Capri คือเกาะที่สวยที่สุดที่เคยเห็นมาในชีวิต

ส่วน Palermo ก็เป็นเมืองเก่าแก่ มีสถาปัตยกรรม

สวยงาม ที่นักท่องเที่ยวยังไม่ค่อยรู้จัก

รีวิวเที่ยวยุโรป 15 วัน 3 ประเทศ 7 เมือง EP.2 นี้

ปิงขอพาไปทั้ง Capri และ Palermo 3 วัน 3 คืน

แบบจัดเต็ม ข้อมูลทุกอย่างรวมอยู่ในนี้แล้ว ทั้งค่าใช้จ่าย

ที่พัก การเดินทาง สถานที่ท่องเที่ยว ถ้าพร้อมแล้ว

ก็เลื่อนลงไปอ่านกันได้เล้ยยยยยยยยย :- D



** ค่าใช้จ่าย ต่อคน เฉพาะเที่ยว Capri + Palermo **

( หน่วยเป็นยูโรช่วงที่ปิงไป 1 EUR = 34 THB

ค่าใช้จ่ายส่วนใหญ่หาร 3 นะคะ เพราะไปกัน 3 คน อิ_อิ )

1. ค่าที่พัก Relais Villa Buonanno 2 คืน 142 EUR

รวมอาหารเช้า ตกคนละ 47.3 EUR + B&B I Cinque Continenti

2 คืน 78 EUR ตกคนละ 26 EUR

2. ค่าทัวร์ Day trip ไปเที่ยวเกาะ Capri 75 EUR

3. ค่าเดินทางระหว่าง 33 EUR ( taxi รถบัส รถไฟ )

4. ค่ารถไฟจาก Naples ไป Palermo 35.7 EUR

5. ค่ากิน 101 EUR

—– รวม 318 EUR / 10,812 THB —–

ป.ล. ไม่รวมค่าเครื่องบินจาก Salzburg มา Naples

( สายการบิน Austrian airline + easyJet ) และ

จาก Palermo ไป Milan ( สายการบิน Ryanair )


อ่านเรื่องค่าใช้จ่ายไป เพื่อนๆอาจจะสงสัยว่า

คำว่า “Naples” มาจากไหน.. มันคือชื่อเมืองในอิตาลี

ที่เราไปนอนค้าง เพื่อจะตื่นไปเที่ยวเกาะ Capri

แบบไปเช้า เย็นกลับนั่นเองค่ะ โดยหน้าตาของ

การเดินทางใน EP.2 จะเป็นแบบนี้…

นั่งเครื่องบินจากออสเตรีย มาถึง Naples เย็นวันแรก

– วันที่สองไปเที่ยว Capri กลับมาค้างที่ Naples

– เช้าวันที่สาม ขึ้นรถไฟจาก Naples ไป Palermo

– วันที่สี่เที่ยว Palermo ทั้งวัน

– เช้าวันที่ห้า นั่งเครื่องบินไปมิลาน



ก่อนจะเข้าเรื่องเที่ยว ขอเล่าเรื่องนี้ก่อนเลยยยยยยย

* เล่าไว้ให้ระวังตัว ยาวหน่อย ใครอยากข้ามก็ได้จ้า *

ทันที่ที่ไปลงที่สถานบิน Naples เราก็ต้องหารถเข้า

ที่พัก เพราะว่ามันไม่มีรถไฟ / บัส ที่ไปถึงที่พักเราค่ะ

ซึ่ง… ตอนเราจองที่พัก เค้าก็ส่งอีเมลมาบอกว่า

ให้โทรเรียก Taxi จากเบอร์ที่โรงแรมให้มา

แล้วจะได้ราคา 25 – 27 EUR อย่าเรียกเองจาก

สนามบิน เพราะมันจะแพงกว่า แต่เราโทรหาเบอร์

ที่โรงแรมให้มาหลายรอบ ก็ไม่มีคนรับสาย

เลยเดินออกมาหน้าสนามบิน เพื่อจะถามราคา Taxi

ที่จอดอยู่แถวนั้น แล้วก็เจอชายคนนึงมาถามว่า

จะเรียก taxi หรอไรงี้ เราก็แบบ ใช่ๆ แต่อยากรู้ราคาก่อน

เค้าก็บอกว่าเมืองนี้คิดราคา taxi เป็นโซน ต้องดูก่อนว่า

เราพักโซนไหน ไปดูที่รถเค้าก็ได้ เค้ามีตารางราคาอยู่

เราก็แบบเออๆขอไปดูก่อนนะ ในขณะที่เรากำลังเดินไป

รถของไอหนุ่มคนนี้ (นางช่วยลากกระเป๋าด้วย) ก็มีคน

ตะโกนเรียกนางมาจากไกลๆ อารมณ์แบบ ให้นางหยุด

สักพักมีคนมาคุยกับนางเหมือนไม่พอใจ แล้วนางก็

หันมาบอกนี่ว่า ตามคนกลุ่มนี้ไปนะ เราก็ตามไปแบบงงๆ

พอไปถึงรถ ไอคนกลุ่มนี้ก็หยิบกระเป๋าเรา แม่ ป้า

ขึ้นหลังรถเลย เราก็บอก เดี๋ยวๆๆๆ ยังไม่ได้จะไป

แค่จะถามราคา ว่าไปโรงแรมนี้ เท่าไหร่… ผู้ชายตัวใหญ่ๆ

ประมาณ 6-7 คน ยืนล้อมเรา ข้างรถ แล้วบอกว่า

ถ้ามิตเตอร์ขึ้นเท่าไหร่ ยูต้องจ่ายมากกว่านั้นสองเท่า

เราแบบ.. ห้ะ!!.. ทำไม? ทำไมต้องจ่ายสองเท่า?

แก๊งนี้ก็บอกว่าโรงแรมเราอยู่นอกโซนที่ใช้ระบบ

ราคา fix ของเมือง มันเลยกำหนดราคาเองได้

เราก็ถาม ประมาณเท่าไหร่ มันบอก 40-45 EUR

ที่แย่กว่าคือ หนึ่งในแก๊งนี้ใส่เครื่องแบบตำรวจ

อีกคนใส่เครื่องแบบสนามบิน ก็ไม่รู้มันซื้อมาจาก

คลองถมหรือไง แต่เราก็ทำไรไม่ถูกด้วย แม่กับป้า

ก็เหมือนกลัวๆเลยกระโดดขึ้นรถ เราเลยต่อราคา

ได้ 35 EUR แล้วก็นั่งมาที่พัแบบไม่เต็มใจ

แถมอีคนขับ พาไปหลงอีก พูดภาษาอังกฤษก็ไม่ได้

อยากช่วยบอกทางนางก็ไม่เข้าใจ.. สุดท้ายมาถึง

ที่พักปลอดภัย ไม่มีใครเป็นไรก็โอเค แต่อยาก

เล่าไว้ให้ระวังกัน ถ้าใครจะไป ขอเบอร์ taxi

จากโรงแรมไว้หลายๆเบอร์นะคะ เผื่อฉุกเฉิน

จะได้ไม่เจอเคสแบบปิง T_T




มา! มาดูที่พักของเรากันดีกว่า ใน Naples ปิงพักที่

โรงแรมชื่อ Relais Villa Buonanno 2 คืนเลย

โรงแรมนี้อยู่ห่างออกมาจากตัวเมือง Naples ถ้าใคร

อยากเที่ยวในเมืองด้วย ไม่แนะนำ แต่ถ้าจุดประสงค์

คือมาเที่ยวเกาะ Capri แบบปิง แล้วแค่หาที่นอน

ก็ได้อยู่ เพราะโรงแรมเริ่ดมากกกกกกก มีกลิ่นอาย

ความเป็นอิตาลีอยู่ทั้งตัวตึก การตกแต่ง สวน ฯลฯ

ปิงไปนอน 2 คืน มีคนมาจัดงานแต่งงาน 2 คืนเลย

คือบรรยากาศมันดีจริง แล้วตอนปิงจองคือได้โปร

มาจาก booking.com ถูกมาก ใครสนใจก็ลองเข้าไป

ดูในเว็บที่พักก่อนได้ http://www.villabuonanno.it/en/



ห้องเรานอนได้ 3 คน มีเตียงดับเบิ้ล 1 เตียงซิงเกิ้ล 1

แถมมีระเบียงมองลงไปเห็นลานของโรงแรมด้วย



ที่ชอบอีกอย่างคือดาดฟ้าโรงแรม คือมันไม่ได้สูงนะ

แต่มันเห็นวิวที่แบบ ดูละรู้ว่าอยู่อิตาลีดีอ่ะ55555555



ไปถึงก็เย็นแล้ว แถมเหนื่อยกับการเถียงเรื่อง taxi

มาด้วย เย็นวันแรกพวกเราเลยขอไม่ออกไปไหน

ทานมื้อเย็นที่ห้องอาหารของโรงแรมนี่แหละ

ซึ่งก็ไม่ผิดหวังค่ะ เพราะทั้ง 4 เมนูที่สั่งมาคืออร่อย

หมดเลย มีสปาเก็ตตี้ผัดหอยลาย สลัดผักรวม

ปลาทูน่าเซีย ที่มีผักโขมเป็นเครื่องเคียง แล้วก็

ไส้กรอกรมควัน ปิงส่งคอกเทลอีกนะ แล้วราคา

ออกมาแค่ 57 EUR คือถูกกว่าที่คิดไว้มาก

ที่สำคัญคือพนักงานบริการดีเริ่ด เราก็ให้ทิปเค้าไป ฮี่ๆ

อาหารอร่อยเราก็แฮปปี้ พร้อมลุยวันต่อไปแล้ววววว!!



อย่างที่บอกว่าวันนี้เราจองเป็นทัวร์แบบ One Day Trip

เห็นคำว่าทัวร์อย่าเพิ่งกดออก เพราะมันไม่ใช่ทัวร์

แบบที่เราคุ้นเคยกัน โปรแกรมของทัวร์นี้คือ..

– 8.30 น. มีรถมารับที่โรงแรม ไปส่งเราที่ท่าเรือ

– 9.15 น. เรือออกจากท่า Herculaneum ไป Capri

– ประมาณ 10.00 น. ไปถึงเกาะ Capri เปลี่ยนไปลง

เรือเที่ยวรอบเกาะ เค้าจะขับพาเราไปดูจุดไฮไลท์

ต่างๆ ให้เราได้เห็นแลนด์สเคปสวยๆของเกาะนี้

ประมาณ 1 ชั่วโมง แล้วพากลับมาส่งที่ท่าหลัก /

Marina Grande Port

– มี free time 5 ชั่วโมง ให้เราไปเที่ยวไหนก็ได้บนเกาะ

– 16.00 น. กลับมาเจอกันที่ออฟิศของ HP Travel

แล้วนั่งเรือกลับท่า Herculaneum ใน Naples

อันนี้หน้าตาท่าเรือและบูทที่เราต้องไปติดต่อก่อนจะขึ้นเรือนะ :- )



แว็บแรกที่มาถึง Capri.. สวยจนตะลึง

แบบ ทำไมมันสวยจังงงงงงง บ้านเมืองสีสันน่ารักมาก

แถมมีรถ taxi แบบ open air ชิคๆ น้ำทะเลก็ใส ฮืออออ!



แล้วเราก็ลงเรือไปเที่ยวรอบๆเกาะกัน เค้าจะขับ

พาไปจุดต่างๆ แล้วอธิบายว่าจุดนี้คืออะไร มันพีคยังไง

แต่สารภพาตามตรงว่า ปิงฟังภาษาอังกฤษสำเนียง

อิตาลีไม่ออกเลย5555555 ตอนไม่มีเสียงลมเสียงคลื่น

ว่าฟังยากแล้ว เจอเสียงประกาศบนเรือเข้าไป บายจ่ะ

ขออ่านโปรแกรมเอา.. เค้าบอกว่ามี Picturesque

– sea grottoes, Natural Arch, Villa Malaparte,

Punta Carena lighthouse และ Faraglioni ค่ะ




ปิงไม่ได้เข้าถ้ำไพลิน / Blue Grotto นะ

เพราะมันต้องซื้อแยก กับปิงไปวันเสาร์ อย่าหวังจะได้เข้าไป

แค่นั่งเรือผ่าน เห็นคิวด้านหน้าถ้ำก็ช๊อคแล้ว T_T

แต่สัญญาว่าจะกลับมาอีก และเข้าไปให้ได้เลยยย หึ้ย!



วนเรือรอบเกาะแล้ว เค้าก็กลับมาส่งเราที่ท่าเรือเดิม

ทีนี้ก็ได้เวลาเที่ยวเองตามสบาย 5 ชั่วโมงจ้าาาาา

ซึ่งปิงได้ทำการบ้านมาแล้วว่าเราจะไปไหนบ้าง

แต่!.. คุณแม่ปิงเมาเรือ เราเลยพาแม่ไปพักที่ออฟฟิศ

ของ HP travel สักครึ่งชั่วโมง พอแม่บอกว่าดีขึ้นแล้ว

เราก็ออกไปลุยต่อ คือจะเดินไปจุดชมวิว แต่!..

เดินไปสักพัก แม่บอกไม่ไหว ร้อนมาก แล้วแม่ยัง

ปวดหัวอยู่ เลยพาแม่กลับไปส่งที่ออฟฟิศ

ให้นางนอนยาวไปเลย ไอตอนที่เล่ามาทั้งหมดนี้

ก็หายไปแล้วประมาณชั่วโมงครึ่งค่ะ แต่ไม่เป็นไร

คุณแม่ปลอดภัยเราก็โอเค พอหมดภารกิจส่งแม่นอน

ปิงกับคุณป้าก็ไปลุยกันต่อ โดยเริ่มจากซื้อตั๋วรถบัส

ที่ออฟฟิศของ HP travel นี่แหละ เป็นตั๋วไปกลับ

จาก Marina Grande ไป Capri Centrale คนละ

8 EUR แล้วก็ขึ้นบัสสีน้ำเงินไปไม่ถึง 10 นาที

ป้ายที่เราไปลง เป็นศูนย์กลางของเกาะ จะมีร้าน

ขายเสื้อผ้า ร้านขายของที่ระลึก ร้านอาหารเยอะมาก

แต่ที่เยอะกว่าคือคน.. คนเป็นล้านนนนนนนน!!



เราเดินตามฝูงชนมาเรื่อยๆ จนมาถึงจุดชมวิวแรก!

เป็นลานกว้างๆ ให้คนมาดูวิว ถ่ายรูป มีกล้องส่องทางไกล

ให้หยอดเหรียญดูได้ขำๆ ไม่มีค่าเข้าชมค่ะ ดี๊ดี :- D



สวยใช่มั้ยล่าาาาาาาาาาาา?? ช้าก่อน.. นี่ยังถือว่า

เฉยๆ ถ้าเทียบกับที่ที่เรากำลังจะไปหลังจากนี้

มันชื่อว่า Augustus Garden เป็นสวนสาธารณะ

บนเกาะ Capri ที่มีจุดชมวิวแบบพาโนราม่าอยู่

ค่าเข้าคนละ 1 EUR เท่านั้นเอง ต้องมาให้ได้นะ!




ถ้าคิดว่าในรูปสวยแล้ว ปิงบอกเลยว่าของจริง

สวยกกว่าในรูป 38942047229 เท่า *O*

แสงแดดกระทบน้ำทะเล เห็นเป็นประกายวิ้งๆ

เต็มไปหมดเลย แล้วแลนด์สเคปของเกาะนี้คือดีมาก

คือเรายืนมองได้เห็นชั่วโมงๆไม่เบื่อเลย

ถ่ายรูปวนๆไป เห็นแล้วสัญญากับตัวเองว่าจะกลับมา

เกาะนี้อีก และต้องได้มาค้างคืนบนเกาะด้วย ฮึบ :- )



จริงๆปิงตั้งใจจะไปอีกจุดหนึ่งชื่อว่า Marina Piccola Beach

เป็นหาดสวยๆหาดนึงบนเกาะนี่แหละ แต่ตอนนั้นบ่ายสองแล้ว

ยังไม่ได้กินข้าวเที่ยงเลย ก็เลยกลับไปรับแม่ที่ออฟฟิศของ

HP travel แล้วไปหาอะไรกินแถว Marina grande

ซึ่งก็จบที่ร้านอาหารริมท่าเรือร้านนึง จำชื่อไม่ได้

เห็นเข้าไปเพราะเห็นว่านางขายซูชิด้วย แต่จริงๆ

มันก็เป็นร้านอาหาร sea food ทั่วไปของฝรั่งนี่แหละ

รสชาติกลางๆ แต่บิลออกมาคนละ 26 EUR

แพงค่าอะไรรู้มั้ย… ค่าน้ำเลม่อนปั่นนี่แหละ

ลูกละ 13 EUR แล้วสั่งมาคนละลูก นึกว่าถูก55555



กินเสร็จก็เดินเล่นได้อีกหน่อยนึง เพราะต้องกลับไป

เจอที่จุดนัดพบตอน 4 โมงเย็น เสียดายแม่ไม่ได้

เห็นอะไรเลย เพราะตอนอยู่บนเรือที่พาไปดูรอบๆ

แม่ก็ปวดหัวแล้ว T_T แม่บอกไม่เป็นไร ไว้มาใหม่!

ส่วนตัวปิงว่าโปรแกรมนี้โอเคสำหรับคนที่ไปเช้า เย็นกลับ

คุ้มค่า 75 EUR ต่อคน ( ไม่รวมอาหาร ) เพราะถ้า

ไปซื้อตั๋ว ferry เอง + ค่ารถ ไปกลับท่าเรือก็เกือบ

70 EUR แล้ว ยังไม่รวมนั่งเรือเที่ยวรอบเกาะนะจ๊ะ


กลับไปถึงท่าเรือฝั่ง Naples ก็มีรถมารับไปส่งที่พัก

อย่างดี แล้วก็อีกเช่นเคย วันนี้เราไม่ออกไปไหน

กินข้าวที่โรงแรมนี่แหละจ้า พรุ่งนี้ต้องตื่นเช้าไป

ขึ้นรถไฟไปเมือง Palermo ซึ่งพวกเราถามที่ Reception

ของโรงแรม เค้าแนะนำให้เรียก taxi จากโรงแรม

ไปสถานีรถไฟ Centrale เพราะราคาแค่ 22 EUR

และของพวกเราเยอะด้วย ก็ตามนั้นครับ พรุ่งนี้ไปลุยกันต่อ!



เรานั่งรถไฟของบริษัท Trenitalia ค่ะ

เพื่อนๆสามารถเข้าไปดูรอบรถไฟและวางแผน

การเดินทางของตัวเองได้ที่ลิงก์นี้เลย

https://www.italiarail.com

จริงๆที่ปิงจองไว้คือรถไฟจาก Naples ไป Messina

และจาก Messina ไป Palermo โดยออกจาก

Naples 9.50 น. และไปถึง Palermo 20.00 น.

แต่แล้ว ความวุ่นวายก็เกิดขึ้น เมื่อเรานั่งไปถึง

Messina แล้ว พอไปดูบนจอว่าจะนั่งต่อไปลง

Palermo ต้องไปรอชานชาลาไหน มันกลับไป

โชว์บนจอ นี่ก็ไปถามเจ้าหน้าที่ เค้าบอกรถไฟ

ขบวนที่เราจะขึ้นมีปัญหา.. เราต้องเปลี่ยนเป็นขึ้น

รถไฟอีกขบวน แล้วไปต่อบัส แล้วไปต่อรถไฟอีกขบวน..

จากต่อเดียว กลายเป็น 3 ต่อ เฉยเลย! ที่พีคกว่านั้น

คือเรามีเวลาต่อรถแต่ละครั้ง ประมาณ 5 นาที

คือแบบ ลงขบวนนึง ต้องรีบขนของไปอีกขบวนนึงเลย

เป็นวันที่เหนื่อยมากๆค่ะ สุดท้ายมาถึงที่พักที่ Palermo

ประมาณ 3 ทุ่ม แล้วทุกคนก็สลบเลย วันนี้ไม่มีการ

ถ่ายรูปอะไรทั้งนั้น5555555555 เริ่มใหม่พรุ่งนี้จ่ะ



ที่พักของเราชื่อ B&B I Cinque Continenti

เป็น B&B เล็กๆในตึกแถวใกล้ๆสถานี Central ของ

เมือง Palermo ในตึกจะมีที่พักชื่ออื่นๆด้วย ซึ่งเอาจริง

ไม่ชอบอะไรเลย55555 เหมือนแค่มานอนอ่ะ แล้วสาเหตุ

ที่แม่จองที่นี่คือตลกมาก.. แม่เห็นคำว่า Continenti

เลยนึกว่ามันเป็นเครือเดียวกับโรงแรม Continental

เลยคิดว่าน่าจะโอเค.. แบบ.. แมมมมมมมมม๊5555555

ห้องที่เราพักมีเตียง 2 ชั้น 2 เตียง กับ เตียงดับเบิ้ล 1 เตียง

ห้องเก่านิดนึง แต่สะอาด เสียตรงที่ต้องแชร์ห้องน้ำ

กับเค้ามีครัวเล็กๆ แล้วก็มีครัวซองกับซีเรียลเป็นมื้อเช้าให้



หลายคนอาจจะยังไม่เคยได้ยินชื่อเมือง Palermo

ซึ่งก่อนหน้านี้ปิงก็ไม่เคยได้ยิน แต่พี่ชายปิงไปเรียน

ที่มิลาน แล้วเค้าแนะนำมาค่ะ คนที่มาเที่ยวเมืองนี้

ส่วนใหญ่เป็นคนอิตาลี คือแทบมีคนเอเชียเลย

แต่นั่นไม่ใช่ประเด็น ประเด็นอยู่ที่บ้านเมืองมัน

คงความอิตาลีไว้ได้สมบูรณ์มาก สถาปัตยกรรมสวย

ดูเพลิน แถมมีพระราชวังที่ UNESCO ยังให้เป็น

มรดกโลกด้วย พูดมาขนาดนี้ก็ต้องไปแล้วป่ะ?

ที่ชอบคือมาวันเดียว เอาอยู่ เก็บแลนด์มาร์คเกือบครบ

แล้วไม่ต้องใช้บัตรโดยสารเลย เดินถึงกันหมด!

เราไปเริ่มกันที่ที่แรกเลย นั่นก็คือ Ballaro Market



Ballaro Market เป็นหนึ่งในสามตลาดที่ดัง

และใหญ่ที่สุดของเมือง Palermo ส่วนตัวเป็นคน

ชอบเดินตลาดอยู่แล้วเวลาไปเที่ยวเมืองต่างๆ

เพราะอยากเห็นไลฟ์สไตล์ตอนเช้าของคนที่นั่น

ตลาดนี้คือมีทุกอย่างจริงๆ ตั้งแต่เนื้อสัตว์ ผัก ผลไม้

ของสดต่างๆ ของแห้ง ของดอง ของใช้ตามครัวเรือน

ตลอดทางก็จะมีร้านอาหาร ร้านน้ำปั่น ให้คนนั่งกินข้าว

นั่งพักขา * คำเตือน * google บอกว่าตลาดนี้เปิด 9 โมง

ก็จริง แต่คนที่นี่เค้าเริ่มใช้ชีวิตกันช้าค่ะ ปิงไป 9 โมงครึ่ง

ยังไม่ค่อยเปิดกันเลย เดินไปเรื่อยๆจนจะ 11 โมงนู่น

ถึงจะเปิดกันครบ ปิงก็เลยทานเบเกอรี่ง่ายๆนั่นแหละ

ไม่ได้นั่งร้านอะไร เพราะเค้ายังไม่เปิ๊ดดดด :- D



จากตลาดเราก็เดินไป Palermo Cathedral

หรือวิหารประจำเมือง Palermo กันค่าาาา ไม่ถึง

10 นาทีเราก็มาถึงแล้ว ที่นี่ไม่มีค่าเข้าชมนะ

แต่ต้องแต่งกายสุภาพ ใครใส่ขาสั้นมาต้องเช่า

ผ้าถุงมานุ่ง ถึงจะเข้ามาชมได้ ด้านในก็กว้างขวาง

สมเห็นวิหารประจำเมือง เดินวนจนรอบก็ช่วยให้

ใจชื้นขึ้นมาหน่อย แต่ถ้าถามเรื่องศิลปะการตกแต่ง

ข้างในก็ยังสู้วิหารของเมืองอื่นๆในอิตาลีไม่ได้นาจา



จากวิหาร เราก็มุ่งหน้าไปที่ไฮไลท์ของเราในวันนี้

นั่นก็คือ Palazzo dei Normanni หรือ

Royal Palace of Palermo มันคือ UNESCO’s

world heritage และเหตุผลหลักที่คนมาเที่ยวเมืองนี้ค่ะ

พระราชวังนี้เป็นที่นั่งของกษัตริย์แห่งซิซิลีในสมัยก่อน

แล้วตอนนี้ก็ถือเป็นอาคารที่เก่าแก่ที่สุดในยุโรปด้วย

แต่เชื่อมั้ย เค้าดูแลรักษาดีมาก ข้างในยังดูใหม่อยู่เลย

บัตรเข้าชมมี 2 แบบ ค่ะ คือ 14 EUR เข้าชมในส่วน

พระราชวัง อย่างเดียว กับ 19 EUR เข้าชมทั้งพระราชวัง

และสวน ปิงซื้อแบบ 14 EUR มา ไป! เข้าไปดูกัน!



มุม iconic ของที่นี่ คือด้านในอาคารนี่แหละ..



ห้องที่เป็นที่นั่งของกษัตริย์คืออลังมาก

ลวดลายบนผนัง ละเอียด และ อ่อนช้อยสุดๆ



และนี่คือรอบๆพระราชวังนะค้า

มีแสดงงานศิลปะเก่าะแก่ ของใช้ในพระราชวัง

และโซนที่บอกเล่าประวัติของเกาะซิซิลี,

เมือง Palermo และ พระราชวังแห่งนี้ :- )



พวกเราใช้เวลาอยู่ที่นี่นานพอสมควรเลย

พออออกมาก็บ่นหิวกันทั้งสามคน เราเดินจาก

พระราชวังกลับมาตรงแถววิหารประจำเมือง

จะเจอถนนเส้นใหญ่ที่เต็มไปด้วยร้านอาหาร

คาเฟ่ ร้านขายของที่ระลึก อารมณ์จุดรวมตัว

ของนักท่องเที่ยวที่มาตามเก็บแลนด์มาร์คเลย

แล้วอยู่ดีๆก็มีผู้หญิงคนนึงยื่นเมนูอาหารร้านนาง

มาให้เราดู ซึ่งเราดูแล้วคิดว่าไม่แย่

ก็เอาวะ กินร้านนี้แหละ…

จำหน้าร้านไว้นะ เพราะเรื่องมันยังไม่จบแค่นี้..



เราสั่งไป 3 อย่าง คือ สลัดกับชีส, สปาเก็ตตี้คาโบนาร่า

ชุด Deep fried sea food ซึ่ง… ไม่มีอะไรอร่อยเลย

สลัดผักคือพอกินได้ที่สุดแล้ว สปาเก็ตตี้รสชาติแบบ

เหมือนเอาอาหารแช่แข็งมาเวฟ ที่แย่สุดคือไอชุดของทอด

ที่เย็นสนิท แป้งไม่มีความกรอบหลงเหลืออยู่เลย

ปลาไม่มีเนื้อเลยมีแต่ไข่ แบบ.. กินกันไม่ลงจริงๆ

นั่งฝืนกินอยู่ตั้งนาน จนโต๊ะข้างๆเป็นคนเวียดนาม 5 คน

สั่งชุดเดียวกับเรา พอกินเข้าไปปุ๊ปนางเรียกพนักงานมา

ถามประมาณว่า กล้าเรียกว่าของทอดได้ไง เย็นขนาดนี้

ไม่ต้องห่วงนะ พวกเราจะจ่ายเงินให้ แต่กินไม่ลงจริงๆ

พวกนางวางเงิน แล้วเดินออกเลย.. นี่แบบ ปรบมือให้

555555555 ขอบคุณมากที่พูดแทน ขอบคุณมากๆอ่ะ



เรื่องบ้าๆจบไป เราไปเดินเล่นกันต่อที่

Quattro Canti จัตุรัสกลางเมืองที่มีสถาปัตยกรรม

แบบบาร็อคโดดเด่นมาก รอบก็เป็นถนนช้อปปิ้ง

มีร้านแบรนด์ต่างๆ บาร์ คาเฟ่ อีกเช่นเคย

ย่านนี้ไม่ได้มีสถานที่อะไรพีคๆ แต่ว่าเดินเล่น

ได้เรื่อยๆ เพราะว่าตึกสวย น่าถ่ายรูปตลอดทาง <3



ปิดท้ายด้วย Vucciria Market อีกหนึ่งตลาด

สุดฮอตของเมืองนี้ ที่นี่ก็เปิดทั้งกลางวันกลางคืนแหละ

แต่คนจะนิยมมากันตอนกลางคืน เพราะจะมีพวก

Street food เยอะแยะมากมาย ปิงไปตอนจะ 6 โมง

ยังมีมีร้านอาหารเปิดเลย ยังไม่จำว่าคนอิตาลีเค้า

ใช้ชีวิตสโลว์ไลฟ์ ตื่นสาย กินสาย นี่ก็ได้แต่เดินเล่น

ดูของไปเรื่อย เหมือนตลาดเมื่อเช้าอ่ะแหละ

ถ้าใครอยากมาเห็นบรรยากาศคึกครื้นก็มาสัก 2 ทุ่มนะคะ




ตอนเย็น พวกเราหาอะไรง่ายๆทานแถวที่พักค่ะ

แล้วก็รีบนอนเลย เพราะว่าพรุ่งนี้ต้องตื่นไปสนามบิน

แต่เช้า เราจะนั่งเครื่องบินไปเที่ยวมิลานกัน เยยยย้!

หวังว่าคงจะชอบรีวิวทริปยุโรป EP.2 กันน้า

ใครยังไม่ได้อ่าน EP.1 ที่ไปเมือง Hallstatt กับ

เมือง Salzburg ประเทศออสเตรีย ก็เข้าไปอ่าน

ได้ที่ https://bit.ly/2T8ORxT เลยยยยย

สุดท้ายฝากติดตาม EP. ต่อๆไป และวิดีโอ

ที่เพจ Bliss Out There ด้วยนะคะ ขอบคุณค่ะ

เลิฟ <3 https://www.facebook.com/BlissOutThere/


Bliss Out There

 วันจันทร์ที่ 12 สิงหาคม พ.ศ. 2562 เวลา 15.08 น.

ความคิดเห็น