กางเต้นท์ริมทะเล นอนเซ ฟังเสียงคลื่นลำปาง ถูกจัดเป็นเมืองรองของการท่องเที่ยวที่น่าไป ไม่แพ้จังหวัดข้างเคียง

เดินทางจากตัวเมืองเชียงใหม่ก็ไม่ไกลเท่าไหร่

ลงเครื่องปุ๊บ เช่ารถ แวะกินอาหารเช้าแล้วไปโล้ดดดด

วันที่ 1 ลากกระเป๋าเข้าพักที่ แมมมอธ โฮสเทล

โฮลเทลสไตล์เก๋ๆ ในตัวเมืองลำปางที่เห็นเป็นต้องสะดุดตา


เปิดเข้าไป ผ่างงงงงง

ดูดี สวย ลงตัว

จุดทานอาหารเช้า เป็นอาหารง่ายๆกล้วย ขนมปังปิ้ง น้ำส้ม ไข่ดาว

บ่อน้ำกลางบ้านสมัยโบราณ ดูได้จากการรีโนเวทเป็นภาพก่อนที่จะมาเป็นโฮสเทล

ราคาก็ประมาณนี้


ชั้นบนเป็นที่พักของเรา


ชั้นล่างเป็นคาเฟ่




จัดร้านสวยมีสไตล์


สามารถลงมาทานอะไรเย็นๆ พอดับร้อนสักนิด



กินอิ่มแล้วไปต่อที่...


สะพานบุญวัดพระธาตุสันดอน หรือขัวแตะ

สะพานนี้ เชื่อมบริเวณบันไดนาคของวัดพระธาตุสันดอน
โดยผู้เฒ่าผู้แก่เล่าสืบต่อกันมาว่าสถานที่แห่งนี้เมื่อพระพุทธเจ้าเสด็จมาจากทางทิศใต้ ต่อมามียักษ์ตนหนึ่งที่หิวโหยมาขอตับของพระพุทธเจ้ากิน พระองค์จึงล้วงตับพระองค์ให้ แต่ยักษ์กินตับไม่ได้ เพราะร้อนและกลายเป็นหิน พระองค์จึงฝังตับไว้ที่นี่ เป็นธาตุ ให้ยักษ์รับศีลห้าแล้วมอบให้ยักษ์รักษาพระธาตุแห่งนี้ ไว้ตลอดห้าพันพระพรรษา จึงตั้งชื่อว่าพระธาตุตับตอน ซึ่งหินในบริเวณดังกล่าวจะมีสีดำคล้ายตับ และก็กลายชื่อเป็นวัดพระธาตุสันดอนในปัจจุบัน มีความเชื่อว่า วัดแห่งนี้เป็นวัดที่ฝังตับของพระพุทธเจ้า


สำหรับการมาเที่ยวสะพานแห่งนี้ให้ได้วิวและบรรยากาศที่สวยงาม แนะนำให้มาเที่ยวในช่วงฤดูทำนา ตั้งแต่เดือนกรกฎาคม – ตุลาคม จะได้เห็นวิวทุ่งนาเขียวขจี ตลอดสองทางเดิน

แต่หน้าร้อน ถึงแม่ไม่เห็นนาอันเขียวขจี

แต่ก็สวยในแบบฉบับของหน้าร้อน

สามารถแวะถ่ายรูปได้อย่างเพลิดเพลินเจริญใจ เพราะไม่มีใคร นอกจากเรา

สวย สงบ เย็น

แนะนำว่าควรมาช่วงเย็นๆ


มาลำปาง ห้ามพลาดเลยก็คือ ถนนคนเดินกองต้า

มาหาข้าวเย็น เดิน ชิม ช้อปกันดีกว่า


ถนนสายวัฒนธรรม ที่เต็มไปด้วยกลิ่นไอของศิลปะร่วมสมัย

มีทั้งของกิน อาหารพื้นเมือง สินค้า เสื้อผ้าท้องถิ่น และหอศิลป์ที่โชว์ผลงานศิลปะ


วันที่ 2 เช้าๆมาเดินตลาดหาของอร่อย ที่ตลาดเก๊าจาว



หรือตลาดรัตน์ ติดทางรถไฟ

แล้วที่ดีงามไปกว่านั้น คือติดกับโฮลเทลของเรา

เดินไปในซอยแป๊บเดียวก็ถึง

เดินตลาดสัมผัสวัฒนธรรมชาวบ้านแบบใกล้ชิด ของกินถูกมากกก อร่อยด้วย ประทับใจ

ไข่ป๋ามใครมาต้องลอง

เห็นวางขายที่ลำปางเนี่ยะแหละ

หอมไข่ย่างไฟกับใบตอง อร่อยดี

สายๆออกเดินทางต่อ

น้ำพุร้อนแจ้ซ้อน ไกลจากตัวเมืองลำปางพอตัวเลย

ใช้เวลาไปชั่วโมงครึ่ง


แวะทานข้าวเที่ยงที่นี่

กิจกรรมอีกอย่างที่มาแล้วต้องทำคือ ต้มไข่ในน้ำพุร้อน

เราจะได้ไข่ออนเซ็น ไข่จะมีลักษณะไข่แดงสุกไข่ขาวสุกไม่แข็ง



กินข้าวอิ่มแล้วสามารถไปเล่นน้ำตก

หรือจะไปแช่แอ่งน้ำอุ่น
ตั้งอยู่ติดกับบ่อน้ำพุร้อน เป็นทางบรรจบกันระหว่างน้ำตกกับน้ำพุร้อน

ก็สบายไปอีกแบบ


กลับจากน้ำพุร้อนมาเดิน สตรีทอาร์ต แถวๆตลาดกองต้า

ชมทิวทัศน์ของสะพานรัษฎาภิเศกยามเย็น



เดินเมื่อย เหนื่อยก็พัก


แล้วไปกินข้าวที่ร้านข้าวต้มป้าแข อร่อยทุกบาท

คือคนแน่นมาก แต่เสริฟเร็ว กับข้าวราคาตั้งแต่ 15 - 20 - 25 บาท

ชอบฟักแม้วหมูกรอบน้ำมันหอย กับหมูตุ๋นกระดูกอ่อน

กินเสร็จระหว่างรอย่อย

ปิดท้ายวันนี้ด้วย

วัดศรีชุม วัดเก่าแก่ของเมืองลำปาง เด่นเป็นสง่า ดูแปลกตา


ไปตอนพระท่านกำลังจะปิดประตูพอดี แต่ท่านก็ยังเมตตาให้เราเข้ามาชมความงามยามค่ำคืน

ถึงกับไปเอากุญแจมาไข เป็นไกด์เล่าเรื่องราวของวัดให้เราฟัง

ศิลปะพม่า สร้างด้วยไม้จากป่าฝั่งพม่าทั้งสิ้น มีความสวยงดงามเป็นอย่างมาก

มีพระบรมธาตุซึ่งเป็นพระบรมธาตุสีทองศิลปะแบบพม่าและมอญ ภายในบรรจุพระบรมสารีริกธาตุเป็นที่ เคารพสักการะ ของชาวเมืองลำปาง ภายในวิหารมีภาพจิตรกรรม ฝาผนังเรื่องพุทธประวัติและภาพจำลองแผนผังของวัด ส่วนหลังคาวิหารทำเป็นไม้เครื่องแกะสลักยอดแหลมสลัก
เป็นลวดลายสวยงามมาก


กลับมาพักแมมมอธโฮลเทลอีกสักคืน


วันที่ 3 ตื่นสายๆ ว่าจะกลับแล้วเชียว เรื่อยเปื่อยไปอีกก

สถานีรถไฟลำปาง



เหมือนมาถ่ายรูปย้อนเวลา ทุกอย่างดูไม่เก่า ไม่ใหม่ แต่เป็นไปแบบเนิบๆ

มิวเซียมลำปาง หลงไหลฟังเรื่องเมืองลำปาง

มีรูปแบบการนำเสนอที่น่าสนใจไม่น่าเบื่อเลย

เรียนรู้เรื่องราวความเป็นมาให้รู้จักกันมายิ่งขึ้น



ตกเย็นเปลี่ยนที่นอนบ้างละกัน

โรงแรมบีทู พักชั้นบนๆก็จะเห็นวิวมุมสูงของเมืองลำปาง

แต่งห้องสไตล์สลัว

แนะนำว่าจองผ่านแอพบุคกิ้งถูกกว่า


หาข้าวเย็นกินแถวๆตลาด ศาลหลักเมืองลำปาง

ของขายกันคึกคักประหนึ่งตลาดเช้า



วันที่ 4 ตื่นสายๆปิดท้ายข้าวเช้านี้ด้วย ติ่มซำคุณเบ็ญ

เป็นร้านที่เปิดในหมู่บ้าน แต่งร้านน่ารัก

เด็ดเลยคือขาหมู ข้าวเติมได้ไม่อั้นนนน


ได้เวลากลับแล้ว

ลำปาง เมืองที่ไม่หมุนตามเวลา มีความเก่าและใหม่ ได้กลิ่นไอของการใช้ชีวิตชนบท

เมืองที่อยู่ในหุบเขา ที่เราต้องไปสัมผัสสักครั้งแล้วจะหลงรัก

สำหรับเราแล้ว ยังดูค้างคา เหมือนจะต้องได้กลับไปอีกครั้ง


ติดตามรีวิวหน้า........เราจะไปซ่าต่อที่เชียงใหม่

https://www.facebook.com/%E0%B9%84%E0%B8%9B%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%A2%E0%B8%A7%E0%B8%81%E0%B8%B1%E0%B8%99-102702210356551/


  • รถเช่าขอไม่แนะนำละกันนะ เพราะไม่ประทับใจเท่าไหร่ สภาพรถค่อนข้างเก่า เช่าจากสนามบินเชียงใหม่ บอกใบ้ ขึ้นต้นด้วย M วันละแปดร้อยกว่าบาท รวม 3 วัน 2400
    ค่าน้ำมันรถอีกประมาณ 1000 บาท เหลือๆ
  • โรงแรมบีทู พักคืนละ หกร้อยกว่าบาท จองผ่านแอพบุ้คกิ้ง
  • แมมมอธ โอสเทล คืนละ 550 บาท อาหารเช้าสไตล์โฮสเทล
  • มิวเซียมลำปาง เข้าฟรี
  • อุทยานแห่งชาติแจ้ซ้อน ผู้ใหญ่คนละ 40 บาท รถยนต์คันละ 30 บาท
  • ร้านติ่มซำคุณเบ็ญทั้งหมดบนโต๊ะ ไม่เกินสามร้อย
  • ร้านข้าวต้มป้าแขหมดไปสองร้อยกว่าบาท
  • ส่วนมื้ออื่นๆ ก็กินร้านอาหารตามสั่งธรรมดา ไม่เกินมื้อละร้อย
    ของฝาก ก็ตามแต่สะดวกเลยจ้า
  • สามคืนสี่วัน 6000 เอาอยู่ ไม่รวมค่าเครื่องบินจ้าาา แพงค่าเช่ารถไปหน่อย แต่ถ้าใครขับรถมาเอง
    สามพันก็น่าจะเหลือๆนะ


    กว่าจะถึงภูเก็ต ตามล่าหาติ่มซำ ตอนที่ 1
  • กว่าจะถึงภูเก็ต ตามล่าหาติ่มซำ ตอนที่ 2

    กว่าจะถึงภูเก็ต ตามล่าหาติ่มซำ ตอนที่ 3

    เขื่อนขุนด่าน ลำตะคองนอนเต้นท์ เล่นน้ำตก

    กางเต้นท์กัน เขาสอยดาว

    พายคายัค วังบอน นอนเต้นท์ เล่นน้ำตก

    กาลครั้งหนึ่งนี้ ที่หัวหิน

    อิต่อง ปิล๊อก นอนหนาวที่ อช ทองผาภูมิ

    เติมความสุขอิ่มแปล้ ณ สะพานแพโฮมสเตย์

    ความงามฉบับไทยๆ เลเจ้นด์สยาม

    สัมผัสบรรยากาศความสุขที่ Hotel J Pattaya

    ที่เที่ยวฉบับลับๆ น้อยคนนักไม่มีคนไป

    ตลาดน้ำสามวัง กับเมืองเก่า ที่นี่พนัสนิคม

    กางเต้นท์ริมทะเลนอนเซฟังเสียงคลื่น

    ชมความงามตามแนวรถไฟฟ้า ตอนที่ 2



    แมวเหมียว ไปเที่ยวกัลลลล

     วันเสาร์ที่ 22 มิถุนายน พ.ศ. 2562 เวลา 20.38 น.

    ความคิดเห็น