จากโพสต์ก่อนหน้านี้ นะคะ สโลไลฟ์ต่างประเทศ 8 วัน 7 คืนหมื่นสองพันบาท https://th.readme.me/p/28114

จบทริปซาปา 4 วัน 3 คืน เรามาสโลไลฟ์กันต่อที่

มูกางจ๋าย

การเดินทาง ขึ้นรถที่สถานีขนส่ง ซึ่งอยู่ในตัวเมืองซาปา

รถจากซาปา - มูกางจ๋าย ที่จองไว้


สถานที่นั่งรอรถ (บริษัทที่จองตั๋วไว้)


รถจากซาปา - มูกางจ๋าย ที่มารับ


รถออกแล้ว คนนั่งกันเต็ม


แวะรับของ /คน ระหว่างทาง

คนเริ่มต้องยืน เพราะของมาแทนที่คน (โชคดีมีบุ้คที่นั่งไว้)

เห็นธรรมชาติที่สวยงามตลอดเส้นทาง แต่สภาพของรถไม่ค่อยสะดวกในการเก็บภาพสักเท่าไหร่


ออกเดินทางจากซาปา 8.30 ถึงมูกางจ๋าย 13.30 น

ถึงแล้วมูกางจ๋าย ใช้เวลาเดินทางประมาณ 5 ชม.

ที่พักคืนที่ 5 Thanh Cong hotel (คืนแรกในมูกางจ๋าย)

ที่พักเป็นอาคารพาณิชย์ดัดแปลงเป็นห้องพักพร้อมห้องน้ำในตัว


หลังจากเก็บสัมภาระเสร็จ ก็ได้เดินสำรวจร้านค้า ร้านอาหารที่จะทานมื้อเย็นและมื้อเช้าวันพรุ่งนี้ พร้อมกับชื่นชมธรรมชาติรอบๆเมือง


บริเวณนี้น่าจะเป็นสวนสาธารณะ


ตอนเย็นๆ จะมีชาวบ้านน้ำผัก ผลไม้มาวางขาย




ควายกับคนก็ใช้ถนนเดียวกัน

ด้านหลังของถนนเส้นหลัก ก็จะเป็นทุ่งนา และบ้านคน


มีรถเร่ขายผักผลไม้ แอปเปิ้ลพื้นเมือง สื่อสารกันไม่ค่อยเข้าใจ กดเครื่องคิดเลขก็แล้ว สรุปเหมาราคากันไป

ตรงนี้จะเป็นตลาดที่มีอาหารพร้อมทานขาย เช้า เย็น

แม่ค้าพูดไทยชัด

ร้านตัดผม

สำรวจทั่วแล้ว ธรรมชาติสวย หาอาหารทานไม่ยากทั้งที่ขายในตลาดและร้านอาหารก็มีให้เลือกทานมากมายหลายร้าน ตลอดแนวถนน เป็นร้านอาหารตามสั่ง เป็นกับข้าวจานๆ เปิดร้านอยู่ในบ้านพักอาศัย และพวกเราก็กลับมาทานที่ร้านตรงข้ามกับที่พัก ซึ่งพรุ่งนี้ก็จะทานอาหารเช้ากันที่นี่




เบียร์เวียดนาม มีหลายยี่ห้อ ชิมพอได้รู้รสชาติ

หลังมื้อเย็น ก็ปรึกษากันว่าคืนพรุ่งนี้หากเราพักโฮมสเตย์ Do Gu Homstay ตามที่จองไว้ ซึ่งอยู่กลางทุ่งนา จะไม่สะดวกต่อการรอรถเพื่อเดินทางไปฮานอยตอนค่ำ ก็เลยตัดสินใจยกเลิกที่เก่า (ไม่ได้เงินคืน) และไปติดต่อที่พักใหม่ Moon2 ซึ่งที่นี่จะเป็นจุดจอดรถ ที่จะเดินทางไปฮานอยด้วย นอกจากนี้ Moon2 ยังมีบริการวันเดย์ทริป ไปยังจุดไฮไลท์ของมูกางจ๋ายด้วย เมื่อจองห้องพัก จองรถพร้อมคนขับเสร็จเรียบร้อย ก็เดินเล่นชมนกชมไม้ ชมธรรมชาติกลับไปที่พักซึ่งอยู่ห่างกันประมาณ 1 กม.

คืนนี้นอนที่ Thanh Cong hotel

ราตรีสวัสดิ์ ณ มูกางจ๋าย

--------------------------------------------------------------------------------------------------------------

เช้าวันที่ 6 ของทริป นอนหลับสบายเช่นเคย เก็บกระเป๋าสัมภาระเสร็จ ก็ทานมื้อเช้าที่ร้านตรงข้ามที่พัก (ร้านที่ทานเมื่อวานเย็น) เจ้าของร้านเหมือนกับยังไม่ตื่น หน้าตางัวเงีย มารับออเดอร์ (ไม่ประทับใจเหมือนเมื่อวาน) มื้อเช้าทานเบาๆ เป็นข้าวต้ม

ดื่มชาร้อนๆ กันดีกว่า


จากนั้นก็กลับมายังที่พักเพื่อรอเจ้าของบ้าน เคลียร์เรื่องค่าใช้จ่าย สังเกตุเห็นคุณยายคนเฝ้านั่งฉกข้าวสี เหมือนฉกข้าวเหนียว แต่เป็นข้าวเจ้าหลากหลายสี คุณยายบอกว่าทำมาจากข้าวที่ย้อมพวกสมุนไหรหลายๆสีก่อนนำไปตาก แล้วมาผสมกันก่อนหุง (กลับมาบ้านลองทำแล้วไม่ได้ผล55)


เคลียร์ค่าใช้จ่ายกันเรียบร้อย ก็ขนย้ายกระเป๋าไปเก็บไว้ที่ Moon 2

ที่พักคืนที่ 6 Moon2 มูกางจ๋าย



เก็บสัมภาระเสร็จ พร้อมเดินทางตะลุยแดนมหัศจรรย์ สววรค์แห่งนาขั้นบันได

คนขับพร้อม รถพร้อม (เจ้าของโรงแรมขับเองเลย) ลูกทัวร์พร้อม ลุย

จากเส้นทางที่น้องเขาพาไป ถ้ามากันเองน่าจะลำบาก ขี่มอเตอร์ไซด์ก็ไม่แข็ง ทางลำบากก็คงไม่กล้าขี่เข้าไป และที่เห็นรถเก่งคันนี้ ยังลุยกันจนสงสารรถเลย ช่วงล่างคงพังกันบ้างล่ะ

บางจุดรถไปไม่ได้ต้องเดินเท้าไปอีกเป็น1-2 กม. แต่วิวสวยเดินเพลินไม่เหนื่อยเลย

คนท้องถิ่นพาไปรับรองได้เจอของดี

จุดไฮไลท์แรกที่ La Pan Tan


คุณยายน่ารัก ถึงจะคุยไม่รู้เรื่องแต่ก็ยิ้มทักทายกัน


พยายามชวนคุย

เดินตามทางเก็บภาพไปเรื่อยๆ

จุดไฮไลท์ที่ 2 ลานฮอ

ที่นี่น่าจะเป็นจุดที่มีการโปรโมทมากที่สุด เพราะเป็นที่เดียวที่มีป้ายโฆษณา





จุดไฮไลท์ที่ 3 ตั้งชื่อกันเองว่า "หัวใจ"




หลังจากนั้นก็เป็นการเก็บภาพรายทาง ตลอดเส้นทางที่ผ่านมีนาขั้นบันได สุดลูกหูลูกตา และที่นี่มีน้ำตกสวยงามริมถนนมากมาย ไม่ต้องเดินเข้าไปภายในอุทยานแบบบ้านเรา




เป็นรีสอร์ทหรูหนึ่งเดียว กำลังก่อสร้าง (ตอนนี้น่าจะเสร็จแล้ว) ท่ามกับนาขั้นบันได



น้ำตกริมถนน ไม่ทราบชื่อ แต่จะมีคุณลุงคนหนึ่ง ที่คอยดูแลความสะอาดเรียบร้อย พวกเราก็จ่ายค่าบำรุง ค่าดูแลไป (จ่ายตามความพึงพอใจได้เลย)

ถ่ายรูปกันเพลิน เริ่มหิว มื้อกลางวันวันนี้ ทานแบบชาวบ้านท้องถิ่นกัน ร้านนี้น้องไกด์พาไปทาน คนเยอะมีอาหารหลากหลาย แต่ที่ทุกโต๊ะขาดไม่ได้คือผักลวก พร้อมน้ำซุปจากผัก ข้าวสวย (ไม่ได้ถ่ายภาพไว้) อิ่มมากๆ


อีกหนึ่งไฮไลท์ เป็นหมู่บ้านที่อยู่ท่ามกลางหุบเขา มีแม่น้ำไหลผ่าน ตรงจุดก่อนจะลงไปยังหมู่บ้าน จีพีเอส ขึ้นว่า Tule ไม่รอช้า วิวสวยๆแบบนี้พลาดได้อย่างไร

ณ จุดนี้เป็นจุดชมวิว ที่มองเห็นหมู่บ้านอยู่ด้านล่าง

ณ จุดนี้เป็นร้านกาแฟถัดไปอีกด้านของจุดชมวิว ก่อนถึงทางเข้าหมู่บ้าน จะมองเห็นหมู่บ้านอยู่ไกลๆ

นั่งรถลงมาผ่านชุมชนหมู่บ้าน เจอเด็กๆ ในหมู่บ้าน กำลังเล่นน้ำกันอย่างสนุกสนาน


ถึงเวลาย้อนกลับเข้าเมืองมูกางจ่ายกันแล้ว เย็นวันนี้วางแผนกันว่าจะไปตลาด ซื้อผักสดสด และก็อาหารสำเร็จบางส่วน ที่เล็งๆไว่้ตั้งแต่เมื่อวาน มาทานที่โรงแรม (มีบริการหุงข้าวให้ มีครัวให้ทำกับข้าว)

เข้าที่พักปุ๊บ ปั้บก็ออกมาหาอาหารกันค่ะ

ไก่ย่างค่ะ ไก่ย่าง

ที่พักที่นี่เหมือนโฮมสเตย์ แต่สะดวก สบายกว่า และดูเหมือนว่าค่ำคืนนี้ทั้งโรงแรมจะมีพวกเราพักอยู่ 2 ห้อง พื้นที่ระเบียงก็ยึดเป็นส่วนตัวกันเลย คุยกันจนดึกดื่น เพราะพรุ่งนี้ตื่นสายได้ มีเวลาเที่ยวเตร็ดเตร่ใกล้ๆที่พักถึงค่ำ พวกเราจองที่พักที่นี่ 1 คืน ซึงต้องเช็คเอ้าท์เที่ยง แต่ขอเจ้าของโรงแรมอยู่ต่อเพื่อรอรถ คิดค่าบริการเพิ่มนิดหน่อย

เช้าวันที่ 7 นอนดึกแต่ก็ยังตื่นเช้า ต่างแยกย้ายกันออกไปเดินเล่นบ้าง ออกกำลังกายกันบ้าง

เดินดูวิถึชีวิตของชาวบ้านที่นี่กัน ด้านหลังโรงแรมมีนาข้าวกำลังออกรวง สีเขียวสดชื่น มีคลอง มีน้ำตก (ตอนเย็นๆค่อยไปเดินเล่นกันอีกครั้ง)

เช้าๆ ชาวบ้านก็นำข้าวโพดมาตาก (บนถนนนี่แหละ)


มุมนี้อยู่ด้านหลังที่พัก ซึ่งจะมีถนนอีกเส้นหนึ่งที่สามารถเดินขนานกับถนนเส้นหลักด้านหน้าที่พัก

คลองสายนี้จะมีสะพานข้าม อีกฝั่งจะมีน้ำตก


กลับไปทานมื้อเช้าของที่พักจัดให้ และพักผ่อนตามอัธยาศัย

มื้อกลางวันไปหาร้านอาหารร้านใหม่ ไม่ไกลจากร้านเดิมที่เคยทาน

เจ้าของร้านยังเป็นหนุ่มสาว แต่ผู้ชายทำกับข้าวเก่ง คล่องมาก อัธยาศัยดี พูดอังกฤษเก่ง

(ทานไปหลายอย่าง แต่ถ่ายรูปทันแค่ดี 55)



ชอบอาหารที่นี่ที่เป็นผักลวก แล้วเอาน้ำลวกมาทำเป็นน้ำซุป รสชาติหวานน้ำผัก อร่อยมาก (ไม่ได้ถ่ายภาพ)

นั่งจากอิ่มมื้อกลางวัน อากาศก็ร้อน ระหว่างเดินกลับที่พักเจอร้านกาแฟร้านนี้ ก็แวะนั่งดื่มน้ำเย็นๆกัน

ร้านตกแต่งสวยงาม


นั่งอยู่นานพอสมควร ก็กลับที่พัก พักผ่อนกันตามอัธยาศัย แดดร่มลมตก ก็ไปเดินเล่นหลังหมู่บ้านและไปน้ำตกกัน

เก็บภาพระหว่างทางไปน้ำตก

ทุลักทุเลกันหน่อย เดินบนโขดหิน สวนกระแสน้ำ

น้ำตกสวยมาก

เดินชมวิวข้างทางไปตลาด และแวะทานมื้อเย็น ร้านเดิมกับร้านเมื่อตอนกลางวัน อาหารประมาณเดิมๆ แต่ที่ไม่ขาดคือผัดผักบุ้ง ปลานึ่ง ผักลวก น้ำซุปผัก

วิวระหว่างทางยามเย็น

กลับเข้าที่พัก อาบน้ำแต่งตัว เก็บกระเป๋าสัมภาระ รอรถมารับเวลา 21.30 น.

เมื่อวานได้ติดต่อกับทางบริษัทรถที่จะมารับ เพื่อขอยกเลิกตั๋วตามคำแนะนำของน้องไกด์ ว่าถ้ายกเลิกได้ จะได้เหมารถเก๋งของเขาไป จะได้ไปช่วงเวลากลางวันและได้เห็นวิวข้างทางแวะจุดที่น่าสนใจระหว่างทางได้ แต่ถ้ายกเลิกทางบริษัทรถไม่คืนเงินให้ ก็เลยตัดสินใจไม่ยกเลิก

ลักษณะรถที่จองไว้


เป็นรถนอนที่แสนสบาย

รถมาแล้ว บัสนอนเหมือนกัน

แต่ภายในเป็นแบบเสริมค่ะ ก็จะขึ้นไปตรงที่นั่งของตัวเองได้ ทุลักทุเลมาก โชคดีที่ทุกคนต้องถอดรองเท้าเก็บใส่ถุงมิฉะนั้น 555

คือนอนสบายมั้ย ก็สบายนะคะ แต่ใครไม่รู้มานอนอยู่ข้างๆนี่สิ ยังดีนิสสสเดียวที่ระดับที่นอนเสริมต่ำลงไปจากของเรา เอ้อ

รถบัสคันนี้ไม่ได้เริ่มต้นที่มูกางจ๋าย แต่น่าจะมาจากเมืองอื่น เพราะคนเต็มคันรถมาแล้ว

ไม่ดราม่า แค่เล่าสู่กันฟัง เพราะสิ่งที่หวังกับสิ่งที่ได้ อาจจะตรงข้ามกัน ทริปเราเน้นสะดวกสบาย ไม่หรู่หรา แต่เจอแบบนี้ก็จำกันไม่ลืมเหมือนกันนะคะ "มูกางจ่าย ทั้งไปและกลับเลยนะคะ" แต่ยอมรับได้ค่ะ แลกกับธรรมชาติที่แสนจะงดงาม และประสบการณ์ที่หายากในประเทศเรา

วันที่ 8 ของทริป ประมาณ 8 โมงเช้ารถได้จอดที่สถานีขนส่งของเมืองฮานอย ซึ่งพวกเราก็ลงจากรถ เรียกแท๊กซี่ไปโรงแรม Hanoi Golden Hostel จองที่นี่ไว้สำหรับอาบน้ำ และหลังจากอาบน้ำเสร็จก็เตรียมตัวออกเดินทางชมสถานที่ท่องเที่ยวย่านเมืองเก่าฮานอยกันหน่อย

จากที่พักออกมาไม่ไกลก็เจอร้านเฝอริมถนน ต้องลองสักหน่อย

อิ่มท้อง เดินทางกันต่อ (เน้นเดินค่ะ จากที่พักไม่ให้เกิน 3-4 กม.)

ชมบรรยากาศ วิถีชีวิต คนฮานอยและนักท่องเที่ยว ไปเรื่อยๆ




ฮานอย ร้อนสุดๆ ต่างกับเมืองซาปาและมูกางจ๋าย

ระหว่างเดินทางกลับที่พักก็เจอร้านกาแฟหัวมุม ให้นั่งพักดื่มคลายร้อนกัน


ก็ถึงเวลามองหาของฝากของที่ระลึกกันแล้ว

ใครเป็นคอกาแฟย่อมไม่พลาด ร้านจำหน่ายเมล็ดกาแฟหลากหลายชนิด

และนี่คือหนึ่งสิ่งที่ทุกคนต้องมีติดไม้ติดมือกันมาอย่างน้อย 2 ชิ้น

เอามาทำแบบนี้แหละ


มาเจอร้านในสนามบินร้านหนึ่งลดราคา ถูกกว่าอีก ประมาณ 1 Us


ถึงเวลาเดินทางไปสนามบินกันแล้ว เรียกใช้บริการแท๊กซี่เช่นเคย วันนี้รถติดเดินทางนานกว่าชั่วโมง สิ่งที่ได้ยินตลอดเวลาคือเสียงบีบแตร ถ้าเป็นเมืองไทยคิดว่าคงมีเรื่องกันแน่นอน แต่ประเทศเขาเหมือนกับเป็นเรื่องธรรมดามากมาก ใครพอจะทราบมั้ยคะ ว่าเหตุผลที่เขาบีบแตรเพราะอะไร?


บ๊ายบายเมืองฮานอย จบทริปสโลไลฟ์ในต่างแดน ดินแดนแห่งสวรรค์บนขั้นบันได ประทับใจในหลายๆสิ่ง ได้รับประสบการณ์ต่างๆมากมายจากทริปนี้ ไปอีกแน่นอนค่ะ ซาปา&มูกางจ๋าย

สรุปค่าใช้จ่ายของทริปนี้ (เวียดนาม 3 เมือง 8 วัน 7 คืน)

(บางรายการคำนวณจากเงินดอลล่าร์ 1 $ = 31.23 บาท)

ค่าตั่วเครื่องบินไปกลับ (สายการบินไลอ้อนแอร์) 13,380 บาท

ค่ารถ Grab car จากสนามบินโหน่ยบ่าย ฮานอย ไปที่พักในฮานอย ประมาณ 200 บาท

ค่าที่พัก Aquarius Hotel ในเครือ Impressive ย่าน old town ฮานอย (มีอาหารเช้า) 1,331 บาท

ค่ารถ green bus 9ที่นั่ง จากโรงแรมในฮานอยไปซาปา 2,645 บาท

ค่าที่พัก Cat Cat Garden ในซาปา 2 คืน (มีอาหารเช้า) 2,624 บาท

ค่ารถรางและกระเช้าไปฟานซิปัน 4,000 บาท

ค่าที่พักPhuong Nam Hotel ซาปา (มีอาหารเช้า) 1,312 บาท

ค่ารถบัสจากซาปาไปมูกางจ๋าย 1,874 บาท

https://sapaexpress.com/en

ค่าที่พัก Thanh Cong Hotel มูกางจ๋าย (ไม่มีอาหารเช้า) 870 บาท

ค่ารถมูกางจ๋ายไปฮานอย 2,776 บาท

ค่าที่พัก Hanoi Golden Hostel (ไม่มีอาหารเช้า) 625 บาท /31637

ค่าใช้จ่ายที่เหลือ ค่าอาหาร 14 มื้อ ค่ารถท่องเที่ยว ค่าแท๊กซี่ ประมาณ 16,000 บาท

- ค่าแท๊กซี่จาก Cat Cat Hotel ไป Phuong Nam Hotel

- ค่าแท๊กซี่จาก Phuong Nam ไปสถานีขนส่งซาปา

- ค่าที่พัก Moon2 มูกางจ๋าย (มีอาหารเช้า)

- ค่ารถนำเที่ยวมูกางจ๋าย

- ค่าแท็กซี่ จากขนส่งฮานอยถึงที่พัก HanoiGolden Hotel

- ค่าแท๊กซีจากHanoi Goldern ไปสนามบินฮานอย

รวมประมาณ 48,000 บาท / 4 คน

ฝากติดตามโพสต์ต่อๆไปด้วยนะคะ ขอบคุณค่ะ


โพสต์ก่อนหน้านะคะ

สโลว์ไลฟ์ในต่างแดน 8 วัน 7 คืน หมื่นสองพันบาท

https://th.readme.me/p/28114

ทริปต่อไป เที่ยวเมืองไทยกันดีกว่า ม่อนแจ่ม บ้านจ่าโบ๋ เชียงใหม่

https://th.readme.me/p/28249


Paikannaka

 วันเสาร์ที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2562 เวลา 21.56 น.

ความคิดเห็น