>> ติดตามเรื่องราวการเดินทางเพิ่มเติมได้ที่ Facebook เพจสวัสดีคนแปลกหน้า

https://www.facebook.com/hellostrangerpage/

>> IG : hellostrangerth

https://www.instagram.com/hellostrangerth
.
.

กำเงินสี่พัน เที่ยวสี่วัน...ที่มัณฑะเลย์-พุกาม EP.1

หากจะพูดถึงประเทศเพื่อนบ้านที่อยูไม่ใกล้ไม่ไกลจากไทย “ประเทศเมียนมา” คงเป็นหนึ่งในประเทศที่ทุกคนนึกถึงอย่างแน่นอน หลังจากที่เมียนมาได้ประกาศเปิดประเทศแล้ว ประกอบกับความประทับใจในภาพยนตร์ที่บอกเล่าเรื่องราวความสัมพันธ์ไทย-เมียนมา ในเรื่อง “From Bangkok To Mandalay” มันยิ่งทำให้เราอยากที่จะออกไปสัมผัสบรรยากาศนั้นด้วยตัวเอง

4 วัน 3 คืน งบ 4 พันบาท กับการเดินทางท่องเที่ยวครั้งแรกที่เมืองมัณฑะเลย์-พุกาม ประเทศเมียนมา มันได้สร้างความตื่นเต้นให้เราไม่น้อย สิ่งที่คิดกับสิ่งที่เห็น ช่างแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง สถานที่ท่องเที่ยวที่สวยงาม คนแปลกหน้าต่างถิ่น วิถีชีวิต วัฒนธรรม และความเลื่อมใสในพระพุทธศาสนา ทุกอย่างถูกผสมรวมกัน เกิดเป็นทริปเปิดโลกที่สร้างมุมมองใหม่ๆ ให้กับการเดินทาง

แพลนตามรอย

Day 1 : Mandalay

Day 2 : Mandalay / Mingun / Sagaing

Day 3 : Bagan

Day 4 : Bagan – Bangkok


สถานที่ท่องเที่ยวเมืองมัณฑะเลย์

01 พระราชวังมัณฑะเลย์ / Mandalay Palace

02 วัดชเวนันดอว์ /Shwenandaw Monastery

03 วัดอทูมาชิ / Atumashi Kyaungdawgyi

04 วัดกุโสดอว์ / Kuthodaw Pagoda

05 วัดสันตมุนี / Sandamuni Pagoda

06 มัณฑะเลย์ฮิลล์ / Mandalay Hill

07 พระมหามัยมุนี / Mahamuni Buddha

08 เจดีย์มินกุน / Mingun Pagoda

09 ระฆังมินกุน / Mingun Bell

10 เจดีย์ชินพิวเม (เมี๊ยะเต็งดาน) / Hsinbyume Pagoda

11 วัดอูมินตง / U Min Thonze Cave

12 วัดซุนอูพอนยาชิน / Soon U Ponnya Shin Pagoda

13 วัดมหาเตงดอจี / Maha Thein Twa Gyi

14 เจดีย์เจ๊าตอว์กยี / Kyautawgyi Paya

15 สะพานไม้อูเบ็ง / U Bein Bridge


>> ข้อมูลการเดินทางแบบละเอียด ค่าใช้จ่าย ค่ารถ โรงแรม อธิบายใต้รูปนะคะ

>> อ่านรีวิวฉบับเต็ม EP.2 เที่ยวเมืองพุกาม ประเทศเมียนมา https://th.readme.me/p/27350


กล้องที่ใช้ในการถ่ายรูป

GoPro Hero 7 Black / Nikon D5600

เจดีย์ชินพิวเม หรือที่ใครหลายคนขนานนามว่าเป็น ทัชมาฮาลแห่งลุ่มน้ำอิรวดี ที่นี่เปรียบเสมือนเป็นอนุสรณ์แห่งความรัก ที่พระเจ้าบากะยีดอว์ พระราชนัดดาในพระเจ้าปดุง ทรงสร้างไว้แด่พระมหาเทวีชินพิวมิน เจดีย์ที่นี่มีความสวยงามมาก ถือเป็นแลนด์มาร์คสำคัญของนักท่องเที่ยวเลยก็ว่าได้


พระราชวังมัณฑะเลย์ ในมุมมอง 360 องศา สวยงามและดูกว้างใหญ่มาก เป็นสถานที่สำคัญที่คนมาเที่ยวมัณฑะเลย์ไม่ควรพลาด


สะพานอูเบ็ง เป็นสะพานไม้สักที่ยาวและเก่าแก่ที่สุดในโลก อายุกว่า 200 ปี ที่ใช้เป็นทางเชื่อมสำหรับสัญจรไปมาและข้ามทะเลสาบตองตะมาน ไปยังเกาะกลางทะเลสาบ ที่นี่ถือเป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวที่ผู้คนมักจะมาชมวิวพระอาทิตย์ขึ้นและตกดินกัน


เจดีย์มินกุน หนึ่งในสถานที่ยอดฮิตที่อยู่ไม่ไกลจากเมืองมัณฑะเลย์ ถึงแม้ว่าที่นี่จะเป็นแค่ซากฐานเจดีย์ที่สร้างไม่เสร็จ ยังทำให้เราทึ่งในความยิ่งใหญ่ได้ขนาดนี้ แต่ถ้าหากสร้างเสร็จ ที่นี่จะได้ชื่อว่าเป็นเจดีย์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก

>> เกริ่นมาพอสมควร ถ้าพร้อมแล้ว เรามาออกเดินทางไปด้วยกันนะคะ

DAY 1 : Mandalay

การเดินทางไปเมียนมา 4 วัน 3 คืน ในครั้งนี้ สะดวกสบายมากๆ ไม่ต้องใช้วีซ่า แค่แพลนทริปกับจองตั๋วเครื่องบินแค่นั้น เราบินตรงจากกรุงเทพ ดอนเมือง - มัณฑะเลย์ ด้วยสายการบินแอร์เอเชีย เที่ยวบิน FD244 ใช้เวลาไม่นาน แค่ 1 ชั่วโมงนิดๆ ก็มาถึงท่าอากาศยานนานาชาติมัณฑะเลย์ เวลาเที่ยงตรงพอดี ตรงเวลาเป๊ะ!


เดินทางกับแอร์เอเชีย อุ่นใจและสบายกระเป๋าเป็นที่สุด เราเลือกแพ็กสุดคุ้มพร้อมตั๋วในราคาประหยัด ได้บินสบายๆ แถมโหลดกระเป๋าได้ถึง 20 กก. พร้อมอาหารร้อนบนเครื่อง และมีประกันการเดินทางคุ้มครองความล่าช้าของสัมภาระและเที่ยวบินจาก Tune Protect อีกด้วย รับความคุ้มค่าทั้งหมดนี้เพียงแค่จองที่ AirAsia.com หรือ จองผ่านแอพก็ได้นะคะ


เมื่อผ่านด่านตรวจออกมา เราก็จะเจอกับร้านแลกเงิน ร้านขายซิมการ์ด และบริษัทรถต่างๆ สำหรับที่เราจะใช้เข้าเมือง ซึ่งเราแลกเงินพม่าในสกุลเงิน Kyat หรือที่เราเรียกกันว่า จ๊าต จาก Super Rich ที่ไทยเรียบร้อยแล้ว (แนะนำว่าให้แลกเงินจากไทยไปเลยจะดีกว่า เพราะเรทราคาที่สนามบินค่อนข้างแพง) ต่อไปเราก็มาหาซื้อซิมกัน เราเลือก Sim Card ของค่าย Ooredoo ได้แพ็กเกจเน็ตมา 2 GB พร้อมโทรฟรี 20 นาที ในราคา 3,500 Ks ซิมนี้สามารถใช้ได้นาน 30 วัน แต่เราอยู่ในพม่าแค่ 4 วัน แพ็กเกจนี้ถือว่าโอเค เน็ตเหลือๆ สำหรับคนที่ใช้แค่ดูแผนที่ (ในแพ็กเกจเดียวกันนี้ แต่เป็น 3GB ราคา 4,500 Ks / 5GB ราคา 6,500 Ks / 10 GB 11,500 Ks)


ซื้อซิมเสร็จเรียบร้อย เราก็มาหารถเข้าเมือง โดยมีรถให้เลือกเยอะมาก ทั้งรถแท็กซี่ รถแชร์ รถมินิบัส เราสอบถามราคากับเวลาแล้ว สรุปว่าไปรถมินิบัสจะประหยัดที่สุด รถของ Shwe Nan San จะออกทุกๆ ชั่วโมง หรือถ้าคนเต็มคันเร็ว เขาก็จะออกทันที ราคาต่อคนอยู่ที่ 4,000 Ks ขึ้นไปถึงก็จ่ายเงิน และบอกชื่อโรงแรม รถจะส่งเราถึงหน้าโรงแรมเลย


บรรยากาศภายในรถมินิบัส มีคนแปลกหน้าชาวต่างชาติเป็นเพื่อนร่วมทาง เต็มคันสามารถนั่งได้ 15 คน เราเดินทางจากสนามบินมัณฑะเลย์ไปที่ โรงแรม Hotel Boss ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง


คืนแรกที่มัณฑะเลย์ เราพักที่ Hotel Boss จองผ่าน agoda ในราคาคืนละ 335 บาท ห้องสะอาดมาก แอร์เย็น และมีอาหารเช้าให้ด้วย


ได้เวลาเริ่มเที่ยวกันแล้ว...ตอนนี้เวลา บ่าย 2 โมง เราเลยติดต่อกับพนักงานโรงแรม ให้ช่วยหารถแท็กซี่ให้ เราลิสต์ชื่อสถานที่ที่เราจะไปให้คนขับ ตกลงและต่อราคากันไปมา สรุปได้มาที่ 32,000 Ks คนขับชื่อ นายซิม เขาจะพาเราไปเที่ยวในตัวเมืองมัณฑะเลย์ครึ่งวัน ทั้งหมด 6 สถานที่ และกลับมาส่งเราที่โรงแรมตามเดิม


01 : พระราชวังมัณฑะเลย์ / Mandalay Palace

พระราชวังมัณฑะเลย์ เป็นพระราชวังที่สร้างด้วยไม้สักทั้งหลัง แต่เป็นการสร้างจำลองขึ้นมาอีกที เนื่องจากของเดิมได้อยู่ในสภาพที่เสียหายจากการที่อังกฤษทิ้งระเบิด เพื่อยึดพม่าในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ทำให้สภาพโดยรวมของพระราชวังจึงยังดูใหม่และไม่ขลังเท่าของจริง การเข้าชมจะต้องเสียค่าบัตร 10,000 Ks (บัตรจะมีอายุ 5 วัน) ซื้อบัตรครั้งเดียว สามารถเที่ยวตามที่ต่างๆ ในมัณฑะเลย์ได้ เช่น พระราชวังมัณฑะเลย์, วัดชเวนันดอว์, วัดอทูมาชิ, วัดกุโสดอว์ และวัดสันติมุนี


เราใช้เวลาเที่ยวชมที่นี่ 1 ชม. บริเวณรอบๆ ก็จะเต็มไปด้วยตึกและอาคารที่สร้างขึ้นมาให้ดูเก่าแก่ ภายในเป็นห้องโถงโล่งๆ ไม่ได้มีอะไรน่าสนใจให้เราได้ดูสักเท่าไหร่ แต่ไฮไลท์ที่อยากแนะนำ คือตรงจุดหอคอยสูง 6 ชั้น ที่ต้องเดินบันไดวนขึ้นไป ด้านบนจะเป็นจุดชมวิวแบบ 360 องศา สามารถมองเห็นวิวและบรรยากาศโดยรอบของพระราชวังมัณฑะเลย์ได้ทั้งหมด สวยงามและดูกว้างใหญ่มากๆ


02 : วัดชเวนันดอว์ /Shwenandaw Monastery

จากพระราชวังมัณฑะเลย์ เดินทางมาได้แค่ 10 นาที เราก็มาถึงยังสถานที่ต่อไป นั่นก็คือวัดชเวนันดอว์ หรือพระราชมณเฑียรทอง คือพระตำหนักเก่าของพระเจ้ามินดง ที่ทรงย้ายมาจากเมืองอมรปุระ มีความโดดเด่นและสะดุดตาด้วยโครงสร้างเก่าแก่ลักษณะคล้ายปราสาท 5 ชั้น มีสีดำ ตัวโครงถูกสร้างด้วยไม้สักและใช้ทองคำเปลวติดทั้งหลัง ทำให้บางคนจึงเรียกที่นี่ว่า Golden Palace Monastery แต่ปัจจุบันแผ่นทองได้หลุดออกไปเกือบหมดแล้ว มีแต่ภายในเท่านั้นที่ยังพอเหลือให้เราได้เห็นความสวยงาม


บริเวณโดยรอบและด้านในของวัดชเวนันดอว์ เต็มไปด้วยงานแกะสลักไม้ที่มีรายละเอียดเยอะมาก แต่แฝงไปด้วยความประณีตและความสวยงาม บางส่วนของตัวโครงยังมีสีทองของทองคำเปลวให้เราได้เห็น การเที่ยวชมที่วัดนี้ จะต้องถอดรองเท้าไว้ที่หน้าวัด และบางจุดไม่อนุญาตให้ผู้หญิงเดินเข้าไป


03 : วัดอทูมาชิ / Atumashi Kyaungdawgyi

วัดอทูมาชิ อยู่ติดกับวัดชเวนันดอว์ เดินถึงกันแค่ไม่กี่เมตร วัดนี้ค่อนข้างเงียบสงบ และไม่ค่อยมีนักท่องเที่ยวเยอะเหมือนวัดอื่นๆ ตามประวัติศาสตร์ได้บอกไว้ว่า วัดอทูมาชิ ถูกสร้างขึ้นในช่วงเริ่มสร้างราชธานีใหม่ของพระเจ้ามินดง ประมาณ พ.ศ.2400 ที่มาของชื่อวัดในภาษาเมียนมา หมายถึง ความสวยงามอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ ทำให้วัดนี้ถูกยกย่องว่าเป็นอาคารที่งดงามที่สุดแห่งหนึ่งในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้


บริเวณโดยรอบวัดอทูมาชิเป็นพื้นที่กว้างๆ และด้านในเป็นห้องโถงโล่งๆ ที่ใหญ่มาก มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์อยู่ด้านหน้าให้เราได้กราบสักการะ บนเพดานและตามเสาแต่ละต้นมีสีทอง ปนงานแกะสลักลายเล็กน้อย ให้ความรู้สึกที่ยิ่งใหญ่และสวยงาม


04 : วัดกุโสดอว์ / Kuthodaw Pagoda

มาถึงสถานที่ที่สำคัญอีกแห่งหนึ่งของเมืองมัณฑะเลย์ ที่ไม่มาไม่ได้!! เพราะที่นี่ได้รับว่าเป็นมรดกโลก เป็นพุทธสถานที่มีความสำคัญทางพระพุทธศาสนา เป็นอนุสรณ์สถานของการทำสังคายนาพระไตรปิฎกครั้งที่ 4 โดยพระเจ้ามินดงทรงให้จารึกพระไตรปิฎก 84,000 พระธรรมขันธ์ ลงบนหินอ่อนจำนวน 729 แผ่น ซึ่งถือว่าเป็นพระไตรปิฏกที่ใหญ่ที่สุดในโลก และนำไปประดิษฐานในมณฑปสีขาว ที่รายล้อมอยู่รอบๆ พระเจดีย์มหาโลกมารชิน ที่จำลองรูปแบบมาจากเจดีย์ชเวสิกองของเมืองพุกาม

ภายในวัดกุโสดอว์ค่อนข้างกว้างและเงียบสงบ เราเดินเที่ยวชมรอบๆ จนทั่ว ก็ได้พบกับมุมถ่ายรูปยอดนิยม นั่นคือบริเวณตามช่องทางเดินของมณฑปสีขาวที่สร้างเรียงรายครอบหินจารึกภาษาบาลีนั่นเอง


05 : วัดสันตมุนี / Sandamuni Pagoda

วัดสันตมุนี เป็นวัดที่อยู่ใกล้ๆ กับวัดกุโสดอว์ เดินถึงแค่ 2 นาที เท่านั้น ที่นี่มีความโดดเด่นที่เจดีย์สีขาว จะมองไปทางไหนก็เจอแต่เจดีย์ เจดีย์สันตุมุนี ถูกสร้างขึ้นโดยพระเจ้ามินดงอีกเช่นเคย สร้างขึ้นเพื่ออุทิศถวายเป็นกุศลแก่พระอนุชาของพระองค์ที่ถูกพวกขบถปลงพระชนม์ และยังอัญเชิญ พระสันติมุนี ซึ่งเป็นพระพุทธรูปหล่อด้วยเหล็กจากเมืองอมรปุระมาเป็นพระปฎิมาประธานอีกด้วย


ภายในวัดสันตมุนี มีพระประธาน ที่สร้างเป็นพระพุทธรูปทรงเครื่องอย่างกษัตริย์คล้ายกับพระหามัยมุนีแต่องค์มีขนาดเล็กกว่า น่าเสียดายมากๆ ที่ไม่สามารถเข้าไปดูใกล้ๆ ได้ เนื่องจากกำลังมีการก่อสร้างและปรับปรุงซ่อมแซมวัด (สังเกตได้จากเสาหล็กนั่งร้านที่ตั้งอยู่ก่อนถึงองค์พระประธาน)


06 มัณฑะเลย์ฮิลล์ / Mandalay Hill

มัณฑะเลย์ฮิลล์ คืออีกหนึ่งสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ ตั้งอยู่กลางเมืองและเป็นจุดชมวิวที่สวยที่สุดของเมืองมัณฑะเลย์ การเดินทางมาที่นี่จะต้องขับรถขึ้นเขา ใช้เวลาไม่นานนัก จากนั้นเราต้องถอดรองเท้าไว้ที่หน้าวัด และเดินขึ้นบันไดเลื่อนประมาณ 4 ชั้น ก็จะถึงด้านบนของมัณฑะเลย์ฮิลล์ สำหรับใครที่พกกล้องมาด้วย จะต้องเสียค่าธรรมเนียมด้วยนะคะ ราคา 1,000 Ks


บริเวณด้านบน นอกจากสามารถดูวิวเมืองมัณฑะเลย์ได้แล้ว เรายังได้สักการะพระบรมสารีริกธาตุ ณ เจดีย์ซูตองพญาอีกด้วย ซึ่งเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปสี่ทิศ ถือว่าที่นี่เป็นภูเขาศักดิ์สิทธิ์กลางเมืองมัณฑะเลย์เลยก็ว่าได้


ที่สุดท้ายของวันแรก ที่มัณฑะเลย์ฮิลล์ เป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่เราชอบมากๆ และตั้งใจว่าจะมาดูพระอาทิตย์ตกดินที่นี่ แต่น่าเสียดาย ท้องฟ้าไม่เป็นใจ เมฆเยอะจนบังพระอาทิตย์มิดไปเลย แต่ก็ถือว่าเป็นการมาเที่ยวที่เมียนมาครั้งแรกที่เปิดทริปด้วยการได้ไหว้พระขอพร สะสมแต้มบุญกันไป...เวลาเกือบจะหนึ่งทุ่มแล้ว หมดเวลาที่เราเหมารถมาเที่ยวในเมือง จากนั้นคนขับก็มารับและส่งเรากลับโรงแรม


อาหารมื้อแรกที่มัณฑะเลย์ เราฝากท้องกับร้านอาหารใกล้ๆ โรงแรม Hotel Boss หลังจากที่พยายามสื่อสารด้วยภาษาอังกฤษอยู่นาน แต่คนขายก็ฟังไม่รู้เรื่อง 555 เราเลยเลือกที่จะจบอาหารมื้อนี้ ด้วยการใช้ภาษามือ ชี้เลือกเมนูอันที่เราอยากกินและพอจะกินได้ ข้าวราดแกง 3 อย่าง กับราคาเบาๆ แค่ 2,000 Ks

DAY 2 : Mandalay / Mingun / Sagaing

07 : พระมหามัยมุนี / Mahamuni Buddha

วันที่ 2 ในมัณฑะเลย์ เรารีบตื่นกันตั้งแต่ตีสาม โดยคนขับรถคนเดิมที่เราได้ตกลงราคากันไว้แล้วตั้งแต่เมื่อวาน ในราคา 15,000 Ks ได้พาเรามาส่งที่วัด เพื่อเตรียมตัวไปร่วมพิธีศักดิ์สิทธิ์ “พิธีล้างพระพักตร์พระมหามัยมุนี” ซึ่งชาวเมียนมาเชื่อกันว่า พระมหามัยมุนีองค์นี้คือพระพุทธรูปที่มีชีวิต จึงได้มีประเพณีล้างพระพักตร์ถวายในทุกเช้า เวลา 04.00 น.


เรามารออยู่ที่หน้าวัดตั้งแต่ประตูยังไม่เปิด เมื่อถึงเวลาตี 4 เรารีบเข้าไปภายในวัด จับจองพื้นที่ด้านหน้า เพื่อจะได้เห็นทุกขั้นตอนในพิธีแบบใกล้ที่สุด (ผู้หญิงอยู่ชมด้านนนอกเท่านั้น ไม่สามารถเข้าไปร่วมพิธีได้) เราอยู่ร่วมพิธีจนจบในเวลา 6 โมงเช้า และไม่รอช้าที่จะมาต่อแถวเพื่อรับน้ำอบน้ำทานาคา ที่ใช้ในการล้างพระพักตร์พระมหามัยมุนี คล้ายๆ กับการรับน้ำมนต์กลับบ้านไปเพื่อเป็นสิริมงคลนั่นเอง ขอแนะนำเลยว่า ไม่ควรพลาด สักครั้งในชีวิต อยากให้มาร่วมพิธี...รับรองว่าคุ้มค่าที่ตื่นแต่เช้าอย่างแน่นอน


หลังจากเสร็จพิธีล้างพระพักตร์พระมหามัยมุนี คนขับรถก็พาเรากลับมาที่โรงแรม เพื่อทานอาหารเช้า ห้องอาหารของโรงแรมอยู่บนชั้นดาดฟ้า สามารถมองเห็นวิวเมืองมัณฑะเลย์ได้ มื้อเช้ามื้อนี้ค่อนข้างโอเค มีอาหารเมียนมา ซุป ข้าว ขนมปัง ชา กาแฟ เครื่องดื่มต่างๆ และผลไม้อีกมากมาย




9 โมงเช้าของวันที่สอง เราออกเดินทางด้วยการเหมารถแท็กซี่อีกเช่นเคย โดยใช้คนขับรถคนเดิม เนื่องจากความชอบส่วนตัวที่คุยถูกคอ สุภาพ และแอร์ในรถก็เย็นดี เราตกลงราคาเหมารถสำหรับการเที่ยวหนึ่งวันเต็มที่ราคา 55,000 Ks ระยะทางจากเมืองมัณฑะเลย์ไปเมืองมินกุนค่อนข้างไกล ใช้เวลาประมาณ 1 ชม. ระหว่างทางก็จะผ่านสะพานข้ามแม่น้ำอิรวดี สะพานนี้ใช้ข้ามจากเมืองมัณฑะเลย์ไปเมืองสกายน์ สำหรับเราแล้ว เราว่ามันคือสะพานที่ดูยิ่งใหญ่มากๆ เลยทีเดียว



08 : เจดีย์มินกุน / Mingun Pagoda

หลังจากที่นั่งรถมานาน 1 ชม. ก็ถึงสถานที่ท่องเที่ยวที่แรก นั่นก็คือ เจดีย์มินกุน ปัจจุบันเป็นเหมือนซากเจดีย์ที่สร้างไม่เสร็จ แต่ถ้าหากสร้างเสร็จ มันจะมีความสูงถึง 152 เมตร เลยทีเดียว และก็จะได้ชื่อว่าเป็นเจดีย์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก เจดีย์แห่งนี้ ถูกสร้างขึ้นเพื่อการแผ่บารมีของพระเจ้าปดุง กษัตริย์ผู้ที่ต้องการความยิ่งใหญ่เหนือผู้ใดในสมัยนั้น แต่ผลจากสงคราม ทำให้พระเจ้าปดุงเสด็จสวรรคต ทำให้เจดีย์แห่งนี้สร้างเสร็จเพียงแค่ฐานเท่านั้น ค่าเข้าชมเมืองมินกุน-สกาย คนละ 5,000 Ks


ซากของเจดีย์มินกุนและร่องรอยการแตกร้าวของฐานจากการเกิดแผ่นดินไหว เมื่อ พ.ศ.2381 เจดีย์สร้างไม่เสร็จที่ไม่ได้มีอะไรน่าสนใจ แต่กลับกลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยว ที่ดึงดูดให้มาเที่ยวชมความสวยงาม และทึ่งในความยิ่งใหญ่ที่สร้างมาจากความทะเยอทะยานของกษัตริย์เมียนมาในสมัยนั้น


09 : ระฆังมินกุน / Mingun Bell

ใกล้ๆ กับเจดีย์มินกุน เราก็จะพบกับ ”ระฆังมินกุน” ระฆังที่ยิ่งใหญ่ไม่แพ้เจดีย์ ถือว่าเป็นระฆังที่ใหญ่ที่สุดในโลกเลยก็ว่าได้ ระฆังยังคงสภาพดี พร้อมใช้งาน เป็นระฆังที่พระเจ้าปดุงโปรดฯ ให้สร้างเพื่ออุทิศถวายแก่เจดีย์มินกุน จึงต้องมีขนาดใหญ่ที่คู่ควรกัน


มุดเข้าไปดูด้านในของระฆัง โอ้โห...มันช่างยิ่งใหญ่อะไรขนาดนี้ คนยืนอยู่ในระฆังพร้อมๆ กันเป็นสิบๆ คน ยังเหลือพื้นที่เลย


10 : เจดีย์ชินพิวเม (เมี๊ยะเต็งดาน) / Hsinbyume Pagoda

อีกหนึ่งสถานที่ที่เราใฝ่ฝันว่าจะได้มา นั่นก็คือ เจดีย์ชินพิวเม หรือที่ใครหลายคนขนานนามว่าเป็น ทัชมาฮาลแห่งลุ่มน้ำอิรวดี เราเห็นและรู้จักที่นี่ผ่านภาพยนตร์เรื่อง From Bangkok To Mandalay ที่นี่เปรียบเสมือนเป็นอนุสรณ์แห่งความรัก ที่พระเจ้าบากะยีดอว์ พระราชนัดดาในพระเจ้าปดุง ทรงสร้างไว้แด่พระมหาเทวีชินพิวมิน ซึ่งถึงแก่พิราลัยก่อนเวลาอันควร เจดีย์มีความสวยงามและโดดเด่น สร้างบนฐาน 7 ชั้นรูปเกลียวคลื่น มีลักษณะเป็นชั้น ๆ สีขาว


เจดีย์ชินพิวเม อยู่ใกล้ๆ กับเจดีย์มินกุน เดินถึงกันแค่ 5 นาที เมื่อเดินมาถึงด้านหน้าวัด เราพูดได้คำเดียวเลยว่า ของจริงสวยกว่าในหนังอีก มันดูยิ่งใหญ่และดึงดูดให้เราพร้อมที่จะเท้าพองกับพื้นที่แสนจะร้อนตลอด 2 ชั่วโมงเต็ม ใครที่จะมาที่นี่แนะนำว่า ให้มาช่วงเช้าๆ จะได้ไม่ร้อนมากนะคะ (ต้องถอดรองเท้าไว้ที่ด้านหน้าวัด)


11 : วัดอูมินตง / U Min Thonze Cave

เราเดินทางมาเที่ยวที่เมืองสกายน์กันบ้าง ใช้เวลาแค่ 20 นาที เท่านั้น เราก็มาถึงวัดอูมินตง ซึ่งตั้งอยู่บนเขาสกาย ทางขึ้นไปยังตัววัด จะต้องเดินขึ้นบันไดทางชันสักเล็กน้อย (ไม่ต้องถอดรองเท้า) วัดนี้ถือว่าเป็นวัดที่สวยงามมากๆ อีกแห่งหนึ่งของพม่า วัดนี้เงียบสงบและคนน้อย มีความโดดเด่นที่ทางเข้าจะมีซุ้มประตูเป็นช่องๆ จำนวนมาก ทำให้คนแถวนี้เรียกวัดนี้ว่า วัด 30 ถ้ำ


ภายในวัดอูมินตง ประดับตกแต่งด้วยโมเสกสีสันสดใส ข้างกำแพงมีรูปวาดจิตรกรรมบอกเล่าเรื่องราวประวัติศาสตร์เกี่ยวกับประเทศพม่า และยังมีพระพุทธรูปประดิษฐานอีกจำนวน 45 องค์ เราไม่พลาดที่จะสักการะและไหว้ขอพรอีกเช่นเคย


12 : วัดซุนอูพอนยาชิน / Soon U Ponnya Shin Pagoda

ถัดจากวัดอูมินตง คนขับรถของเรา ได้แนะนำให้รู้จักกับอีกหนึ่งวัดที่ตั้งอยู่บนยอดเขาสกายน์ นั่นก็คือ วัดซุนอูพอนยาชิน เป็นวัดที่มีพระบรมสารีริกธาตุประดิษฐานอยู่ ภายในมีพระประทานซึ่งพระพุทธรูปขนาดใหญ่องค์สีขาว ส่วนด้านนอกก็มีเจดีย์ขนาดใหญ่สีทอง


โดยส่วนตัวเราชอบวัดนี้ เพราะนอกจากจะได้ไหว้พระ ขอพร ทำบุญ เสริมความเป็นสิริมงคลแก่ตัวเองแล้ว รอบๆ วัดยังมีที่ให้นั่งพักและชมวิวเมืองอีกด้วย มองลงไปก็จะเห็นวิวของแม่น้ำอิรวดี วัดและเจดีย์มากมายในบริเวณเขาสกายน์แห่งนี้ นอกจากนี้ ทางวัดยังมีร้านขายของที่ระลึกแก่นักท่องเที่ยวอีกด้วย พวกเครื่องประดับ ของใช้ รวมไปถึงภาพวาดที่เล่าเรื่องราวและวิถีชีวิตของชาวเมียนมา


13 : วัดมหาเตงดอจี / Maha Thein Twa Gyi

เรายังพอมีเวลาเหลือก่อนที่จะเดินทางไปดูพระอาทิตย์ตกดินที่สะพานอูเบ็ง เราเลยขอให้คนขับรถแวะวัดไทยในเมียนมาสักหน่อย วัดมหาเตงดอจี เป็นวัดเล็กๆ ที่ตั้งอยู่ที่เมืองสกายน์ เป็นวัดที่คนไทยสร้างไว้ตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา เป็นการสร้างเพื่อระลึกถึงคุณงามความดีของ พระมหาเถรคันฉ่อง พระอาจารย์ของกษัตริย์บุเรงนองและสมเด็จพระนเรศวรมหาราช รวมไปถึงเจดีย์เก่าแก่ อายุหลายร้อยปี ก็สร้างโดยช่างฝีมือไทยสมัยอยุธยาเช่นกัน


ตอนที่เรามาถึง ทางด้านหน้าบริเวณทางเข้าวัดมหาเตงดอจี มีการก่อสร้างและปรับปรุง เราเลยเดินเที่ยวชมรอบๆ ตัววัดแทน ซึ่งมีความเก่าแก่และสัมผัสได้ถึงกลิ่นไอของศิลปะไทยสมัยกรุงศรีอยุธยา ภายในวิหารมีภาพเขียนจิตรกรรมฝาผนังที่ดูลบเลือนตามกาลเวลา...หากใครที่มาเที่ยวที่เมืองสกายน์ อย่าลืมแวะวัดมหาเตงดอจี ด้วยนะคะ (ปกติวิหารหลังนี้จะไม่เปิด หากต้องการเข้าไปเยี่ยมชมด้านใน ให้คนขับรถขอกุญแจจากพระ หรือให้พระมาเปิดให้)


14 : เจดีย์เจ๊าตอว์กยี / Kyautawgyi Paya

เรามาถึงสะพานไม้อูเบ็งตอน 5 โมงเย็น เราเลยเดินเที่ยวชมรอบๆ และหาของกินบริเวณนั้น เดินไปเดินมาจนสุดสะพาน ห่างจากสะพานแค่ 300 เมตร เราก็เจอกับอีกหนึ่งวัด เป็นวัดเล็กๆ ที่อยู่ในซอย ชื่อว่าวัดเจดีย์เจ๊าตอว์กยี เป็นอีกหนึ่งวัดที่มีภาพวาดจิตรกรรมไทยสมัยอยุธยาให้เราได้ชมกัน


15 : สะพานไม้อูเบ็ง / U Bein Bridge

เราเดินจากวัดเจดีย์เจ๊าตอว์กยีกลับมาที่สะพานอีกครั้ง แล้วก็ได้เวลาพระอาทิตย์ตกดินพอดี สะพานอูเบ็ง เป็นสะพานไม้สักที่ยาวและเก่าแก่ที่สุดในโลก สร้างจากไม้ที่เหลือจากการรื้อพระราชวังกรุงอังวะ ใช้เป็นสะพานสัญจรไปมาและข้ามทะเลสาบตองตะมาน ไปยังเกาะกลางทะเลสาบ ที่นี่ถือเป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวที่ผู้คนมักจะมาชมวิวพระอาทิตย์ขึ้นและตกดินกัน ในช่วงที่เรามา (สิงหาคม) น้ำในทะเลสาบขึ้นสูงมาก สูงจนท่วมต้นไม้ในบริเวณนั้นเลยด้วยซ้ำ ทำให้นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่เลือกที่จะจ้างเรือเที่ยวชมความยาวของสะพานแห่งนี้และวิวทิวทัศน์โดยรอบ


เราอยู่ที่สะพานแห่งนี้จนพระอาทิตย์ตกดิน ไม่เสียแรงที่ตั้งใจมา เพราะที่นี่เป็นหนึ่งในสถานที่ที่พระอาทิตย์ตกดินสวยที่สุดแห่งหนึ่งเท่าที่เคยได้เห็นมา ประกอบกับบรรยากาศโดยรอบก็ดีซะเหลือเกิน ได้เห็นวิถีชีวิตของคนเมียนมา ทั้งตกปลา พายเรือ มีร้านค้าเล็กๆ ขายของทานเล่นและของที่ระลึกให้นักท่องเที่ยว ทำให้วันสุดท้ายที่มัณฑะเลย์ จบลงอย่างแฮปปี้มากๆ


1 ทุ่มตรง หมดเวลาเที่ยวแล้วล่ะ คนขับรถพาเรามาส่งตามที่ตกลงกัน ที่ท่ารถ Chan Mya Shwe Pyi Highway Station เพื่อขึ้นรถบัสต่อไปที่เมืองพุกาม เนื่องจากเรากลัวว่าที่นั่งจะเต็ม เราเลยจองตั๋วล่วงหน้าผ่านเว็บ http://myanmarbusticket.com/ ในราคา 262 บาท (ใครที่ไม่ได้จองตั๋วมาล่วงหน้า สามารถให้ทางโรงแรมช่วยจองให้ได้) เราจองไว้ที่เวลา 2 ทุ่มครึ่ง รถออกตรงเวลามาก ๆ ด้านในรถกว้างขวาง สภาพดี แอร์เย็น พร้อมแจกน้ำดื่มให้คนละ 1 ขวด เราใช้เวลานั่งรถ 4 ชั่วโมงครึ่ง และแล้ว...เราก็ถึงเมืองพุกาม



>> อ่านรีวิวฉบับเต็ม EP.2 เที่ยวเมืองพุกาม ประเทศเมียนมา https://th.readme.me/p/27350

คนส่วนใหญ่อาจจะคิดว่า ไปเที่ยวเมียนมาจะมีแต่เที่ยววัด ไหว้พระเท่านั้น เอาจริงๆ มันก็คือทริปไว้พระนั่นแหละ แต่เรากลับรู้สึกว่า มันคือการเที่ยวที่ได้สะสมแต้มบุญไปด้วยมากกว่า ซึ่งก็โอเคนะ และนอกจากนี้ เมียนมายังมีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจอีกเพียบ เที่ยวเมียนมา เที่ยวง่าย ไม่น่าเบื่ออย่างที่คิด อยากให้มาลองเปิดโลกและค้นพบมุมมองใหม่ๆ ผ่านประเทศเมียนมากันนะคะ

#AirAsiaTravels #ไปมัณฑะเลย์ไปกับแอร์เอเชีย #เปิดโลกไม่ต้องไปไกลเที่ยวเพื่อนบ้านไงไม่ต้องรอ

#มัณฑะเลย์ #พม่า #เมียนมา #สวัสดีคนแปลกหน้า #HelloStranger


สวัสดีคนแปลกหน้า

 วันศุกร์ที่ 13 กันยายน พ.ศ. 2562 เวลา 08.19 น.

ความคิดเห็น