สวัสดีค่ะ วันนี้เรามีเรื่องเล่าเดินป่าแบบลืมไม่ลงของ จขกท.ให้ฟังกันนะคะ ภูสอยดาวนี่คือที่สุดจริงๆ555

ทริปนี้มีสมาชิก 4คน เป็นเพื่อนแปลกหน้าที่อยากรู้จัก ไม่พูดเยอะ ตามมาดูก่อนเล้ยยย

#รายละเอียดค่าใช้จ่ายต่างๆจะแสดงด้านล่างสุด

เริ่มที่หัวลำโพง จขกท.ได้ซื้อตั๋วรถไฟขบวน107กรุงเทพฯ-พิษณุโลก ชั้น3 ราคา179฿ เวลา20:10-02:36 จขกท.ไม่ได้ขึ้นพร้อมเพื่อนนะ พวกเราขึ้นคนละสถานี  บรรยากาศนั้น ไม่ต้องพูดถึงเลย ฝนตก ฝนนางก็สาดมาที่นั่งของเราเจ้าค่ะ คือแบบกระจกก็ปิดไม่ได้ อะไรจะเวรกรรมขนาดนี้ การเริ่มต้นของทริปนี้ทุลักทุเลพอสมควร55555

แต่ต้องขอบคุณพี่ผู้ชายเสื้อชมพูกับภรรยามากนะคะ ที่มาปิดหน้าต่างให้ ถ้าไม่ได้พี่แกคงเปียกหมดอ่ะ ขอบคุณนะคะ

จากนั้นเรื่องฝนไม่ต้องกังวลแล้ว อุ่นใจได้ รถไฟก็เคลื่อนขบวนไปเรื่อยๆ และรับสมาชิกของเราจนครบทุกคน เราได้เจอหน้ากับคนแปลกหน้าที่อยากรู้จักแล้วค่ะ  //และแล้วความหิวไม่ปราณีใคร แต่เราโชคดีที่สมาชิกของทริปนี้คนหนึ่ง เขาได้มีอาหารติดมือมาด้วย นั่นก็คือ "ลูกชิ้นทอด" คือไม่ใช่แค่ที่ทอดนะ และยังมีลูกชิ้นที่ยังไม่ทอดติดมาด้วย ขอบคุณที่เธอช่วยชีวิตฉันไว้

พอกินอิ่ม หนังตาเริ่มหย่อน ทุกคนเริ่มอยูในภวังค์ของความฝัน

--02:36น. อาจจะเป็นการนั่งรถไฟที่ตรงเวลาที่สุดมั้ง555 เราได้โทรบอกลุงเจษว่าถึงแล้ว (รถเหมาไปภูสอยดาว) จากนั้นเราก็ขนสัมภาระต่างๆไว้ท้ายกระบะ ลุงแกบอกว่าจะพาไปซื้อของทำอาหารที่ตลาด เราก็โอเคค่ะ นั่งรถกันไปเล้ยยย (สำหรับราคาเหมานั้นคนละ600฿ แต่ถ้ามีคนหาร ราคาจะถูกลงกว่านี้ค่ะ แต่ถ้าไปรถ2แถวไปได้ประมาณ 10คน ราคาจะตกอยู่ที่คนละ 400฿)

ขึ้นรถได้เท่านั้นแหละ ไม่ต้องพูดไรมาก พวกเราทุกคนต่างหลับ หลับแบบสนิทมาก จขกท.ตื่นมาพบกับที่ทำการอุทยานฯเลยจ้าาา วิวข้างทางอะไรฉันไม่รู้เรื่องทั้งนั้น ฉันนอนนนนน พอถึงลุงแกก็พาเราเป็นกินข้าวที่ทางขึ้นภูสอยดาว เพื่อรอเวลา08:00น. ลงทะเบียนขึ้นภูสอยดาว 

เราเริ่มเข้าเรื่องกันดีกว่าไหมมม ไปกันเล้ยยย

แรกๆหน้าของทุกคนสดใสมาก แต่ไม่อยากให้คิดสภาพระหว่างเดินขึ้นภูสอยดาวเลยจ้าาาา รับสภาพตัวเองไม่ได้ (จขกท.ช่วงนั้นไม่ค่อยออกกำลังกาย เอาเป็นว่าเกือบไม่รอด)  ออกเดินทางกันเลยจ้า

เราทั้ง4คน เดินบ้างพักบ้าง เราผ่านเนินต่างๆไปอย่างโอเค 

เดินไปหอบไป55555  ไม่ได้หอบธรรมดานะ หอบแบบพิเศษใส่ไข่ 40฿ นอกเรื่องจนได้

พี่ๆนักเดินทางบางส่วน ที่ตอนนี้พวกเขากำลังจะแซงหน้าเราไปแล้วค่าาา (กลุ่มเราขึ้นภูสอยดาวก่อนใครเพื่อน)

และแล้วฉันกำลังจะถึงสิ่งที่ฉันพยายามเดินขึ้นแทบตาย เห็นแค่นี้ฉันก็ยิ้มออกมาได้แล้วจ้าาา

แต่สิ่งที่ฉันคิดว่าคงจะถึงแล้ว มันได้สลายลงต่อหน้าฉัน เนินสุดท้ายทำฉันแทบบ้า สมคำล่ำลือจริงๆ แกรร เนินมรณะ เธอทำฉันเดี้ยง!!!!

และตรงนี้แกจะถอยกลับไปที่อุทยานไม่ได้แล้วนะ แกมาถึงเนินสุดท้ายแล้ววว เอาวะ! สู้เดินต่อไปจ้าา เดินไปนอนไป ง่วงงงง

นี่คือวิวที่ได้จากเนินมรณะ อลังการมากแม่ ทริปนี้โชคดีมากที่ฝนไม่ตกและฟ้าเปิดสุดๆแบบนี้

ในที่สุด เราก็มาถึงตรงนี้จนได้ กว่าจะมาถึงลานสน แต่มันก็ไม่ใช่จุดที่เราต้องหยุด เพราะลานกางเต็นท์ต้องเดินไปอีกประมาณ0.5กม. เราไม่รีรออะไรทั้งนั้น ตอนนั้นคือในใจคิดได้แค่ว่า นอน นอน โคตรเหนื่อย อยากตะโกนดังๆโว้ยยย5555

เมื่อเรามาถึงที่ลานกางเต็นท์ทุกคนต่างพากันวางสัมภาระของตัวเอง และไปลงชื่อที่ทำการการอุทยานฯ และทำเรื่องเช่าอุปกรณ์ต่างๆ ใครจะไปทำอะไรก็ทำเลย ส่วนนี่กางเต็นท์พร้อมนอนอย่างเดียว เวลานั้นก็ประมาณ17:00น.คือฉันใช้เวลาในการเดินขึ้นภูสอยดาว 9ชม.? แม่เจ้า คุณได้ทำลายสถิติ ส่วนมากคนที่มาที่นี่เขาเดินขึ้นภูใช้เวลาประมาณ5ชม. ก็นั่นแหละผิดที่เราเอง หลายเดือนที่ไม่ได้ออกกำลังกาย ใครที่จะมาที่นี่ แนะนำให้ออกกำลังกายมาเยอะๆนะคะ ไม่งั้นคุณจะเดี้ยงเหมือนจขกท. ด้วยความเป็นห่วง555

ยังไม่ทันจะนอน สมาชิกของเราหิวข้าว แงงงงง เราต้องหาไรลงท้องก่อนใช่ไหม? โอเค

ไม่ต้องถามเลยว่าเมนูอะไร สมาชิกของเราแบกลูกชิ้นมาจ้าาาา เยอะมากแบบกินได้หลายมื้อเลยทีเดียว

*น้ำดื่มที่นี่มีจำกัดนะคะ ถ้าฝนไม่ตก น้ำอาจจะไม่มีดื่มเลยก็ได้

เราและสมาชิกทริปนั่งคุยกันไม่นาน ฟ้าก็เริ่มมืด เราต่างแยกย้ายพากันไปทำธุระส่วนตัว บางคนไปถ่ายรูปเล่น บางคนไปอาบน้ำ สำหรับการอาบน้ำ เราต้องเช่าถังน้ำและขันตักน้ำ เพื่อที่จะตักน้ำตามธรรมชาติอาบและอื่นๆ

เราพยายามก่อไฟครั้งแล้วครั้งเล่า และสุดท้ายต้องยอมแพ้ เพราะฟืนคงชื้นเกินไป ขนาดเราเอาไปตากแดดแล้วนะเนี้ยยย 

สำหรับค่ำคืนนี้คงต้องจบลงเพียงเท่านี้ เพราะทุกคนเริ่มมีอาการงัวเงีย+ล้าจากการเดินขึ้นเขา ฝันดีครับบบบ

กรี๊งงงง เสียงนาฬิกาปลุก บ่งบอกว่าเวลานี้6โมงเช้าแล้ว เราต่างพากันลุกขึ้นมาอาบน้ำและทำธุระส่วนตัว เพื่อที่จะเดินไปดูพระอาทิตย์ขึ้น ทางเดินขึ้นไปดูพระอาทิตย์ขึ้นนั้น ต้องผ่านที่ทำการอุทยานบนภูสอยดาวก่อน เดินไปบนทางเล็กๆ 

เดินไปเรื่อยๆจนพ้นรัศมีการบดบังของหมู่แมกไม้ คือภาพที่เห็นมันยิ่งกว่าสวรรค์ มันโอเคมาก คุ้มกับการมาครั้งนี้

ดอกหงอนนาคกำลังหลับอยู่ในภวังค์

วิวแค่นี้คงไม่พอ เราเดินเล่นกันต่อไป เดินไปเรื่อยๆ วันนี้นอนเต็มอิ่มแล้ว สดชื่นนนน

ถึงตรงนี้แหละที่ทำให้จขกท.งงหนักมาก ทำไม่ถึงห้ามตรงไป? และในขณะก็ยังไม่รู้คำตอบ...

กลุ่มหมอกที่ดูเหมือนเมฆกำลังลอยตุ้มป่องๆๆอยู่บนยอดเขา

เมื่อเราเดินเล่นอยู่นานพอสมควร ท้องก็ทำหน้าที่ของมัน มันร้อง โจ๊กๆๆ ตลอดเวลาที่เดินเลยครับ55555 เอาไงหล่ะทีนี้ เดินยังไม่ทั่วเลย เราตกลงกับเพื่อนจะไปกินข้าวที่เต็นท์ก่อน จากนั้นเราก็วิ่งปรี่มุ่งหน้าไปที่เต็นท์เลยสิ!

นี่คือห้องครัวน้อยๆของเรา วัตถุดิบมีแค่นี้แหละ บริหารจัดการเอาว่าจะต้องกินแบบไหนถึงจะอยู่ถึงวันกลับได้555 เอาเป็นว่ามื้อนี้เป็นมื้อMixระหว่างเช้ากับเที่ยงไปพร้อมๆกันเลย 

ลูกชิ้นอีกแล้วค่ะ ถามว่าบูดไหม ก็ไม่นะ เพราะตอนกลางคืนหนาวพอสมควร

พอเรากินข้าวเคลียร์ทุกอย่างเสร็จ หนึ่งในนั้นขอตัวนอนแปปหนึ่ง เป็นใครไม่ได้เลย ถ้าไม่ใช่จขกท.555 เป็นไปตามทฤษฏีอิ่มแล้วหนังตาเริ่มหย่อน ก็มันง่วงนิ นอนก่อนแปปหนึ่งน๊า

13:30น.จขกท.โดนสะกิดเบาๆจากเพื่อนร่วมทริป นางปลุกให้เรามาดูหมอกหนาๆจ้า ทำทีท่าว่าจะไม่ลุก สุดท้ายก็ต้องลุก

ลุกเสร็จนางพาเดินถ่ายรูปเล่นเลยจ้า อะไรจะไวขนาดนี้

น้องหงอนนาคตื่นรับแสงแล้วจ้าาา สวยงามตามที่คิดไว้เลย55555

ช่วงนี้ก็จะมีนักท่องเที่ยวบางกลุ่มขึ้นมา 

หมอกสุดยอดจริงๆค่ะท่านผู้ชมมม

จากนั้นเราก็เดินไปที่น้ำตกสายทิพย์ เห็นแค่ป้ายแต่ยังไม่รู้ว่าอยู่ตรงไหน 

ทางเดินลงจะชันนะคะ ระวังลื่น

เจอกล้องไม่ได้หรอก ดึงหน้าอย่างเดียว555555

เก็บภาพเรียบร้อย เราก็เลยนั่งคุยแลกเปลี่ยนเรื่องราวต่างๆกันตรงนี้เลยจ้า ได้อารมณ์สุด แต่ด้วยอะไรไม่รู้ จู่ๆ ฝนก็ลงเม็ด ไอ้เรานี่รีบเดินดำดิ่งขึ้นไปข้างบน เพื่อที่จะไปที่ลานกางเต็นท์ พอเดินถึงเต็นท์ ฝนนางก็หยุดจ้าา เธอแกล้งฉันเล่นใช่ไหม? 

จากนั้นเราก็กลับเต็นท์กัน เพื่อที่จะรอดูพระอาทิตย์ตกกัน จขกท.ก็ทำหน้าที่ของตัวเองค่ะ นั่นก็คือ"นอน" ฝันดีอีกรอบ

--17:24น.สมาชิกในกลุ่มปลุกเราอีกรอบ รอบนี้จขกท.รีบลุกอย่างไวเลย อยากดูพระอาทิตย์ตกมากกกก

น้องกำลังจะหลับอีกรอบ

และแล้วพระอาทิตย์ก็ตก แค่นี้จขกท.ก็ดีใจฟุ๊ดๆๆๆ

มองดูเวลาตอนนั้นก็เริ่มจะมืดแล้ว เราต่างพากันเดินกลับเต็นท์

เราจัดเตรียมอาหารสำหรับมื้อนี้ ให้ภาพมันเล่าเรื่องค่ะ5555

กินข้าวเสร็จ ก็เช่นเดิม ทุกคนแยกย้ายทำธุระส่วนตัวและก็เข้านอน ราตรีสวัสดิ์

--06:00ตื่นมาพร้อมกับอาการงัวเงีย+บรรยากาศที่น่านอน ฝนตกจ้าาาา

จากนั้นก็พาตัวเองไปอาบน้ำแต่งตัวพร้อมกับเก็บข้าวของสัมภาระและขยะต่างๆกลับลงไปด้วยจ้า

เราจะแบ่งหน้าที่กันใครเก็บของก็เก็บไป ใครจะอาบน้ำก็อาบไป ใครจะเป็นแม่ครัวก็ทำไป สลับกันไป

จากนั้นเราก็ไปคืนอุปกรณ์ที่เช่าให้กับเจ้าหน้าที่ค่ะ พร้อมกับเอากระเป๋าและขยะให้ลูกหาบ (ขาขึ้นจขกท.แบกเอง ขาลงจขกท.จ้างลูกหาบ เพราะนึกถึงสภาพขาขึ้นแล้วไม่น่ารอด5555)

และเราก็มีเวลาพอที่จะเก็บภาพบรรยากาศช่วงสายๆเอาไว้

พอฝากของกับลูกหาบเสร็จ เราก็เริ่มออกเดินทางกลับกันเลยยยย

วิวอลังมากเลยเธออออออ

ขาลงเนินมรณะไม่ต้องพูดถึง เสี่ยงโคตร ขาขึ้นไม่เท่าไหร่นะ เราทำได้แค่ยืนให้กำลังใจเพื่อนลงไปได้ เพราะว่าตัวจขกท.เองก็ยังจะไม่รอด

ขากลับจขกท.เบาตัวหน่อยสัมภาระมีแค่กระเป๋าเป้เล็กๆ ขอเซลฟี่หน่อย55

ลูกหาบที่นี่แข็งแรงมากเลยเด้อ สุดยอดมากกกกก

ภาพตัดเลยนะ5555 เราถึงตีนเขาประมาณ14:00น.ใช้เวลาเดินทั้งหมดประมาณ4-5ชม. เวลาที่เราออกเดินทาง เราจำบ่ได๋

มาถึงเราก็นั่งรถรับส่งของอุทยานฯขึ้นไปที่ที่ทำการอุทยานฯด้านบน เขาเรียกรถไรไม่รู้อ่ะ ฟรีนะคะ

จากนั้นเราก็ไปรับของที่ลูกหาบแบกลงมา ลูกหาบของเราเขาเอาขยะไปทิ้งให้ด้วยอ่ะ น่ารักที่สุดด ลุงเจษก็มารับเราจ้าาา

ขากลับพิษณุโลกจขกท.นั่งข้างหลังเพื่อดูวิวให้เต็มอิ่มค่ะ ผมนี่สุดเลย555

--ถึงสถานีรถไฟพิษณุโลกประมาณ 19:30น.เราเดินไปซื้อตั๋วรถไฟขบาน108 ราคา179฿ จากนั้นเราก็วางสัมภาระและพากันเดินไปหาอะไรลงท้อง

*เรื่องสัมภาระไม่ดราม่านะคะ เราฝากรปภ.ที่นั่นดูค่ะ อีกอย่างของมีค่าเราใส่กระเป๋าน้อยของเรามาด้วย

ตลาดที่เราซื้อของก็จะอยู่ข้างๆสถานีนี่แหละค่ะ

รออยู่นานพอสมควรรถไฟก็มาค่ะ เราต่างพากันหยิบกระเป๋าเดินไปที่ชานชาลาของเรา กระโดดขึ้นรถไฟเลยครับ พอจัดเก็บสัมภาระเรียบร้อยต่างพากันนั่งคุยกันเรื่องทริปหน้า5555 ซึ่งตอนนี้จขกท.ไม่ได้ถ่ายภาพบรรยากาศมาฝาก เพราะคุยกันเสร็จสรรพต่างพากันนอนหลับลึก

ต่างคนลงคนละสถานีเราก็อำลากันบนรถไฟเลยนั่นแหละ

สำหรับทริปนี้ก็จบลงแล้วนะคะ ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านกันค่าาาา

*ค่าใช้จ่ายทั้งหมด

-รถไฟกรุงเทพ-พิษณุโลก 179 ฿

-เหมารถไปอุทยานภูสอยดาว 600  ฿

-ค่าเข้าอุทยาน+ประกันภัย 50 ฿

-ค่ามัดจำขยะกลุ่มละ 200 ฿ (กลับลงมาพร้อมขยะ รับเงินคืน)

-ค่าอาหารกองกลางคนละ 100 ฿

-ค่ากางเต็นท์ 60฿ 2คืน

-ค่าสัมภาระฝากลูกหาบขากลับ 180฿ (กิโลละ 30฿)

-รถไฟกลับกทม. 179 ฿

-ค่าจิปาถะ เล็กๆน้อยๆ  200 ฿

-ค่าอาหารการกินส่วนตัว 300 ฿

#รวมค่าใช้จ่ายทั้งหมด 1,848  ฿ (ไม่รวมค่ามัดจำขยะ เพราะกลับลงมาเราได้คืน)


ขอบคุณมิตรภาพของเพื่อนร่วมทางในทั้งนี้ ขอบคุณนักเดินทางที่ได้เจอกัน ขอบคุณเจ้าหน้าที่ที่ยังคงรักษาป่าให้เราได้สัมผัส ขอบคุณค่ะ

Urailak Chanthiman

 วันพฤหัสที่ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2563 เวลา 17.11 น.

ความคิดเห็น