แต่ละวัน แต่ละคน กินอาหารกันวันหนึ่งหลายมื้อ สลับปรับเปลี่ยนกันไปตามโอกาส แต่ทุกวันนี้ ถ้าจะกินอาหารไทย ส่วนใหญ่ แวะร้านข้าวแกง ราคาถูกดี เมนูก็เดิมๆ ทั่วไป แกงเขียวหวาน ไข่พะโล้ สารพัดผัดเผ็ด ผัดผัก แล้วแต่ร้านไหนจะจัดอะไร พอกระเถิบเข้าไปเดินห้าง รู้สึกว่า อาหารญี่ปุ่น มีเยอะมากๆ อยากกินอาหารไทย ที่อร่อยล้ำๆ นั่งนึก..ก็นึกไม่ออกว่า ไปกินร้านไหนดี ต่อมาวันหนึ่ง...ได้เดินทางไปเที่ยว จังหวัดกาญจนบุรี ไปกินอาหารร้าน "บลูไรซ์ กาญจนบุรี" รสชาติเข้าที อร่อยถูกปาก รีบนำมาแนะนำ ทุกๆ คน


ร้าน "บลูไรซ์ กาญจนบุรี" ฟังชื่อก็สัมผัสได้ว่าเป็นร้านแนว "พรีเมี่ยม" โดยในความพรีเมี่ยมนี้ เกิดมาจากการสั่งสมประสบการณ์ทำร้านอาหารไทย มายาวนานกว่า 20 ปี ในชื่อร้าน กระท่อมไทย แอ๊ปเปิ้ล เกสต์เฮ้าส์ จนเป็นที่รู้จักและเลื่องลือถึงรสมือในการปรุงอาหารไทย ซึ่งเป็นอาหารพื้นถิ่นของกาญจนบุรี จนคนในพื้นที่ชื่นชอบ รวมไปถึงนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ทำให้กลายมาเป็นร้าน บลูไรซ์ กาญจนบุรี เพื่อให้สามารถรับรองนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ที่สนใจและอยากลิ้มลองอาหารไทยพื้นถิ่น ได้อย่างมั่นใจ

คุณณปภัช พิณเทพ หรือ แอ๊ปเปิ้ล เจ้าของร้าน เล่าความเป็นมาในการทำร้านอาหารไทยว่า "เป็นคนที่รักและมีความสุขในการทำอาหาร ความชอบนี่ เกิดจากความหลงไหล รสชาติอาหารฝีมือแม่ แม่เป็นคนทำอาหารอร่อยและใส่ใจในรายละเอียดในการเลือกวัตถุดิบ อะไรดี อยู่ที่ไหน ก็จะสรรหาให้สมาชิกในครอบครัวได้กินกันอย่างเอร็ดอร่อย จนทำให้ตัวเองคิด อยากทำอาหารให้ได้เหมือนแม่ ก็เริ่มเรียนรู้จากแม่ แล้วก็หาความรู้เพิ่มเติม ที่เปิดร้านอาหาร เพราะอยากเดินตามรอยแม่ คือ การทำอาหารด้วยความรัก แม่มีฝีมือในการทำอาหาร ต้องการนำความอร่อยในแบบฉบับ "รสมือแม่ " ให้คนอื่นๆ ได้ลิ้มลอง และ ตัวเอง ก็ได้ตั้งปณิธานกับ รัชกาลที่ 9 ว่า จะทำหน้าที่เป็นส่วนหนึ่งในการ เผยแพร่อาหารไทย ให้เป็นที่รู้จักของชาวต่างชาติ ทำให้วันนี้ กลายเป็นร้าน บลูไรซ์ กาญจนบุรี ในปัจจุบัน


ร้าน "บลูไรซ์ กาญจนบุรี" เมนูอาหารที่ขึ้นชื่อ และเป็น Signature Dish คือ แกงมัสมั่น หรือ The Original Massaman Curry จะเป็นเมนูที่ชาวต่างชาติจะชอบกันอย่างมาก ส่วนเมนู Signature Dish ที่คนท้องถิ่น คนไทย ที่แวะเวียนมาชิมแล้วติดใจก็คือ "ผัดเผ็ดหน่อไม้ดองไก่"



"ผัดเผ็ดหน่อไม้ดองไก่" รสชาติได้ความนัวของพริกแกงที่มีความลงตัว เผ็ดลิ้น...ส่งกลิ่นหอมสมุนไพรนานาชนิด อาทิ ผิวมะกรูด พริกแห้ง พริกสด กระเทียม หอมแดง ซึ่งทุกรายกายคัดวัตถุดิบสดใหม่จากแปลงสวนของชาวบ้าน ที่ปลูกกันแบบปลอดสารเคมี กินได้สบายอกสบายใจ กรรมวิถีการทำ "พริกแกง" ก็พิถีพิถัน โดยนำมาโขลกๆ ในระะดับ หยาบละเอียด จนได้ พริกแกงผ้ดเผ็ด ที่รสชาติดี สำหรับ "หน่อไม้" เลือกคัด "หน่อไม้ไผ่ตรงลืมแล้ง หรือ "ผ่กิมซุง" ซึ่งถือเป็นวัตถุดิบท้องถิ่นชั้นดี

"บลูไรซ์ กาญจนบุรี" ภูมิใจในผลิตภัณฑ์ "หน่อไม้ดอง" อย่างมาก เพราะจะเฟ้นแต่หน่อไม้อ่อน เนื้อไม่เป็นเสี้ยน ซอยบางๆ ด้วยมือเท่านั้น เพื่อนำมาทำเป็น "หน่อไม้ดอง" ใช้ปรุงอาหารในร้าน และ บรรจุขวดขายให้กับลูกค้า ในราคาขวดละ 35 บาท โปรโมชั่น 3 ขวด 100 บาท ความเด่นคือ เนื้อหน่อไม้จะอ่อน และ ขาวสะอาด ด้วยกรรมวิธีที่ถูกต้อง ตั้งแต่การคลุกเคล้าเกลือและล้างด้วยน้ำสะอาด เนื้อหน่อไม้ จะเป็นสีขาวสวยและไร้กลิ่นดอง เก็บกันไว้กินได้ตลอดปี

ยอดอ่อนเอาไปทำ "หน่อไม้ต้มจืดกระดูกหมู" ซดเป็นน้ำแกง ได้ความหวานธรรมชาติจากทั้ง กระดูกหมู และ หน่อไม้อ่อน เรียกได้ว่า ที่ร้านใช้หน่อไม้ ได้ครบทุกส่วน นอกจากนี้ ยังนำไปใช้ทำเมนูอาหารอื่นๆ อาทิ หน่อไม้ใบย่านาง, แกงคั่ว, แกงส้มพริกสด ที่ใช้ หน่อไม้ ในหลายๆ เมนู เพราะหน่อไม้เมืองกาญฯ นับเป็นของขึ้นชื่อ หวาน สด กรอบอร่อย กว่าแหล่งอื่นๆ ด้วยว่า ดินเมืองกาญฯ มีความชื้นสูง

อาหารพื้นบ้านอีกเมนู ที่แนะนำให้สั่งมาลองชิม คือ คะน้าปลาเค็ม คัดผักคะน้า ที่อ่อนๆ เคี้ยวแล้วไม่เหนียวติดฟัน ปลาเค็มก็รสชาติไม่เค็มจัดจนเกินไป กินกับข้าว แกล้มกับอาหารเมนู ผัดเผ็ดอื่นๆ แล้วเข้าคู่ไปด้วยกันได้ดี เพราะอาหารไทย ต้องกินมีรสตัดกัน และ มีรสเสริมกัน

แกงป่าไก่ อีกเมนูต้องแนะนำ ความพิเศษอยู่ที่ เนื้อไก่ ที่นำมาปรุงเป็นอาหารแล้ว เนื้อแน่นหนึบอร่อย เพราะเป็นไก่ที่คัดมาจากที่ชาวบ้านเลื้องด้วยข้าวโพดเท่านั้น สำหรับแกงป่าไก่ จะแกงน้ำขลุกขลิก เพื่อให้ได้รสชาติพริกแกงที่เข้มข้น หอมกลิ่นเครื่องปรุงที่เป็นสมุนไพรต่างๆ กินแก้มตุ่ย ตะลุยเที่ยว จัดข้าวสวยร้อนๆ ไปหลายจาน เพราะกินอาหารที่นี่ เพลินปาก สำหรับเมนูอื่นๆ ที่อร่อย แนะไม่ควรพลาด ก็มี ทอดมันหมู ทอดมันหัวปลี แกงกล้วยดิบ ต้มยำปลาคัง และ แกงส้มหน่อไม่ใส่ปลาคัง

"ปลาคัง" คัดมาได้สดใหม่ เนื้อแน่น เนื้อปลารสมันอร่อย พอใส่ใน แกงเผ็ดหน่อไม้ดอง กับ ต้มยำ รสจัดจ้าน ช่างไปด้วยกันได้ดี คนที่เลิฟเนื้อ ปลาคัง ต้องสั่งมาลิ้มลอง เพราะอร่อยอย่างแรง สำหรับลูกค้าของร้าน บลูไรซ์ กาญจนบุรี มีทั้งชาวไทย และ ชาวต่างชาติ ที่ค้นหาข้อมูล จนมาพบและติดใจ หวลกลับมาใช้บริการกันบ่อยๆ ราคาอาหาร หลักๆ จะอยู่ที่เมนูละ 130 บาท และ เมนูที่ใช้ ปลาคัง เป็นวัตถุดิบ จะขึ้นอยู่กับวันนั้นๆ ที่ได้วัตถุดิบมา คำตอบว่า ราคานี้ แพงไหม คำตอบ จะอยู่หลังจากตักอาหารเข้าปากไปแล้ว ซึ่งบทสรุปก็คือ อาหารคุ้มกับราคา ด้วยรสชาติ และ วัตถุดิบที่นำมาใช้ ล้วนแล้วแต่ดีงาม



พิกัด ร้านบลูไรซ์ กาญจนบุรี ตั้งอยู่ใกล้กับ สะพานสุดใจ ตำบลท่ามะขาม ถนนมหาดไทย, เมืองกาญจนบุรี บรรยากาศร้านอาหาร ตกแต่งสวยงาม อยู่ริมแม่น้ำ มองทอดสายตาไป กินอาหารไป เหมือนได้มาผ่อนคลาย ยามพลบค่ำ เห็นแสงไฟสลัวๆ ตัดกับท้องฟ้าในคืนที่พระจันทร์สว่าง คู่รักไปด้วยกัน คือ โรแมนติก เลยทีเดียว ส่วนใครไปในช่วงอากาศเย็นๆ หน่อย นั่งสบาย จิบเบียร์ไปด้วยพลางๆ มีความสุขกันล้นๆ ใครที่สนใจจะเข้าไปกินอาหารที่นี่ แนะนำให้โทรไปสั่งจองล่วงหน้าก่อน เพื่อความสดใหม่ของวัตถุดิบต่างๆ สามารถติดต่อได้ที่ โทร 034 512 017 หรือ INBOX เข้าไปที่ Facebook : Bluerice



กินแก้มตุ่ย ตะลุยเที่ยว

 วันอังคารที่ 8 ตุลาคม พ.ศ. 2562 เวลา 14.07 น.

ความคิดเห็น