สวัสดีครับ หลังจากห่างหายไปนาน (ผมติดงานไปสนามยาว) พึ่งได้กลับมาประจำที่กรุงเทพฯ จึงมีเวลาได้เขียนต่อเสียที ครั้งนี้ผมจะพาทุกท่านไปจังหวัดเชียงรายกันอีกครั้งครับ แต่คราวนี้จะขึ้นไปยังเหนือสุดของประเทศเลยทีเดียวครับ การเดินทางครั้งนี้ก็ยังคงเช่ารถขับเองเช่นเคย หลักๆ ของทริปนี้ คือการเดินทาง "ตามรอยทีมหมูป่า ณ ถ้ำหลวงขุนน้ำนางนอน" กันครับ จากนั้นก็จะตระเวนเที่ยวแม่สาย - สามเหลี่ยมทองคำ - ข้ามไปคาสิโนของจีนที่ประเทศลาว-เที่ยวเมืองโบราณเชียงแสน-ชมบรรยากาศสบายๆ ที่เชียงของ กันครับ ยาวๆ ไป 3 วัน 3 คืน ลองตามผมกันมาครับ

ครั้งนี้ผมใช้บริการของสายการบินไทยไลออนแอร์ ช่วงโปรโมชั่น (มีมาเรื่อยๆ ครับ) ไป-กลับ แค่ 1,200 เอง ได้ไฟท์ไม่ค่อนสวยเท่าไหร่ แต่ของถูกเอาอะไรมากครับ 555+ สรุปผมได้ ไปดึกวันศุกร์ กลับบ่ายวันจันทร์ ตามรูปข้างล่างเลยครับ

เดินทางมาถึงท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง (เชียงราย) ก็ดึกแล้วครับ เกือบ 4 ทุ่ม

เคาเตอร์เช่ารถที่นี้ปิด 3 ทุ่มครับ ดังนั้นหมดสิทธิ์ครับ คืนนี้ต้องไปนอนในเมืองก่อน พรุ่งนี้ถึงได้มาเอารถครับ จะไปยังไงหล่ะ มีให้เลือก 2 ทาง คือ แท็กซี่กับรถ CR-BUS ราคาต่างกันเอาเรื่องครับ เลือกเลี้ยวขวาดีกว่า 20 บาทเอง 555+

เดินตรงไปเรื่อยๆ จนสุดอาคาร จะเห็นจุดจอดรถและป้ายอยู่ครับ นั่งรอไม่นานรถก็มาครับ

หยอดเงิน 20 บาท ตรงด้านหน้าข้างคนขับแบบพี่ฝรั่งท่านนั้นแล้วก็มานั่งรอครับ ไม่นานรถก็ออกแล้วครับ

จุดจอดรถอยู่ไกลที่พักผมพอสมควรครับ 1.1 กม. หึหึ ไม่เป็นไร ผมผู้ชายเดินได้ครับ 555+

กว่าจะมาถึงโรงแรมที่ได้จองไว้เล่นเอาหอบครับ 555+ ผมได้จองโรงแรมบ้านศิริไว้ ราคาคืนละ 450 บาท

สนใจจองที่พักเดียวกับผมผ่าน Agoda ก็คลิกที่รูปด้านล่างเลยครับ


จากนั้นก็อาบน้ำนอนพักเอาแรง


**** จบวันที่ 1 ***

---------------------------------------------------

วันที่ 2 (วันเสาร์)

ตื่นนอนสายๆ หน่อย ประมาณ 9 โมง ก็เช็คเอาค์ครับ จากนั้นต้องเดินไปขึ้นรถ CR-BUS ที่เดิม คือ บขส.1 (1.1 กม. นั้นแหล่ะ) นี่คือเส้นทางที่ผมเดินมาเมื่อคืนครับ ไหลเอาเรื่อง กลางวันก็แอบร้อน 555+

มาทันรถมาพอดี รีบวิ่งไปโบก ขึ้นรถเรียบนร้อย ไม่นานรถก็มาส่งที่สนามบิน มาจอดที่เดิมเมื่อคืนครับ

มาถึงประมาณ 10:00 น. นัดรับรถไว้ตอน 11:00 น. มาเร็วกว่ากำหนดตั้ง 1 ชม. ขึ้นไปหาอะไรกินที่ Food Center ด้านบนสนามบินรอดีกว่าครับ ของกินเยอะพอสมควร

ที่นั่งก็วิวดี มองดูเครื่องบินขึ้น-ลง ผู้คนเดินออก-เข้าเครื่องบินได้สบาย

ไหนๆ ก็มาภาคเหนือแล้ว อาหารที่ขาดไม่ได้เลยคือ "ข้าวซอย" นั้นเองครับ 555+

กินเสร็จ นั่งเล่นไม่นาน ก็ได้เวลามารับรถแล้วครับ ผมจองรถไว้กับ Thairentacar ครับ วันละ 499 บาท ช่วงโปร จัดไป 2 วัน รับ 11 โมงวันเสาร์ คืนบ่ายโมงตรงวันจันทร์ (ค่ายนี้ให้เลทได้ 4 ชม.)

รถคันที่ผมเช่าครับ ตามรูปด้านล่าง Nissan Almera คันเล็ก ไปคนเดียวขับคล่องตัวดีครับ

รับรถเสร็จก็ขับยิงตรงยาวๆ ไปแวะไร่ชาฉุยฟงเสียหน่อย เขาว่าสวยและบรรยากาศดีนักแล

ประมาณ 40 นาที ผมก็มาถึงครับ อันนี้ทางเข้า แวะจอดถ่ายรูปโหน่ยยยย

ขับเข้ามาจนถึงในสุด พื้นที่เขาใหญ่มากครับ จอดรถเสร็จก็ลงมาถ่ายรูป วิวดีจริงๆ ครับ

ให้บรรยากาศจีนๆ หน่อยๆ ด้วย

หันซ้ายก็เห็นทางเข้าร้านชา-กาแฟ ดูโมเดิลดีครับ

มาถึงแล้วก็ถ่ายป้านไว้เสียหน่อย เดี๋ยวหาว่ามาไม่ถึง 555+

เดินเข้ามาแล้วเลี้ยวซ้าย ไปสั่งชาซักแล้วแก้เขิน รสชาติก็กลมกล่อมถูกปากดีครับ

วิวรอบๆ ร้าน บรรยากาศดีจริงๆ ครับ

จัดพื้นที่ได้สวยทีเดียว

มีทางเชื่อมให้ลงไปถ่ายรูปในไร่ชาได้ด้วย

เดินเข้ามาด้านในก็จะมีชาแต่ละชนิดขายครับ มีน้องชงให้ได้ลองชิมด้วยครับ ดีๆ

พอหอมปากหอมคอก็เดินทางต่อครับ วันนี้คิวเยอะ 555+ สถานที่ถัดไปจะไปแวะถ้ำเสาหินพญานาคครับ

ขับรถมาประมาณ 20 นาที ก็มาถึงครับ ที่จอดรถก็มีพอสมควร

เดินข้ามซุ้มไปตามสะพานเหล็กข้ามหนองน้ำไปครับ ผมว่าทีนี้ก็สวยดีนะครับ

อันนี้วิวบนสะพาน ด้านขวาจะมองเห็นส่วนหัวและหน้าของนางนอนด้วยครับตามรูปด้านล่าง (ลองจินตนาการดูครับ)

เดินข้ามมา บริเวณปากทางเข้าถ้ำจะมีพระพุทธรูปและรูปเหมือนสมเด็จโตฯ อยู่ ลมเย็นๆ พัดออกมาจากถ้ำ (แต่ผมไม่ได้เข้าไปนะครับ แอบกลัวถ้ำแถวนี้นิดนึง 55+)

ก็ลองเดินเลาะไปตามทางต่อก็ไปได้เรื่อยๆ ละ เริ่มไกล พอดีกว่า

หันกลับมา ถ่ายสะพานที่เดินข้ามมาหน่อย สวยดี

เหงือเริ่มออกแล้ว กลับไปที่รถดีกว่า จากนั้นก็ไปต่อครับ ถ้ำปลา ซึ่งไม่ไกลกันนัก

แป๊บเดียวก็มาถึงครับ ที่จอดรถมีเยอะมาก

เดินผ่านซุ้มประตูเข้ามาจะเจอศาลาขนาดใหญ่ ก้เข้าไปกราบพระกันครับ

เดินเลี้ยวขวาจากศาลาไปประมาณ 50 ม. จะเจอเจดีย์โบราณ

ไปดูใกล้ๆ ให้ความรู้สึกขลังดีมากครับ 555+

จากนั้นก็เดินกลับทางเดิม เดินตรงไปอีกทาง (ด้านซ้ายของศาลาฯ) จะเป็นเส้นทางไปดูปลาและถ้ำ บริเวณนี้ลิงจะเยอะมากครับ ถ้ากลัวโดนกัดต้องถือไม้ไว้ครับ บริเวณนั้นจะมีไม้ใส้ตระกร้าไว้เพียบเลย

เดินทะลุจุดดูปลามาหน่อยจะเป็นจุดเล่นน้ำของคนแถวนั้นครับ อากาศร้อนๆ ก็ต้องแช่น้ำแหล่ะเนอะ

มีห่วงยางให้เช่าเลยนะครับ ไม่ธรรมดา 55+

จากนั้นผมก็คิดหนักเมื่อเห็บบันไดทางขึ้นไปยังถ้ำ (สูงและชันมาก) เอาวะ ไหนๆ ก็มาแล้ว

กว่าจะขึ้นมาถึงเล่นเอาหอบเลยครับ แต่พอขึ้นมาถึงปากถ้ำ คือ เย็นมากครับ วิวดีอีกด้วย แต่เจ้าถิ่นเยอะไปหน่อย เดินต้องระวัง 555+

เข้ามาถึงด้านในถ้ำ เย็นมากครับ ยังกับเปิดแอร์เลย พักเหนื่อยซักหน่อยก็ไปกราบพระ

มีหินงอกหินย้อยด้วย สวยงามทีเดียว

จากนั้นก็เดินลงมากลับไปที่รถเพื่อจะไปยังสถานที่ไฮไลท์ของวันนี้ครับ ถ้ำหลวงฯ นั้นเอง

ขับรถไม่ไกล เห็นมีที่จอดรถแล้วมีป้านเขียนว่าไปถ้ำหลวงฯ เลยแอบคิดว่าที่นู่นคงไม่มีที่จอด เลยตัดสินใจจอดรถไว้ที่นี้แล้วต่อรถสองแถวชาวบ้านไป

ระหว่างรอรอบรถ เดินออกมาซักหน่อยก็มีเป็นจุดเด่นของพื้นที่แถวนี้ สามารถซื้ออาหารมานั่งกินตามศาลาได้ เช่าห่วงยางเล่นน้ำก็ได้

ไม่นานก็ถึงคิวผมแล้วครับ โชคดีมาคนเดียวได้นั่งหลังคนขับข้างในรถ

ค่าเดินทาง 20 บาท ถือเป็นค่าสนับสนุนคนในพื้นที่ ตากแอร์เย็นๆ ไป ลุยๆ

รถไม่ได้เข้าไปส่งถึงถ้ำหลวงนะครับ ถึงแค่ทางเข้าตามรูปด้านล่าง จุดนี้คุ้นๆ ถ้าได้ตามข่าว ^^

จากนั้นก็ต้องมาต่อรถของวนอุทยานเข้าไปอีก อันนี้ฟรีครับ เข้าไปประมาณ 500 ม.

รถก็มาจอดยังหน้าป้าย "วนอุทยานถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน"

เดินไปว่าจะเข้าไปดูปากถ้ำหน่อย สรุปปิดครับ เจ้าหน้าที่แจ้งว่าน้ำท่วมเต็ม อันตราย ไม่อนุญาตให้เข้าไปเพื่อความปลอดภัย

เลยได้ถ่ายรูปด้านหน้ามาครับ รูปเทือกเขานางนอน ดูๆ ไปก็คล้ายผู้หญิงท้องนอนหงายจริงๆ

เดินขึ้นมาซักหน่อยก็มาเจอศาลเจ้าแม่นางนอนครับ

ถัดจากนั้นไปจะเป็นบริเวณศูนย์อำนวยการฯ ในช่วงเกิดเหตุ มีของที่ระลึกขาย และมีป้ายและบอร์ดให้ความรู้อยู่ครับ

ไปตามรอบภารกิจและจิตนาการตามได้เลยครับ

อธิบายไว้ค่อยข้างละเอียดทีเดียว

ด้านหลังบอร์ด จะเป็นอาคารมีอนุเสาวรีย์จ่าแซม วีรบุรุษถ้ำหลวงอยู่ด้านหน้า

เข้ามาถ่ายใกล้ๆ จังหว่ะไม่มีคนหน่อย

ในตัวอาคาร จะเป็นรูปวาดจากศิลปินทีมงานของอาจารย์เฉลิมชัย

สมจริงและดูขลังทีเดียวครับ

มีโต๊ะให้นั่งพักเหนื่อยอยู่ตรงกลางด้วย

เก็บบรรยากาศจนพอใจแล้วก็ถึงเวลาต้องไปยังจุดหมายต่อไป แต่พอจะขึ้นรถกลับ คนแน่นมาก ผมเลยตัดสินใจเดินไปปากทางเองเลย 500 ม. เหงื่อกำลังซึมดีทีเดียว 555+

ระหว่างเดินกลับ มองไปเห็นที่จอดรถ อ่าววววววว เอารถมาจอดแถวนี้ก็ได้นี่หว่า 555+ แต่ไม่เป็นไร เราจะกลับไปดูสระมรกตอยู่แล้ว (ปลอบใจตัวเอง 55)

จากนั้นก็กลับมารอขึ้นรถกลับตรงจุดลงรถ ไม่นานรถก็มา

คราวนี้ขอลงตรงปากทางเข้าไปยังสระมรกต

เดินเข้ามา 150 ม. ก็กำลังชุ่มๆ 555+ มีเส้นทางศึกษาธรรมชาติเหรอ ได้ๆ ไปได้ 555+

ระหว่างทางเดินมา ก็ร่มรื่นดีครับ มีป้ายบอกตามทางตลอด

ไม่ไกลก็สุดทางเดินสะพานไม่ไผ่ พบหนองน้ำขนาดพอสมควร

เมื่อครั้งเกิดเหตุพื้นที่บริเวณนี้คือจุดสูบน้ำออกจากถ้ำ น้ำที่ออกมาจะมีสีเขียวมรกตสวยงาม

แต่ช่วงนี้แอบขุ่นนิดหน่อย (ก็ไม่หน่อยนะ 555+)

ตะไคร่เริ่มขึ้น แต่บรรยากาศโดยรวมยังคงร่มรื่นดี

จัดสถานที่ไว้ได้สวยงาม เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวที่จะมาตามรอยในอนาคต

จากนั้นก็เดินกลับไปที่จอดรถเพื่อไปยังสถานที่ถัดไปครับ

จุดถัดไปเป็นจุดชมวิวดอยผาหมี ที่โค๊ชและเด็กๆ ทีมหมูป่า ไปถ่ายรูปกัน

เส้นทางไปช่วงผ่านบ้านผาหมีแคบและชันมาก ขับขี่กับอย่างระมัดระวังด้วยครับ

ขึ้นมาซักพักก็ถึงแล้วครับ ข้างบนนี้อากาศกำลังดี

มีจุดถายรูปอยู่ ต้องจอดรถชิดขอบนิดนึงนะครับ เพื่อความปลอดภัย (ผมนี่จอดห่างไป 555+)

ถ่ายบรรยากาศกับรถเช่าโหน่ยยยย

จุดที่น้องๆ ถ่ายรูป เอาเราถ่ายไว้มั่ง 555+

ทางที่ขับขึ้นมา คดเคี้ยวเอาเรื่อง 555+

จากนั้นผมก็ไปต่อยังสถานที่ถัดไปครับ ตามเล่นทางเรียบแนวชายแดน

ถนนแอบเปลี่ยว มาคนเดียวก็รู้สึกกลัวๆ นิด 555+ ไปเรื่อยๆ จะเจอด่าน น้องๆ ทหารก็สอบถามเล็กน้อยก็ปล่อยไปครับ

และแล้วก็มาถึง เจดีย์ชนะศึก

สมเด็จพระนเรศวรมหาราช

มีจุดชมวิวเมืองแม่สายที่ผมจะไปนอนคืนนี้ด้วยครับ มองเห็นไปถึงเมืองท่าขี้เหล็กประเทศเมียนมาเลย

ขับรถลงไปไม่ไกลก็ถึงโรงแรมที่พักแล้วครับ

วันนี้ผมได้จองโรงแรม afterglow hostel กับ Agoda ไว้ ไม่แพงครับ สภาพห้องก็ใช้ได้

สนใจจองที่พักเดียวกับ Agoda แบบผม ก็คลิกที่รูปด้านล่างได้เลยครับ

เก็บของอาบน้ำเสร็จก็ได้เวลาออกไปหาอะไรกิน ไปตรงบริเวณด่านชายแดนจะมีของกินขายเยอะครับ

วนหาที่จอดซักพัก ก็เดินเลาะได้เลย 555+

มีร้านให้ดูเยอะเลยครับ พอมาถึงหน้าด่านเกือบ 2 ทุ่ม ใกล้เวลาปิดด่านแล้ว ก้ได้เห็นอีกบรรยากาศนึงครับ

จากนั้นก็เดินกลับมาหาของกินต่อ

จบด้วยบาบิคิวไม่ละ 10 บาท จัดไป 10 ไม้ 555+

จนนั้นก็กลับโรงแรม ทำงานซักหน่อย ก็นอนครับ

**** จบวันที่ 2 ****

---------------------------------------------------

วันที่ 3 (วันอาทิตย์)

วันที่ 2 ตื่นซักประมาณ 8-9 โมงกำลังดีครับ เช็คเอ้าค์ไปยังสถานที่ถัดไป ดินแดนสามเหลี่ยมทองคำ ขับรถครึ่ง ชม.ก็ถึงครับ ไม่ไกล

มีที่จอดรถข้างทาง หาจอดได้ตามสบายเลย ไหนๆ มาแล้ว ถ่ายแบบพาโนซะหน่อย มองเห็นจุดบรรจบแม่น้ำกกกับแม่น้ำโขงพอดี

จุดที่ได้ชื่อว่า แหล่งยาเสพติดที่ใหญ่อันดับต้นๆ ของโลกในอดีต ปัจจุบันสวยงามแล้วครับ

พระพุทธรูปองค์สีทองเด่นเป็นสง่า

จากนั้นผมจะไปทำหนังสือผ่านแดนชั่วคราวข้ามไปฝั่งลาวกันครับ ไปทำที่จุดผ่อนปรนบ้านสบรวก ประมาณ 1 กม.

เดินมาถึงจะสังเกตง่ายๆ จุดทีคนเยอะๆ นั้นแหล่ะครับ 555+

ให้มายื่นเรื่องตรงกระจกเลื่อนนี้ครับ

จากนั้นก็จะผ่าน ตม. เพื่อขอออกนอกประเทศ แล้วไปรอขึ้นเรือตรงจุดนี้ครับ เราไปอยู่ที่ลาวได้ 3 วันครับ

ตรงที่ผมจะไปคืออาคารสูงๆ ตรงข้ามนู่นครับ คิงโรมันคาสิโน เป็นพื้นที่ที่จีนขอสัมปทานลงทุนในประเทศลาว

นั่งเรือข้ามแม่น้ำโขงไม่นานก็มาถึงฝั่งตรงข้ามแล้วครับ นั้นคือตอนนี้เราเหยียบแผ่นดินลาวแล้วนั้นเอง

เดินตามชาวบ้านไปทำเรื่องเข้าประเทศกับ ตม. ลาว คนไทยไม่ต้องไปต่อคิวกับคนจีนนะครับ เราเอาไปยื่นเจ้าหน้าที่ได้เลย ผมไปเงอะๆ งะๆ กับคนจีนตั้งนาน สรุปเจ้าหน้าที่บอก คนไทยไม่ต้อง เจ้าหน้าที่พูดภาษาไทยชัดแจ่ววววว เสียเวลาเลย 555+

จาก ตม. เสร็จแล้ว ก็เดินออกมารอรถบริเวณนี้ครับ ไม่นานจะมีรถรีมูซีนมารับไปคาสิโน เราต้องแจ้งเขาว่าจะไปคาสิโนด้วยนะครับ

ของผมคันอย่างหรูและใหญ่ นั่งไปคนเดียวเลย 555+

รถก็จะพาเรามาส่งยังตัวอาคารคาสิโน ใหญ่โต อลังการมากครับ ภายในมีสิ่งสวยงามเพียบเลยแต่เขาไม่อนุญาตให้ถ่ายภาพ ไว้มาชมกันเองดีกว่าครับ อธิบายไม่ถูกจริงๆ 555+

ไหนๆ มาคาสิโนทั้งที ไปหยอดตู้ Slot ซักหน่อย เสียบแบงค์ 100 บาทไทยเข้าไป กดๆ เอ้าได้เฉย 2,500 บาทวุ้ย เล่นไปเล่นมาเริ่มเสียคืนเหลือ 2,000 พอดีกว่า เดี๋ยวหมด เอาไปขึ้นเงิน กำไรมา 1,900 แหน่ะ 555+ ที่นี้รับเฉพาะเงินบาท (ไทย) กับเงินหยอน (จีน) นะครับ เงินลาวและเงินเมียนมาไม่รับ

จากนั้นก็เดินออกประตูข้างมา ถ่ายรูปบรรยากาศความยิ่งใหญ่ที่จีนมาลงทุนไว้ แต่ก่อนมีแต่คนชมว่าสวยและอลังการมาก ก็ดูยิ่งใหญ่จริงๆ แหล่ะครับ นี่ขนาดยังสร้างไม่เสร็จนะครับเนี่ยะ

เดินไปเรื่อยๆ จะไปถึงซุ้มประตู China Town ยิ่งใหญ่อลังการงานโบราณดีแท้

ดูโบราณและขลังมาก

น่ามาถ่ายทำหนังจีนย้อนยุคกำลังภายใน 555+

มีทางเข้าสวนด้วย

ภายในให้บรรยากาศร่มรื่น เย็นๆ

เดินไปจนสุดทางเหมือนจวนหรือศาลเลย ดูย้อนยุคดีทีเดียว

เดินไปจนสุดทาง มีป้ายประกาศรับสมัครงานเป็นภาษาจีนด้วย แสดงว่าเราควรเดินกลับได้แล้ว 555+

ก็ย้อนกลับไปทางเดิมครับ เพื่อไปขึ้นรถกลับตรงหน้าทางเข้าคาสิโน (จุดเดียวกับที่ลงรถ) ต้องไปแจ้งให้เขาเอารถมารับด้วย

จากนั้นก็นั่งเรือกลับครับ โชคดีมีน้องคนไทยกลับมาพร้อมกัน 3 คน 200 บาท ค่าเรือข้ามฟาก 555+

หักลบค่าเรือ ค่าผ่านแดน ยังได้กำไรอยู่ 1,700 มื้อเที่ยงได้กินหรูละเรา 555+ ยิงยาวๆ ไปเชียงแสนเลย

ขอร้านหรูนิดนึง ริมโขงไปเลย Gin's Mae Khong View Resort กันเลยทีเดียว 555+

ปล่าวๆ ไม่ได้มาพัก แค่มีกินกาแฟกับกินข้าวเท่านั้น เงินไม่พอ 555+ สั่งกาแฟและอาหารด้านหน้าครับ สั่งเสร็จก็ไปนั่งรอด้านหลัง

อันนี้บรรยากาศบริเวณที่พัก (ถ้าพักที่นี้อะนะ 555+)

จุดบริเวณร้านก็ตกแต่งได้สวยงาม บรรยากาศดี

มองเห็นบ้านต้นผึ้ง ฝั่งลาวทีเดียว

ไม่นานอาหารและเครื่องดื่มก็มา อร่อยจริงจังมากครับร้านนี้ ราคาก็นึกว่าจะโหดก็ไม่เท่าไหร่ครับ ทั้งหมด 300 นิดๆ เอง

บริเวณร้านมีน้องแมวน่ารักอยู่ด้วย ทาสแมวก็เสร็จสิครับ 555+

ท่านไหนสนใจจองที่พักที่นี้ สัมผัสบรรยากาศแบบหรู่ๆ นิดๆ กับ Agoda คลิกที่รูปข้างล่างได้เลยครับ

กินอิ่มแล้ว ไหนๆ มาเมืองโบราณทั้งที ไปชมโบราณสถานโบราณวัตถุกันบ้านดีกว่า ขับรถต่อไปยังวัดพระธาตุเจดีย์หลวง ไม่ไกลครับ แป็บเดียว

ที่จอดรถเยอะ บรรยากาศร่มรื่น

มุมนี้ให้อารมณ์แปลกๆ ชอบๆ

อ่านป้าย ประวัติและที่มาหน่อย

บริเวณวัด มีจุดขายของฝากและของที่ระลึกด้วยนะครับ

ข้างๆ ร้านขายของฝากของที่ระลึกมีทางเชื่อมทะลุมายังพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติเชียงแสนอยู่ เดินข้ามไปได้เลย

คนไทยเสีย 20 บาทเองครับ คุ้มสุดๆ

เข้าไปก็มีประวัติความเป็นมา แผนที่ภูมิศาสตร์ต่าง ให้ได้ศึกษา

ผมเป็นคนชอบเรื่องราวประวัติศาสตร์ อะไรโบราณๆ แบบนี้ด้วยครับ เลยชอบมาสถานที่แบบนี้ซัส่วนใหญ่เวลาไปเที่ยวที่ไหน 555+

เดินดู เดินศึกษาไปเรื่อยๆ ฟินดี

คนไม่ค่อยเยอะเท่าไหร่ครับ ส่วนใหญ่เป็นชาวต่างชาติ

จากนั้นก็กลับไปที่รถเพื่อไปยังสถานที่ถัดไป วัดพระธาตุผาเงา จุดชมวิว 3 ประเทศนั้นเอง

มาถึงทางเข้าหว้าวัดแล้วก็ขับรถขึ้นไปบนพระบรมธาตุพุทธนิมิตรเจดีย์เลยครับ

หาที่จอดรถเหมาะ (มีที่จอดเยอะพอสมควรครับ)

มีร้านกาแฟข้างบนด้วยนะครับเนี่ยะ ไม่ธรรมดา

ถัดจากร้านกาแฟ จะเป็นจุดชมวิวครับ สวยงามมากครับ มองเห็นได้ 3 ประเทศเลย

มีท้าวเวสุวรรณด้านหน้าพระธาตุให้ไหว้ด้วย

จากนั้นก็บูชาดอกไม้ธูปเทียนเข้าไปกราบพระด้านใน

มีพระพุทธรูปปรางค์ต่างๆ ประจำวันเกิดครบทุกวันเลยครับ รอบเจดีย์ ของผมวันศุกร์ก็เกินหาเอา 555+

จากนั้นก็มานั่งชมวิวซักพัก เตรียมไปยังสถานที่ถัดไป (จริงๆ คือคิดอยู่ว่าจะไปไหนต่อดี 555+)

เวลายังพอมีสรุปคืนนี้ไปนอนเชียงของดีกว่า 1 ชม. ขับรถยาวๆ ไป 55+

มาถึงเชียงของก็มืดพอดี ทำการจองโรงแรมผ่าน Agoda ไว้ตอนอยู่พระธาตุ ได้โรงแรม Chaing Khong Green River ห้องพักโอเคเลยครับ คืนละ 500 บ. วิวแม่น้ำโขงเลย

สนใจจองที่พักเดียวกับผม จาก Agoda คลิกที่รูปด้านล่างเลยครับ

วันนี้อยากหาแอลฯ กินหน่อย มีร้านชิวๆ อยู่กลางเมือง ขับรถไปแป๊บเดียวถึงครับ

ร้านนี้ฝรั่งเยอะมากครับ นั่งชิลๆ สบสยๆ เลยสั่งเบียร์ลาวดำมาลอง หมดไป 2 ขวด เริ่มมึนเลยครับ

ที่สำคัญเจ้าของร้านที่นี้เป็นเด็กหงส์เหมือนกันเลยคุยกันถูกคอหน่อย 555+

พอสมควรก็กลับไปนอนที่โรงแรมครับ กำลังได้ที่หลับสบายเลย 555+

**** จบวันที่ 3 ****

---------------------------------------------------

วันที่ 4 (วันจันทร์)

วันนี้วันสุดท้ายอากาศดีหน่อยตื่นแต่เช้า มองออกไปนอกหน้าต่างบรรยากาศดี น่าออกไปวิ่งริมโขง

ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว จัดเสียหน่อย วิวดี

สรุปคือไปเดินครับ ไม่ได้วิ่ง เหนื่อย 555+

กลับมาอาบน้ำ เก็บของ เช็คเอ้าค์ เตรียมขับรถกลับเชียงราย

ขับยาวๆ ไปเกือบ 100 กม. ไปหาข้าวซอยกินในตัวเมืองเชียงราย 555+

มาถึงเชียงรายก็เกือบเที่ยงพอดี ได้ร้านดัง ข้าวซอยวิจิตรา (ทางขึ้นวัดพระแก้ว)

ผมสั่งข้าวซอยเนื้อ ดูน้ำซุปสิครับ โคตรฟินเลยขอบอก

ต่อด้วยหมูสะเต๊ะ กินกับแป๊บซี่เย็นๆ เป็นอะไรที่เข้ากันมาก 555+

อิ่มหน่ำสำราญแล้ว เวลายังพอมี กลับไปซ้ำสถานที่ท่องเที่ยวที่อยู่ใกล้ๆ สนามบินดีกว่า สรุปไปวัดห้วยปลากั้งดีกว่ามาครั้งก่อนยังไม่เสร็จดี ขับรถประมาณ 15 นาทีก็ถึง

สวยงามและอลังการเช่นเดิม

วันนี้คนน้อยกว่ามาครั้งที่แล้ว

ถ่ายมุมไม่มีคนได้เยอะหน่อย 555+

ผมหล่ะชอบมุมนี้จริงๆ ดูมีมิติมาก

ก่อนกลับขออีกซักมุม หน้าตรงเจ้าแม่ฯ นี่หล่ะ

จากนั้นก็ได้เวลาคืนรถ ขับไปสนามบินแป๊บเดียวครับ

ก็คืนรถ ขึ้นเครื่องกลับ กทม. จบทริปเรียบร้อย

ค่าใช้จ่ายผมขอรวมทั้งหมดเลยนะครับ (เครื่องบิน เช่ารถ โรงแรม น้ำมัน อาคาร เครื่องดื่น)

หมดไปประมาณ 4,500 บาท

(รวมทุกอย่างแล้ว-กำไรจากคาสิโน)

ก็เป็นอีกทริปนะครับ ที่ไปคนเดียว แต่ก็ได้อะไรเยอะเลย อยากให้ลองตามไปดูกันครับ จริงๆ แถวนี้ มีอะไรน่าสนใจอีกเยอะครับ แต่ผมก็ยังเก็บไม่หมดมีเวลาจำกัด อาจจะไปซ้ำอีกครั้งก็ได้ ขอขอบคุณที่อ่านมาจนจบนะครับ ไว้เจอกันใหม่ทริปหน้า สำหรับครั้งนี้ขอสวัสดีครับ


ติดตามสถานที่ท่องเที่ยวอื่นๆ ได้ที่

Blog : https://goalonetravel.blogspot.com/

FB Page : https://www.facebook.com/คนเดียวก็ไปเที่ยวได้-1238634139627858/

GoAloneTravel

 วันอังคารที่ 30 กรกฎาคม พ.ศ. 2562 เวลา 23.55 น.

ความคิดเห็น