>> ติดตามเรื่องราวการเดินทางเพิ่มเติมได้ที่ Facebook เพจสวัสดีคนแปลกหน้า

https://www.facebook.com/hellostrangerpage/

>> IG : hellostrangerth

https://www.instagram.com/hellostrangerth
.
.

กำเงินหกพันเที่ยวฮอยอัน-ดานัง-บานาฮิลล์

นี่คือ รีวิวเที่ยวต่างประเทศ รีวิวแรกของเพจเลยก็ว่าได้ แอบตื่นเต้น นานๆ ทีจะได้บินไปเที่ยว เผลอกดชัตเตอร์เพลินจนเม็มกล้องเต็มกันเลยทีเดียว ทริปเวียดนามทริปนี้ เราใช้เวลา 3 คืน 4 วัน กับงบ 6 พันบาท มีทอน (ไม่รวมค่าตั๋วเครื่องบิน) กินสบาย นอนหรู เที่ยวแบบไม่ต้องกังวล เพราะค่าครองชีพที่เวียดนามไม่แพง เที่ยวแล้วกระเป๋าไม่ฉีกแน่นอนแถมได้รูปชิคๆ เก๋ๆ กลับบ้านไปลงโซเชียลได้เป็นเดือน

#แพลนตามรอย

DAY 1 : Hoi An Ancient Town / Hoi An Night Market

DAY 2 : Danang / Marble Mountain / Han Market / Lihn Ung Temple / My Khe Beach / Dragon Bridge / Marina DHC

DAY 3-4 : Bana Hills


#ค่าใช้จ่าย (ไม่รวมค่าตั๋วเครื่องบิน)

ค่าซิมการ์ด 180,000 VND : 240 บาท / คน

ค่า Shuttle Bus สนามบิน-ฮอยอัน 110,000 VND : 150 บาท / คน

ค่ารถเมล์ ฮอยอัน-Marble Mountain 20,000 VND : 26 บาท / คน

ค่ารถเมล์ Marble Mountain-Han Market 20,000 VND : 26 บาท / คน

ค่า Grab Car จาก Danang Cathedral-Lihn Ung Temple 148,000 VND - 200 บาท : 100 บาท / คน

ค่า Grab Car จาก Lihn Ung Temple-Dragon Bridge 141,000 VND - 190 บาท : 95 บาท / คน

ค่า Grab Car จาก Hotel – Bana Hills 305,000 VND – 400 บาท : 200 บาท / คน

ค่า Grab Car จาก Bana Hills – Danang Airport 301,000 VND – 400 บาท : 200 บาท / คน

ค่าที่พักวันแรก Cuong Thinh Homestay 330 บาท : 165 บาท / คน

ค่าที่พักวันที่สอง Danang Center 2 Hotel 288 บาท : 144 บาท / คน

ค่าที่พักวันที่สาม Mercure Danang French Village Bana Hills 3,618 บาท : 1,809 บาท / คน

ค่าขึ้น Cable Car Bana Hills 450,000 VND : 600 บาท / คน

ค่าเข้า Marble Mountain 40,000 VND : 55 บาท / คน

ค่าขึ้น-ลง ลิฟต์แก้วที่ Marble Mountain 30,000 VND : 40 บาท / คน

ค่ากินรวม 4 วัน + ค่าอื่นๆ ส่วนตัว : 2,100 บาท / คน

รวมค่าใช้จ่ายต่อคน : 5,950 บาท


ฝรั่งเศสอยู่ใกล้แค่เอื้อม บินตรงกับแอร์เอเชีย แค่ ชม. เดียว ก็ได้เที่ยวเพื่อนบ้านใกล้ๆ คูลๆ เหมือนอยู่ยุโรป แค่คิดก็ฟินแล้วใช่ไหมล่ะ

งั้นจะรอช้าทำไม...ชาร์จแบตให้เต็ม เตรียมพร็อพให้พร้อม แล้วจองตั๋วบินไปเที่ยวกันเลย


รีวิวฉบับเต็มเที่ยว Marble Mountain ประเทศเวียดนาม >> https://th.readme.me/p/25385

รีวิวฉบับเต็มเที่ยว เมืองฮอยอัน ประเทศเวียดนาม >> https://th.readme.me/p/27030


แลนด์มาร์ค ที่สุดของที่สุดในการมาเที่ยวที่บานาฮิลล์ นั่นก็คือ “The Golden Bridge” หรือที่ใครหลายคนเรียกว่า สะพานสีทองในอุ้งมือยักษ์ เป็นสะพานลอยฟ้าที่มีความโดดเด่นมากๆ เป็นอีกหนึ่งจุดชมวิว ที่สามารถมองเห็นบานาฮิลล์โดยรอบได้เช่นกัน


มาเวียดนามทั้งที ก็ต้องมานั่งกระเช้าลอยฟ้าสิ ถึงจะเรียกว่ามาถึง เพราะเวียดนามเขาได้ทุบสถิติ “ที่สุดในโลก” ลงกินเนสบุ๊คมาแล้ว

เป็นกระเช้าไฟฟ้าประเภทไม่มีการหยุดแวะ (แบบเคเบิลเดี่ยว) ยาวที่สุดในโลก 5,801 เมตร

เป็นกระเช้าไฟฟ้าประเภทไม่มีการหยุดแวะ (แบบเคเบิลเดี่ยว) ระยะจากฐานถึงยอด สูงที่สุดในโลก 1,368 เมตร

เป็นกระเช้าไฟฟ้าที่สายเคเบิลยาวที่สุดในโลก 11,587 เมตร

เป็นกระเช้าไฟฟ้าที่สายเคเบิลที่หนักที่สุดในโลก 141.24 ตัน


Bana Hills แต่เดิมเคยเป็นสถานตากอากาศ ตั้งแต่สมัยชาวฝรั่งเศสมาปกครองเวียดนาม แต่ตอนนี้ กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวสุดฮิตที่ไม่ว่าใครที่มาเวียดนาม ต่างก็ต้องมาเช็คอิน ที่นี่ครบครันทุกอย่าง ทั้งโรงแรม ร้านค้า ร้านอาหาร ห้องไวน์ คาเฟ่ ร้านกาแฟ สปา สวนสนุก สระว่ายน้ำ สวนดอกไม้ และวัดจีน


>> เกริ่นมาพอสมควร ถ้าพร้อมแล้ว...เรามาเที่ยวไปด้วยกันนะคะ : )

Day 1 : Hoi An

เราบินตรงด้วยสายการบินแอร์เอเชีย จากกรุงเทพ-ดานัง ใช้เวลาไม่นาน แค่ 1 ชั่วโมงนิดๆ มาถึงสนามบินดานัง เวลา 9 โมงพอดี ตรงเวลาเป๊ะ! ตอนนี้มีไฟลต์ที่บินตรงจากกรุงเทพและเชียงใหม่ สู่ดานัง เพิ่มรอบเป็น 3 เที่ยวบินต่อวัน แถมโหลดกระเป๋าฟรีอีก คุ้มมากกก


โดนใจสายเที่ยวที่ชอบความคุ้มค่า กับแพ็กสุดคุ้มพร้อมตั๋ว ในราคาประหยัด แค่จองที่ AirAsia.com หรือ จองผ่านแอพ ก็ได้บินสบายๆ พร้อมอาหารร้อนบนเครื่อง



ผ่านด่านตรวจมาก็เดินไปซื้อซิมการ์ด ซึ่งมีให้เลือกหลายร้านมาก แต่จากที่หาข้อมูลมา ราคาซิมน่าจะอยู่ที่ราวๆ 5 เหรียญ แต่เราโดนไป 8 เหรียญ หรือ 180,000 VND (จำใจซื้อเพราะทุกร้านราคาไม่มีต่ำกว่านี้แล้ว) เราได้ซิมของเครือข่าย Vinaphone‎ เป็นซิม 4G Hi Speed unlimited ใช้ได้ 7 วัน คุณภาพค่อนข้างโอเค สัญญาณดี


ออกมาจากสนามบิน หารถ Shuttle Bus ที่จองไว้ผ่าน Klook ก็เจอพนักงานยืนถือป้ายชื่อรออยู่แล้ว ราคา 110,000 VND ต่อคน (ประมาณ 150 บาท) รถมารับตรงเวลา 10 โมงเป๊ะ รถคันนี้มีคนแปลกหน้าชาวฮ่องกงกับชาวจีนร่วมทางไปด้วย เราสามารถบอกให้คนขับมาส่งที่ที่พักได้เลย

Note : จากสนามบินดานัง จะเดินทางต่อไปยังสถานที่ท่องเที่ยว มีวิธีที่สะดวกสบายก็คือ จองรถ Shuttle Bus แบบเรา ซึ่งรถจะมารับทุก ๆ ชั่วโมง ถ้าตกรถในช่วงเวลาที่จองไว้ สามารถบอกกับคนที่มารับ เพื่อขึ้นรถคันต่อไปได้ หรือวิธีที่ง่ายที่สุดคือเรียก Grab (เรทราคาที่ไปฮอยอันไม่ควรเกิน 300,000 VND)


จากสนามบินดานังมาที่ฮอยอัน ใช้เวลาครึ่งชั่วโมง และแล้วเราก็ถึงที่พักคืนแรก เราพักที่ Cuong Thinh Homestay เป็นโรงแรมเล็กๆ ราคาคืนละ 330 บาท (ไม่มีอาหารเช้า) เข้าไปเช็คอิน และเดินออกมาแค่ 10 นาที ก็พบกับแหล่งท่องเที่ยวย่านเมืองเก่าฮอยอัน มี Street Food เรียงรายอยู่ริมถนน ผู้คนนิยมนั่งกินอาหารข้างทางด้วยเก้าอี้ตัวเล็กๆ และสัญจรไปมาด้วยจักรยาน นี่คือเสน่ห์อีกอย่างหนึ่งของเมืองสีมัสตาร์ดแห่งนี้


บริเวณโดยรอบเต็มไปด้วยร้านค้าและอาคารเก่าแก่ นี่แหละ! เมืองมรดกโลกสีเหลืองมัสตาร์ด




มาถึงไฮไลท์ห้ามพลาด ที่ทุกคนต้องมากิน ไม่งั้นถือว่ามาไม่ถึงฮอยอัน นั่นก็คือ “น้ำดอกบัว” รสชาติอร่อยดี หวานๆ หอมๆ ราคาแก้วละ 12,000 VND (ประมาณ 18 บาท)


หน้าตาของเจ้าน้ำดอกบัว



สะพานญี่ปุ่น” อีกหนึ่งสถานที่สำคัญที่ผู้คนให้ความสนใจ และใกล้ๆ กับบริเวณนี้ยังมีพิพิธภัณฑ์ วัด บ้านเก่าแก่และจุดที่ให้เราได้ศึกษาประวัติศาสตร์ต่างๆ ของประเทศเวียดนาม ที่เปิดให้เข้าชมด้านใน แต่ต้องซื้อตั๋วในราคา 120,000 VND ถึงจะสามารถเที่ยวชมได้ทั้งหมด...ในครั้งนี้ เราแค่เดินชมและถ่ายรูปอยู่แค่ข้างนอก เดินเพลินๆ ลัดเลาะตามตรอกซอกซอย แค่นี้ก็ฟินแล้ว

รีวิวฉบับเต็มเที่ยว เมืองฮอยอัน ประเทศเวียดนาม >> https://th.readme.me/p/27030


บรรยากาศริมแม่น้ำทูโบน ในเมืองฮอยอันตอนเย็นๆ จะเต็มไปด้วยเรือและแสงไฟจากโคม สีสันสวยงาม หากใครที่ต้องการจะล่องเรือ ที่นี่เขาก็มีบริการ นั่งเรือชมวิวและวิถีชีวิตริมฝั่งน้ำด้วยนะคะ นอกจากนี้ในทุกๆ คืนที่พระจันทร์เต็มดวง จะมีเทศกาลลอยกระทงกระดาษ คนเยอะและมีการค้าขายกระทงกันอย่างคึกคัก



ยามค่ำคืนที่เมืองฮอยอัน หรือเมืองแห่งโคมไฟ จะเต็มไปด้วยแสงจากโคมไฟ ทั้งร้านค้า ร้านอาหาร หรือแม้กระทั่งคาเฟ่ ก็ประดับตกแต่งร้านด้วยโคมไฟ สีสันสวยงามมาก ข้างๆ ย่านเมืองเก่าจะมีตลาดกลางคืน หรือ Night Market เป็นถนนคนเดินที่มีอาหารและของฝาก ให้เราได้เลือกซื้อกันอย่างจุใจ



และแล้วก็ถึงช่วงเวลาที่เรารอคอย ฮ่าๆ ตลาดกลางคืนเต็มไปด้วย Street Food อาหารและของกินเพียบ เดินกินเพลินๆ ได้ตลอดแนวสองข้างทาง อาหารค่อนข้างหลากหลาย มีทั้งซีฟู้ด ก๋วยเตี๋ยว บาร์บีคิว แหนมเนือง น้ำผลไม้ปั่น ไปจนถึงของกินเล่นต่างๆ



แต่ที่เห็นเยอะมากๆ ก็คงจะเป็น Bahn My หรือขนมปังฝรั่งเศส ที่นำมาใส่เครื่องตรงกลาง อร่อยดี ราคาชิ้นละ 30,000 VND (ประมาณ 40 บาท) หนังท้องตึง หนังตาก็เริ่มหย่อน เราเดินเล่นอยู่ที่ Night Market จนดึก แล้วก็เดินกลับโรงแรม


DAY 2 : Danang


เราเดินทางออกจากฮอยอันแต่เช้า ด้วยรถเมล์ที่อยู่ไม่ไกลจากที่พัก สามารถเดินไปขึ้นรถที่อู่รถได้ เป็นรถเมล์สาย 1 ดานัง-ฮอยอัน เปิด Map และเดินตามไปเรื่อยๆ จากที่พัก Cuong Thinh Homestay ไปอู่รถเมล์ ใช้เวลา 20 นาที ราคา 20,000 VND ต่อคน (ประมาณ 26 บาท) เป้าหมายของเราในเช้าวันนี้คือ Marble Mountain



นั่งรถมาประมาณ 30 นาที กระเป๋ารถเมล์ก็สะกิดเราว่าถึงแล้ว ที่นี่ “Marble Mountain” เราต้องเดินเข้าไปในซอยอีกประมาณ 650 ม. เพื่อไปที่ช่องจำหน่ายตั๋ว ค่าเข้าคนละ 40,000 VND (ประมาณ 55 บาท) ค่าขึ้นลิฟต์แก้วเพื่อขึ้นไปด้านบนจุดชมวิวต่อเที่ยว ราคา 15,000 VND ขึ้น-ลง ก็ 30,000 VND (ประมาณ 40 บาท) หรือใครที่ไม่อยากเสียเงิน ที่นี่ก็มีบันได้ให้เดินขึ้น แต่ทางชันมากนะ เราแนะนำว่าขึ้นลิฟต์แก้วจะสะดวกและเร็วกว่า

เมื่อขึ้นมาถึงก็จะพบกับจุดชมวิวที่สามารถมองเห็นเมืองดานังได้แบบ 360 องศา ด้านบนภูเขามีถ้ำ เจดีย์เจ็ดชั้น วัด และศาลเจ้าศักดิ์สิทธิ์ให้เราได้กราบสักการะ ขอพรกันด้วย


ไฮไลท์อีกหนึ่งจุดเมื่อได้มา “Marble Mountain” นั่นก็คือ การได้เข้ามาอยู่ในถ้ำบนภูเขาสูง ด้านในเป็นที่ประดิษฐานของพระพุทธรูป ภายในถ้ำค่อนข้างสูงและมืด มีเพียงลำแสงที่ลอดผ่านรูเล็กๆ เข้ามาภายในถ้ำเท่านั้น เราใช้เวลาเที่ยวอยู่ที่นี่ถึง 3 ชั่วโมง และเดินทางต่อไปยังใจกลางเมืองดานัง

รีวิวฉบับเต็มเที่ยว Marble Mountain ประเทศเวียดนาม >> https://th.readme.me/p/25385



เดินออกมาจาก Marble Mountain มาขึ้นรถเมล์สายเดิม ด้านหน้าทางเข้าจะมีป้ายรถเมล์อยู่ ใช้เวลาเดินทางประมาณครึ่งชั่วโมง แล้วเราก็มาถึงใจกลางเมืองดานัง คืนนี้เรานอนที่ Danang Center 2 Hotel เป็นโรงแรมเล็กๆ ราคา 288 บาท (ไม่รวมอาหารเช้า) อยู่ใกล้ๆ กับ Dragon Bridge หรือสะพานมังกร แลนด์มาร์คอีกจุดหนึ่งที่ใครไม่ได้มา ถือว่ามาไม่ถึงดานัง



เช็คอิน เก็บกระเป๋าเข้าที่พัก แล้วเราก็ออกมาหาอะไรกินที่ Han Market เป็นตลาดค้าปลีกและขายส่งของที่ใหญ่มากๆ บรรยากาศคล้ายๆ กับสำเพ็งบ้านเรา



ภายในตลาด มีทั้งร้านขายของต่างๆ ของฝาก รวมไปถึงร้านอาหารราคาย่อมเยา แม่ค้าบางร้านที่พูดภาษาไทยได้ ก็พูดเชิญชวนนักท่องเที่ยวให้เข้ามาลองชิมในร้านของตัวเอง



มื้อกลางวัน เราฝากท้องที่ Han Market วิธีการเลือกอาหารคือ การจิ้มภาพจากเมนู และดูราคาประกอบการตัดสินใจ หน้าตาอาหารที่ได้แตกต่างจากในรูป 555 แต่รสชาติก็โอเค ข้าวหน้าไก่ พร้อมน้ำซุป จานละ 30,000 VND (ประมาณ 40 บาท) เฝอหมู ชามละ 20,000 VND (ประมาณ 27 บาท) ถูกมากกกก



ไม่ไกลจาก Han Market เราเปิด Map แล้วไปเดินเล่นกันต่อที่ โบสถ์คริสต์ดานัง (Danang Cathedral) ตั้งอยู่ใจกลางเมืองดานัง ความพิเศษของที่นี่คือ เป็นโบสถ์คริสต์สีชมพู ตัวอาคารเป็นสถาปัตยกรรมแบบโกธิค เปิดให้เข้าชมฟรี แต่วันที่เราไป เขามีจัดงานด้านในโบสถ์ จึงได้แต่ถ่ายรูปด้านนอกเท่านั้น



จากหน้าโบสถ์คริสต์ดานัง เราเรียก Grap ไปต่อที่วัดลินห์อึ๋ง (Linh Ung Temple) ซึ่งตั้งอยู่บนยอดเขาเหนือระดับน้ำทะเล 200 เมตร ห่างจากตัวเมืองดานัง 10 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางแค่ 20 นาที ราคา 148,000 VND (ประมาณ 200 บาท) สะดวกสบายมากๆ นั่งดูวิวข้างทางเพลินๆ แป๊บเดียวก็ถึงวัดแล้ว



วัดลินห์อึ๋ง (Linh Ung Temple) เป็นวัดที่มีรูปปั้นเจ้าแม่กวนอิมองค์ใหญ่ สีขาว มีความสูงถึง 67 เมตร หรือเทียบเท่าตึก 30 ชั้นประดิษฐานอยู่ด้านบนภูเขา ด้วยความที่เรานับถือเจ้าแม่กวนอิมอยู่แล้ว จึงไม่พลาดที่จะขึ้นมาสักการะขอพร



ด้านหน้าวัด นักท่องเที่ยวค่อนข้างเยอะ เราเลยเดินเข้ามาด้านในใกล้ๆ กับจุดชมวิว ทำให้ได้ภาพในมุม Private



จากด้านบน วัดลินห์อึ๋ง (Linh Ung Temple) สามารถมองเห็นวิวหาดหมีเคว (My Khy Beach) และดานังได้



ขากลับ เราเรียก Grab ให้มารับเช่นเคย มาไวมาก และราคาถูกกว่าตอนมานิดหน่อย 141,000 VND (ประมาณ 190 บาท) บรรยากาศยามเย็น ขณะที่เราเดินทางลงจากวัดลินห์อึ๋ง (Linh Ung Temple) พระอาทิตย์กำลังตกดินพอดี สวยงามมาก


เราให้ Grab Car มาส่งที่สะพานมังกร (Dragon Bridge) ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ประจำเมืองดานัง จากที่เราหาข้อมูลมา ที่สะพานแห่งนี้ จะเปิดให้ชมมังกรพ่นไฟเวลา 3 ทุ่ม ในวันเสาร์และอาทิตย์เท่านั้น เรารีบมาจับจองที่และตั้งกล้องถ่ายความสวยงามของแสงสีบนสะพาน และเมื่อถึงเวลา เจ้าหน้าที่ก็ปิดสะพาน ทุกพื้นที่เต็มไปด้วยผู้คนที่ตั้งตารอดู เราเองก็ตื่นเต้นไม่แพ้กัน มังกรเปลี่ยนสี พ่นน้ำและพ่นไฟได้ อยากแนะนำให้ทุกคนได้มาชมความสวยงามด้วยตัวเอง ถึงแม้จะดึกหน่อย แต่รับรองได้เลยว่า คุ้มค่ากับการรอแน่นอน



เดินเลยสะพานมังกรมานิดเดียว ริมทางเดินเลียบแม่น้ำฮาน (Han River) เราก็จะเจอกับ Marina DHC หรือ คาร์ฟดราก้อน (Ca Chep Hoa Rong) รูปปั้นคล้ายๆ กับเมอร์ไลอ้อนของสิงคโปร์




เราแวะเดินเล่นบริเวณตีนสะพานมังกร แถวๆ นี้ร้านอาหารจะเยอะมาก และก็มีตลาดนัดด้วย เป็นตลาดนัดคล้ายๆ กับตลาดกลางคืนที่ฮอยอัน มี Street Food เหมือนกัน แต่ราคาถูกกว่า และมีอาหารให้เลือกเยอะกว่า ทีเด็ดอยู่ตรงที่มีอาหารซีฟู๊ดสดๆ กุ้ง หอย ปู ปลา อยากกินอะไร จะย่าง จะเผา จะนึ่ง ก็สั่งได้ตามใจ ราคาเริ่มต้นที่ 60 บาท ถูกมาก



จบที่อาหารทะเล เราก็มาต่อที่ Street Food พวกของทานเล่น ขนม น้ำปั่น มีให้เลือกเพียบ สั่งแล้วก็มานั่งกินกัน ทั้งหมดนี้แค่ 100 บาท อิ่มและคุ้มสุดๆ ขากลับ เราเดินผ่านสะพานมังกรอีกครั้ง เพื่อไปกลับไปพักที่โรงแรม

DAY 3 : Bana Hills

เราออกเดินทางแต่เช้าไป Bana Hills ด้วย Grab Car ราคา 305,000 VND (ประมาณ 400 บาท) บานาฮิลล์ตั้งอยู่บนเนินเขาสูง ห่างจากดานังประมาณ 40 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณเกือบ 1 ชั่วโมง



เมื่อมาถึงที่โรงแรม พนักงานต้อนรับจะติดต่อให้รถกอล์ฟมารับ และพาเราไปที่เคาน์เตอร์ จากนั้นก็รับคีย์การ์ดห้อง และจ่ายเงินค่ากระเช้า (จ่ายครั้งเดียว รวมไปกลับและรวมค่าเข้าสวนสนุก) และก็ไปที่สถานี Cable Car ซึ่งเป็นสถานีเฉพาะของแขกที่เข้าพักโรงแรม (Toc Tien Station) ขึ้นตรงสู่หมู่บ้านฝรั่งเศสเพียงต่อเดียว ใช้เวลานั่งกระเช้า 20 นาที

Note : ราคาค่ากระเช้าจะแตกต่างกัน สำหรับคนที่มาพักที่เมอร์เคียว ราคาจะอยู่ที่ 450,000 VND (ประมาณ 600 บาท) ส่วนนักท่องเที่ยวทั่วไปที่มาเช้าเย็นกลับ จะราคา 700,000 VND (ประมาณ 930 บาท) และเด็ก 500,000 VND (ประมาณ 730 บาท)


บานาฮิลล์ คือดินแดนสไตล์ยุโรปยอดฮิต สำหรับคนที่มาดานัง ก็ไม่พลาดที่จะมาเช็คอินและขึ้นกระเช้าลอยฟ้าที่มีความยาวที่สุดในโลก โดยตลอดเส้นทาง เมื่อมองทะลุกระจกออกไป เราจะได้เห็นป่าไม้ ภูเขา น้ำตกและไอหมอกเป็นระยะๆ

กระเช้าที่นี่เปิดเวลา 07.30 - 21.00 น. มีทั้งหมด 3 สาย คือ สายของโรงแรมเมอร์เคียว (Toc Tien Station) ที่ขึ้นตรงไปยัง French Village (L’Indochine Station) สายหลัก (Hoi An Station) ที่พาไปแวะสวนดอกไม้ (Marseille Station) ก่อน และอีกหนึ่งสายคือ Dream Spring Station ที่จะไปแวะกลางทางที่ Ba Na Station


คืนนี้เรานอนหรูอยู่สบายที่ Mercure Danang French Village Bana Hills แต่ราคาห้องแอบแรงไปนิด เราจองได้คืนละ 3,618 บาท (รวมค่าภาษีและเซอร์วิส ชาร์จ) เป็นห้องนอนสองเตียงเดี่ยว รวมอาหารเช้าแบบบุฟเฟต์แล้ว



เวลาเช็คอินของโรงแรมที่นี่คือ บ่ายสองโมง เราเลยเอากระเป๋าไปฝาก แล้วออกไปเดินเล่น ถ่ายรูปรอบ ๆ ที่นี่กว้างมากและคนก็เยอะมาก อย่าลืมหยิบแผนที่กันด้วยนะคะ แผนที่มีหลายภาษามาก ทั้งไทย จีน เกาหลี และอังกฤษ



บานาฮิลล์ ถือได้ว่าเป็นดิสนีย์แลนด์ของเวียดนามเลยก็ว่าได้ พื้นที่บนภูเขาสูงถูกเนรมิตให้กลายเป็นสวนสนุก และเต็มไปด้วยสถาปัตยกรรมแบบฝรั่งเศส



ฝรั่งเศส อยู่ใกล้แค่เอื้อม เดินทางแค่ 1 ชั่วโมงนิดๆ ก็ได้สัมผัสกับกลิ่นไอของความเป็นยุโรป และบรรยากาศลมเย็นสบายบนยอดเขา ในอดีตที่นี่เคยเป็นที่พักผ่อนตากอากาศของชาวฝรั่งเศส ในยุคที่เวียดนามอยู่ภายใต้การปกครอง



บานาฮิลล์กว้างมากๆ เลยค่ะ เดินวันเดียวคงไม่หมด แนะนำว่า ใครที่พอจะมีเวลา อยากให้มานอนที่ Mercure Danang French Village Bana Hills สัก 1 คืนกำลังดี เพราะจะได้มีเวลาอย่างเต็มที่ในการเที่ยวและเดินถ่ายรูปแบบไม่เร่งรีบ แถมในช่วงที่นักท่องเที่ยวกลับไปแล้ว เรายังจะได้มุมถ่ายรูปสวยๆ แบบ Private อีกด้วย



ก้าวแรกที่เดินออกจาก Cable Car และเข้ามาที่หมู่บ้านฝรั่งเศส เราก็จะได้พบกับโบสถ์คริสต์ Saint Denis Church ตั้งเด่นอยู่ข้างหน้า



บรรยากาศภายในโบสถ์ Saint Denis Church



เดินชมหมู่บ้านฝรั่งเศสได้สักพัก เราก็ลงกระเช้าและต่อรถราง เพื่อจะไปเที่ยวสวยดอกไม้ D'Amour flower gaden โรงเก็บไวน์ Debay เก่าและ Linh Ung Pagoda



อีกโซนหนึ่งของบานาฮิลล์ มีจุดให้เราได้เที่ยวเยอะมาก ทั้งสวนดอกไม้ Le Jardin โรงเบียร์ บ้านไวน์ และมุมถ่ายรูปท่ามกลางกลิ่นไอสไตล์เมืองยุโรป



เดินเลยขึ้นไปอีกนิดนึง เราก็จะพบกับ Linh Ung Pagoda เป็นพระพุทธรูปองค์ใหญ่สีขาว สูงถึง 27 เมตร ประดิษฐานอยู่ด้านบนภูเขา เราแวะไหว้สักการะขอพร ข้างๆ ไม่ไกลนัก จะเป็นจุดชมวิว มองออกไปก็จะเห็นภูเขาและวิวโดยรอบ



แลนด์มาร์ค ที่สุดของที่สุดในการมาเที่ยวที่บานาฮิลล์ นั่นก็คือ “The Golden Bridge” หรือที่ใครหลายคนเรียกว่า สะพานสีทองในอุ้งมือยักษ์ เป็นสะพานลอยฟ้าที่มีความโดดเด่นมากๆ เป็นอีกหนึ่งจุดชมวิว ที่สามารถมองเห็นบานาฮิลล์โดยรอบได้เช่นกัน



เพื่อให้ได้มุมชิคๆ แล้วไม่มีคน เราแนะนำว่าให้มาถ่ายรูปตั้งแต่เช้า ไม่ก็เย็นไปเลย เพราะจะเป็นช่วงที่นักท่องเที่ยวน้อย

กลับมาที่โซนสวนสนุกกันบ้าง โซน Fantasy Park จะเป็นโซนเครื่องเล่นต่างๆ ใน Indoor มีทั้ง รถบัมพ์ม้าหมุน ตู้เกมโซนไดโนเสาร์จูราสสิก บ้านผีสิง โซน 4D / 5D และเครื่องเล่นอื่นๆ อีกเยอะมาก แนะนำว่าให้เผื่อเวลาในการต่อคิวด้วยนะคะ เพราะคนก็เยอะมากเช่นกัน



แต่ที่เป็นไฮไลท์และดึงดูดความสนใจเป็นพิเศษ นั่นก็คือ Tower Drop เราก็ไปเล่นอันนี้มา 1 รอบ สนุกดี เล่นแป๊บเดียวแต่ต่อแถวนานมาก 555 เราเก็บเครื่องเล่นภายในโซนนี้ครบทั้งหมด ยกเว้นตู้ที่หยอดเหรียญ ความรู้สึกบอกได้เลยว่า เหมือนกลับไปเป็นเด็กอีกครั้ง เล่นจนลืมอายุไปเลย ฮาๆ




มาต่อกันที่เครื่องเล่น outdoor กันบ้าง ที่เป็นไฮไลท์และห้ามพลาดเด็ดขาด นั่นก็คือ Alpine Coaster เป็นรถบังคับด้วยมือ 2 ข้าง วิ่งไปบนราง อันนี้สนุกมากๆ เราเล่นไป 3 รอบ



Alpine Coaster สามารถต่อแถวเล่นได้ 2 ทาง คือ ทางด้านหน้า Fantasy Park และข้างๆ ประตูทางลงกระเช้า Louvre Station ซึ่งตรงจุดนี้คนต่อแถวจะน้อยกว่า เครื่องเล่นเปิดตั้งแต่ 8.30 – 17.00 น. ช่วงก่อนจะสิ้นสุดราง จะมีกล้องบันทึกภาพระหว่างที่เราเล่น ใครที่สนใจจะซื้อภาพ ก็สามารถซื้อได้ในราคา 60,000 VND



ใครจะไปคิด ว่าบนบานาฮิลล์ ท่ามกลางความเป็นฝรั่งเศสแบบนี้ จะมีวัดจีนด้วย เราเดินเลยโซนโรงแรมไปอีกหน่อย ก็จะเจอกับบันได ขึ้นไปบนเขา เดินขึ้นไปเรื่อยๆ จะเจอกับโรงน้ำชา วัด ศาลเจ้า และจุดชมวิวที่แบบ 360 องศา



ส่วนใหญ่คนมักจะเที่ยวกันแต่ตรงหมู่บ้านฝรั่งเศส ทำให้บริเวณนี้คนค่อนข้างน้อย เราเลยถ่ายรูปและชมวิว รับลมเย็นๆ จนเพลิน Linh Tu Pagoda of the Holy Mountain Mother เป็นจุดที่ตั้งอยู่บนจุดสูงสุดของดานัง สูงกว่าระดับน้ำทะเลถึง 1,487 เมตร ตรงนี้เหมาะแก่การมาชมพระอาทิตย์ขึ้นและตก สามารถมองเห็นวิวเจดีย์ 9 ยอดสีขาวๆ ได้อย่างชัดเจน สวยงามมาก



เรากลับมาที่แถวๆ หมู่บ้านฝรั่งเศสอีกครั้ง เพื่อหามื้อเย็นทาน แต่ร้านอาหารที่นี่ปิดเร็วมากๆ มีไม่กี่ร้านที่ยังเปิดถึง 3 ทุ่ม


อาหารส่วนใหญ่ก็จะเป็นสไตล์ฝรั่งเศส เบอร์เกอร์เบคอน จานนี้จานใหญ่มาก ราคา 150,000 VND (ประมาณ 200 บาท) ถือว่าไม่แพง



ตอนเช้า กินอาหารบุฟเฟต์ที่โรงแรมจัดไว้ให้ ห้องอาหารเปิดตั้งแต่ 6.00 – 9.00 น. อาหารค่อนข้างหลากหลาย มีทั้งอาหารฝรั่ง ติ่มซำ ขนมปัง ไปจนถึง ข้าวต้ม และสลัดผัก ผลไม้ กินเสร็จแล้วไปเดินเล่นนิดหน่อย 10 โมง ก็ได้เวลาเช็คเอาท์พอดี แต่เรายังสามารถเที่ยวในบานาฮิลล์ได้นะคะ เอากระเป๋าไปฝากพนักงานไว้ แล้วเราก็ไปเล่นเครื่องเล่นต่อจนบ่ายโมง ถึงค่อยลงกระเช้ามาด้านล่าง เป็นอันว่าจบทริปของวันที่ 4

ขากลับเรานั่ง Grab Car เหมือนเดิม สะดวกสบาย ราคา 291,000 VND ค่ารถเข้าไปด้านในสนามบิน 10,000 VND รวมๆ ประมาณ 400 บาท


จบทริป 4 วัน 3 คืนไปแบบแฮปปี้มากๆ เลยค่ะ ก่อนหน้าที่จะมาก็กังวลเรื่องค่าใช้จ่าย กลัวโดนโกง กลัวหลง กลัวฝนตก กลัวสารพัดสิ่ง แต่พอได้มาถึงแล้ว มันไม่เป็นอย่างที่เราคิดไว้เลย เป็นทริปที่ถ่ายรูปสนุกมาก ได้วางแผนการเดินทางด้วยตัวเอง เที่ยวง่ายสบายๆ ด้วย Grab และที่สำคัญคือเที่ยวไม่แพง และใช้เวลาในการบินแค่ ชม. เดียว ลดเวลาเดินทาง ก็เพิ่มความสุขในการเที่ยวได้มากขึ้น

ทริปต่อไป เราจะไปเที่ยวที่ไหน ฝากติดตามกันด้วยนะคะ : )

#AirAsiaTravels

#ไปดานังไปกับแอร์เอเชีย

#เปิดโลกไม่ต้องไปไกลเที่ยวเพื่อนบ้านไงไม่ต้องรอ

#สวัสดีคนแปลกหน้า

#HelloStranger

สวัสดีคนแปลกหน้า

 วันเสาร์ที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2562 เวลา 19.18 น.

ความคิดเห็น