ก า ร เ ดิ น ท า ง ที่ แ ส น โ ห ด มั น ส์ เ ห นื่ อ ย ลำ บ า ก แ ต่ โ ค ต ร ส นุ ก

สวัสดีทุกกกกกกกกคน หายหน้าหายตาไปนานจากบันทึกการเดินทางเลย ตั้งแต่ย้ายมาทำงานมาใช้ชีวิตอยู่ญี่ปุ่นก็ไม่ได้เขียนบันทึกการเดินทางเลยสักฉบับ ทั้งที่มีออกเดินทางหลายที่หลายครั้งแล้ว

ครั้งนี้เลยขอย้อนเวลากลับไปเขียนของบันทึกการเดินทางในวันหยุดยาวโกลเด้นวีคของญี่ปุ่นช่วงปลายเดือนเมษายนที่ผ่านมาของปีนี้เอง เป็นหยุดยาวที่เซอไพรซ์มากๆ ผิดคาดกับที่คิดไว้เยอะเลย ไปดูกันว่าเซอไพรซ์ยังไง

ก่อนจะถึงช่วงหยุดยาวก็มีตัวเลือกอยู่หลายที่มาก เพราะเป็นวันหยุดยาวและสามารถไปได้หลายที่เลย แล้วที่ไหนล่ะจะตอบโจทย์ที่สุดของการเดินทางช่วงนี้ ช่วงนั้นเพื่อนฝรั่ง (เพื่อนสมัยเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนระยะสั้น ซึ่งไม่ได้เจอกันมา6ปีกว่าแล้ว นานไหมล่ะ ส่วนอีกคนทำงานอยู่โตเกียว เจอกันบ่อย) เพิ่งจะเดินทางเข้ามาเรียนต่อโทที่โตเกียวด้วย ก็เลยนัดกันว่าเจอกันที่โตเกียว ก็เลยตัดสินใจว่าไปเที่ยวแทบภูมิภาคชูบุ(CHUBU)ละกัน

แผนที่วางไว้คือ เดินทาง 27 เมษา - 6 พฤษภา เป็นเวลา 10 วัน Kagawa > Tokyo > Yamanashi > Nagano > Toyama > Ishikawa > Osaka > Kagawa อ่อ ลืมบอกไปว่าทำงานอยู่ที่จังหวัดคางาวะ จังหวัดที่เล็กที่สุดในญี่ปุ่นตั้งอยู่บนเกาะชิโคขุ เกาะที่มีทั้งหมด4จังหวัด

ถ้าดูจากสถานที่ที่บอกไปด้านบนนั้น การเดินทางครั้งนี้จะเริ่มต้นที่โตเกียว ซึ่งจะเดินทางไปโดยเครื่องบิน ก็เลยทำการจองตั๋วเครื่องบิน เที่ยวเดียว เพราะวันสุดท้ายจะต้องกลับมาจบที่โอซาก้าเพื่อมาเจอเพื่อนและต่อรถบัสกลับมาคางาวะ ครั้งนี้จึงเลือกจองกับสายการบิน JAL(Japan Airlines) ดูราคาแล้วพอๆกับรถบัสนอนกลางคืนเลย เลือกเครื่องบินละกัน ประหยัดเวลาด้วย จากนั้นก็ตามด้วยจองตั๋วรถบัสเรียบร้อย รอวันเดินทางกันเลย

27 Apl 2019 Kagawa > Tokyo
มาเริ่มเดินทางกันเล๊ยยย วันนี้ที่รอคอยก็มาถึงสักที จัดเตรียมแบ็คกระเป๋าเดินทางเรียบร้อย ออกเดินทางไปสนามบินทาคามัสซึกัน เป็นสนามบินที่วิวทิวทัศน์แจ่มมากๆ วิวภูเขาคือมันสวยมาก มาถึงสนามบินก่อนเวลาตั้วชั่วโมงกว่าๆ เช็คอินเข้าไปรอในเกต ช่วงแรกที่เข้าไปคนเยอะมากกกกก แต่พอนั่งไปสักพัก เอ้า ไหงเหลืออยู่ข้างในไม่ถึง10คนล่ะ หายไปไหนกันหมด ทำไมมีแค่นี้ ได้แต่ถามในใจแล้วก็สงสัย ฮ่ะๆๆ ด้วยความสงสัยก็เลยไปถามพนักงานขายของว่าทำไมคนรน้อยจัง พนง ตอบว่า เดี๋ยวเขาก็เข้ามากัน ส่วนใหญ่จะเข้ามาก่อนจะขึ้นเครื่องบินตอน เพราะบินตรงเวลา ก็ไม่เลยไม่ต้องกังวลเรื่องตกเครื่อง อ๋ออออนารุโฮโดะ

สักพักก็ถึงเวลาเครื่องออก นัดเพื่อนไว้ให้มารับที่สนามบินฮาเนดะ พอบินไปถึงก็เห็นเพื่อนชูป้ายต้อนรับสู่

โตเกียว ฮ่ะๆๆ สงสัยเอาคืนที่เคยชูป้ายต้อนรับตอนเพื่อนมาเที่ยวไทย จากนั้นก็ต่อรถไฟเข้าไปในเมือง เพื่อไปเจอกับเพื่อนอีกคนที่มาเรียนต่อ พอเจอกันทุกคนก็ต้องชนแก้วเป็นพิธีสักหน่อย เพื่อนของเพื่อนจะมาร่วมดื่มด้วย เป็นคนจีน อ่ะได้เพื่อนใหม่แล้ว ก็เลยกินดื่มดันอย่างสนุกและคุยกันว่าพรุ่งนี้จะไปไหนกัน จนจะแยกย้ายกันก็ยังสรุปไม่ได้ว่าจไปไหนกัน ฮ่ะๆๆๆ ไว้ค่อยคุยกันอีกทีละกัน แยกย้าย

สำหรับที่พักในโตเกียวนั้นไม่ได้จองไว้ เพราะเพื่อนบอกว่าไปพักที่แชร์เฮ้าส์กัน ซึ่งไปนอนในห้องแคบๆ3คน ส่วนกูก็นอนเตียงพื้น ฮ่ะๆๆ ห้องน้ำก็จะเป็นแบบโฮสเทลเลย ห้องน้ำรวม ห้องครัวรวม เพื่อนบอกว่าจริงๆแล้วเขาห้ามพาใครเข้ามาพักด้วยนะ แต่นานๆทีแอบๆเข้าไปกันไม่เป็นไรหรอก ไม่มีคนเฝ้าหอ เอ่อ เอาไงก็เอา ฮ่ะๆๆ

พอถึงที่พัก อาบน้ำ เตรียมตัวนอนกันละ ก็ตั้งวงคุยกันก่อนว่าพรุ่งนี้จะไปไหนกัน เอาที่ไม่ใช่ในเมือง เพราะเบื่อในเมืองแล้ว สรุปคือไปเข้าป่ากัน ชื่อสถานที่คือ Okutama Tokyo นั่งรถไฟชั่วโมงกว่าๆ นอนๆ พรุ่งนี้ต้องตื่นแต่เช้า

28 April 2019 สวัสดีเช้าวันใหม่ ณ กรุงโตเกียว เมืองที่ผู้คนอาศัยกันอยู่มากมาย แออัดไปทุกพื้นที่ มองไปทางไหนก็มีแต่ตึกสูงใหญ่ รถไฟ เบื่อแล้วกับเมืองนี้ ฮ่ะๆๆ คือมาเที่ยวจนเบื่อแล้ว รอบนี้ออกไปนอกเมืองโตเกียวกัน ไปหาธรรมชาติที่โคตรจะอุดมสมบูรณ์ของโตเกียว นั่นก็คือ Okutama Tokyo National Park นั่นเอง

หลายๆคนอาจจะยังไม่เคยได้ยินชื่อนี้มาก่อนแน่นอน เพราะคนส่วนใหญ่ที่มาโตเกียวก็จะต้องอยู่ในเมือง ชิม ช้อป ใช้ กันตามประสาคนชอบช้อป ฮ่ะๆๆ แต่บอกเลยว่าธรรมาชาติที่นี่คือโคตรดี ไม่ไกลจากโตเกียวด้วย ใครที่เริ่มเบื่อๆโตเกียวก็ลองมาเที่ยวที่นี่ดูนะ ภูเขา ป่าไม้ แม่น้ำ ทะเลสาบ ที่นี่คือครบครันธรรมชาติจริงๆ

ก่อนมาที่นี่กไม่ได้คาดหวังอะไรมาก แค่ไปไหนก็ได้ที่ไม่ใช่ในเมืองแล้วได้ใช้เวลากับเพื่อนๆก้เพียงพอแล้วล่ะ ตอนแรกก็คุยกันว่าจะไปเช่ารถขับกัน แต่พอมาถึงจริงๆคือหาที่เช่ารถยากมาก สรุปก็นั่งรถบัสเที่ยวต่อ

รถบัสก็มีเรื่อยๆ มีหลายเส้นทางมาก แต่จุดที่ถูกใจที่สุดนี่ก็คงหนีไม่พ้นสะพานสีแดงแห่งนี้แน่นอน มันอยู่กลางป่า สีแดงจ้ามากๆ รถไม่มาก็เข้าไปนั่งถ่ายรูปกันสักหน่อย

อีกทั้งช่วงเดือนเมษาคือช่วงที่อากาศโคตรดี ไม่หนาว ไม่ร้อนกำลังดี ถือว่าเป็นฤดูที่น่าเที่ยวญี่ปุ่นมากๆเลย

ริมแม่น้ำตรงนี้สามารถมากางเต๊นท์นอนพักได้นะ ถ้าได้มานอนแบบนี้มันต้องโคตรฟินแน่ๆเลย อิจฉาจริงๆ

นี่คือสถานีปลายทางOkutama ที่มากันวันนี้ อย่านั่งเลยสถานีกันล่ะ เลยแล้วเลยไปไกลเลยนะ ฮ่ะๆๆ เป็นตึกเก่าๆ น่ารักๆ ชั้น2เป็นคาเฟ่เล็กๆ แต่ราคาไม่เล็กเลยนะ นั่งดื่มชาอุ่นๆสักแก้วระหว่างรอรถไฟกลับ

พอกลับไปถึงโตเกียวก็แยกทางกลับกับเพื่อนคนจีน แล้วที่เหลือ3คนไปกันต่อ ก็คือกลับหอเพื่อนแหละ ซื้ออาหาร ซื้อเบียร์ไปนั่งกชิลล์กันที่หอ สำหรับคืนนี้ก็ต้องขอตัวไปพักก่อน พรุ่งนี้เริ่มเดินทางคนเดียวแล้ว

29 April 2019

ตื่นขึ้นมากับเช้าวันใหม่ที่สดใส เช้านี้ต้องตื่นเช้าหน่อย เพราะเพื่อนเจ้าของห้องต้องรีบไปทำงานแต่เช้า ก็เลยต้องตื่นพร้อมกันหมด และพวกเราก็แยกทางกันตรงนี้ ดีใจที่ได้กลับมาเจอเพื่อน ซึ่งเป็นเพื่อนยุโรปที่รู้จักกันนานมาก การกลับมาเจอกันครั้งนี้กลับเจอกันด้วยการคุยกันด้วยภาษาอังกฤษซะส่วนใหญ่ เพราะเพื่อนบอกว่าภาษาอังกฤษยูดีขึ้นมากเมื่อเทียบกับตอนเจอกันครั้งแรก เพราะตอนนั้นยูพูดไม่เป็น ฟังไม่รู้เรื่องเลย ฮ่ะๆๆ ก็แหงล่ะ ที่ต้องกลับไทยแล้วไปฝึกก็เพราะพวกยูนี่แหละ ฮ่ะๆๆ

ตั้งแต่วันนี้ก็เข้าสู่โหมดเดินทางเที่ยวคนเดียว เพื่อนอีกคนอยากมาออกทริปด้วยก็แต่มาไม่ได้ เพราะติดงานฟรีแลนซ์ในโตเกียว ก็อดไปนะ ไว้เจอกันรอบหน้า แพลนที่ต่อไปคือไปจังหวัดนากาโนะ เมืองซูวะ(Suwa) เมืองที่มีทะเลทรายเป็นเอกลักษณ์ของเมืองซูวะ เดินทางจากโตเกียวไปซูวะด้วยรถไฟ ใช้เวลาไม่นานมาก นั่งแป๊บๆ ชมวิวระหว่างทางไปเรื่อยก็เดินทางมาถึงเมืองซูวะ ยังไม่รู้ว่าคืนนี้จะพักที่นี่หรือที่ไหนดี ฮ่ะๆๆ

พอไปถึงสถานีรถไฟก็เดินออกมาเดินเที่ยวรอบๆเมือง คือเดินตรงไปทะเลสาบเลย เพราะไม่รู้ว่าจะไปไหนเหมือนกัน เป็นเมืองที่เงียบสงบนะ คนไม่พลุกพล่านทั้งที่เป็นโกลเด้นวีคหยุดยาววววววววววของญี่ปุ่น

เดินมาถึงทะเลสาบแล้ว ซื้อข้าวซื้อน้ำมานั่งกินพักผ่อนหน่อย เหนื่อยนิดหน่อย อากาสไม่ร้อน กำลังเย็นสบายเลย ตอนนี้บนหัคือคิดอยู่อย่างเดียวว่า เอาไงต่อดี ไปไหนต่อดี แล้วคืนนี้จะไปพักที่ไหนดี ฮ่ะๆๆ

เห็นคนญี่ปุ่นบอกว่าน้ำที่นี่อร่อยมาก ก็เลยลองไปดื่มดู เอ้ยยย ไม่ใช่ละ ไม่ใช่น้ำก๊อกอันนี้เว้ย ฮ่ะๆๆๆ

เป็นเมืองที่ห่างจากตัวเมืองของจังหวัดไม่ไกลมากนะ แต่คนน้อยมาก เขาไปเที่ยวที่ไหนกันหมดนะ ทำไมกูหลงมาที่นี่คนเดียวล่ะ เอ่อ ทำไมล่ะ ฮ่ะๆๆ เดินดูรอบๆวนไป ไม่ได้รู้จักถิ่นเข้าเลยว่ามีอะไรน่าวนใจบ้าง จนถึงตอนนี้ก็เริ่มเปลี่ยนแผนแล้วว่าเดี๋ยวเข้าไปนอนพักในเมืองดีกว่า ที่นี่หาที่พักไม่ได้เลย เต็มไปหมดเลย

จากนั้นก็นั่งรถไฟจากสถานีซูวะ มาลงที่สถานีMatsumoto ซึ่งเป็นเมืองที่ขึ้นชื่อของจังหวัดนากาโนะนั่นเอง วาร์ปไปมาเพราะไม่มีแพลนเดินทางที่ชัดเจน รู้แค่ว่ามีเวลา10วัน จะไปไหนก็ไป ไปเรื่อยๆ ไม่มีเป้าหมาย ฮ่ะๆๆ

และแน่นอนยังไม่ได้จองที่พักสำหรับคืนนี้ เพราะไม่ได้แพลนไว้เลยไม่สามารถจองที่พักล่วงหน้าได้ งั้นก็หาที่พักกันตอนนี้เลยละกัน เปิด Booking.com Agoda Expedia แล้วก็หาที่พัก และแล้วก็ต้องพบกับปัญหา เพราะไม่มีที่พักว่างเลย ที่ว่างก้โคตรแพง แพงเกินก็ไม่ไหวนะ พยายามหาที่พักที่มีกำลังจ่ายสุดๆแล้ว โฮสเทล เกสเฮ้าส์ เรียวคัง โอ้โหหหหห ที่พักเต็มมมมมมมหมดเลย

จนต้องหาที่พักที่ห่างออกไปนอกเมือง แต่ก้เต็มเช่นกัน ตอนนั้นคือโทรไปถามที่โรงแรมต่างๆมากกว่า 30ที่นะ คือแบบโทรจริงๆ ไม่ได้โม้นะ โทรจนกลัวว่าจะโดนประธานดุไหมว่ามึงไปโทรอะไรตั้งเยอะแยะ ฮ่ะๆๆ ตอนนั้นคือเหนื่อย อยากอาบน้ำ อยากนอนพักและหิวมากด้วย แต่หาที่พักไม่ได้ก็กินข้าวไม่ลง เอาไงดีๆ เครียด

วนเวียนอยู่แถวสถานีชั่วโมงกว่าๆ เพื่อหาที่พัก ไหนๆก็หาไม่ที่พักยังไม่ได้ ขอไปเดินเล่นหาข้าวกินหน่อยละกัน เติมพลังหน่อย เหนื่อยมาทั้งวัน คือเดินเที่ยวทั้งวันนี่เหนื่อยไม่เท่ากับเหนื่อยหาที่พักนะ เหนื่อยมาก ไม่คิดว่าสถานการณ์ช่วงหยุดยาวโกลเดนวีคของญี่ปุ่นจะเที่ยวลำบากขนาดนี้ ที่พักจะเต็มอะไรขนาดนั้น แล้วเอาไงต่อดีล่ะวะ คืนนี้กุจะไปนอนที่ไหนนนนนน อากาศก็หนาวด้วย หรือจะต้องนอนสถานีรถไฟวะเนียะ

หลังจากกินข้าวเสร็จก็ออกไปเดินเล่น โดยเดินไปเรื่อยๆและไปเห็นปราสาทMatsumoto ซึ่งก่อนมาก็ไม่ได้รู้หรอกว่ามีปราสาทสวยๆแบบนี้ด้วย ฮ่ะๆๆ อย่างที่บอกไง มาแบบไม่มีแพลน นี่สินะค่ำไหนไปนอนนั่น ฮ่ะๆๆ เดินเพลินจนลืมไปว่ายังไม่มีที่พัก อากาศหนาวขึ้นเรื่อยๆ พร้อมกับใจที่เริ่มร้อนขึ้นเรื่อยๆ ฮ่ะๆๆ

ทันใดนั้นพี่ที่รู้จักคงเห็นจากไอจีสตอรี่ว่ากำลังลำบากหาที่พักอยู่ก็เลยทักแชทมาว่าเป็นไงบ้าง หาที่พักได้ยัง ก้บอกไปว่ายังเลย ที่พักเต็มหมดเลย พี่แกก็เลยแนะนำมาว่าถ้าสุดท้ายแล้วหาที่พักไม่ได้จริงๆก็ไปเน็ตคาเฟ่เลย เพราะเน็ตคาเฟ่มีแบบแยกห้องเดี่ยวด้วย ก็เลยแบบ เอ่อออออว่ะ ลืมไปเลยว่ามันมีเน็ตคาเฟ่ด้วย ขอบคุณพี่สาวมากที่แนะนำ จนเปิดกูเกิ้ลหาเน็ตคาเฟ่และเดินไปตามแผนที่เลย ตอนนั้นคือเหลือ2ห้องแยกเดี่ยวสุดท้ายแล้วด้วย สนนราคาที่2500เยน เอาวะ ไม่มีทางเลือกแล้วจัดไป เน็ตคาเฟ่แม่งอย่างดี มีหมอน ผ้าห่ม เครื่องดื่มไม่อั้น อาบน้ำได้ด้วย โคตรจะดี คืนนี้รอดตายละโว้ยยยย หลับฝันดี ดูหนังยาวๆ

30 April 2019

สวัสดีตอนเช้า ตื่นเช้ามาเพื่อจะไปเที่ยว Kamikochi แหล่วท่องเที่ยวขึ้นชื่อของญี่ปุ่น โดยนั่งรถไฟจากสถานีMatsumoto ลงสถานีสุดสายที่สถานีShinshimashima ค่ารถไฟ620เยน จากนั้นก็ไปซื้อตั๋วรถบัสเพื่อนั่งไปปลายทางคามิโคชิ ซื้อตั๋วแบบไปกลับจะได้ราคาถูกกว่า งั้นออกเดินทางกันเลย อ่อ กระเป๋าเดินทางเอาไปฝากไว้ที่ตู้ฝากกระเป๋าในสถานีรถไฟนะ ให้แบกไปก็กะไรอยู่

ไม่นานก็เดินทางมาถึงคามิโคชิ ตอนมาถึงนี่คือตกใจกับปริมาณนักท่องเที่ยวมาก โคตรเยอะเลย ทำไมมากันเช้าจังวะ สภาพอากาศวันนี้ก็ไม่ค่อยเป็ฌนไงด้วย หมอกเต็ม ฝนตก หิมะยังละลายไม่หมดด้วย งั้นไปเดินป่าคามิโคชิกัน เห็นทางให้เดิน แอบไกลอยู่ แต่คงได้เห็นอะไรสวยๆอยู่

เห็นแบบนี้อากาศยังหนาวอยู่นะ จริงๆนี่มาฤดูใบไม้ผลินะ ซากุระก็เริ่มร่วงหมดแล้ว แต่อากาศที่นี่ยังฤดูหนาวอยู่สินะ ฮ่ะๆๆ จริงๆมันควรจะเป็นสีเขียวได้แล้ว แต่แบบนี้ก็สวยไปอีกแบบ ปลอยใจตัวเอง ฮ่ะๆๆ

ถามว่าไปทำอะไรที่แม่น้ำนั่น ไม่ใช่ไปวัดค่าความเย็นของน้ำนะ แต่ไปล้างมือต่างหาก เพราะลื่นจากการไปเดินเหยียบหิมะ ฮ่ะๆๆ ซุ่มซ่ามไปอีก แต่น้ำแม่งเย็นจริงเย็นจังมาก

น้ำแม่งใสวิ๊งโคตรๆเลย คือใสจนเห็นพื้นแม่น้ำเลย มันน่าลงไปแช่จริงๆ คงเย็นสดชื่นมากแน่ๆ ฮ่ะๆๆ อากาศแบบนี้ก็ดีนะ ไม่ร้อน เดินสบาย แต่ลำบากตอนฝนตกนี่แหละ รองเท้าเปียกนี่คือเย็นเท้ามากๆ

เดินมาถึงจุดนี้ค่อยนั่งพัก เดินมาไกลละ แต่คนที่มาเดินป่าไม่เยอะนะ ส่วนใหญ่จะกระจุกอยู่ตรงทางเข้ามากกว่า เพราะแค่ตรงนั้นก็ได้เห็นแลนด์มาร์คของสถานที่แห่งนี้แล้ว

และนี่คือ มุมมหาชนที่ใครมาที่นี่ก้ต้องถ่ายรูปกัน หิมะยังปกคลุมเต็มบนเขาเลย คงอีกนานแหละกว่าจะละลายหรือมันปกคลุมแบบนี้ทั้งปีเลยเป่าวะ เอ่อ นั่นดิ

ตรงนี้แหละที่บอกว่าคนอยู่กันเยอะ คนไทยก็เยอะมากด้วย เอะอะเสียงดังมากด้วย ถีบตัวเองออกจากฝูงชนเยอะๆก่อน เดินครบรอบละ เตรียมตัวเดินทางกลับเข้าเมืองดีกว่า

ขากลับก็ไม่ยาก แค่นั่งรถเมล์กลับลงมาแล้วขึ้นรถไฟไปลงปลายทางที่Matsumoto แค่นั้นแหลบะ ง่ายๆ

กลับมาถึงตัวเมืองแล้ว ไปไหนต่อดีทีนี้ ไปเดินเที่ยวชมเมืองสักหน่อยดีกว่า เมื่อคืนไม่ค่อยเห็นอะไรเลย


เดินมาเรื่อยๆเลียบแม่น้ำสายเล็กๆที่ไหลผ่านตัวเมือง จนมาเห็นธงปลาคาร์ปที่เป็นสัญลักษณ์ของวันเด็กผู้ชายญี่ปุ่น ใช่แล้ว วันเด(กผู้ชายญี่ปุ่นคือวันที่5เดือน5ของทุกปี ซึ่งก็ใกล้ถึงแล้วก้เลยเอามาประดับกัน

มีบ้านเรือนทรงญี่ปุ่นอยู่ติดแม่น้ำด้วย จริงๆแล้วบ้านเหล่านั้นคือร้านค้าซะมากกว่านะ ไปเดินมาแล้ว ฮ่ะๆๆ

เดินไปเรื่อยๆจนมาเจอร้านอาหารไทยชื่อร้าน ไทยอินเตอร์เทอเรซ เสียดายที่ไม่ได้แวะอุดหนุด เพราะร้านยังไม่เปิด ได้แต่มองแล้วน้ำลายไหล เพราะอยากกินมาก ป้ายขวามือนั่น ข้าวเหนียวมะม่วง อยากกินนนนนน

จากนั้นก็เดินออกมาโผล่ที่ปราสาทMatsumotoอีกครั้ง เอ่อมันสวยจริงว่ะ สะพานสีแดงเข้ากันดี

เดินมาไม่ไกลจากปราสาทก็มาเจอวัดสีชมพู คือ สีน่ารักเกินไปนะ ไม่ได้เข้าไปหรอก ไม่มีคนเลย วังเวงยังไงไม่รู้ อยู่ด้านนอกแล้วถ่ายรูปแล้วก้เดินจากไป ฮ่ะๆๆ

ได้เวลากินข้าวเที่ยงแล้ว ห้ะ ข้าวเที่ยงตอนนี้เนียะนะ นี่มันควรจะเป็นข้าวเย็นละนะ เอ่อ ก้ยังไม่ได้กินข้าวเที่ยงไง มันก็เลยต้องเป็นข้าวเที่ยงถูกไหม อ่ะๆ โอเค ตามนั้น นี่พูดคนเดียวนะ ไม่ได้คุยกับใคร ฮ่ะๆๆ สำหรับคืนนี้เองก็ยังคงพักอยู่ในเมืองนี้แหละ ไม่ได้ไปไหนต่อและกลับไปพักที่เน็ตคาเฟ่ต่ออีกเช่นเดิม เดินเล่นๆรอบๆจนค่ำแล้วถึงไปคาเฟ่ เพราะจะได้ไม่ต้องจ่ายค่ารายชั่วโมงแพง นอนละ

1 May 2019

สวัสดีตอนเช้า วันนี้ไปไหนดี เดินทางเข้าไปในเมืองนากาโนะก่อนละกัน แล้วค่อยว่ากันอีกทีว่าจะไปไหนต่อ

นั่งรถไฟเดินทางไปนากาโนะกัน วิวระหว่างทางนี่เป็นอะไรดีต่อใจโคตรๆ ค่ารถไฟหลักร้อยแต่วิวหลักล้าน ระหว่างทางก้ได้เจอกับแบ็กแพคเกอร์สาวจากสเปนคนหนึ่ง กำลังจะเดินทางไปโทยามะ พูดคุยกันได้ไม่นานก็เดินทางมาถึงนากาโนะ ต้องจากกันตรงนี้ แฮพ อะ ไนซ์ เจอนี่ แล้วลงจากรถไฟ

สวัสดีเมืองนากาโนะ มาถึงแล้ว แต่ไปไหนดี นั่งเช็คไอจีแป๊บบบ เห็นมีคนลงรูปทุ่งดอกไม้สีเหลือง เลยเช็คโลเคชั่นจากแท็กในไอจี ชื่อสถานที่คือ Na no Hana Park อยู่ไม่ไกลจากนากาโนะ แต่ต้องนั่งรถไฟไป เอาวะ ลองไปดูดีกว่า ลงรถไฟได้ไม่ทันไรก็ไปขึ้นรถไฟไปเมือง IIyama ต่อ

แต่ครั้งนี้นั่งรถไฟชิงคันเซ็น ราคา 1360เยน เพราะอยากทำเวลาหน่อย เดี๋ยวจะมืดเอาซะก่อน 5นาทีมั้ง


นั่งชิงคันเช็นแป๊บบบบบบบเียวก็มาถึงแล้ว คือแบบไวมากไวจริง เหมือนมาถึงในพริบตาเดียวอ่ะ พอออกจากสถานีรถไฟมาก็เห็นดอกไม้สีเหลืองแล้ว เหมือนเป็นสัญลักษณ์ของเมืองๆนี้เลยว่ามาถึงแล้ว

จากนั้นก็ไม่รอช้ารีบลงไปซื้อตั๋วรถไฟจากสถานี IIYAMA ไปลงที่สถานี SHINANO-TAIRA ต่อเลย

ใช้เวลาประมาณครึ่งชั่วโมงก็มาถึงสถานีที่จะต้องลงแล้ว ต่อจากนี้ไปก็คือเดินไปทุ่งดอกไม้ ซึ่งระยะทางค่อนข้างไกลออกไปจากนี่ที่มากเลยนะ คิดว่าน่าจะต้องเดินไม่ต่ำกว่าชั่วโมงเลยนะ ไกลไหมล่ะ แต่ก็จะไป

พอมาถึงก็เปิดแผนที่แล้วเริ่มเดินกันเลย ตอนนี้ 11:30น. นิดๆ คงไปถึงเที่ยงกว่าๆโน่นแหละ แต่ระหว่างทางก็มีอะไรให้ได้ดูได้เห็นหลายอย่างนะ แต่ประเด็นคือทำไมไม่ใครเดินเลยล่ะ ไม่เห็นคนเลย หายไปไหนกันหมด เดินคนเดียวอีกแล้วสินะกู ฮ่ะๆๆ

ระหว่างเดินก็เห็นพุ่มดอกหญ้าริมทางนี้ มีหลายชนิดมากมาเกาะกลุ่มอยุ่ด้วยกันแล้วดูสวยงามไปอีกแบบ

และและและและก็ได้เห็นทุ่งดอกสีเหลืองแล้วววววว ดูผิวเผินคือเหมืองดอกปอเมืองบ้านเราเลยนะ แต่ไม่รู้ว่าหน้าตาดอกปอเทืองเป็นไงนะ เห็นแค่ว่าเป็นสีเหลืองแบบนี้เหมือนกัน ฮ่ะๆๆ ทุ่งดอกไม้สุดลุกหูลูกตามันสวยจับใจมาก แต่นี่ยังไม่ใช่ปลายทางทุ่งดอกไม้ที่กำลังจะไป ยังต้องไปต่ออีกหน่อย

เนียะๆวิวระหว่างทางไปสองข้างทางคือโคตรสวยเลย แถมมีภูเขาที่หิมะยังปกคลุมอยุ่เป็นพื้นหลังแล้วสวยขึ้นไปอีกหลายเท่า บ้านนอกญี่ปุ่นนี่ทำไมมันสวยแบบนี้นะ มันสวยแบบน่าอยู่มากๆ มองไปทางไหนก็ดูดี

เดินต่อไปอีก ยังไม่ถึงนะ แต่ใกล้ถึงละตอนนี้ 12:20น. แล้วนะ เห้ย นี่เดินมาเกือบชั่วโมงละนะยังไม่ถึงอีกรึ ระยะทางไกลมากนะเนียะ ละแบกกระเป๋ามาหนักด้วย เอ่อก็ทำไปได้นะ ฮ่ะๆๆ เดินชมวิวเพลินเลย

มาถึงแล้ววววววววววววทุ่งดอกสีเหลืองปลายทางที่แสนยาวไกลจากสถานีรถไฟ พี่เดินมาชั่วโมงกว่าจริงๆนะ ตอนนี้ 12.44น. นานมาก แต่ทุ่งดอกไม้มันสวยมาก ดอกสีเหลืองเต็มไปหมดเลยยยย เห็นแบบนี้แล้วหายเหนื่อยเลย วันนี้ร้านค้าไม่ค่อยเปิดเพราะสภาพอากาศที่ไม่ค่อยเป็นใจนัก เพราะฝนตกเล็กน้อย

และอย่างที่บอกไปคืออีกไม่กี่วันก็ใกล้วันเด็กญี่ปุ่นแล้ว ดังนั้นที่นี่ก็เลยมีธงปลาคาร์ปประดับเต็มไปหมดเลย มันดูดีมากเลยนะเมื่อประดับอยู่เหนือทุ่งดอกไม้สีเหลืองเหล่านี้ อยากเข้ายืนถ่ายรูปจากมุมี้นะ แต่ไม่มีที่ให้ตั้งกล้อง เพราะดอกไม้ต้นสูงมาก ขาตั้งกล้องสูงไม่ถึง เลยไม่ได้ถ่าย อดไปเนอะ

มุมดอกไม้ตรงนี้เป๋นอีกมุมที่ดูสวยมาก ดอกไม้สีเหลืองบานสะพรั่งโชว์ความสวยงามให้กับทุกคนที่เข้ามาเที่ยวชมทุ่งดอกไม้ ที่นี่ไม่ต้องซื้อตั๋วนะ เข้าไปเที่ยวฟรีได้เลย เห็นมีทัวร์มาลงเยอะด้วย

มุมนี้เป็นมุมที่ชอบที่สุดแล้ว เพราะมีภูเขาหิมะ แม่น้ำ สะพานสีแดง รางรถไฟ และหมู่บ้านเป็นพื้นหลัง ทำให้ได้เห็นถึงความลงตัวของชนบทที่สวยงามของที่นี่ แค่ได้มาที่นี่ก็รู้สึกว่าคุ้มมากแล้ว ใครที่อยากมาแนะนะให้มาเที่ยวช่วงเวลาเดียวกันกับที่ผมมานะ คือช่วงปลายเมษา-ต้นพฤษภา ไม่แน่ใจว่าปลูกดอกนี้ทุกปีไหมนะ

และทุ่งดอกไม้นี้ไม่ได้ขึ้นเองตามธรรมชาติและไม่ได้ปลูกโดยชาวบ้านที่ไหน ไม่มีคนครอบครองพื้นที่ แต่ทุ่งดอกไม้เหล่านี้ปลูกโดยน้องๆนักเรียนเหล่านี้ โรงเรียนอยู่ติดกับทุ่งดอกไม้นี้เลย จริงๆรูปถ่ายน้องๆเยอะกว่านี้นะ เพราะเหมือนแยกกันปลูกเป็นระดับชั้น ชื่นชมน้องๆมากๆที่ปลูกดอกไม้เหล่านี้และสวยงามมาก

ดูเวลาอีกที ตอนนี้15:30น.กว่าๆแล้ว ห้ะะะะะ ทำไมเวลาผ่านไปไวจังวะ เหมือนเพิ่งจะมาได้นานเองนะ ดูเที่ยวรถไฟแป๊บ รถไฟเที่ยวต่อไปใกล้มาแล้ว จะเดินกลับไปทันรถไฟไหมล่ะ อีกครึ่งชั่วโมงรถไฟมาแล้ว ถ้าไม่ทันก็ต้องรอเที่ยวต่อไปอีกชั่วโมงกว่าๆ งั้นก็เร่งสปีดเท้าเดินกลับไปสถานีดลยละกัน

เดินบ้างวิ่งบ้างก็แล้วยังไม่ถึง แต่พอใกล้ถึงสถานีรถไฟเท่านั้นแหละ นั่นไงงงงงงรถไฟมาแล้วววว โอ้ยยยทำไมรีบมา ตอนนั้นคือรู้แล้วล่ะว่าตกรถไฟเที่ยวนี้แล้วแน่ๆ เพราะรถไฟจะจอดรอแค่30วินาทีเท่านั้น ซึ่งกูยังข้ามรางรถไฟไม่ได้ เพราะราวกั้นทางข้ามรถไฟมันกั้นอยู่เพื่อนให้รถไฟลแล่นผ่าน พอราวกั้นเปิดก็รีบวิ่งสุดชีวิต กระเป๋าก็หนักเกิน ทำให้วิ่งไม่คล่อง แต่แล้วก็ไม่ทันรถไฟ รถไฟแล่นออกจากสถานีไปต่อหน้าต่อตา อกูด้วยยยยยยยยยยยยยย อย่าเพิ่งไปปปปปปป

เห้ออออออ เว็งเลยตู นั่งรอรถไฟเที่ยวต่อไปวนไปยาวๆชั่วโมงกว่าๆ อกไปเดินเล่นใกล้ๆสถานีก็แล้ว เวลาก็ยังเดินช้า ฮ่ะๆๆ งั้นก็กลับมานั่งรอที่สถานีรถไฟละกัน งีบรอสักหน่อยดีไหมเนียะ รออีกนานเลยทีนี้

ด้านในสถานีรถไฟมีสมุดพร้อมปากกาวางไว้บนโต๊ะ ตอนแรกก็นึกว่าสมุดทั่วไป แต่พอเดินไปดูใกล้ๆ บนปกสมุดมันเขียนไว้ว่า "旅の思い出帳" แปลว่า "สมุดบันทึกความทรงจำของการเดินทาง" ก็เลยเขียนลงไปในสมุดเล่มนี้บ้าง แต่ไม่ได้เขียนเป็นภาษาญี่ปนนะ เขียนเป็นภาษาไทยเอา เผื่อว่าจะมีคนไทยมาเที่ยวแล้วมาเปิดเห็นว่า เห้ยมีภาษาไทยด้วย แสดงว่ามีคนไทยมาเที่ยวแถวนี้ด้วยงี้ เขียนไปสั้นๆ รอรถไฟวนไป

การเดินทางในชนบทญี่ปุ่นไม่ได้สะดวกสบายเหมือนบ้านเรา(ไทย) เพราะอะไร เพราะไม่มีวินมอไซค์ ไม่มีรถสองแถว นั่นจึงทำให้การเดินทางเที่ยวในชนบทญี่ปุ่นเป็นสิ่งที่ลำบากมาก แต่ถ้าใจพร้อมและยอมรับมันได้ก็ไม่มีปัญหา เพราะสิ่งที่ทำได้ก็คือ การเดิน เดิน เดิน และก็เดิน ในเมืองคือการเดินทางสะดวกสบายมากๆ

รอรถไฟได้สักพัก (ชั่วโมงกว่า) รถไฟขากลับสถานีIIYAMA ก็แล่นมาจอดที่สถานี ตอนนี้ก็4โมงกว่าๆแล้ว ป่ะขึ้นรถไฟเดินทางกลับกัน พอขึ้นรถไฟมาปุ๊บ โอ้โหหหห รถไฟโล่งลึ๊งเลย แทบบบบบไม่มีใครเลย ฮ่ะๆๆ

ขากลับก็ใช้เวลาๆพอๆกับขามานี่แหละ ครึ่งชั่วโมงนิดๆ รถไฟทั้งตู้นั่งอยู่คนเดียว ส่วนจตัวเกินไปแล้วมั้งง

ขอบคุณเพื่อนร่วมทางกระเป๋าที่ไม่ไปไหนมาไหนด้วยกัน แต่มึงก็หนักไปนะ ไม่รู้ว่ายัดอะไรมานักหนา หนักจริง แต่ของที่ยัดมามันก็จำเป็นต่อการเดินทาทั้งนั้นแหละ ร่มก็ซื้อระหว่างทางตอนฝนตกถือจนจบทริป

ไม่นานก้เดินทางกลับมาถึงสถานีIIYAMA พอกลับมาถึงก็มานั่งคิดแผนต่อว่าจะไปไหนดี พักที่ไหนดี หาที่พักแล้วนี้แล้วไม่มีว่ะ เต็มอีกละ ก้เลยตัดสินใจเดินทางไปจังหวัดTOYAMAเลย ไปพักที่นั่นและเที่ยวที่นั่นเลยละกัน แต่ก็ไกลก็อยู่นะ ตอนนี้5โมงนิดๆแล้ว งั้นก็นั่งรถไฟชิงคันเซ็นไปเลยละกัน ราคาแพงหน่อยแต่ประหยัดเวลาได้เยอะอยู่ เดี๋ยวต้องไปหาที่พักอีก งั้นก็เดินทางไปกันเลยยยยย

สวัสดี Toyama นั่งรถไฟไม่ถึงชั่วโมงก็มาถึงสถานีToyama เห็นชิงคันเซ็นด้านบนสถานีนั่นไหม อิอิ

เดินออกสถานีมาก็เห็นรถรางแบบนี้อีกแล้ว เมืองที่มีรถรางแบบนี้น่ารักดีนะ อยากลองขึ้นบ้าง แต่ไม่รู้จะขึ้นไปไหน เพราะยังไม่มีข้อมูลอะไรเกี่ยวกับเมืองนี้เลย ก่อนอื่นเลยก็คือต้องหาที่พักก่อน สงสัยคืนนี้ก็คงต้องได้นอนเน็ตคาเฟ่อีกแล้วมั้งเนียะ อยากนอนที่นอนดีๆสักคืนบ้าง ร่างกายเหนื่อยแล้ว ขอที่พักดีๆนะ ฮ่ะๆๆ

แต่แล้วโชคชะตาก็เล่นตลกอีกแล้ว ที่พักเต็มมมมมอีกแล้ววววววว เน็ตคาเฟ่ก็ดันเต็มอีก Shipหายแล้ววววววว เอาไงดี โรงแรมที่พอจะมีว่างอยู่ก็ดันแพงอีก ไอ่ที่ราคาถูกก็ดันเป็นของที่สูบบุหรี่ได้ นั่นเท่ากับว่ามันจะมีกลิ่นบุหรี่ในห้องด้วย ก็เลยตัดสินใจพักโรงแรม Toyoko Inn Toyama ในราคา 7100เยน ร่างกายเหนื่อย ขอพักห้องพักที่นอนดีๆอาบน้ำดีๆสักคืนหน่อยละกัน แพงหน่อย แต่ก็ไม่เป็นไร ห้องพักเป้นแบบ Single room คือห้องพักสำหรับคนเดียว ไม่กว้างมาก แต่ทุกอย่างโอเคหมด พักผ่อนให้เต็มที่ไปเลย สำหรับคืนนี้ก็แค่ออกไปหาข้าวกินแล้วกลับมานอนเล่นอยู่ที่โรงแรม หลับฝันดี

2 May 2019 TOYAMA

สวัสดีเช้าวันใหม่ วันที่ท้องฟ้ามืดฝนเช่มเดิม ลงไปกินข้าวเช้า เก็บของเตรียมเช็คเอ้าท์กัน วันนี้จะเดินทางออกไปนอกเมืองหน่อย เมื่อคืนเช็คสถานที่ที่จะไปแล้ว นั่นก็คือ หมู่บ้าน INOTANI ต้องนั่งรถไฟออกไป งั้นก็ออกเดินทางไปกันเลย


เดินทางมาถึงสถานีปลายทาง INOTANI แล้ว นั่งรถไฟครึ่งชั่วโมงกว่าๆ นั่งจากในเมืองเข้าป่าข้ามเขามาถึงหมู่บ้านเล็กๆกลางหุบเขาใหญ่ หมุ่บ้านเก่าแก่ที่หลงเหลือแต่ผู้สูงอายุอาศัยอยู่

แต่วิวภูเขาสีเขียวที่ล้อมรอบหมู่บ้านแห่งนี้มันสวยมากนะ ช่วงหิมะตกในฤดูหนาวคงจะสวยงามมากๆแน่ๆ

สถานนี้เป็นสถานีสุดสายของรถไฟที่มาจากโทยามะ สำหรับคนที่ต้องการจะเดินทางไป Takayama สามารถมาเปลี่ยนรถไฟได้ที่สถานีนี้ ซึ่งรถไฟที่ไปTakayama จะจอดรอรถไฟที่มาจาก Toyama ด้วย

หน้าตาสถานีรถไฟเล็กๆนี้ก็จะเป็นแบบนี้ ป้ายก็บ่งบอกเลยว่าเก่าแก่มากๆ ข้างในไม่มีเจ้าหน้าที่เฝ้าด้วยนะ

ไปเดินเล่นรอบๆดูหน่อยว่ามีอะไรน่าสนใจบ้าง เพราะไม่รู้ข้อมูลหมู่บ้านนี้เหมือนกัน มาแบบอยากไปที่ไหนก็ได้ที่ไม่ใช่ในเมือง ขอเป็นชนบทนอกเมือง เป็นหมู่บ้านที่เงียบสงบมากๆ เหมือนไม่มีคนอาศัยอยู่เลย ฮ่ะๆๆ

พอเดินลงมาเรื่อยๆ ก็มาเจอกับสะพานแดงแห่งนี้ เป็นสะพานข้ามแม่น้ำขนาดใหญ่ที่ไหลผ่านหมู่บ้าน ถือว่าเป็นจุดเด่นของหมู่บ้านนี้เลยก็ว่าได้นะ ป่าสีเขียวตัดกับสะพานสีแดงสด มันช่างเข้ากันจริงๆ

มองไปทางไหนก้เต็มไปด้วยป่าไม้ภูเขาสีเขียวขจีที่ดูแล้วสดชื่นมากๆ ชอบอะไรที่เป็นธรรมชาตอแบบนี้จริงๆ

พอเดินได้สักพักก้เดินย้อนกลับไปที่สถานีรถไฟ ตอนนั้นป้าที่เปิดร้านขายของอยู่หน้าสถานีก็ทักมาว่า ไปเดินเที่ยวรอบๆมาหมดละเหรอ กว่ารถไฟเที่ยวต่อไปจะมาก็อีกเกือบชั่วโมงเลยนะ ก้เลยตอบไปว่ายังไม่ทั่วครับ แต่กลัวตกรถไฟก้เลยมารอก่อนเวลา ป้าก้เลยบอกว่าไปเที่ยวศาลเจ้าใกล้ๆนี่มายัง เดินลอดสะพานนี่ไปก้ถึงแล้ว ยังมีเวลาอีกเยอะเลย ลองไปเที่ยวดูนะ ไหนๆป้าก้แนะนำแล้วก็เลยเดินไปศาลเจ้าสักหน่อย

บันไดขึ้นศาลเจ้านี่จะชันไปไหน ชันจนท้อเลย เพราะกระเป๋าหนักมาก ฮ่ะๆๆ ตอนนี้คือกังวลอย่างเดียวว่าจะทันรถไฟไหม นับถอยหลังเวลาด้วยนะ เพราะตกรถไฟนี่คือรอเที่ยวต่อไปนานนนนเลย รีบเดินขึ้นๆ

พอใกล้เวลาก็เดินย้อนกลับมาสถานีรถไฟอีกที และคุยกับป้าอีกครั้ง ป้าก้เลยบอกว่ามาๆ ยืนตรงหน้าสถานีนี่มา เดี๋ยวถ่ายรูปให้ แบบนี้ก็มีด้วย อ่ะๆ ถ่ายๆ ฮ่ะๆๆ ขอบคุณป้ามากๆ คือไม่ค่อยชินกับการที่จะให้ใครถ่ายรูปให้จริงๆ เพราะปกติจะตั้งกล้องถ่ายเองซะส่วนใหญ่ รถไฟใกล้มาแล้ว งั้นลาป้าแล้วไปขึ้นรถไฟก่อนละ

และรถไฟก็มาจอดรอแล้ว แต่คนขึ้นจากสถานีนี้คือน้อยมาก ส่วนใหญ่จะเดินมางมาจาก TAKAYAMA แล้วมาเปลี่ยนรถไฟที่สถานีนี้ สำหรับวันนี้กับหมู่บ้านเล็กๆกลางหุบเขาก็จบลงแล้ว เดินทางกลับเข้าเมืองต่อ ซึ่งวันนี้วางแผนไว้ว่าจะเข้าไป Kanazawa จัวหวัด Ishikawa กันต่อ

นั่งรถไฟจาก Toyama มา Kanazawa ไม่นานมาก เพราะระยทางไม่ไกลกันมาก พอมาถึงคานาซาว่าก็ต้องมาลำบากหาที่พักสำหรับคืนนี้อีกแล้ว ที่พักก็ยังคงเต็มเหมือนเดิม ที่ยังว่างก็แพงเกินไปที่จะจ่าย งั้นคืนนี้ก็พักที่เน็จคาเฟ่ต่อเลยละกัน ยังมีห้องแยกว่างอยู่

แต่เนื่องจากว่าพรุ่งนี้จะไปโอซาก้าแล้ว เพราะนัดเพื่อนไว้ ก็เลยรีบไปหาซื้อตั๋วรถบัสนอนก่อน ซึ่งตอนไปซื้อที่ตู้คือเหลือที่นั่งที่สุดท้ายแล้ว เพราะตั๋วรถบัสวันที่4,5นั่นถูกจองเต็มไปหมดแล้ว เหลือแค่วันที่3ที่นั่งเดียว ไม่รอช้าจัดการซื้อตั๋วทันทีเลย ไม่งั้นคงต้องกลับด้วยรถไฟแน่ๆ

สำหรับคืนนี้ก็ออกไปหาข้าวกินแล้วกลับมานอนพักผ่อนยาวๆเลย ไม่ได้ออกไปเที่ยวไหน เพราะฝนตกและไม่รู้จะไปไหน งั้นก็นอนดูหนังมันเลย พรุ่งนี้ยังต้องเดินทางกันต่อ คืนนี้หลับฝันดี


3 May 2019 ISHIKAWA
สวัสดีเช้าวันใหม่ วันนี้เองก็อยากจะออกไปเที่ยวนอกเมืองอีกเช่นเคย ก็เลยดูบนแผนที่ว่าที่ไหนบ้านนอกบ้างก็จะไปที่นั่น จนได้ที่นี่หมู่บ้านจึรุกิ (TSURUGI,ISHIKAWA) ใช่ในรูปคือเปลี่ยนมาใส่รองเท้าแตะแล้ว เพราะรองเท้าผ้าใบป่วย ไม่สบาย อาการหนักแล้ว (กลิ่นเหม็นแล้วต่างหาก ฮ่ะๆๆ)

พอขึ้นรถไฟปุ๊บ คนญี่ปุ่นต่างก็มองมาที่รองเท้า แล้วบางคนกผ็คุยซุบซิบแล้วขำกันเบาๆ พูดภาษาญี่ปุ่นนินทารองเท้ากูไปอีก พูดประมาณว่า "ดูคผู้ชายคนนั้นดิใส่รองเท้าแตะเที่ยว ดูตลกมากเลย" กูฟังภาษาญี่ปุ่นได้โว้ยยยยย แต่ไม่ได้ตอบโต้อะไร เพื่อนบอกว่าคนญี่ปุ่นเขาไม่ใส่รองเท้าแตะเที่ยวกัน ก็เลยแบบ แค่รองเท้าก็ไม่ต้องมองแรงขนาดนั้นก็ได้ไง ทุกวันนี้ก็ยังค้างคาใจมาก ฮ่ะๆๆ ช่างแม่ง

นั่งรถไฟออกมาจากคานาซาว่าประมาครึ่งชั่วโมงกว่าๆก็มาถึงสถานี Tsurugi คือไม่ได้รู้นะว่าที่เมืองนี้อะไรดี รู้แค่ว่ามีกระเช้าลอยฟ้าขึ้นภูเขา งั้นวันนี้จะไปขึ้นกระเช้าสักหน่อย เที่ยวแบบชิลๆสบายๆไปละกัน


เดนิไปเรื่อยๆก็ยังไม่มีวี่แววจะถึงสักที เดินไปพักไป จริงๆมันก้แอบไกลอยู่นะเนียะ เพราะคิดว่าไม่ไกล ฮ่ะๆๆ

พอเดินไปอีกสักพักก้ถึงกระเช้าขึ้นเขา งั้นก็ไม่รอช้าละ ไปซื้อตั๋วรอขึ้นเขากันเลย ช่วงนี้ไม่ได้ถ่ายรูปอะไรมาก ท้องฟ้าก็ไม่สดใส มีแต่หมอกควัน อีกทั้งเหน็ดเหนื่อยกับการเดินทาง ฮ่ะๆๆ ก็เลยเอามาลงเท่าที่มีนี่แหละ

พอขึ้นมาถึงบนเขาก้ไปหาที่นั่งพักผ่อน ใต้ต้นไม้นี่แหละกำลังดี เอนตัวนอนลงไปบนเก้าอี้ใต้ต้นไม้ ไม่ได้ไปไหนเลยจริงๆ แค่มานั่งตรงนี้แล้วก็จบ ฮ่ะๆๆ สงสัยเที่ยวจนเหนื่อยแล้วรึเปล่าวะ

หลังจากนั่งกระเช้าขึ้นบนเขาแล้วก็ลงเขามา ขึ้นก็ยังถามตัวเองอยู่ว่าขึ้นไปทำไม ฮ่ะๆๆ งง ใจตัวเองมาก จากนั้นก็เลยเดินกลับมาสถานีรถไฟแล้วนั่งรถไฟกลับเข้าไปในเมืองอีกที

พอกลับมาถึงในเมืองคานาซาว่าก็ไม่รู้จะไปไหนแล้ว อยากไปหาที่นั่งพักผ่อนแบบสามารถเอนตัวนอนลงกับพื้นได้ ก็เลยเดินตรงไปทางแม่น้ำของเมือง เดินผ่านตึกต่างๆ เมืองนี้เป็นเมืองที่สะอาด ต้นไม้เยอะ ร่มรื่นมากๆ มองไปทางไหนก็ปลุกต้นไม้ไวเหมดเลย

เดินมาจนถึงแม่น้ำก็มาถึงก่อนพระอาทิตย์ตกนะ ซื้อข้าวกล่อง ซื้อน้ำมานั่งกินริมแม่น้ำ นอนงีบด้วย จนเย็นพระอาทิตย์ก็เริ่มตกลงไป พอเย็๋นแล้วก็เลยเดินย้อนกลับไปสถานีรถไฟ กว่าจะได้ขึ้นรถบัสไปโอซาก้าก็ตั้ง4ทุ่มโน่นแหนะ งั้นไปหาอะไรกินรองท้องก่อน คืนนี้เดินทางอีกยาวไกล

พอรอจนถึงเวลาเดินทางก้ไปต่อแถวขึ้นรถบัสนอน เป็นรถบัสนอนที่ดีมากเลยนะ มีม่านกั้นให้ทุกที่นั่ง ขึ้นรถบัสปุ๊บ ปรับเบาะนอนเลย เหนื่อยจัด ออกเดินทางสู่โอซาก้ากัน หลับฝันดีทุกคน

4 May 2019 OSAKA
สวัสดีเช้าวันใหม่ที่โอซาก้า เดินทางมาถึงเช้ามากๆ เช้ามาก็นัดเวลานัดเจอกับลุงโฮสต์แฟมิลี่เลย

แต่ก่อนอื่นขอไปเช็คอินเพื่อฝากกระเป๋าไว้ที่โฮสเทลก่อน โอสเทลที่โอซาก้าคือเยอะมา ไม่ต้องกังวลเลยว่าจะมีที่พักว่างให้ได้พักช่วงที่อยุ่โอซาก้าไหม ตอนแรกว่าจะไปค้างบ้านเพื่อนแต่ก็แอบไกลเลยไม่ได้ไปพัก

จากนั้นไปนั่งรถไฟไปหาลุงโฮสต์แล้วลุงก้พาออกไปแว้นเที่ยวจังหวัดวากายามะ เป็นครั้งแรกที่เคยนั่งมอไซค์ในญี่ปุ่น วันนี้ก็ไปเกือบทั้งวันเลย อต่บ่ายๆนัดเพื่อนไว้ก้เลยเที่ยวกับลุงได้ไม่นาน กลับเข้ามาโอซาก้าก้ไปเที่ยวกับเพื่อนต่อ กินข้าว ไปเที่ยวผับ กลับที่พักไปนอน อิีกวันก็ไปเที่ยวหาพี่สาวที่Nara


6 May 2019

สวัสดีเช้าวันใหม่ วันสุดท้ายของการเดินทางที่แสนยาวนาน

อาหารเช้าวันนี้ไม่รู้จะกินไรดี ก็เลยเข้าร้านกาแฟไปสั่งเมนูที่คิกว่าน่ากินที่สุด แต่พอกินเช้าไปคำแรก เห้อออ หมดกันมื้อเช้าของกู ดื่มแต่กาแฟแล้วไปซื้อข้าวกล่องกินที่แฟมิรี่มาร์ทแทน ฮ๋ะๆๆ

วันนี้ต้องเดินทางกลับKagawa แล้ววววว วันสุดท้ายของหยุดยาวแล้ว พรุ่งนี้ก็กลับเข้าสุ่โหมดทำงานแล้ว ขี้เกียจกลับไปทำงานจริงๆ แต่ต้องไปผลิตเงินต่อเพื่อทริปต่อไปที่จะมาถึง ฮ่ะๆๆ

สำหรับการเดินทางหยุดยาวโกลเด้นวีคก็ขอจบลงเพียงเท่านี้นะ ไม่ใช่ไรหรอก เริ่มเขียนบันทึกฉบับนี้ไม่ไหวแล้ว เยอะเกิน ลงรายละเอียดไม่ไหวแล้ว ก็เลยขอตัดบทจบกันที่เดินทางคนเดียวนี่แหละ ฮ่ะๆๆ

ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านบันทึกการเดินทางที่อสนจะน่าเบื่อฉบับนี้ ขนาดตัวเองเขียนไปยังรู้สึกเลยว่าเป็นการเที่ยวที่น่าเบื่อยังไงไม่รู้ แต่ก็ยังอยากเขียนเก็บไว้ ขอบคุณคนที่อ่านจนจบบันทึกนี้จริงๆนะ

จบแล้วกับบันทึกการเดินทาง แล้วเจอกันใหม่บันทึกฉบับหน้าครับ






ล่ามติดเที่ยว

 วันอาทิตย์ที่ 3 พฤศจิกายน พ.ศ. 2562 เวลา 18.30 น.

ความคิดเห็น