ถ้าพูดถึงการขึ้นบอลลูน ตุรกีคงเป็นคำตอบแรกๆ ของทุกคน จากภาพมากมายที่เราเห็นผ่านทาง Facebook, Instagram หรือ ตาม social media ต่างๆ นี่ล่ะแรงบันดาลใจให้เราเดินทางมาที่นี่ Cappadocia, Turkey มาตามหาภาพบอลลูนนับร้อยๆ ลูกบนท้องฟ้า


การเดินทางไป Cappadocia

หลักๆ คงมี 2 วิธี ไม่นั่งเครื่องบินมา ก็นั่ง Night bus ซึ่งขึ้นอยู่กับความสะดวกและเมืองตั้งต้นของแต่ละคน โดยเราเลือกที่จะเดินทางออกจาก อิสตันบลู (Istanbul) โดยสายการบิน Turkish Airlines การจองล่วงหน้าประมาณ 2 เดือน ทำให้ค่าใช้จ่ายในส่วนนี้ประหยัดไปได้มากทีเดียว ค่าใช้จ่ายรวมน้ำหนักกระเป๋า 20 kg ราคาอยู่ที่ TRY200 หรือ 1,2xx บาท โดยมาลงที่สนามบิน Kayseri (ASR) สนามบินนี้เหมือนสนามบินต่างจัวหวัดบ้านเรา เล็กๆ แต่วิวหน้าสนามบินไม่เล็กเลย เราสามารถเห็นภูเขาหิมะ Mt. Erciyes ได้จากที่นี่เลย แต่เรามาถึงที่นี่ตอนห้าทุ่ม เห็นแต่ความมืดมิด แต่ขากลับเรากลับไฟลท์เช้า เลยมีโอกาสได้เห็นภูเขานี้ ไว้เราจะมาเล่าในตอนถัดไป

Cappadocia (แคปพาโดเชีย หรือ คัปปาโดเกีย คนตุรกีจะเรียกแบบแรก) มาจากภาษาเปอร์เซีย มีความหมายว่าดินแดนที่มีม้าแสนสวย (The Land of Beautiful Horses) ตั้งอยู่ในเขตอนาโตเลียตอนกลางของประเทศตุรกี แต่ถ้าเราหาชื่อจริงๆ บนแผนที่จะไม่เจอเพราะเป็นชื่อที่ใช้ในอดีต คนส่วนใหญ่จะพักที่เมือง Göreme (เกอเรเม) การเดินทางโดยเครื่องบินมี 2 สนามบินให้เลือกใช้บริการ คือ Kayseri Erkilet Airport (ASR) และ Nevşehir Kapadokya Airport (NAV) ส่วนการเดินทางไปยัง Göreme นั้น สามารถเช่ารถที่สนามบิน หรือติดต่อโรงแรมให้จัดหารถมารับได้ ซึ่งมีค่าบริการอยู่ประมาณ €10 ต่อคน หรือ แบบ Private car €60 ต่อ 4 คน

จองบอลลูนแต่เนิ่นๆ บริษัทดังๆ มักเต็มเร็ว

Hot air balloon ride / flight กิจกรรมสำคัญและเป็นหนึ่งสิ่งที่ห้ามพลาดของการเดินทางมาที่นี่ การขึ้นบอลลูนชมวิวธรรมชาติและเมืองจากมุมสูง บริษัท โดยเจ้าดังๆ ที่คนไทยนิยมคงเป็น Royal Balloon, Butterfly Balloons กับ Turkiye Balloons ซึ่งเราใจเย็นส่งเมลล์คุยตั้งแต่ 2 เดือนก่อนเดินทาง แต่ไม่คอนเฟิร์ม พออีก 1 เดือนก่อนเดินทาง สอบถามไปใหม่เพื่อจะคอนเฟิร์ม ปรากฏว่า เต็มหมด! และด้วยโจทย์ของเราคือ บอลลูนแบบจำกัดจำนวนคนขึ้น ยิ่งทำให้หายากขึ้นไปอีก ต้อง google หาเจ้าที่ยังว่าง ลุ้นกันน่าดูเลย แต่สุดท้าย แต้มบุญเรายังพอมี! ไปเจอ Cappadocia Voyager Balloons ที่ยังว่างอยู่ รีบจองเสร็จสรรพทันทีเลย รอดตัวไป! (ได้ยินมาว่า บริษัทที่ให้บริการมีเป็นร้อยบริษัท ถ้าดูจากรูปที่ถ่ายมา จะเห็นชื่อบริษัทหลากหลายเลยบนบอลลูน)

ถ้าไม่อยากยุ่งยาก จองผ่านทางโรงแรมก็ได้ โรงแรมจะเสนอขายทัวร์มา ทั้งบอลลูนทัวร์ (Hor air balloon ride) กรีนทัวร์ (Green Tour)เรดทัวร์ (Red Tour)โดยส่งรายละเอียดมาให้ทางอีเมลล์หลังจากที่เราจองโรงแรมเรียบร้อยแล้ว

จองล่วงหน้า หรือ จะไปซื้อหน้างาน อันนี้แล้วแต่ความสะดวกเหมือนกัน แต่เราเลือกจองล่วงหน้าไปก่อนเพื่อความสบายใจ จะได้ไม่ต้องไปวุ่นวายเอาหน้างาน เราได้คุยกับคนไทยที่พักที่เดียวกันที่มาจองทัวร์หน้างานในตอนเช้า พอตกเย็นมาบอกว่าจองไม่ได้เพราะทัวร์บอลลูนเต็ม

ในเพคเกจของการขึ้นบอลลูน ส่วนใหญ่จะมีบริการ รถรับส่งจากโรงแรมที่พัก อาหารเช้า/คอฟฟี่เบรก แชมเปญ และ flight certificate โดยหลักๆ ราคาจะขึ้นอยู่กับจำนวนคนและระยะเวลาที่อยู่ข้างบน เช่น 12 คน หรือ 22 คน เวลา 1 ชั่วโมง หรือ 1ชั่วโมงครึ่ง ซึ่งแต่ละเจ้าราคาไม่เท่ากัน ขอเอาเจ้า Butterfly Balloon มาให้ดู ราคาแบบ Butterfly Flight ขึ้นได้ 16 คน อยู่ประมาณ €190 ส่วน Butterfly Beyond ขึ้นได้ 12 คน ราคา €270 ซึ่งแต่ละเจ้าราคาไม่เท่ากัน ของบริษัทที่เราจองแจ้งมาในอีเมลล์ว่า ถ้าเรายกเลิกล่วงหน้า 2 วัน จะโดนตัดเงินเต็มจำนวน อ่านเงื่อนไขกันดีๆ นะ แต่จริงๆ แล้วคงไม่มีใครอยากยกเลิกหรอกจริงมั้ย?

การจ่ายเงินเลือกได้ว่าจะจ่ายด้วยเงินสกุลไหน TRY, USD, EUR และถ้าเราจ่ายด้วยเงินสด ราคาจะลดลงไปอีก ของเราจ่ายด้วยเงินยูโร ได้ลดลงไปอีก €10

เราคิดว่าไหนๆ จะขึ้นทั้งทีแล้ว ก็อยากจะมีรูปสวยๆ บนนั้น ยอมจ่ายแพงอีกนิดเพื่อเอาบอลลูนแบบ 12 คน จะได้ถ่ายรูปได้ง่ายขึ้นไม่ต้องเบียดเสียดแย่งกันถ่ายรูป การจองนั้นทางบริษัทจะส่ง Online form มาให้กรอก พร้อมให้ใส่บัตรเครดิตเพื่อรับประกัน ถ้าเรามีการยกเลิกแบบกระทันบริษัทจะตัดเงินเราเต็มจำนวน แต่การจ่ายเงินจริงๆ เราจะไปจ่ายที่หน้างานเท่านั้น

ราคานี้เป็นราคาช่วงเดือนเมษายน 2019 อาจจะมีเปลี่ยนแปลง ให้ลองสอบถามโดยตรงจากบริษัทนะ

ไปขึ้นบอลลูนกันเถอะ!

เมื่อเรามาถึงที่เมืองนี้ Check in และรู้เลขห้องแล้ว เราต้องบอกไปทางบริษัทบอลลูน เพื่อที่เวลาเค้ามารับ เค้าจะได้แจ้งโรงแรมได้ถูก ตี 4 เป็นเวลานัดของเรา เช้านี้ต้องบอกเลยว่าหนาวมาก อุณหภูมิอยู่เลขตัวเดียว เราไปซุกตัวกันที่ล็อบบี้เพื่อรอรถมารับ ต้องบอกว่าเราค่อนข้างจะกลัว ไม่ได้กลัวที่จะขึ้นบอลลูนนะ แต่กลัวว่าบอลลูนจะไม่ได้ขึ้น หลายๆคนคงเคยได้ยินข่าวมาแล้ว ถ้าสภาพอากาศไม่ดี จะไม่มีบอลลูนไหนได้ขึ้นทั้งนั้น ทั้งนี้เพื่อความปลอดภัยของเราเอง บางคนไปรอที่บอลลูนแล้วยังไม่ได้ขึ้นก็มี สักพักพนักงานของบริษัทบอลลูนก็เดินมาตามเราที่ล็อบบี้เพื่อพาไปยังรถตู้เบนซ์ จากนั้นก็วนไปรับนักท่องเที่ยวอื่นๆ เมื่อครบแล้วก็พาเราไปออฟฟิศเพื่อรับประทานอาหารเช้า บางทีอาจจะเรียกชุดคอฟฟี่เบรกก็ได้ เพราะบริการที่มีเป็นขนม กาแฟ ชาร้อน หรือขนมปังอบแบบดั้งเดิม ผลไม้ ทานไปได้สักพักพนักงานก็จะตรวจสอบชื่อและให้ชำระเงินค่าบอลลูน แล้วให้ไปขึ้นรถเพื่อไปยังบอลลูน รถคันไหนพร้อมก่อนก็ออกไปก่อน

พอไปถึง บอลลูนได้ถูกเตรียมในระดับนึงแล้ว ถ้าอยากจะถ่ายรูปช่วงที่เค้าเตรียมบอลลูนกันอยู่ก็ต้องรีบหน่อย เพราะถ้าเค้าพร้อม แล้วได้สัญญาณองค์การการบินพลเรือนให้ขึ้นได้เค้าจะขึ้นเลย ถึงตอนนี้เราก็ยังลุ้นอยู่นะ แต่สุดท้ายเราก็ได้ขึ้นบอลลูนจนได้ ก่อนหน้านี้เกือบสัปดาห์แล้วที่สภาพอากาศไม่ดี บอลลูนไม่ได้ขึ้นเลย

เมื่อขึ้นไปบนบอลลูนแล้ว กัปตันของเราก็จะเริ่มแนะนำตัว และอธิบายเรื่องความปลอดภัยต่างๆ โดยเฉพาะวิธีการลงพื้น (ซึ่งเวลาลงจริงๆ ก็ไม่ได้ทำ 55) ทุกอย่างพร้อมแล้ว ลอยขึ้นท้องฟ้ากันเลย!



จากบนฟ้า วิวทั้งสวยทั้งแปลกตา

บอลลูนค่อยๆ ลอยขึ้นอย่างช้าๆ ภูเขาที่สูงใหญ่ที่เคยมองจากด้านล่าง หน้าผาที่เคยลึกเมื่อมองจากด้านบน ค่อยๆ เล็กลงจนดูไม่ออกว่าสิ่งเหล่านั้นเคยใหญ่ หรือลึกขนาดไหน บอลลูนลอยขึ้นไปเรื่อยๆ จนถึงจุดหนึ่ง กัปตันบังคับให้บอลลูนค่อยๆ หมุนไปรอบๆ เพื่อให้ทุกคนสามารถมองวิวได้ครบด้าน จากนั้นกัปตันพาเราลอยลงไปอยู่เหนือภูเขาห่างแค่ไม่คืบ แล้วพาเราลอยขึ้นไปอีก สลับการแบบนี้อยู่หลายรอบ

เมื่อเราอยู่ด้านบนนั้น ถามว่าน่ากลัวมั้ย ต้องบอกเลยว่าไม่น่ากลัว ทุกคนรวมถึงเราด้วยต่างง่วนกับการถ่ายรูปวิวบอลลูนที่ลอยอยู่เหนือยอดเขาเแหลมๆ บ้าง วิวบอลลูนลอยอยู่เหนือเมืองบ้าง จะมีบ้างที่เวลามองไปด้านล่างแล้วรู้สึกขาสั่น แต่ลองมองไปไกลๆ ความกลัวนั้นก็จะหายไป

วิวตรงหน้ามันสวยจริงๆ บอลลูนนับร้อยลอยขึ้นลอยลง ลอยอยู่รอบเราทุกๆด้าน ความรู้สึกกลัวที่เคยมีตอนนี้ไม่หลงเหลือแล้ว ตอนนี้ทริปในฝันได้เป็นจริงแล้ว


บอลลูนถึงพื้น ต้องฉลองด้วยแชมเปญ!

ชั่วโมงครึ่งผ่านไปไวเหลือเกิน กัปตันค่อยๆพาเราลงร่อนลงแท่นวางบอลลูนที่ท้ายพ่วงของรถกระบะอย่างแม่นยำ และเป็นธรรมเนียมปฏิบัติ เมื่อบอลลูนร่อนลงพื้นอย่างปลอดภัย ต้องมีการเปิดแชมเปญฉลอง พร้อมมอบประกาศนียบัตร แชมเปญถูกเปิดออกพร้อมเสียงเฮฮาจากผู้ร่วมทริปด้วยท่าทางของกัปตันที่แกล้งสาดแชมเปญไปหาผู้ร่วมทริป จากนั้นกัปตันค่อยๆ รินลงแก้วและแจกจ่ายไปยังทุกคน ส่วนบนโต๊ะที่วางแก้วแชมเปญ เราจะเห็นกล่องใส่ทิปวางอยู่ อันนี้ตามแต่ศรัทธา ถ้าถูกใจก็ให้กันไป จากนั้นทุกคนต่างแยกย้ายกันถ่ายรูปกันสักพักแล้วขึ้นรถกลับโรงแรม กลับไปพักผ่อนก่อนลุยเที่ยวในเกอเรอเมกันต่อ

การขึ้นบอลลูนในครั้งนี้ ต้องบอกว่าเป็นประสบการณ์ที่ดีมากๆ ที่ได้มาลองสักครั้งหนึ่งในชีวิต เพราะว่าโลกนี้ยังมีสิ่งสวยงามและยิ่งใหญ่เกินกว่าที่เราจะจินตนาการรออยู่อีกมากมาย เราไม่อยากเสียดายที่ไม่ได้ทำเมื่อมีโอกาส เพราะ “การเดินทาง คือ การใช้ชีวิต”

To move, to breathe, to fly, to float, To gain all while you give, To roam the roads of lands remote, To travel is to live. Hans Christian Andersen, The Fairy Tale of My Life: An Autobiography

Ekasit Thanapongthavewuthi

 วันอังคารที่ 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2562 เวลา 16.56 น.

ความคิดเห็น