การเดินทางไปกับม้วนฟิล์ม เป็นการเดินทางไปยังประเทศที่ติดกับเราแต่เรากับรู้จักเขาน้อยมาก นั่นคือ

"เมียนมาร์" หรือ พม่าที่เรารู้จักกันดี เรารู้จักพม่าผ่านประวัติศาสตร์ว่าเป็นศัตรู แต่วันนี้จะพาทำความรู้จักกับพม่า ในอีกมุมหนึ่ง

5 วัน 4 คืน กับ3เมือง
-พุกาม
-อินเล
-มัณฑะเลย์
การเดินทาง เครื่องจาก ดอนเมืองลงย่างกุ้ง จริงๆแล้วจะลงมัณฑะเลย์เลยจะสะดวกกว่า แต่ตอนนั้นตั๋วไปย่างกุ้งถูกกว่าเลยจองย่างกุ้งแล้วนั่งรถทัวร์มาพุกาม เที่ยวรอบพุกาม 1วัน ตกเย็นนั่งรถทัวร์เพื่อไปที่ทะเลสาบอินเล 1วัน ตอนเย็นนั่งรถมามัณฑะเลย์พักที่มัณฑะเลย์1คืนก่อนกลับไทย
บรรยายรวม
พม่าเป็นเมืองประวัติศาสตร์ที่ให้เราได้ตามรอยศึกษาเรียนรู้วิถีชีวิต ผู้คน เมืองที่สวยงามและมีอารยธรรมที่เก่าแก่ยาวนาน นอกจากนี้ศิลปะพม่าก็ยังเป็นต้นแบบของศิลปะไทยในหลายๆอย่าง ไม่ว่าจะเป็นวัดวาอารามต่างๆ ของไทยล้วนได้รับอิทธิพลจากศิลปะพม่า การเที่ยวครั้งนี้นอกจากจะดูวิถีชีวิตแล้วยังเที่ยวตามรอยประวัติศาสตร์ศิลปะพม่าด้วย
กล้อง Nikon f3 +50mm f1.4 ais
Film : Kodak colorplus200

บรรยากาศตลาดยองอู ตลาดเช้าที่ใหญ่ที่สุดในพุกาม ภาพนี้แสงรั่ว แต่ทำไมชอบก็ไม่รู้

ในตลาดนี้มีทุกสรรพสิ่งให้เลือกสรร ถ้าหากใครที่สนใจวิถีชีวิตของคนพุกามนั้นแนะนำให้มาตลาดก่อนเลยค่ะ แล้วจะได้เห็นมุมต่างๆมากมาย เห็นผู้คน วิถีชีวิต ที่พุกามเราสามารถเที่ยวรอบพุกามได้ด้วย e-bike ราคาไม่แพง ขี่ง่าย สะดวกมากๆค่ะ

พุกาม ได้รับการคัดเลือกจาก UNESCO เป็นเมืองมรดกโลก (world Heritage Site) ในปีนี้ ด้วยสถาปัตยกรรมที่สวยงามยิ่งใหญ่ และการจัดการทางวัฒนธรรมที่ดี ทำให้เมืองพุกามได้รับการอนุรักษ์

เจดีย์สัพพัญญู แปลว่าผู้รู้แจ้ง เป็นเจดีย์วิหารที่พัฒนาจากการสร้างอนันทเจดีย์ แบ่งออกเป็น4ชั้น
ชั้นแรก ให้ประชาชนเข้ากราบไหว้บูชา
ชั้น2 ที่อยู่พระสงฆ์
ชั้น3 ประดิษฐานพระพุทธรูปประธาน
ชั้น4 เก็บพระไตรปิฎก
นับว่าเป็นเจดีย์ที่สูงที่สุดในพุกาม

Ananta Pagoda
อนันทเจดีย์ แปลว่า ปัญญาที่ไม่สิ้นสุด เป็นการสร้างแบบเจดีย์วิหารแบบพุกาม วิหารผังเป็นเป็นสี่เหลี่ยวจัตุรัสมีมุขยื่นออกมาทั้งสี่ด้าน ตรงกลางวิหารเป็นเจดีย์ก่อตันเพื่อรับน้ำหนักของเจดีย์ วิหารมีซุ้มประตูโค้งมีประดับลวดลายที่เรียกว่า เคลค (clec) หรือฝักเพกาโดยเป็นเอกลักษณ์อันโดดเด่งของศิลปะพุกาม ที่ส่งผลต่อศิลปะล้านนาและสุโขทัย เช่นที่วัดป่าสัก อ.เชียงแสน จ.เชียวราย และวักเจดีย์เจ็ดแถว อ.ศรีสัชนาลัยจ.สุโขทัย
อนันทเจดีย์ ได้ชื่อว่า เพชรน้ำเอกแห่งพุทธศิลป์สกุลช่างพุกาม ที่มีการออกแบบและก่อสร้างลงตัว สมดุล และงดงามที่สุด
ภายในอาคาร4ทิศ จะมีพระพุทธรูปประจำทิศต่างๆ
-ทิศเหนือ พระกกุสันโธ พระพุทธรูปประทับยืนศิลปะพุกาม
-ทิศตะวันออก พระเจ้าโกนาคมนะ ของเดิงถูกไฟไหม้หมด ปัจจุบันสร้างใหม่เป็นศิลปะกองบอง
-ทิศใต้ พระกัสสปะ เป็นพระพุทธรูปประทับยืนเป็นศิลปะพุกามเดิม โดยความพิเศษของพระพุทธรูปองค์นี้คือ ถ้าเราอยู่ใกล้พระพักตร์จะบึ้ง ถ้าเราถอยออกไปพระพักตร์จะค่อยๆยิ้ม กล่าวว่าเป็นความอัจฉริยะของช่างในสมัยนั้นที่เล่นมุมมองตามทฤษฎีกินอากาศ
-ทิศตะวันตก พระโคตมะ พระพุทธรูปยืนสร้างใหม่ ศิลปะแบบกองบอง

สิ่งที่เป็น Highlight ของพุกามนอกจากการเข้าไปชมเจดีย์ต่างๆแล้ว ยังมีอีกหนึ่งสิ่งที่นักท่องเที่ยวต้องการชม การดูทะเลเจดีย์ในช่วงพระอาทิตย์ตก โดยเจดีย์ตอนนี้ปิดให้ขึ้นหลายที่ จะมีที่เด็กๆที่อยุ๋รอบๆแถวนั้นจะชักชวนและพาไป จ่าสยไป 4000 จ๊าด ไปนั่งรอตั้งแต่ ห้าโมงเย็น เพื่อรอดูพระอาทิตย์ตก แต่อย่าได้คาดหวังเพราะบางวันที่ฟ้าจะเปิด ถ้าเมฆมาก็จะไม่เห็นพระอาทิตย์ตก

ภาพนี้ถ่ายตอนนั่งรอพระอาทิตย์ตก นึกถึงละครไทยสมัยก่อน เรื่องรักเดียวของเจนจิรา(เก่ามาก 55)

และภาพนี้เป็นภาพที่เราถ่ายได้ ก่อนจะบอกลาพุกามในคืนนี้

ร่ำลาพุกาม แล้วเดินทางต่อไปยังเมืองที่ 2 นั่นคือ....

เมือง Nyaung shwe อ่านว่า ยอง ชเว ถ้าพูดชื่อนี้หลายคนคงไม่คุ้น แต่ถ้าบอกว่า

Inle lake ทุกคนจะร้องอ๋อขึ้นมาทันที ทำไมเราถึงต้องมาเมืองนี้ เมืองนี้มีสิ่งที่น่าสนใจมากๆคือ วิถีชีวิตของกลุ่มชาติพันธ์ุหนึ่งที่อาศัยอยุ่ในทะเลสาปอินเล แห่งนี้ นั่นคือ

ชาว Intha อินตา

ชนเผ่าแห่งสายน้ำ
ชาวอินตา (Intha) กลุ่มชาติพันธุ์แห่งทะเลสาบอินเล ที่ใช้ขาในการพายเรือและควบคุมเรือขณะที่มือใช้จับอุปกรณ์

ชาวอินตามีวิถีชีวิตที่น่าสนใจมากๆ การใช้ชีวิตบนผืนน้ำ และแนวคิดของการใช้ชีวิตของคนที่นี่ทำให้เราต้องมาหาพวกเขาที่

สวนผักลอยน้ำ ได้ชื่อว่าเป็นความฉลาดของชาวอินตาที่ไม่ได้อาศัยบนพื้นดิน แต่สามารถปลูกพืชได้ โดยการนำเอาวัชพืชที่ลอยอยู่ในน้ำมามัดแล้วตักเอาดินใต้ทำเลสาบขึ้นมาวางบนวัชพืช ทำให้สามารถปลูกพืชเอาไว้กินเป็นอาหารได้


กิจกรรมที่แนะนำคือการนั่งเรือดูวิถีชีวิตของชาวอินตา จะเห็นบ้านเรือนที่แปลกตา ยังคงมีความคลาสสิค แนะนำให้ซื้อทัวร์ให้ไปถึงหมู่บ้าน Indein หมู่บ้านเล็กๆที่น่ารักมากๆ


บ้านลอยน้ำที่ทะเลสาบอินเล

จุดสุดท้ายที่คนเรือจะขับพาเราไปคือ การรอดูพระอาทิตย์ตกในทะเลสาบอินเล แต่ฟ้าไม่เป็นใจให้เราเพราะฝนกำลังจะตกเราจึงต้องกลับขึ้นฝั่ง


เกสต์เฮ้าส์ของเราในเมือง มีความน่ารัก เป็นไม้ๆ เมืองนี้อะไรๆก็ดูคลาสสิค


แผงขายสับปะรด

เราเดินทางจากเมืองยองชเว เพื่อไปเมืองสุดท้ายของเราในทริปนี้คือ มัณฑะเลย์ เมืองหลวงเก่าของพม่า เมืองที่คนไทยมีความคุ้นเคยอยู่มาก

มินกาละบา...มัณฑะเลย์

การเที่ยวที่มัณฑะเลย์เราเช่ามอไซค์ แต่ไม่แนะนำเลยนะคะ ขี่ยากมากแนะนำให้เหมารถตุ๊กๆสะดวกกว่าค่ะ

เมืองที่เราจะไปเที่ยวที่แรกหลายคนคงไม่เคยได้ยินชื่อเมือง สะกาย เมืองสะกายเป็นเมืองหนึ่งที่อยู่ใกล้มัณฑะเลย์ เมืองนี้ความสำคัญเราจะไปตามรอยบรรพบุรุษชาวไทยสมัยเสียกรุงครั้งที่ 2 กันที่เมืองนี้


ภาพถ่ายบนสะพานข้ามแม่น้ำอิระวดี แม่น้ำที่เป็นเส้นเลือดใหญ่ของชาวพม่า ภาพเป็นฟิล์มหัวม้วนเลยออกมาได้แบบนี้ ฝั่งตรงข้ามคือเขาสะกาย มีเจดีย์สีทองอยู่มากมาย

วัดที่เราจะไปตามรอยบรรพบุรุษชื่อว่า วัดมหาเตนดอจี ภายในวัดจะมีภาพจิตรกรรมฝาผนังที่วาดโดยช่างฝีมือโยเดีย(ช่างไทย) เสียดายมากค่ะภาพที่ล้างออกมาไม่ได้ ขอแปะภาพจากโทรศัพท์ภาพนึงนะ


ภาพจิตรกรรมฝาผนังที่วัดมหาเตงดอจี ทั้งลายเส้น การใช้สี เทคนิคการวาด เป็นเครื่องยืนยันว่าภาพเขียนนี้เป็นภาพที่ช่างโยเดียเป็นคนวาดเอาไว้เป็นความรู้สึกที่บอกไม่ถูกที่ได้มาเห็น

หลังจากกลับจากวัดเราได่แวะไปเมืองใกล้ชื่อ อมรปุระ ที่มีสถานที่สำคัญคือ สะพานอูเบ็ง สะพานไม้สักที่ยสวที่สุดในโลก

สะพานอูเบ็งในอมรปุระ เป็นสะพานไม้สักที่ยาวที่สุดในโลก ข้ามทะเลสาบตองทามาน เป็นไม้สักที่รื้อจากพระราชวังที่อังวะ บรรยากาศยามเย็นลมพัดเย็นสบาย

บรรยากาศสะพานอูเบ็งยามเย็น

ข้ามไปอีกฝั่งของสะพานจะมีวัดที่ข้างในมีภาพเขียนจิตรกรรมฝีมือช่างชาวโยเดียอีกเช่นกัน


Kyauktawgyi pagoda วัดเจ๊ทตอจี เป็นวัดที่มีภาพเขียนจิตรกรรมฝาผนังฝีมือของเชลยโยเดีย (อยุธยา)ในช่วงเสียกรุงครั้งที่2 โดยในภาพบอกเล่าเรื่องราววิถีชีวิต ที่เกิดขึ้นที่นี่ มีเด็กเล่นกัน หนุ่มสาวจู๋จี๋กัน หลักฐานที่บ่งบอกว่านี่คือภาพจิตรกรรมฝีมือคนอยุธยาคือ ภาพเด็กที่มีผิวขาว ไว้ผมจุก ผมแกละ และการตัดเส้นสินเทาตามแบบจิตรกรรมไทย การวาดเส้นลายผ้าถุง การวาดพระพุทธรูปตามพุทธศิลป์แบบอยุธยาตอนปลาย

ในเมืองมัณฑะเลย์มีวัดสำคัญๆ อยู่กลายวัด

Shwe Nan Daw Kyaung
วัดชเวนันดอ แปลว่า วิหารไม้ทองคำ
อาคารไม้หลังนี้แต่เดิมเป็นตำหนักของพระเจ้ามินดงที่พระราชวังมัณฑะเลย์วัสดุที่ใช้เป็นไม้สักทอง แกะสลักลวดลายสวยงาม แสดงให้เห็นถึงความปราณีตของศิลปะพม่า


วัดกุโสดอ (Kuthodaw Pagoda) เป็นวัดที่ใช้เก็บพระไตรปิฎกจากการทำสังคายนาครั้งที่ 5

และวัดที่ถือเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิสูงสุดของชาวพม่า

วัดมหามัยมุนี


Mahamyatmuni Temple
วัดมหามัยมุนี ลักษณะหล่อด้วยทองสำริด แสดงกิริยาประทับนั่ง ปางมารวิชัยแบบพม่า ทุกๆเช้าตั้งแต่ตี5 จะมีพิธีล้างหน้าพระ โดยมีการเปิดมโหรีขับกล่อม ชาวพม่าเชื่อว่าพระพุทธเจ้าประทานลมหายใจใส่ลงไปในพระพุทธรูปองค์นี้จึงมีพิธีเพื่อปลุกให้ตื่น ล้างหน้า แปลงฟัน ปะแป้งทานาคา

การไปพม่าครั้งนี้เป็นการเรียนรู้ เข้าใจวิถีชีวิความงดงามของสถาปัตยกรรมที่สวยงามและยิ่งใหญ่ของอาณาจักรหนึ่งที่เคยเป็นใหญ่ในแถบนี้ สิ่งที่หลงเหลือไว้คือประวัติศาตร์ที่ให้พวกเราได้เรียนรู้ศึกษา

หวังว่าคงเพลิดเพลินกับการเที่ยวกับกล้องฟิล์มครั้งนี้นะคะจริงๆมีรูปเยอะแต่ล้างออกมาแล้วใช้ไม่ได้เลย ฝีมือยังไม่เก่ง ยังไงฝากติดตามด้วยนะคะ

แล้วพบกันใหม่ทริปหน้าค่ะ

นังทัวร์ดี

 วันพุธที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2562 เวลา 19.45 น.

ความคิดเห็น