.................

เพราะในความเป็นจริงไม่มีใครที่ไม่มีจุดอ่อน ต่อให้เราพยายามปิดบังหรือไม่ยอมรับจุดอ่อนของเรา แต่สุดท้ายธรรมชาติก็จะมีวิธีที่จะทำให้เราต้องยอมรับในตัวตนของเราให้ได้

" 𝘕𝘢𝘵𝘶𝘳𝘦 𝘩𝘢𝘴 𝘤𝘶𝘯𝘯𝘪𝘯𝘨 𝘸𝘢𝘺𝘴 𝘰𝘧 𝘧𝘪𝘯𝘥𝘪𝘯𝘨 𝘰𝘶𝘳 𝘸𝘦𝘢𝘬𝘦𝘴𝘵 𝘴𝘱𝘰𝘵 "

𝘤𝘢𝘭𝘭 𝘮𝘦 𝘣𝘺 𝘺𝘰𝘶𝘳 𝘯𝘢𝘮𝘦 (𝟤𝟢𝟣𝟩)


______________

เราเชื่อว่าหลายๆคนที่เหนื่อยล้า เบื่อชีวิตในเมืองที่ต้องดิ้นรน ทํามาหากิน หรือเศร้าใจบางเรื่องเเล้วหาทางออกไม่ได้สักที คงอยากจะหาสิ่งที่เยียวยาความรู้สึกน่าเศร้าเหล่านั้นให้เบาลง ซึ่งการลองมาสูดหายใจในพื้นที่สีเขียว หาเเหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติอยู่พักผ่อนสักครึ่งวัน ก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่คุณต้องลองสักครั้งในชีวิต

วันนี้เราจะพาทุกคนมาสัมผัสกับกลิ่นอายของธรรมชาติในชนบท ที่ชุมชนบ้านบัว จังหวัดพะเยา ในฉบับ call me by your name สไตล์กัน

สําหรับใครที่เคยดูหนังเรื่อง call me by your name คงต้องนึกถึงฉากที่เอลิโอเเละโอลิเวอร์เดินทางไปยังนอกเมืองสถานี Capralba เพื่อ.......ใช้เวลาร่วมกัน ภาพบรรยากาศหน้าร้อนในเมืองเล็กๆทางตอนเหนือของอิตาลี ชวนให้เรานึกถึงธรรมชาติ ภูเขา เเละธารนำ้ใสๆ ที่น่าเอาเท้าไปจุ่มให้คลายร้อน..... พอนึกถึงเเบบนั้นเเล้วเราคงไม่รอช้าที่จะมายังบ้านบัว เพื่อทดเเทนความกระหายนั้น ให้ทุเลาลง



เราหยิบจับเสื้อผ้าบางชิ้นในตู้ที่ดูเหมือนกับการเเต่งตัวของเอลิโอเเละโอลิเวอร์ เพื่อสร้างอรรถรสในการท่องเที่ยวให้รู้สึกเหมือนเป็นส่วนหนึ่งในหนัง Call Me By Your Name ก่อนจะเก็บกระเป๋า ออกเดินทางไปยังบ้านบัว ชุมชนที่อยู่ต้นน้ำ เเละมีอ่างเก็บน้ำห้วยตุ่น ไหลผ่านกลางหมู่บ้าน ชุมชนนี้เป็นชุมชนที่มีส่วนร่วมสำคัญในการอนุรักษ์ต้นน้ำแห่งนี้ ให้เป็นน้ำสะอาด ปลอดสารเคมี ก่อนที่เราจะพาไปดูเเหล่งต้นนํ้าที่ใสสะอาด อยากให้ทุกคนลองนึกภาพตามว่าในชุมชนเเห่งนี้มีการอนุรักษ์เเหล่งนํ้าอย่างเคร่งครัดมาก คงไม่ต้องเดาเลยว่านํ้าที่นี่จะใสสะอาดเเค่ไหน

.

.

.


การเดินทางมาบ้านบัวไม่ยากเลย เราเริ่มต้นจากหน้ามหาวิทยาลัยพะเยา มาตามเส้นทางเข้าเมืองเรื่อยๆจนถึง 4 เเยกเเม่ตํ๋า เลี้ยวซ้ายเข้าไปถนนเส้นตําบลบ้านตุ่น เดินทางต่อมาเรื่อยๆจนเจอป้ายบ้านบัว ระหว่างทางมีป้ายบอกตลอดไม่ต้องกลัวหลงนะ ใช้เวลาในการเดินทางประมาณครึ่งชั่วโมง ระยะทางเพียงเเค่ 20 กิโลเมตรเอง ชิวมาก

เมื่อมาถึงยังหน้าหมู่บ้านเราจะพบกับอุโมงค์ไม้ไผ่ ที่รอต้อนรับเราอยู่ เราจอดรถข้างทางเเล้วลงไปถ่ายรูปเล่น เเต่เเล้วก็บังเอิญเจอธารนำ้ใสเล็กๆทอดยาวคู่ขนานไปกับถนนจนสุดตา เราไม่รอช้าที่จะเอาเท้าจุ่มนำ้ใสๆเย็นๆนี้ ให้ชื่นใจสักหน่อย


นี่ขนาดเป็นนํ้าที่ไหลมายังปากทางหมู่บ้าน ซึ่งถือว่าเป็นปลายนํ้า ยังใสขนาดนี้ ถ้าเราพาทุกคนไปดูเเหล่งต้นนํ้าจริงๆล่ะ จะเป็นไง ?

เราลองเอาเท้าจุ่มนํ้าในคลองสักพัก พอให้ร่างกายตื่นตัวกับนํ้าเย็นๆในคลองนี้ ก่อนจะเดินทางเข้าไปในป่าของชุมชน โดยการยืมจักรยานของคุณป้าตอง ชาวบ้านในชุมชน เพื่อปั่นไปดูเเหล่งต้นนํ้า ตรงจุดนี้ทุกคนสามารถใช้มอเตอร์ไซค์หรือรถยนต์ขับเข้าไปได้นะ เเต่เพื่อบรรยากาศที่สมจริงกับการตามรอย CMBYN เราจะพลาดได้ไงกับซีนปั่นจักรยานที่ของมันต้องมี



ขณะที่เราปั่นจักรยานเพื่อจะไปยังอ่างเก็บนํ้าเเม่ตุ่น ที่ตั้งอยู่ที่บ้านห้วยหม้อ (ซึ่งเป็นหมู่บ้านที่ติดอยู่กับบ้านบัว) ระหว่างทางจะมีฝายนํ้าหรือนํ้าตกเล็กๆหลายจุดมาก ที่เราสามารถเเวะจอดถ่ายรูปเล่นหรือนั่งพักผ่อนได้




เราปั่นไปตามเส้นทางในชุมชนไปเรื่อยๆ จนเจอเเก๊งเด็กประมาณ 5-6 คน กําลังเล่นนํ้าตกอยู่ข้างทาง ทําให้นึกถึงตอนที่เราเป็นเด็ก เราเติบโตมาจากชนบทที่มีคลองนํ้าในหมู่บ้านเเบบนี้เเหละ เเล้วเราก็ชอบหนีพ่อเเม่ไปเล่นนํ้ากับเพื่อนบ่อยมาก พอมาเห็นเด็กพวกนี้ เลยรู้สึกอยากลองกลับไปเล่นอีกครั้ง ใครจะไปคิดว่าผ่านมาจนอายุ 21 ปี จะได้กลับมาทําอะไรเเบบนี้

ทันทีที่เราเข้าไปหาเด็กๆพร้อมกับสะพายกระเป๋าเป้ เเละคล้องกล้องไว้ที่คอ เด็กๆคงนึกว่าเราเป็นนักท่องเที่ยว เเอบเห็นสีหน้าตกใจ เเตกตื่นกันเล็กน้อย เรากลัวว่าพวกเขาจะกลัวเรา เลยพูดเล่น ทักทายเด็กๆไปก่อนที่จะบอกพวกเด็กๆไปว่า พี่ขอเล่นนํ้าด้วยได้มั้ย.......เสียงตอบรับจากหลายๆคนในเเก๊งพูดออกมาพร้อมกันว่า เย้ !! ผิดคาดมาก เราได้รับการต้อนรับอย่างดีจากเด็กๆเหล่านี้ พอเรารู้สึกว่าเด็กๆดีใจกันที่เราจะลงไปเล่นนํ้าด้วย เราก็รีบเปลี่ยนชุดเเล้วลงไปเล่นนำ้ในคลองเลย



เป็นเวลาช่วงบ่ายๆ อากาศร้อนพอให้ใจต้องการกระเเทกกับนํ้าเย็นๆ ในคลองใสๆนี้ เราลงไปเเช่นํ้าคลายร้อน กับเด็กๆที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน เราจําได้ว่ามีเด็กคนหนึ่งพูดจาน่ารักมาก คอยบอกเราตลอดว่าตรงนี้นํ้าลึกนะ ตรงนี้เล่นได้นะ ใครจะไปรู้ว่านอกจากจะได้คลายร้อนเเล้ว มาเล่นนํ้าที่นี่ยังได้เจอมิตรภาพตัวจิ๋วที่น่ารักอีกด้วย



ระหว่างทางไปอ่างห้วยตุ่นเราได้เจอกับป่าที่คล้ายเป็นสวนเล็กๆน่ารักอยู่ ป่าไม้ที่นี่อุดมสมบูรณ์มาก เขียวขจี สบายตาไปหมด บ่งบอกถึงความสมดุลของธรรมชาติที่นี่



ธรรมชาติในชนบทนี้ทําให้เราอดนึกถึงบรรยากาศใน call me by your name ไม่ได้ เเละถ้าตัดเรื่องสภาพเเวดล้อมที่ต่างกัน อารมณ์ของการมาเที่ยวเชิงธรรมชาติครั้งนี้ก็เเทบจะเหมือนในหนังทุกอย่าง ทั้งการปั่นจักรยานเล่น ตอนที่ได้เอาเท้าจุ่มนํ้าเย็นๆ อากาศร้อนๆเล็กน้อยบวกกับเสียงเเมลงเเละนกร้องในป่า ถึงตอนนี้ทุกคนคงสัมผัสได้ไม่มากก็น้อยว่าเราชื่นใจเเค่ไหนที่ได้ใช้เวลาร่วมกับสิ่งเหล่านี้



การท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติ เปรียบเสมือนการให้ร่างกายได้ปะทะอากาศบริสุทธิ์ ได้มาฟังเสียงนก เสียงลมได้ทําความรู้จักกับธรรมชาติมากขึ้น เเละธรรมดาที่ถึงเเม้อากาศจะร้อนเเค่ไหน เเต่เมื่อเราได้อยู่ใต้ร่มไม้เเละสายธารนํ้าที่ไหลผ่านตลอดเส้นทาง นั่นก็สามารถทําให้ใจเราเย็น สงบนิ่งขึ้น ได้มีเวลาทบทวน ฉุดคิดอะไรหลายๆอย่าง ที่อาจทําไม่ได้ขณะที่เราอยู่ในเมืองที่มีเเต่ความวุ่นวาย


บางครั้งเวลาที่เราอ่อนเเอ ขอเเค่มีเวลากลับมาหาธรรมชาติ

เพราะธรรมชาติรู้จุดอ่อนของเราเสมอ เเละมันสามารถรักษาเราได้

เพียงเเค่เราเดินเข้าไปหามัน

.........



เราเดินทางต่อไปยังอ่างเก็บนํ้าห้วยตุ่น ทางเดินไปห้วยตุ่นค่อนข้างลําบากเล็กน้อย เราเลยตัดสินใจนำมอเตอร์ไซค์จอดไว้ข้างล่างเนิน เเล้วเดินขึ้นไปเเทน ระยะทางระหว่างเนินด้านล่างขึ้นไปยังอ่างเก็บนํ้าใกล้นิดเดียวเอง ประมาณ 200 กว่าเมตร



เรามาถึงอ่างเวลาประมาณบ่าย 3 นิดๆ

เมื่อถึงเเหล่งต้นนํ้าอ่างห้วยตุ่นก็ได้พบกับวิวหลักล้านเเบบนี้

.............



การมาถึงยังจุดหมาย ทําให้เรานึกถึงเรื่องราวระหว่างทาง ตอนที่ได้พบกับฝายนํ้าเล็กๆหลายๆเเห่งในหมู่บ้านที่สวยใสสะอาดตา เหมือนการเดินทางครั้งนี้ตั้งใจจะบอกกับเราว่า เรื่องราวระหว่างทางก็ให้ความสุขกับเราไม่ต่างกับปลายทางที่เราเจอ



ที่นี่อาจไม่ใช่สถานที่เที่ยว ที่ถูกจัดเเต่งหรือเสริมสร้างให้เป็นธุรกิจการท่องเที่ยว เป็นเพียงป่า หรือคลองนํ้าลําธารเล็กๆที่ไหลผ่านตามชุมชนเท่านั้น เเต่เรามองเห็นเสน่ห์ของธรรมชาติที่บริสุทธิ์ที่นี่


เรามาเพื่อเก็บบรรยากาศ เเละสูดหายใจเอาอากาศบริสุทธิ์ที่หาได้ยากจากชีวิตประจําวัน มาเก็บความเงียบให้ความคิดได้ตกผนึก เเละให้ธรรมชาติได้ทํางานบําบัดเราไป เเต่มากกว่านั้นเรายังได้พบเจอมิตรภาพที่น่ารักๆของผู้คนที่นี่ ตั้งเเต่ตอนเริ่มยืมจักรยานของคุณป้าใจดีในชุมชนมาปั่นเล่น ได้พบกับมิตรภาพเเก๊งเด็กที่เจอตอนเล่นนํ้าตก......สิ่งเหล่านี้ได้มาโดยไม่ต้องเสียเงินสักบาท





𝘊𝘢𝘭𝘭 𝘮𝘦 𝘣𝘺 𝘺𝘰𝘶𝘳 𝘯𝘢𝘮𝘦 𝘢𝘯𝘥 𝘪‘𝘭𝘭 𝘤𝘢𝘭𝘭 𝘺𝘰𝘶 𝘣𝘺 𝘮𝘪𝘯𝘦

เรียกฉันด้วยชื่อของคุณ คุณคืออีกครึ่งนึงของฉัน

มนุษย์เราจริงๆเเล้วถูกสร้างขึ้นมาให้มีสองร่างติดกัน ก่อนจะถูกเเยกตัวออกไป

และต้องใช้เวลาทั้งชีวิตตามหาอีกครึ่งนึงของตัวเอง

.

คงไม่ต่างจากเราตอนนี้ ที่กําลังเข้าหาธรรมชาติเพื่อเติมเต็มสิ่งที่ขาดหายให้กับชีวิต



เหลา จะ เล่า

 วันจันทร์ที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2562 เวลา 21.06 น.

ความคิดเห็น