มีใครเคยไปเที่ยวป่าหิมพานต์มั้ยครับ ? หา อะไรนะ? มาถึงก็เพ้อเจอเลยนะ นายพัก....สบาย เออ..ผมยังไม่ได้บ้านะครับ ที่ผมว่าดินแดนหิมพานต์นั้นมีอยู่จริงก็เพราะว่า โรงแรม Vana Belle แห่งนี้ถูกรังสรรให้เกิดขึ้นด้วยแรงบรรดาลใจมาจากดินแดนแห่งเทพนิยายนี่แหละ แล้วดินแดนในจินตนาการก็กลับมีชีวิตจริงขึ้นมา มาครับ มากับผม ผมจะพาเพื่อนๆไปเยือนดินแดนแห่งนี้ ดินแดนที่ถูกขนานนามว่า ป่าหิมพานต์



Vana Belle คืออะไร ใครรู้บ้าง Vana Belle ถือเป็นโรงแรมในเครือเดียวกับโรงแรม The Naka Island ครับ จะเรียกว่าเป็นโรงแรมพี่โรงแรมน้องกันก็ไม่ผิด ทั้งสองโรงแรมนี้จะอยู่ภายในใต้แบรนด์ A Luxury Collection Resort ซึ่งถือว่าเป็นหนึ่งในสามแบรนด์ Luxury สูงสุดของเครือ SPG ครับ




สำหรับผมแล้ว ถ้าจะให้พูดถึงวนาเบล ภาพที่ผมจำติดตาและไม่เคยลืมเลยคือหาดที่แสนงดงามเงียบสงบ และสวยไม่เป็นสองรองที่ไหนในสมุย




หาดนี้ชื่อว่า หาดเฉวงน้อย อยู่ไม่ห่างจากหาดเฉวงที่แสนวุ่นวาย สวยเหมือนหาดเฉวงแต่กลับเงียบสงบแบบคนล่ะขั้ว






แค่หาดสวยยังไม่พอครับ น้ำทะเลที่นี่ เรียกว่าสวยชวนกราบเลยทีเดียว ยิ่งวันฟ้าใสๆ อากาศดีๆ สะกดจิตสะกดใจให้เดินลงเป็นเล่นน้ำกันได้แบบไม่รู้ตัวเลยทีเดียว




หาดทรายค่อนข้างตื้นและลากยาวลงไปลึกมากกก ทำให้ทะเลบริเวณนี้เหมือน เป็นสระว่ายน้ำธรรมชาติขนาดใหญ่




ทะเลและชายหาดที่นี่ทำให้ผมแอบนึกถึง หมู่เกาะสิมิลัน เกาะตาชัย กันเลยทีเดียว ( แต่ทรายยังละเอียดสู้ไม่ได้นะ อิอิ) ใครชอบเล่นน้ำทะเลไม่น่าพลาดหาดนี้จริงๆครับ




เอาล่ะครับจากหาดทรายหน้ารีสอร์ทเราเดินเข้าไปเช็คอินที่โรงแรมกันดีกว่า




วนาเบล คือตัวแทนของป่าหิมพานต์ในตำนาน ถ้าใครนึกไม่ออกป่าหิมพานคืออะไร ให้เพื่อนๆนึกถึง Rivendell เมืองของเอลฟ์ใน Lord of the ring นั้นแหละครับ




ฟีลลิ่งของรีสอร์ทแห่งนี้จึงเหมือนตั้งอยู่ในป่า อันแสนลึกลับ ริมทะเลแสนสวย




เอาล่ะครับ เราไปที่ลอบบี้กันดีกว่า จะง่าไปแล้ว ลอบบี้ก็คือตัวแทนปราสาทจากป่าในจินตนาการแห่งนี้






ถ้าเป็นในหนังลอร์ดออฟเดอะริงค์ผู้พิทักษ์ป่าแห่งนี้ จะเป็นเอลฟ์หนุ่มรูปหล่อชวนหลงไหล ส่วนที่วนาเบล ผู้พิทักษ์ป่าคือสัตว์ในเทพนิยายครับ พญาหงส์ คือผู้พิทักษ์ตัวแทนจากสตรีเพศ




ส่วน กุญชรวารี คือผู้พิทักษ์ตัวแทนจากบุรุษครับ ช่วงที่เราพักอยู่ที่นี่ สัตว์เทพเหล่านี้จะคอยพิทักษ์เรานั้นเอง




ในส่วนของลอบบี้จะถูกแยกเป็นสองส่วน ส่วนแรกลอบบี้เช็คอิน




อีกส่วน คือ ลอบบี้เลาจน์ครับ เราไปดูลอบบี้เลาจน์กันดีกว่า




ลอบบี้เลาจน์ที่นี่ จะเป็นแบบโอเพ่นแอร์เปิดรับลมสี่ด้านเลยครับ ใครชอบแอร์ ชอบอะไรเย็นๆอาจไม่ปลื้มได้




ถึงจะร้อนไปหน่อย แต่ทดแทนกันด้วยวิวทะเลแสนงามแบบนี้ ขอบอก ฟินสุดๆจ้า




น่าจะตอบโจทย์คนชอบลมธรรมชาติ กับวิวทะเลงามๆได้ไม่ยากเลยยยย





ส่วนใครชอบอะไรที่เย็นสบายชื่นใจ แนะนำให้หลบมาสถิตอยู่ที่ ห้องสมุดแห่งนี้ (อยู่ในบริเวณลอบบี้นี่แหละครับ) วิวอาจไม่เท่าลอบบี้เลาจน์ แต่บรรยากาศในห้อง ฟินใช้ได้อยู่นะ ส่วนหน้าตาขอบลอบบี้เช็คอิน ขอผ่านนะครับ เพราะไม่ต่องจากลอบบี้เลาจน์สักเท่าไหร่




หลังจากเช็คอินกันแล้ว เราเอาเป๋าไปเก็บที่ห้องพักกันก่อนดีกว่าครับ ทุกห้องพักจะเป็นห้องที่มีสระว่ายน้ำในตัวหมดทุกห้องเลยนะครับ แต่ขนาดและวิวจะต่างกันไป มาครับเราไปสำรวจห้องที่ผมพักกันก่อน Grand Pool Suite




Grand Pool Suite ห้องพักระดับที่สามสี่ของที่นี่ พื้นที่ใช้สอยค่อนข้างกว้างขวางมากกก และที่สำคัญ สระยาวและวิวทะเลชัดๆเต็มๆ




ภายในห้องพักตกแต่งสไตล์เรียบง่าย เน้นกลิ่นอายวัฒนธรรมแบบไทยนิดๆ ใครชอบห้องพักพื้นไม้น่าจะชอบที่นี่ได้ไม่ยากอะไร




หลังเตียงนอนถูกแบ่งสัดส่วนเล็กๆให้เป็นห้องทำงานด้วยครับ




ห้องน้ำค่อนข้างกว้างขวาง แบ่งโซนเปียกและแห้งกันอย่างชัดเจน




ในห้องจะมีอ่างน้ำขนาดใหญ่สำหรับแช่สองคนอยู่ด้วยครับ




วิวจากอ่างอาบน้ำก็อลังการตามเรื่องตามราวไป




อเมนนิตี้ สำหรับห้องนี้ จะเป็นแบบซ้ายมือครับ ส่วนอเมนนิตี้ขวามือจากปันปุริ สำหรับแขกในห้องพักระดับสูงขึ้นไป




ภายในห้องพักจะมีเครื่องชงกาแฟ คุกกี้ และชาเกรด พรีเมี่ยมให้ด้วย อันนี้ฟรีครับ




ส่วนนี่คือเวลคัมดริ้งที่จัดเสริฟในห้องพักครับ มะพร้าวน้ำหอม กับข้าวเหนียวมะม่วง มะพร้าวน้ำหอมแช่มาเย็นๆชื่นใจมากขอบอก ส่วน ข้าวเหนียวมะม่วง ขอบอกว่า รสชาติทั่วไปมากกก (ดีใจนะที่ได้ขนมเวลคัมเป็น ข้าวเหนียวมะม่วง แต่รสชาติไม่ได้ชวนว้าวเลยจริงๆเถอะ)




ส่วนกิ๊ฟก่อนนอนจะเป็นขนมไทย พร้อมกับสบู่โฮมเมดสมุนไพร ก้อนที่อยู่ในภาพจะเป็นกลิ่นมะพร้าว กับกลิ่นดอกบัว




ปิดท้ายห้องพักที่สัตว์เทพผู้พิทักษ์ พญาหงส์ ที่คอยดูแลแขกในห้องนี้




ส่วนห้องพักระดับนี้ Beach Front Pool Villa ใครชอบใกล้ชิดหาด คงต้องพักห้องนี้กันล่ะ ขนาดห้องไม่ต่างอะไรกันมากนะครับ ที่ต่างไปคือวิว กับการวางเลย์เอาท์ห้องอีกแบบ เนื่องด้วยห้องใกล้ชิดทะเลมากกว่าราคาจึงสูงตามไปด้วย





และนี่คือห้องเริ่มต้นของที่นี่ Pool Suites ขนาดพื้นที่ห้องพักก็ไม่เล็กเลยนะครับ ขนาดห้องใกล้เคียงกับพูลวิลล่า แต่สระว่ายน้ำของห้องนี้อาจดูเล็กไปสักหน่อยเมื่อเทียบกับห้องอื่นๆ






ในโซนป่าที่พักอาศัยนี้ จะเป็นจุดที่ตั้งของสปาอยู่ด้วยครับ สปาที่นี่คงคอนเซ็ปของป่าหิมพานต์ไว้ เช่นเดิมห้องสปาทุกห้องจะถูกตั้งชื่อตามนางในวรรณคดี ส่วนทรี้ดเมนท์สปาก็จะเป็นทรี้ดเม้นท์ตามชื่อนางในวรรณดีเช่นกัน ยกตัวอย่างเช่น รจนาทรี้ดเม้นท์ บุษบาทรี้ดเม้นท์




ผลิตภัณฑ์ที่ใช้ที่ ผลิตภัณฑ์สปา แบรนด์ไทยแท้ เกรดพรี่เมี่ยม อย่าง ปันปุริ ครับ ทรี้ดเมนท์ที่ได้ลองมาคือการนวดอโรมา ถามว่านวดดีมั้ย ดีแน่นอนครับ สปาระดับนี้ แต่ที่ไม่เหมือนใครคือการนวดย้อนทางครับ คือเริ่มนวดจากการนอนหงายก่อนแล้วค่อยนวดย้อนไปนวดด้านหลัง




อาคารที่ติดกับตัวสปา จะมีฟิสเนสอยู่ด้วย การจะเข้าออฟิตเนสที่นี่ต้องใช้คีย์การ์ดเท่านั้นครับ




ส่วนใครไม่ปลื้มที่จะออกกำลังกาย มาเนียนที่ห้องนั่งเล่นของฟิตเนสก็ไม่เลวครับ ห้องนี้ชา กาแฟ และขนมฟรีทั้งวัน วันที่ผมไปลุยมา มีคุกกี้มะพร้าว ให้ชิมด้วย อร่อยมากกกก




กิจกรรมส่วนกลางแจ้งในจุดอื่นๆ ที่สำคัญคือที่นี่ครับ สระว่ายน้ำส่วนกลาง



ป.ล.ใจอยากจะเรียกสระนี้ว่าสระอโนดาต เพื่อให้เข้ากับคอนเซ็ปป่าหิมพานต์




ในความรู้สึกผม ผมว่ามันราบเรียบไปหน่อยด้วยดีไซด์ และสีสระก็เป็นสีที่ผมรู้สึกแปลกๆด้วย




ดูไม่ค่อยเข้ากับธรรมชาติสักเท่าไหร่ เชื่อว่าการออกแบบคงอยากให้ใกล้ชิดรรมชาตินะ




แต่หลังจากได้ใช้บริการแล้ว ไม่มีปัญหาใดๆเลยครับ สระดี กว้าง น้ำไม่ขุ่น และวิวสวยครับ






ช่วงกลางคืนพื้นสระว่ายน้ำจะเป็นดาวใต้น้ำครับ โรแมนติกดีนะ ผมชอบ





ส่วนด้านหลังของเมนพูลจะมีสระที่ชื่อ สระแห่งความลับซ่อนอยู่ ทำมั้ยถึงชื่อนี้ต้องมาพิสูจน์กันเองครับ ผมเองก็ยังไม่ได้พิสูจน์




จุดนี้จะเป็นอีกจุดที่เป็นที่เป็นที่นิยมสำหรับ โรแมนติกดินเนอร์ หรือไพรเวทดินเนอร์ครับ




เอาล่ะครับ ผมพาเดินมาชมสถานที่ก็นานล่ะ มีใครหิวหรือยางงงงง มาครับเรามาพูดเรื่องอาหารกันบ้างดีกว่า



พนาลี (ป่า) คือห้องอาหารบรรยากาศป่าเขาริมหาด บรรยากาศโอเพ่นแอร์ จะเปิดทั้งแต่มื้อเที่ยงไปจนถึงมื้อค่ำ อาหารที่เสริฟจากห้องอาหารนี้ จะเป็นอาหารอิตตาเลี่ยนเป็นหลัก




ไปครับ เราไปชมบรรยากาศห้องอาหารกันดีกว่า ผมขอไม่อธิบายบรรยากาศอะไรมากครับ เพราะรูปมันน่าจะอธิบายทุกอย่างไปหมดแล้ว







เรามาดูอาหารกันบ้าง ผมขอไม่วิจารณ์รสชาติอาหารนะครับ เพราะผมเป็นคนไม่ค่อยถูกจริตกับอาหารแดนสปาเก็ตตี้สักเท่าไหร่ บอกตรงๆ ผมกินที่ไหนรสก็เหมือนกันหมด แยกไม่ค่อยออก ไม่เหมือนอาหารไทย T__T



วัตถุดิบ ใช้ของเกรดพรีเมี่ยมเลยครับ ใช้ของคุณภาพดีทีเดียว


การจัดจาน ผมว่าโอเลยครับ ผ่านฉลุย


รสชาติอาหาร เอ้!!!! ก็บอกว่าไม่วิจารณ์ ยังจะมาถามอีก 555555


ราคา ก็พอตัวเลยครับ ไม่ได้เรียกว่าแพงจนจับไม่ได้ แต่ก็ไม่ได้ถูกจนต้องแห่ซื้อ พิซซ่าคือเมนูที่จับต้องได้แบบไม่ต้องคิดมากครับ




เรามาดูบรรยากาศกลางวันกันบ้าง ถึงจะร้อนไปสักนิดแต่งดงามมากครับ ทานอาหารไปดูวิวแบบนี้ไป ขอกราบบบบบบ




ช่วงบ่ายๆทางโรงแรมมีเซ็ตอาฟเตอร์นูนทีแสนอลังการดาวล้านดวงมากกก เซ็ตนี้สำหรับ 2-4 คน ครับ




ส่วนอีกห้องอาหารชื่อห้องอาหาร คีรี (ขุนเขา) ห้องอาหารไทยแห่งนี้เป็นต้วแทนของถ้ำ คูหาในป่าพิมพานต์แห่งนี้ แต่ไม่ใช่ถ้ำคูหาบ้านๆนะครับถ้ำสไตล์วินเทจแสนอลังการ ชมบรรยากาศ กันก่อนครับ





มาถึงอาหารไทยขอจัดเต็มเรื่องวิจารณ์ครับ ของถนัด อิอิ



วัตถุดิบ ใช้ของเกรดพรีเมี่ยม สดมาก


การจัดจาน ผ่านฉลุย


รสชาติอาหาร รสอาจไม่ได้จัดจ้านสไตล์อาหารใต้ แต่อร่อยในสไตล์ตนไทยกินได้ ฝรั่งกินดี


ราคา ก็พอตัวเลยครับ สำหรับอาหารไทย ในเมืองไทย



เมนูแนะนำ ยำเงาะกุ้งสด รสเปรี้ยวอมหวาน เผ็ดนิดๆ เป็นอีกเมนูที่อร่อยแปลกไม่เคยชิมที่ไหน



ปูจ๋า รสชาติอาจจะไม่ได้โดดเด่นต่างจากที่อื่นมากนัก แต่การจัดจานนี่ ขอกราบบบบบ




ยำผักกูดกุ้งสด ติดรสหวานไปนิด รสจะคล้ายๆยำถั่วพรู มีส่วนผสมของกะทิด้วยโดยรวมโอเคเลยครับ กุ้งตัวใหญ่สดมากกกก



มัสมั่นเนื้อ รสกลางๆ ถ้าถามผม ผมว่าจานนี้ธรรมดาที่สุดในรสชาติ ไม่ใช่ไม่อร่อยนะครับ แต่ผมว่าธรรมดา ถึงแม่เนื้อในแกงจะใช้ของดีทีเดียว




ที่นี่เสริฟข้าวฟรีครับ เป็ยข้าวสามสี ข้าวหอมมะลิมันปู ข้าวขาวหอมะลิ และ ข้าวหอมมะลิหุงใบเตย




ส่วนของหวาน ขอกราบให้เชอเบทมะม่วงทีี่เสริฟมาพร้อมมะม่วงน้ำดอกไม้เปรี้ยวอมหวาน



ส่วนทับทิมกรอบกับบัวลอย ก็รสชาติดีนะครับ โดยรวมโอเค (แต่แอบชอบรสแบบบ้านๆมากกว่า 55555 )




เอาล่ะครับเรามาดูอาหารเช้ากันบ้าง ที่สุดของเรื่องอาหารผมยกให้อาหารเช้าที่นี่ครับ ผมของยกให้เป็นอันดับหนึ่งในใจเทียบกับที่เซนรีจีส(อาหารเช้าอันดับหนึ่งในใจผมตลอดกาล)เลยครับ




เช่นเคยลากมาดูบรรยากาศห้องอาหารกันก่อน เทียบกับช่วงกลางคืน ผมชอบบรรยากาศช่วงอาหารเช้ามากกว่าครับ ขาววิ้งวินเทจ ชวน กราบบบบบบ




นอกจากไลน์อาหารจะสวย อู่ฟู่ ของในไลน์ก็ยังดีมว้ากกกกกอีกต่างหาก ราคาจริงต่อหัวถ้ามากินต่างหากคนล่ะ 1400++ นะจ้าาาา




ไม่ขออธิบาย เดี๋ยวจะหาว่าขี้โม้ ชมรูปกันเอาเองครับ







ใครชอบขนมหวานมีกรี้ดดดดดแน่ๆ เพราะที่นี่จัดไลน์ ไฮที เก๋ๆให้ฟินกันไปแต่เช้า




เครื่องดื่มจัดเต็มไม่อั้น สารพัดสมูทตี้ น้ำผลไม้คั้นสด กาแฟร้อน เย็น และปั่น



ยังไม่พอครับ อาหารเช้าถ้าจะให้ไฮโซจริง ต้องมี แชมเปญ แต่ที่ไม่ไฮโซธรรมดา เพราะไฮโซขั้นสุด เสริฟพร้อมหอยนางรมฝรั่งเศส แบบไม่อั้นนนนน เอ้า!!! กราบบบบบบบบบบบ เถอะ




ความไฮโซยังไม่จบไม่สิ้น เพราะ อาหารจานหลัก เราสั่งเป็นจานๆ แบบไม่อั้นครับ



จานนี้สเต็กปลาครับ รสกลางๆไม่หนักมากกก เราอาจต้อปรุงเพิ่ม เพราะเป็นอาหารเช้าครับ เชฟน่าจะไม่อยากปรุงรสจัด




อันนี้ ฟรัวกรากับไข่คนครับ เมนูนี้ชวนกราบมากกก เพราะเล่นสับฟรัวกราลงไปคนกับไข่ด้วย ให้แบบไม่งกขอเลย กราบบบบบ




ไข่เจียวปู กับข้าวสวยร้อนๆ (ข้าวสวยไปตักในไลน์เองนะ) อาหารเช้าไฮโซแบบไทยๆ ไม่เคยเจอใครกล้าลงทุนขนาดนี้




เอ้กเบเนดิก ที่เสริฟมาพร้อมไข่ปลาแซลม่อน โว้ววววววววววววว ประทับใจมากกกกกกกกกก




ปิดท้ายอาหารเช้าที่เมนูนี้ วัฟเฟิลกับไอศครีมโฮมเมด วันที่ทานเป็น รสริชชอคโกแลต ขอบอกเลยครับว่ากราบบบบบบบบ อร่อยมากกกกกก อยากกินอีก




เมนูอาหารเช้าไม่ได้มีเท่านี้นะครับ แต่ผมกินไม่ไหวแล้ว มีปัญญากินมาได้เท่านี้เอง สารภาพ เป็นอาหารเช้าที่เดียวในชีวิต (ตอนนี้) ที่อยากกินอีก



สรุปปิดท้ายกันสักนิด



สำรับผมแล้วบอกตรงๆว่าครั้งแรกที่มาสัมผัสแบบอินสเป็ก ก็แค่รู้สึกว่าที่นี่สวยดีนะ แต่ก็ไม่ได้คิดอะไร จนวันนี้ได้มีโอกาสเข้าพักและได้สัมผัสที่นี่ดูแบบเต็มๆ จึงทำให้รู้ว่า ผมเคยมองที่นี่พลาดไปจริงๆ คำว่าลักซูรี่ มันไม่ได้ถูกลงรายละเอียดไว้ที่ ตัวสถานที่เท่านั้น แต่คำว่าลักซูรี่ มันอยู่ในทุกรายละเอียดเมื่อคุณเข้าพักต่างหาก แต่ที่ผมประทับใจมากที่สุดคงจะเป็นชายหาดที่สวย น้ำทะเลที่ใส ในแบบที่หลายๆโรงแรมที่ในสมุยไม่มีหาดแบบนี้แน่ๆ ถ้าคุณเลือกจะมาพักผ่อนกับสถานที่ดีๆ อาหารเช้าดีๆ บรรยากาศดีๆ ชายหาดดีๆ และทะเลๆดี คุณเลือกที่นี่ได้เลยครับ รับรองไม่ผิดหวัง

Chakhrit Paksabuy Chart

 วันเสาร์ที่ 25 เมษายน พ.ศ. 2558 เวลา 19.24 น.

ความคิดเห็น