สวัสดีเพื่อนสมาชิกชาว Readme ที่เผลอหลงเข้ามาในกระทู้นี้ทุกท่าน ชีวิตมนุษย์เงินเดือนมีวันพักแค่เสาร์กับอาทิตย์ (บางท่านอาจได้พักวันเดียว หรือไม่ได้พักเลยก็มี) ผมและเพื่อนๆ รู้สึกเบื่อๆ การนอนพักอยู่ห้อง เลยหาเรื่องเที่ยวใกล้ๆ และสถานที่แห่งนั้นคือ “น้ำตกชันตาเถร” ซึ่งตั้งอยู่ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาเขียว-เขาชมพู่ อ. ศรีราชา จ. ชลบุรี



ก่อนที่จะออกเดินทางผมได้ศึกษาเส้นทางและหารูปภาพประกอบว่าจะคุ้มมั้ย ที่จะยกก้นจากที่นอนออกไปมือรัวลั่นชัตเตอร์ ก่อนจะหมดช่วงวันหยุด ซึ่งจากกระทู้ที่ได้อ่านๆ นั้นเห็นแล้วก็ไม่ค่อยจะอยากออกไปเท่าไหร่ รวมถึงข่าวดังเมื่อปี พ.ศ. 2559 ที่มีนักท่องเที่ยวเสียชีวิตจากน้ำป่าไหลหลากเฉียบพลันอีกด้วย แต่ด้วยเคยปรึกษากับ Admin ของ Facebook Page ชื่อดังว่า “กระเป๋าหนึ่งใบ” เขาแนะนำมาว่า “เห้ยยย มันก็สวยใช้ได้อยู่นาา” เลยตัดสินใจกับเพื่อนๆ ว่า ไป !! ไปถ่ายรูปกัน ^^

สนใจบทความท่องเที่ยวสนุกๆ จาก Page กระเป๋าหนึ่งใบ คลิ๊กเบาๆ ที่ Link ด้านล่างเลยจ้าา

facebook.com/Krapaoneungbai

วันนี้ผมจะพาทุกท่านมาพบกับกระทู้รีวิวเล็กๆ(เดี๋ยวจะบอกตอนท้ายของกระทู้ว่าทำไมมันถึงเป็นรีวิวเล็กๆ) สำหรับท่านใดที่อยากตามก็ขอให้ระมัดระวังเรื่องของฟ้าฝนหน่อยนะครับ

ว่าแล้วพวกเราก็ออกเดินทางตั้งแต่เช้าตรู่ ระหว่างทางมีฝนปรอยเล็กน้อย(เอาแล้วไง) แต่ไม่ถึงกับเป็นอุปสรรคต่อการเดินทาง ข้างทางสองข้างรายล้อมด้วยภูเขาที่มีปุยเมฆเกาะอยู่บนยอดเขา เห็นแล้วก็อยากจอดรถลงไปถ่าย แต่ด้วยความที่เราไปรถคนละคัน เลยหาเวลาหรือมุมสวยๆ แวะจอดข้างทางยากมาก เมื่อเดินทางถึงแล้วปรากฎว่าน้ำตกยังไม่เปิด เรามาก่อนเวลาเปิดไป 15 นาที เลยไปหาที่ชมวิว (บริเวณที่จอดรถด้านหน้าจะมีที่ชมวิวบริเวญอ่างเก็บนำ้บางพระ) นั่งกันอยู่สักพัก ก็มีเจ้าหมาน้อย คงจะเป็นหมาเจ้าถิ่น กระโดดเหยงๆ เข้ามาทักทาย



แต่หมาตัวนี้มันน่าสงสารอย่างหนึ่งคือ ขาหน้าหายไปข้างนึง พอเราเห็นมันว่ามาหาคน เล่นกับคน ทำตัวเหมือนปกติ เห็นภาพนั้นก็ชื่นใจไปอีกแบบ ถึงแม้ขาจะหายไปข้างนึง แต่ไม่ได้แปลว่าชีวิตจะดับสูญ (นอกเรื่องรีวิวแล้วววววว)

เวลาเลยช่วงกำหนดการเปิด (เปิด 08.00 น.) ประมาณ 10 นาทีก็มีเจ้าหน้าที่มาเปิดประตูจำหน่ายบัตร (ราคาท่านละ 20 บาท และรถจักรยานยนต์ราคาคันละ 10 บาท)



ขี่รถจักรยานยนต์เข้าไปได้สัก 500 เมตร ก็ถึงที่จอดรถหน้าทางเข้าน้ำตก มีแม่ค้ามาตั้งโต๊ะขายของกิน (มีอะไรบ้างผมไม่แน่ใจนะครับ ไม่ได้แวะเลย) แล้วก็เป็นทางลาดยางโทรมๆ ให้เดินต่อไปที่น้ำตก บรรยากาศทางลงถ้าเดินมาคนเดียวคงน่ากลัวไม่เบา ตอนที่ผมไปคนผ่านมาก็น้อย แต่ยังพอมีคนผ่านมาบ้าง (ช่วงสายๆ คนเริ่มไหลมาละครับ พวกผมไปคงเช้าเกินไป)



หลักกิโลฯ สภาพเก่าๆ พร้อมตะไคร่เกาะเต็มเสา ได้บรรยากาศแบบป่าดิบชื้นไปอีกแบบ



เห็นรูปนี้แล้วนึกงงขึ้นมา ถ้าไปตามหลักกิโลจะไปถึง ม. บูรพา มั้ย ???



ก่อนถึงน้ำตกเห็นต้นไม้ต้นนึงโผล่ขึ้นมาจากพื้นถนน อดใจไม่ได้ ต้องก้มลงไปถ่ายเก็บไว้หน่อย



เดินลงมาสักพัก ก็เจอธารน้ำเล็กๆ พร้อมป้ายบอกทางไปน้ำตก, น้ำตกชันตาเถร, หุบตาเถร และเนินตาเถร



แว๊บแรกที่เห็นป้าย บอกเลยครับว่าผมต้องพิชิตให้หมด ทั้งๆ ที่ใส่มาแค่รองเท้าแตะ ฮ่าๆ ว่าแล้วก็ไปลุยกันครับ

เส้นทางคือ “ไม่มีเส้นทาง” ใช่ครับ เดินสวนธารน้ำขึ้นไปเลย น้ำใสๆ ไหลผ่านดินละเอียดๆ ลักษณะคล้ายดินทราย



บรรยากาศระหว่างทางก็จะเจอมอส (มันคือมอสหรือเปล่าไม่แน่ใจ) เกาะตามก้อนหินรากไม้ตลอดทาง



เดินเข้ามาได้เพียง 20 เมตร ก็เริ่มได้ยินเสียงน้ำกระทบหินอยู่ไม่ไกลนัก ซึ่งมีป้ายเขียนบอกไว้ว่าน้ำตกชันตาเถรชั้นที่ 1 (โดยส่วนตัวผมไม่ได้ศึกษามาเลยว่ามันมีกี่ชั้น)



และแล้วเราก็มาถึงน้ำตกชั้นที่ 1 มีมุมให้ถ่ายเล่นเยอะพอสมควร



ระหว่างเก็บภาพไปสักพัก ผมได้ปรึกษากับเพื่อนที่ไปด้วยกันว่าอยากจะไปดูชั้นต่อๆ ไปมั้ย ? เพื่อนๆ ลงความเห็นว่า ไหนๆ ก็มาแล้ว ไปให้สุด !! ซึ่งทางเดินที่มีอยู่เริ่มไม่ปกติละ มีปีนหินก็อนใหญ่ๆ มือเริ่มเปื้อน กล้องเริ่มไปชนกับกิ่งไม้ และแล้วจังหว่ะกำลังปีนอยู่ พวกเราก็หันไปเจอกิ้งก่าตัวใหญ่มาก ปกติจะเห็นตัวเท่าประมาณนิ้วโป้ง แต่นี่เล่นตัวเท่าข้อมือผมเลยครับ ยาวประมาณฟุตเศษๆ ด้วยความตื่นเต้นก็รีบคว้ากล้องมาถ่ายกันโดยไม่ทันได้ปรับ Seting กล้องจากที่ถ่ายรูปน้ำตกมา ถ่ายไปรูปแรก วัดแสงไม่ดี ภาพเบลอ พอจะกดถ่ายอีกรูปมันดันวิ่งหนีไปซะละ TT เลยได้รูปแสงล้นๆ เบลอๆ มาฝาก



เราเดินต่อไปอีกไม่เท่าไหร่ก็เริ่มถอดใจ เนื่องจากทางเริ่มยากขึ้นเรื่อยๆ บางช่วงก็เจองูตัวเล็กเลื้อยผ่าน สัญญาณมือถือของทุกคนขึ้นว่า No Service ต้องมุดกิ่งไม้ เดินลุยพื้นเปียกๆ ด้วยรองเท้าแตะ พวกเราเลยตัดสินใจว่า “การที่จะได้ออกมาเที่ยวทั้งทีเนี่ย ถ้าไปไม่สุดมันก็เหมือนขาดอะไรไปอย่าง ปะ กลับ !!” คิดว่าไม่เสี่ยงดีกว่าครับ เราไม่ได้เตรียมตัวกันมาเดินป่าเต็มตัว แล้วไม่รู้ด้วยซ้ำว่าต้องเดินไปอีกไกลแค่ไหน (จากที่เคยอ่านบทความหนึ่งเขียนไว้ว่า หลังจากถึงชั้นที่ 4 ก็จะไม่มีทางเดินแล้ว) ระหว่างทางเดินกลับเลยขอเก็บบรรยากาศป่าดิบชื้นหน้าฝนมาฝาก



เบื้องหลัง



อย่างที่ได้กล่าวไปข้างต้นว่ารีวิวกระทู้นี้จะเป็นรีวิวเล็กๆ เพราะพวกเราไปกันแค่ชั้นแรกก็กลับแล้ว ^^ ยังไงถ้ามีโอกาส จะหาเวลากลับมาใหม่ พร้อมพาสมาชิกเข้าไปเที่ยวให้ได้เห็นกันว่าชั้นสุดท้ายของน้ำตกมันเป็นยังไง (ถ้าสามารถไปได้)

สำหรับวันนี้ขอลาไปก่อน ขอให้สนุกกับการท่องเที่ยวและถ่ายรูปอย่างมีความสุขนะครับ สวัสดีครับ

ปล. ใครมีข้อมูลหรือรูปภาพเพิ่มเติม รบกวนแบ่งปันได้ในคอมเม้นท์เลยนะครับ



Arnuphap Yaiphimai

 วันเสาร์ที่ 20 กรกฎาคม พ.ศ. 2562 เวลา 14.37 น.

ความคิดเห็น