สวัสดีครั้งนี้เราจะไปเที่ยว " เกาะช้าง " นี่เป็นการมาเยือน จ.ตราดเป็นครั้งที่ 2 แล้ว รอบนี้มาพร้อมกับฝนอีกแล้ว แต่ฝนจะไม่เป็นอุปสรรคต่อการเที่ยวของเรา พวกเราจะพาไปกิน เที่ยว ใช้ชีวิตบนเกาะช้าง 3 วัน 2 คืน


FOLLOW ME

Facebook page : Once-a-month
Instagram:
onceamonth.travel
YouTube : Once-a-month



วันที่ 1 : เดินทางสู่เกาะช้าง

เราขับรถออกจากบ้านเพื่อนที่บางแสนตอนประมาณ 6 โมงเช้า มุ่งหน้าสู่ จ.ตราด ที่ท่าเรือเกาะช้างเฟอร์รี่ ( อ่าวธรรมชาติ ) ระยะทางประมาณ 300 กม. ระหว่างทางก็ได้แวะพักกินข้าวเช้ากันที่แกลงชื่อว่า " ร้านครัวลมโชย " อยู่ก่อนถึงสามแยกแกลงเล็กน้อย มีทั้งข้าว ก๋วยเตี๋ยว ขนมต่างๆ




อิ่มแล้วก็เดินทางต่อ เพื่อนขับรถส่วนเราหลับไปแปปเดียวก็มาถึงท่าเรือ ขับรถเข้ามาก็จะมีจุดให้ซื้อตั๋ว ค่าเรือข้ามเกาะสำหรับผู้ใหญ่ คนละ 80 บาท ส่วนรถยนต์ คันละ 120 บาท ( อันนี้สำหรับขาเดียวนะ ) หลังจากที่ซื้อตั๋วเสร็จเราก็ขับรถมาจอดต่อแถวข้างในได้เลย แล้วก็รอเรือเข้ามาเทียบท่า รอนานหน่อยก็ลงไปถ่ายรูปเล่น ยืดเส้นยืดสาย เข้าห้องน้ำกันสักหน่อย






ถึงเวลาเรือก็เข้ามา เจ้าหน้าที่ก็จะทยอยให้เราขับรถลงไปจอดบนเรือ ภายในเรือก็จะมีอยู่ 3 ชั้น ชั้นล่างสุดเป็นที่อยู่ของรถ ด้านบนทั้ง 2 ชั้นจะมีที่นั่งสำหรับนักท่องเที่ยว ด้านบนมีร้านขายของ ร้านกาแฟด้วยนะ ส่วนห้องน้ำจะอยู่ด้านล่าง

ใช้เวลาเดินทางประมาณ 30 นาที แต่ก่อนจะถึงฝั่งฝนก็เทลงมาหนักเลย เที่ยวหน้าฝนก็ชุ่มฉ่ำแบบนี้แหละ

พอถึงฝั่งเจ้าหน้าที่ก็จะทยอยให้นักท่องเที่ยวขับรถออก ส่วนนักท่องเที่ยวที่ไม่ได้เอารถมาก็เดินออกไปขึ้นรถด้านหน้าได้เลย จะมีรถโดยสารจอดรออยู่ ส่วนพวกเราพอออกจากท่าเรือก็เลี้ยวขวาเพื่อเข้าไปโรงแรมกันก่อน

ถนนบนเกาะช้างเป็นถนน 2 เลนสวนทาง บางจุดค่อนข้างแคบ บางจุดก็ขึ้นเขา ยังไงใครที่จะเอารถข้ามมาขับบนเกาะก็ระมัดระวังกันด้วยนะ

ขับตรงมาเรื่อยๆ 10 นาทีก็จะเจอที่พักของเรา เราพักกันที่ " คชา รีสอร์ต แอนด์ สปา " ทั้ง 2 คืน เดี๋ยวเข้าไปเช็คอินกันก่อนจอดรถหน้าโรงแรมได้เลย lobby จะอยู่ทางซ้ายมือ

ระหว่างนั่งรอ check-in ก็ดื่มน้ำมะตูมเย็นๆ พร้อมกับเช็ดหน้าเช็ดตาด้วยผ้าเย็นๆ จะได้สดชื่น

Check-in เสร็จแล้วก็จะได้คีย์การ์ด แล้วขึ้นไปดูห้องของเรากันดีกว่า ห้องของเราอยู่ฝั่งที่ติดภูเขา ชั้น 2

เข้ามาด้านในก็อยากจะกระโดดขึ้นเตียงเลย

  • ภายในห้องเราว่ากว้างขวางดีนะ รู้สึกอยู่แล้วไม่อึดอัด
  • การตกแต่งก็เป็นแบบไทยประยุกต์ โทนสีขาว น้ำตาลเข้ม เฟอร์นิเจอร์ในห้องส่วนใหญ่ก็จะเป็นไม้ และบนหัวเตียงก็จะมีรูปภาพช้าง
  • ด้านบนเพดานก็จะมีพัดลมเพดานรูปร่างเหมือนพัดอันใหญ่
  • ข้างเตียงแล้วมี sofa bed สามารถนอนได้อีกคนนึงเลย
  • อุปกรณ์ และเครื่องใช้ไฟฟ้า ก็ครบครัน ทั้งทีวี ตู้เย็น กาน้ำร้อน โทรศัพท์ ตู้นิรภัย
  • มินิบาร์ ก็อยู่บนโต๊ะข้างทีวีเลย

ระเบียงด้านนอกมีโต๊ะ เก้าอี้ ไว้นั่งชิว มองลงไปก็เห็นสระว่ายน้ำตรงกลาง

เข้ามาในห้องกันต่อส่วนของตู้เสื้อผ้าจะอยู่ตรงทางเดินหลังจากที่เปิดประตูเข้ามา ข้างในจะมีไม้แขวนเสื้อ ตู้นิรภัย นอกจากนั้นยังมีร่ม ไฟฉาย พร้อมด้วยรองเท้าแตะมาให้ด้วย

สุดท้ายแล้วคือห้องน้ำ ห้องน้ำก็จะอยู่ด้านหน้าสุดเลย ในห้องน้ำก็จะแยกส่วนต่างๆ ชัดเจน ขับถ่าย ห้องอาบน้ำ อ่างอาบน้ำ อ่างล้างหน้า

อุปกรณ์ต่างๆ ในห้องน้ำจะบรรจุอยู่ในกล่องที่เป็นกระดาษเพื่อลดการใช้ถุงพลาสติก เยี่ยมไปเลย

ในห้องจะมีแผ่นสี่เหลี่ยมที่เป็นรูปใบไม้ มีข้อความที่เป็นการขอความร่วมมือของนักท่องเที่ยวในการอนุรักษ์ทรัพยากรน้ำและสิ่งแวดล้อมโดยการไม่ขอเปลี่ยนผ้าปูเตียง ผ้าเช็ดตัวต่างๆ แต่ถ้าใครอยากเปลี่ยนก็สามารถทำได้โดยการนำแผ่นใบไม้วางไว้ แล้วแม่บ้านก็จะเข้ามาเปลี่ยนให้

สำรวจห้องเสร็จ นั่งพักหายเหนื่อยก็ชักจะเริ่มหิว เลยพากันลงไปกินข้าวข้างล่าง เป็นร้านในโรงแรมเนี่ยแหละ

พอกินเสร็จก็ขึ้นไปพักผ่อนกันต่อ แพลนของวันนี้ยังไม่มีอะไรใช้เวลาอยู่ในโรงแรมซะส่วนใหญ่ แล้วเราก็นอนยาวเลยจนถึงเย็น 555 ห้องนอนสบายมากก็งี้แหละ ตอนเย็นเรามีทานอาหารเย็นที่ร้านด้านล่าง

แต่ก่อนที่จะกินเราขอพาไปเดินเล่นโรงแรมอีกฝั่งก่อน เรากะว่าจะมาดูพระอาทิตย์ตก แต่นอกจากจะไม่เห็นพระอาทิตย์แล้วยังเกรงว่าฝนจะเทลงมาอีก แต่ไม่เป็นไรขอนั่งชิวริมทะเลแทนแล้วกัน

สุดท้ายก็ไม่เห็นฟ้าระเบิดจริงๆ กลับไปกินข้าวกันเถอะ ตอนเดินกลับทางโรงแรมก็เปิดไฟ บรรยากาศดีอยู่นะตอนกลางคืน

เราจองโต๊ะไว้แล้ว ไม่นานอาหารก็ทยอยมาเสิร์ฟ

แล้วก็เต็มโต๊ะเลย มื้อนี้เป็นเซ็ตอาหารไทยทั้งหมด จะมีต้มยำทะเลน้ำข้น พล่ากุ้งมะพร้าวอ่อน ไก่ผัดเม็ดมะม่วงหิมพานต์ ปลาทอดราดน้ำปลามาพร้อมกับยำม่วง และผัดผักรวม ( พล่ากุ้งมะพร้าวอ่อนคือดีมาก )

อาหารอร่อย บรรยากาศดี มีเพลงฟัง เลยสั่ง cocktail มาจิบสักหน่อย

ระหว่างที่นั่งอยู่ก็เหลือบไปเห็นเมนูพิซซ่าเลยลองสั่งมาชิม เห็นพี่เค้าแนะนำว่าที่นี่ขึ้นชื่อเรื่องชีส ตอนแรกก็กะว่าจะเอาไว้กินวันอื่นบ้างแต่มันอดใจไม่ไหวจริงๆ พอได้ชิมก็อร่อยจริงๆ นะ เป็นพิซซ่าที่ใช้เตาถ่านมันก็จะหอมๆ หน่อย ถ้าไม่ติดว่าอิ่มจากกับข้าวก่อนหน้านี้ก็อยากจะสั่งมากินอีก

ของคาวเสร็จก็ล้างปากกันต่อด้วยผลไม้ แกะสลักมาซะสวยเชียวไม่กล้ากินเลย

หนังท้องตึงหนังตาก็เริ่มจะหย่อน แต่จะกินแล้วนอนไม่ได้นะเห็นหน้าโรงแรมมีตลาดขอไปเดินเล่นก่อน แล้วค่อยกลับขึ้นไปพักผ่อน

ไหนๆ ก็เดินมาแล้วก็เดินต่อไปถึง 7-11 เลยแล้วกัน ไปซื้อของตุนเผื่อกลางคืนหิวขึ้นมาอีก 555 จากโรงแรมเดินไป 7-11 ก็ประมาณ 300 ม. ไม่ไกลมาก พอจะจ่ายเงินก็เห็นว่า 7-11 ที่นี่ไม่แจกถุงพลาสติก แต่ก็จะมีถุงกระดาษใส่ของมาให้แทน มันดีมากเลยปกติเราไปซื้อของถ้าไม่จำเป็นก็จะบอกว่าไม่รับถุงพลาสติกกันอยู่แล้ว ร่วมด้วยช่วยกันคนละเล็กละน้อย ขยะพลาสติกก็จะลดปริมาณลงแน่นอน

สำหรับบรรยากาศตอนกลางคืนบริเวณโรงแรมคือเงียบ สงบมาก ตอนแรกคิดว่าเกาะช้างเป็นเมืองกลางคืน แต่เปล่าเลยเงียบ สงบ ผู้คนไม่พลุกพล่าน เหมาะแก่การมาพักผ่อน คืนนี้พวกเราขอตัวไปพักผ่อนกันก่อน เจอกันพรุ่งนี้เช้า เราจะพาไปทัวร์เกาะช้างเอาให้รอบเลย



วันที่ 2 : ออนทัวร์รอบเกาะช้าง

เช้านี้ฟ้าสดใส นอนกันแบบไม่อยากจะตื่น แต่จะ 8 โมงแล้ว ต้องตื่นไปกินอาหารเช้า เพราะภาระกิจของเราวันนี้ต้องใช้พลังงานเยอะมาก 555 อาหารเช้าที่นี่เริ่มตั้งแต่ 07.00 - 10.00 น. มีอาหารหลากหลายทั้งเมนูไข่ ขนมปัง สลัด กับข้าว ก๋วยเตี๋ยว ซุป ชา นม กาแฟ

กินเสร็จก็ขอเดินดูอีกฝั่งนึงของโรงแรมก่อนเมื่อวานดูบรรยากาศตอนกลางคืนไปแล้ว มาดูตอนกลางวันกันบ้าง

ทะเลวันนี้ดูสงบลงกว่าเมื่อวาน แต่ก็ยังมีธงแดงขึ้นหมายความว่ายังไม่ให้ลงเล่นน้ำทะเลนะ ยังไงก็ดูสัญลักษณ์กันด้วยนะจะได้ไม่เกิดอันตราย

เดินพอได้เหงื่อก็ขึ้นไปอาบน้ำแต่งตัวกันดีกว่า แล้วออกไปตะลุยรอบเกาะช้างกัน จะพาไปวนรอบเกาะช้างเลย

check-in #1

อาบน้ำแต่งตัวเสร็จก็ขนกล้องขึ้นรถ ไปลุยกันก่อนที่แรกที่ร้านกาแฟและกันเติมคาเฟอีนสักหน่อย ขับรถออกจากโรงแรมไปทางไก่แบ้ประมาณ 5 กม. ร้านอยู่ขวามือ ร้านที่เราจะไปชื่อว่า " wari coffee " เป็นร้านที่อยู่ติดทะเล บรรยากาศดีอยู่นะ

นั่งกันได้แปปเดียวกลุ่มฝนก็ก่อตัวกลางทะเล จากตอนแรกที่แดดเปรี้ยงตอนนี้มืดเหมือนตอนเย็นเลย แปปเดียวเท่านั้นแหละฝนก็ไล่ขึ้นฝั่ง

ตอนแรกตกแค่เบาๆ ไม่นานก็มองไม่เห็นภูเขาข้างหลังแล้ว

ตกอยู่พักนึงแล้วก็พัดผ่านไป เหลือไว้เป็นหมอกอยู่บนยอดเขา ก็ดูสวยดีนะแต่เหมือนจะมีอีกระลอก เรารีบวิ่งไปที่รถกันดีกว่าเดี๋ยวจะติดอยู่ที่ร้านอีกนาน


check-in #2

ที่ต่อไปคือ " ท่าเรือบางเบ้า " ขับรถออกจากร้านกาแฟไปอีกประมาณ 30 นาที ตรงนี้ก็เกือบจะสุดทางที่รถจะไปได้แล้ว

เส้นทางนี้ระมัดระวังกันด้วยนะ เพราะมีบางช่วงขึ้นเขา บางช่วงเป็นโค้งหักศอกลงเขา ถนนก็จะแคบมาก


มาถึงเราก็จอดรถไว้กันข้างหน้าจะมีที่ฝากรถอยู่ คันละ 30 บาท เสร็จก็เดินเข้าไปข้างในกันเลย เดินเข้ามาก็จะเห็นเป็นบ้านของชาวบ้านที่ทอดลงไปในทะเล บางหลังเปิดเป็นโฮมสเตย์ มีร้านค้าส่วนใหญ่ขายพวกอุปกรณ์ดำน้ำ ชุดว่ายน้ำต่างๆ

เดินเข้ามาอีกก็จะเจอท่าเรือ ตรงท่าเรือก็จะเห็นแต่เรือที่ทำธุรกิจดำน้ำทั้งแบบ snokling และ scuba ด้านในสุดก็จะเป็นประภาคารสูงเด่นอยู่

แล้วฝนก็กำลังจะส่งสัญญาณให้เรารีบกลับไปที่รถอีกแล้ว เราก็รีบเดินไปที่รถแต่สุดท้ายก็ไม่ทัน ต้องวิ่งฝ่าฝนออกไปขึ้นรถ


check-in #3

ออกจากท่าเรือบางเบ้าก็ขับรถย้อนกลับมาทางเดิม แล้วก็จะไปแวะที่ " จุดชมวิวไก่แบ้ " จุดชมวิวในเกาะช้างมีหลายจุดเลย เราเลือกมาจุดนี้เพราะตู้ไปรษณีย์สีแดงด้านหน้าเนี่ยแหละ

ตรงนี้จะมีร้านกาแฟเล็กๆ สั่งกาแฟมาจิบพร้อมดูวิวไปด้วย

หลังจากจุดชมวิวไปต่อกันที่ร้านอาหาร 555 ก็มันเที่ยงแล้วนะได้เวลาข้าวกลางวันแล้ว


check-in #4

ร้านที่เราจะไปฝากท้องนี้มีชื่อว่า " เจ๊อิ๋วซีฟู้ด " หนึ่งในร้านอาหารขึ้นชื่อบนเกาะช้างเหมือนกัน มื้อนี้ก็ไม่พ้นซีฟู้ดอีกแล้ว ทอดมันปลา กุ้งอบวุ้นเส้น ยำวุ้นเส้นรวมมิตรทะเล ไข่เจียวหอยนางรม

หลังจากกินเสร็จเราก็เดินทางกันต่อ นี่เพิ่งจะได้แค่ฝั่งเดียวของเกาะช้างเอง ไปลุย


check-in #5

หลังจากที่เราขับรถกันมาเกือบจะชั่วโมง ก็มาถึงแล้วจุดเช็คอิน " สะพานแดง " ป่าชายเลนบ้านนาใน ( สลักเพชร ) เป็นเส้นทางศึกษาระบบนิเวศน์ป่าชายเลน ที่เรียกกันสะพานแดงก็เพราะว่าทางเดินเป็นสะพานไม้สีแดง ระยะทางทั้งหมดประมาณ 750 เมตร ใครขับรถมาก็จอดไว้ข้างหน้าได้เลย แต่ที่จอดอาจจะมีน้อยหน่อยนะ ป่ะลุย

เดินเข้ามาได้สักระยะก็จะมีทางแยกจะไปต่อหรือจะกลับให้ตัดสินใจ เราเดินไปต่อและแนะนำให้ทุกคนที่มาเดินไปต่อ เพราะมันคุ้มมากจริงๆ

เดินไปจนสุดทาง ถ่ายรูปอะไรต่ออะไรเสร็จแล้วก็เดินกลับไปที่รถ กลับโรงแรมกันเถอะ


check-in #6

ก่อนกลับขอแวะตรงจุดกางเต็นท์ก่อนนะ จุดนี้คือจุดกางเต็นท์ของอุทยาน ลานกางเต็นท์ก็กว้างอยู่นะ กางได้เยอะอยู่ ไม่ใช่ว่าจะมีแต่ลานกางเต็นท์นะบ้านพักก็มี เอาไว้เป็นตัวเลือกแล้วกัน

กลับกันจริงๆแล้ว ไปหาอะไรกินกันดีกว่า มื้อเย็นนี้ไม่จัดบุฟเฟต์ไม่ได้แล้ว แต่เราไม่ได้ถ่ายรูปมาให้ดูเลย ร้านที่เราไปกินชื่อว่า " กุ้งกระทะ บุฟเฟต์ " อยู่ทางไก่แบ้ กินให้จุกๆ กันไปข้างนึง แล้วเจอกันพรุ่งนี้ต่อ



วันที่ 3 : bye bye เกาะช้าง

วันสุดท้ายของเกาะช้าง วันนี้ก็ไม่ได้ทำอะไรนอกจากลงไปกินอาหารเช้า แล้วก็ขึ้นมาเก็บของเตรียมตัว check-out

จบทริปเกาะช้าง 3 วัน 2 คืน และเดินทางกลับบ้านอย่างปลอดภัย สำหรับที่เที่ยวบนเกาะช้างจริงๆ มีมากกว่าที่เราไป แต่มีข้อจำกัดด้วยสภาพอากาศก็ทำใจไว้แล้วแหละ แต่ถ้ามีโอกาสเราจะกลับไปเที่ยวอีกแน่นอน ไม่แน่ครั้งหน้าเราอาจจะพาทุกคนไปดำน้ำดูโลกใต้ท้องทะเลก็ได้ รอติดตามชมกันด้วยนะ

B y e b y e . . .

ฝ า ก " ค ช า รี ส อ ร์ ต แ อ น ด์ ส ป า " ไ ว้ ด้ ว ย น ะ

เที่ยวแบบเรา : Once-a-month

 วันพุธที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2562 เวลา 21.34 น.

ความคิดเห็น