและมีขู่เล็กน้อยหากเราจะไปโดนตัวน้อง สีหน้าแววตาน้องอาจไม่ค่อยรับแขก น้องต้องใช้เวลาปรับตัวอีกหน่อย 555

เห็นไหมน้องดุมาก อย่าได้หลงกลเข้าไปทำความรู้จัก หรืออุ้มขึ้นมาเชียว แล้วจะหาว่าไม่เตือน

เล่นกับน้องจนฟินแล้ว เราจึงเดินเข้าไปในครัวเห็น 'เกล้า' กำลังทำอะไรสักอย่างในครัว "ครืนนนนน ครืนนนน" สิ้นเสียงเครื่องปั่น ก็มีน้ำผักผลไม้รวมมาให้เราได้ลองชิม 'เกล้า' บอกว่าเป็นเมนูที่อยากให้ลองชิม วัตถุดิบส่วนหนึ่งเป็นผักผลไม้ที่ปลูกขึ้นเองในฟาร์ม อีกส่วนหนึ่งก็เป็นผักผลไม้ ของเครือข่ายออแกนิคที่ปลูกเอง ได้ผลผลิตแล้วก็เอามาปันกันกิน 'เกล้า' สามารถอธิบายได้หมดว่ารสชาตินี้เป็นของอะไร เป็นส่วนผสมของอะไรกับอะไร สามารถบอกได้หมดว่าวัตถุดิบนี้มากจากแปลงปลูกแปลงไหน ได้มาจากฟาร์มไหน รู้ที่มาที่ไปของอาหารแบบนี้คนทำก็สบายใจ คนกินก็มั่นใจ ฟินฟินกันไป

แสงเช้ากับดอกหญ้าภายในฟาร์ม คู่ควรกับการถ่ายภาพเป็นอย่างมาก มีมุมน่ารักๆ ให้ได้ถ่ายภาพหลายมุมเลย

"พลาสติกไม่ใช่ผู้ร้าย"

แท้ที่จริงแล้วในชีวิตประจำวันของเรา ก็สามารถใช้พลาสติกได้ แต่เราต้องรู้จักและใช้มันให้เป็น เลือกใช้พลาสติกที่มันสามารถใช้ซ้ำๆ ได้หลายครั้ง หลีกเลี่ยงการใช้พลาสติกครั้งเดียวแล้วทิ้ง ตามปกติเราจะใช้ถุงพลาสติกใบนึงไม่เกิน 5 นาที แล้วก็ทิ้งมันไป แต่กระบวนการย่อยสลายมันใช้เวลาร่วม 500ปี จะเลือกใช้วิธีเผา มันก็จะกลายเป็นมลภาวะทำลายโลกมากขึ้นไปอีก

วิธีที่จะลดการใช้ถุงพลาสติกง่ายๆ คือการใช้กล่องพลาสติก ปิ่นโต ขวดน้ำ ถุงผ้า หลอดดูดสแตนเลส

หรือสิ่งที่สามารถนำมาใช้ซ้ำได้ มาใช้ซื้ออาหารและน้ำ หากอาหารหรือวัตถุดิบคิดราคาตามน้ำหนัก ก็แจ้งให้พ่อค้าแม่ค้าชั่งน้ำหนักกล่องเปล่าก่อน แล้วหักน้ำหนักกล่องออกจากน้ำหนักรวม ซื้อน้ำชากาแฟก็ใช้ขวดน้ำหรือแก้วน้ำลายเก๋ๆ หากต้องใช้หลอดก็เตรียมหลอดพลาสติกแบบเเข็งไป เลือกแบบเลือกสีได้เองด้วย

ถ้าต้องจ่ายตลาดซื้อผักผลไม้ ก็เตรียมถุงตาข่ายน้ำหนักเบาน่ารักๆ แบบนี้ไป หยิบของใส่ขึ้นชั่งรวมกันได้เลย ถ้าซื้อของในห้าง หลายๆ ห้างก็สามารถแปะป้ายราคาทับถุงตาข่ายนี้ได้เลยด้วย ซื้ออาหารพร้อมทานก็พกช้อนส้อมสแตนเลสไป ใส่ไปในกระเป๋าผ้าลายเก๋ๆ รวมกับหลอดสแตนเลสหลากหลายขนาด

ในส่วนของขยะที่สามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้จำพวก กระดาษ ลัง กระป๋อง ขวดพลาสติก หลังจากใช้งานแล้วจัดการล้างทำความสะอาด คัดแยกเก็บไว้รอส่งต่อเข้ากระบวนการนำไปใช้ใหม่

พลาสติกมีทั้งแบบที่สามารถนำไปใช้ใหม่ และไม่สามารถนำไปใช้ใหม่ได้ มันจะมีวิธีสังเกตแยกแยะอยู่ แต่มันอาจจะดูยุ่งยาก เพราะจุดสังเกตและความแตกต่างมีเพียงเล็กน้อย แต่เราก็มีทางออกสำหรับขยะเหล่านี้ ขยะพลาสติกจำพวกถุงพลาสติก ที่เราไม่สามารถหลีกเลี่ยงการใช้งานมันได้ เมื่อใช้เสร็จแล้วให้เราล้างทำความสะอาดแล้วตากให้แห้ง

เราจะนำขยะพลาสติกที่นำกลับไปใช้ใหม่ไม่ได้ เหล่านั้นมาทำ 'Eco brick' ง่ายๆ เลย แค่เตรียมขวดน้ำพลาสติกที่สะอาดและแห้ง แล้วนำเศษขยะพลาสติกมาอัดใส่ลงไปในขวด พยายามอัดให้เเน่นที่สุดเท่าที่จะทำได้ ปิดฝาขวดให้เรียบร้อย เพียงเท่านี้เราก็จัดการขยะพลาสติก เข้าสู่กระบบวนการนำกลับไปใช้ใหม่ ในรูปแบบของ 'Eco brick' มันจะทำหน้าที่แทนก้อนอิฐ ในการก่อสร้างได้ ทำ 'Eco brick' เสร็จแล้วไม่ต้องกลัวว่าจะไม่ได้เอาไปใช้ต่อ มีหลายองค์กรรับบริจาคเพื่อนำไปสร้างโรงเรียนให้น้องที่ห่างไกล

อีกหนึ่งวิธีที่เราจะสามารถลดการใช้พลาสติกได้ ด้วยการเปลี่ยน 'Plastic wrap' เป็น 'Beewaxs wrap' ที่ใช้ซ้ำและทำเองได้ ผ้าเคลือบขี้ผึ้ง ฮีโร่ชิ้นใหม่ที่จะมาช่วยเราห่อหุ้มอาหารทดแทนการใช้พลาสติกเเรป ไม่ว่าจะใช้ครอบปากภาชนะไว้แช่ตู้เย็นหรือพกเอาไปใช้เวลาซื้อขนมตามร้านได้

วิธีทำก็ไม่ยาก เริ่มที่การเอาขี้ผึ้ง 'Food grade' มาขูดให้เป็นฝอย แล้วโรยลงไปบนผ้าผืนสี่เหลี่ยมตามขนาดที่เราต้องการ ปิดด้วยกระดาษไขสำหรับเบเกอรี่ ที่เหลือก็ค่อยๆ เอาเตารีดทาบลงไปให้ทั่วจนขี้ผึ้งละลายไปทั่วผืนผ้า

เพียงเท่านี้ 'Beewaxs wrap' ก็เสร็จเรียบร้อยพร้อมใช้งาน ทำความสะอาดซักล้างได้เอากลับมาใช้ใหม่อีกหลายๆครั้งได้เลย ทำได้เองง่ายๆ เลย แถมสามารถเลือกลายผ้าที่ชอบได้เองด้วย

วันหยุดสุดสัปดาห์หรือในวันพิเศษๆ มาปล่อยให้ร่างได้พักแบบชิวๆ เสพบรรยากาศให้ธรรมชาติช่วยบำบัด ฟอกปอดให้เต็มที่ ลิ้มรสอาหารที่เขาปลูกเอง ปรุงเอง ชิมเอง อิ่มเอมใจด้วยการต้อนรับที่เเสนอบอุ่นจากกุ้งเเละเกล้า หันกลับมารักษ์โลกด้วยการใช้พลาสติกอย่างถูกวิธี หากได้ลองมาพักเเล้วจะหลงรักมาชิวโฮม...


Farm stay Mud house (บ้านดิน)

สิ่งที่มีให้ แอร์ พัดลม น้ำดื่ม แก้ว ผ้าปูที่นอน แชมพู สบู่ ผ้าเช็ดตัว ไดร์เป่าผม สำลี สำลีทำความสะอาดหู กระดาษชำระ ครัวกลาง ที่จอดรถ

ราคา 2,000บาท สำหรับ 2 ท่าน รวมอาหารเช้า ราคา 4,000บาท สำหรับ 4 ท่าน รวมอาหารเช้า

Farm stay Bird house (บ้านปูน)

สิ่งที่มีให้ แอร์ พัดลม น้ำดื่ม แก้ว ผ้าปูที่นอน แชมพู สบู่ผ้าเช็ดตัว ไดร์เป่าผม สำลี สำลีทำความสะอาดหู กระดาษชำระ ครัวกลาง ที่จอดรถ

ราคา 2,000บาท สำหรับ 2 ท่าน รวมอาหารเช้า

***หากไม่ทิ้งขยะใดๆ ที่ไม่สามารถย่อยสลายได้ 'Machill Home' ยินดีโอนเงินค่าทำความสะอาดคืนให้ 500บาท***


MaChill Farm Dinner

มื้ออาหารเย็นจากวัตถุดิบที่คัดสรรมาเป็นอย่างดี จากแปลงปลูกภายในฟาร์และเครือข่ายออแกนิค รับจำนวนจำกัดเพียงวันละ 2 โต๊ะ หรือ 4 ท่าน ต้องจองก่อนล่วงหน้า เจ้าบ้านจะได้เตรียมปริมาณอาหารได้เหมาะสม ไม่ให้เหลือทิ้งขว้างหรือเก็บค้าง จะได้วัตถุดิบที่สดใหม่ ไม่ต้องรอนาน เดินทางมาถึงฟาร์มก็จะมีโต๊ะสำหรับเรา และอาหารที่พร้อมเสริฟทันที

ราคา 799บาท สำหรับ 2 ท่าน

เพิ่มท่านละ 399บาท

***หากอาหารเหลือสามารถเอากล่องมาใส่อาหารกลับบ้านได้***


การเดินทาง

Machill Home ตั้งอยู่ในจังหวัดนครปฐม ห่างจากกรุงเทพฯ ราว 70 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทาง 1 ชั่วโมงนิดๆ ตามพิกัดนี้มาเลยจ้า 13.862810, 99.942831


ติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Machill Home


ติดตามการเดินทางแบบเราได้ที่ แค่อยากออกไป

แค่อยากออกไป

 วันพุธที่ 19 มิถุนายน พ.ศ. 2562 เวลา 16.56 น.

ความคิดเห็น