แ บ ก เ ป้ เ ที่ ย ว ค น เ ดี ย ว ใ น วั น ห ยุ ด

สวัสดีนักเดินทาง นักอ่านทุกคนที่เขามาเปิดดูบันทึกการเดินทางนี้นะครับ ครั้งนี้จะมาเขียนบันทึกเล่าเรื่องราวจากการแบกเป้ออกไปฉายเดี่ยวสู่จังหวัดทตโตริ (TOTTORI) ญี่ปุ่นกันครับ

ทริปนี้นั้นเกิดขึ้นจากความไม่ตั้งใจ ไม่ได้วางแพลนอะไรเลย เรื่องเป็นมาอย่างงี้นะ เมื่อสิงหาคมที่ผ่านมามันจะมีวันหยุดยาวโอบ้งของญี่ปุ่น แต่ตัวตัวผมเองนั้นติดงานก็เลยไม่ได้หยุดพร้อมคนอื่น แต่เลื่อนมาหยุดเกือบปลายเดือนสิงหาคม ซึ่งก็ถือว่าดีมาก เพราะคนกลับไปทำงานกันหมดแล้ว จึงทำให้คนน้อยมากๆ

เมื่อเลื่อนวันหยุดมาก็คิดๆแค่ว่าไปไหนดี หยุด4วันเลยนะ อยู่ห้องก็คงเบื่อแย่เลย จนกระทั้งคืนก่อนถึงวันหยุด็เลยตัดสินใจว่า หยุดครั้งนี้ไม่ไปไหนละกัน อยู่ห้อง ปั่จักรยานเที่ยวแถวๆนี้ละกัน แต่พอเช้าวันเสาร์นาฬิกาปลุกได้ไง ปกติไม่เคยตั้งนาฬิกาปลุกวันเสาร์ อาทิตย์ เพราะมันคือวันหยุด และจะนอนตื่นเองอัตโนมัติ สงสัยเผลอกดตั้งไว้เมื่อคืนล่ะมั้ง

พอลืมตาขึ้นมาแล้ว เอาไงดี อากาศกำลังดี ออกไปไหนดี ทันใดนั้นก็นึกเสียดายวันหยุดขึ้นมาทันทีว่า หยุดยาวทั้งทีต้องออกไปตะลอนเที่ยวสิวะ จะมาอยู่ห้องทำไมให้เบื่อ เอาวะไปเที่ยวทะเลทราย ทตโตริละกัน เท่านั้นแหละ ลุกออกจากเตียง จัดกระเป๋าเดินทาง อาบน้ำ แต่งตัวแล้วปั่นจักรยานไปขึ้นรถไฟที่สถานีรถไฟSakaide เพื่อนั่งรถไฟข้ามเกาะยังไปสถานีรถไฟOKAYAMA จังหวัดโอาคายามะ เพื่อไปต่อเปลี่ยนรถไฟที่นี่

แต่ไปขึ้นไวหน่อย ตอนนี้น่าจะประมาณ 9โมงกว่าๆเอง แต่รถไฟไปทตโตริเที่ยวต่อไปคือ 11.05น. มีเวลาอีกชั่วโมงกว่าๆ งั้นออกไปเดินเล่นแถวๆนี้ก่อนละกัน ยังไม่เคยลัดเลาะเมืองนี้เลย

โอคายามะแม่งเจ๋งดีว่ะ มีรถไฟรางวิ่งในตัวเมืองด้วย หน้าตาก็น่ารักไปอีก ดูตาเจ้ารถรางนั่นดิ เหมือนมีชีวิตจริงๆด้วย ฮ่ะๆๆ เดินไปชมเมืองไปเรื่อยๆ ท้องร้องแล้ว หาไรกินดีล่ะ หาแป๊บบบ

และแล้วก็เข้ามาร้านคาแฟที่เสิร์ฟพร้อมอาหารเช้าในราคา800เยน ที่เข้ามาเพราะเปิดเพลงสากลสนุกดี ดึงดูดตูมาก เช้านี้ก็เมนูนี้เลย สั่งเมนูที่ดูน่ากินที่สุดจากเมนูทั้งหมดนะ รสชาติเป็นไงล่ะ แหลกไม่ไล่เลย

และนี่คือสภาพหลังจากพยายามและฝืนกิน เพราะเสียดายเงิน ฮ่ะๆๆ ครั้งแรกและครั้งเดียวพอนะ เพราะอาหารแบบนี้ไม่ใช่สไตล์จริงๆ กินได้แค่นี้แหละ จะหมดละเหอะ ฮ่ะๆๆ ลืมไปเลยว่ายังไม่ได้จองที่พัก งั้นหาที่พักตอนนี้เลยละกันยังมีเวลา พักโฮสเทล 3คืน 4500เยน ถือว่าราคาถูกมากนะ ชื่อโรงแรมไรวะ ลืม

พอเดินเล่นจนใกล้เวลารถไฟออกเดินทางไปปลายทางที่ทตโตริแล้ว ก็ย้อนกลับไปสถานีรถไฟ สแกนบัตรICOCA แล้วเดินไปที่ชานชลา และรถไฟตัวนี้แหละที่จะพาไปทตโตริ พอถึงเวลารถไฟก็เคลื่อนตัวออกเดินทางแล้ว นั่งรถไฟยาวๆเกือบ2ชม.มั้ง

แต่ระว่างทางมันจะมีอยู่ครั้งหนึ่งที่ต้องหมุนที่นั่ง ซึ่งกูไม่รู้ไงว่าต้องหมุน เห็นแค่คนอื่นลุก ตอนนั้นมีผู้หญิงวัยรุ่นคนหนึ่งยืนอยู่ตรงหน้าแล้วมองหน้า ก็ไม่ได้สนใจ พอเหงยหน้าขึ้นก็ยังมองอีก ก้เลยถามว่ามีอะไรเปล่าครับ น้องก็บอกว่า อ่อ รบกวนหมุนเก้าอี้หน่อยค่ะ ตึ่งงงงงงงง เอ้าต้องหมุนด้วย ละไม่บอกแต่แรก อายเลยไหมทีนี้ ฮ่ะๆๆ จากนั้นไม่นานก็ถึงปลายทาง ทตโตริ

สวัสดีทตโตริ ยินดีที่ได้รู้จัก เพิ่งจะเคยมาเหยียบจังหวัดนี้ครั้งแรกเลย มาถึงก็ท้องฟ้าแจ่มใสมากและก็ร้อนมากด้วยเช่นกัน ฮ่ะๆๆ

เดินออกมานั่งนอกสถานี เพื่อนั่งดูแผนที่ว่าไปเที่ยวที่ไหนดี มีอะไรน่าสนใจ พร้อมดูแผนที่ไปที่พักด้วย Beehive Hotel เป็นโรงแรมแล้วมีโอสเทลด้วยเช่นกัน

ที่นอนโฮสเทลที่นี่จะเป็นแคปซูล แต่เป็นแคปซูลที่ดู Comfortable มากๆ สะอาดมากๆด้วย

ห้องอาบน้ำ ล้างหน้าก็สุดยอดมากเช่นกัน มีให้พร้อมเลย มีดโกนหนวด ไดรเป่าผม อุปกรณ์แปรงฟัน

หลังจากเช็คอิน เก็บของเสร็จก็ขึ้นรถเมล์ไปชมความงามของทะเลทรายกันดีกว่า ของขึ้นชื่อในญี่ปุ่นเลยนะ ทะเลทรายกว้างๆ มันเป็นยังไงกันนะ อยากไปเห็นเร็วๆจริงๆ พอไปถึงยังไม่รู้สึกตื่นตาตื่นใจอะไรนะ เพราะอากาศตอนนี้คือครึ้มฝนมาก ทำให้ทะเลทรายดูไม่ค่อยสวยเท่าไหร่

ก็เลยเดินทางอีกทางที่คนน้อยๆ เพราะคนส่วนใหญ่ไปเกาะกลุ่มกันอยู่โซนทะเลทรายเดียวกัน ขอเลี่ยงคนเยอะละกัน เดินไปเรื่อยๆ ำม่คิดมาก่อนว่าเดินเท้าเปล่าบนทรายนี่คือเหนื่อยมาก เมื่อยเท้ากว่าเดินบนพื้นปกติมาก แนะนำให้ถอดรองเท้าจะเดินสบายที่สุด

วันนี้อดดูพระอาทิตย์ตกด้วย เพราะมืดฝน ก็เลยอยู่ที่นี่ไม่นานก็นั่งรถเมล์กลับไปในเมืองละกัน ในในเมืองก็ไม่ค่อยมีอะไรน่าสนใจนะ งั้นหาข้าวกินแล้วกลับที่พักเลยละกัน พักผ่อนยาวๆ

เช้าวันใหม่ นอนตื่นสายมาก กว่าจะออกจากที่พักก็เกือบเที่ยงแล้ว ฮ่ะๆๆ พนักงานทำความสะอาดก็กดดันมาก 10โมงคือ เริ่มทำความสะอาดกันแล้ว ตูยังไม่ตื่นเลย หลับสบายเกิน ฮ่ะๆ

รีบอาบน้ำ แต่งตัวออกไปตะลอนเที่ยวละกัน วันนี้ไปไหนดีวะ ไม่ได้วางแผนอะไรมาเลย ไม่รู้ด้วยว่ามีอะไรน่าสนใจบ้าง ก็เลยหยิบแผนที่ขึ้นมากางดู พร้อมเช็คไอจีว่าสถานที่นั้นๆเป็นบังไงบ้าง จนไปสะดุดที่เมือง IWAMI เมืองเล็กๆไม่ไกลจากในเมืองมากนัก เห็นมีทะเลด้วย ป่ะงั้นวันนี้ไปที่นี่ละกัน ไปเล่นน้ำดีกว่า


เดินทางมาถึงสถานีอิวามิแล้ว ไปทางไหนต่อล่ะ ไปยังไงล่ะ เดินไปหรือนั่งรถเมล์ไป เปิดกูเกิ้ลแมพแล้วเดินไป ไม่ไกลวะ งั้นเดินละกัน จะได้เดินดูบ้านเมืองแถวนี้ด้วย

ป่ะเริ่มเดินกันเลย เนียะเดินตรงถนนหน้าสถานีนี้ไปตรงๆแล้วเลี้ยวขวาแล้วตรงงงงงงงไปปปปปปยาวๆ แล้วไปเลี้ยวขวากอีกทีหรือจะตรงไปอีกก็ได้แล้วจะถึงทะเลเลย แต่กูใช้เวลาเดินเกือบครึ่งชั่วโมง อหหหห ไกลใช่ย่อยนะเนียะ ขนาดนี่เดินเร็วละนะ

นั่นไงทะเลลลลลลลลลลลลล ไม่ได้เที่ยวทะเลนานแล้ว ตั้งแต่มาญี่ปุ่นก็ไม่ได้เล่นน้ำทะเลเลย ครั้งนี้ต้องเล่นให้คุ้มหน่อย อุตส่าห์มาตั้งไกล ไม่เล่นไม่ได้ซะละ เพราะอีกไม่กี่เดือนกผ้เข้าหน้าหนาวแล้ว

ทะเล ทะเล ทะเล ทะเล ทะเล ทะเล ทะเล ทะเล ทะเล ทะเล ทะเล ทะเล มาเป็นเพลงทะเลเลยไหมล่ะทีนี้ ฮ่ะๆๆ มาถึงทะเลสักที หาดทรายคือยาวมากกกกก ลงไปเดินเล่นหามุมนั่งดีๆก่อนดีกว่า แดดคือแรงมากกกก

วันนี้ท้องฟ้าแจ่มใสสสสสส (แดดร้อนแรงแทบเผาไหม้ไปทั้งตัวละ) คลื่นแรงด้วย เสียงคลื่นซัดซู่ซ่าๆ ทำให้นึกถึงตอนอยู่ไทย มักจะไปเที่ยวเกาะล้านบ่อยๆ หยุดยาวก็ไปดำน้ำทะเลนี่นั่น เวลาช่างผ่านไปไว ดึงสติกลับมาที่ปัจจุบันแป๊บ เดี๋ยวจะยาวออกฝั่ง ฮ่ะๆๆ

เดินไปเดินมาสะดุดกับตัวหนังสือใหญ่ๆที่เขียนไว้บนป้ายนี้ว่า "ทะเลที่ดีที่สุดอันดับ5ในประเทศ" อื้อหืออออออออ ได้แต่อึ้งแล้วก็สงสัย ฮ่ะๆๆ ถ้าหาดทรายสวยกว่านี้นะ มันจะสวยมากๆจริงๆ

เดินขึ้นไปชมวิวทะเลจากมุมสูงหน่อย หาที่นั่งร่มๆหลบแดดไม่ได้เลย ต้นไม้ไม่มีสักต้น มีแต่หญ้า ฮ่ะๆๆ

แค่เห็นทะเลแบบนี้ก็หายเหนื่อยละ ทะเลนี่เที่ยวกี่ครั้งก็ไม่เบื่อจริงๆ ชอบเสียงคลื่นซัดมากๆ ถ้าแถวนี้มาบาร์ให้นั่งเล่นเหมือนทะเลที่ไทยก็คงจะดีเนอะ ทำได้แค่จินตนาการแหละวะ ฮ่ะๆๆ

เอาวะในเมื่อไม่มีที่ร่มให้หลบแดด ก็สร้างที่บังแดดขึ้นมาเองนี่แหละ มันจะยากอะไรวะ หาไม้ หาเชือก ใช้ผ้าเช็ดตัว กางเกง เสื้อ ขาตั้งกล้องให้เกิดประโยชน์สักหน่อย แค่นี้ก็บังแดดได้สบายแล้ว ทำเสร็จปุ๊บก้อนเมฆก็ลอยมาบังแดดให้ ดีจังเลย เพื่อออออออ ฮ่ะๆๆ ไม่รีบลอยมาบังแต่แรกเล่าเจ้าเมฆเอ้ยยย แต่แดดก็ยังโผล่ออกมาเรื่อยๆ มีที่นั่งหลบแดดละ

ไหนมาลองถ่ายรูปให้เหมือนยืนบนขวดน้ำหน่อยดิ๊ เห็นคนอื่นทำกันก็อยากลองทำบ้าง แต่นี่ต้องตั้งกล้องถ่ายเอง ไม่มีใครถ่ายให้แล้วมันจะออกมายังไงล่ะ ฮ่ะๆๆ กว่าจะได้รูปนี้ก็ล่อไปหลายเทคเลยนะ เที่ยวคนเดียวนี่บางทีอยากได้รูปเก๋าๆเจ๋งๆก็ยากนะ ต้องบ้าต้องกล้าพอที่จะทำเองหมดทุกอย่าง

และแน่นอนสิ่งที่พลาดไม่ได้เลยคือ เล่นน้ำทะเล คลื่นแรงๆ คือมันซัดทีนี่แทบล้มเลยนะ แต่คลื่นแรงๆแบบนี้แหละสนุก เล่นน้ำคนเดียวก็สนุกได้ ไม่ใช่ปัญหา พี่ชิน (บ้า) แล้วกับสิ่งเหล่านี้ ฮ่ะๆๆ

น้ำทะเลคือเย็นมาก ถึงแม้จะมีแดดร้อนแต่น้ำก็ยังเย็นอยู่ดี อากาศแม่งโคตรดีเลย อยากหยุดเวลาไว้ที่นี่จริงๆ ชายหาดขึ้นชื่อ แต่คนน้อยมาก เพราะวันนี้เป็นวันจันทร์ก็ไม่คนน้อย เห็นไหมแทบไม่มีคนเลย

น้ำเย็นจัดเกิน ออกไปนั่งพักบ้างหน่อยก็ดี วันนี้กะอยู่ที่ทะเลยาวๆจนค่ำเลย จะรอจนพระอาทิตย์ตกดินไปเลย เพราะยังมีเวลาอีกเยอะ ชิลๆรีแลกซ์กันไปยาวๆ มาคนเดียวมันก็ดีแบบนี้แหละ สามารถกำหนดและตัดสินใจเองทันทีได้ทุกอย่าง มันเป็นวันหยุดที่ได้พักผ่อนสมองจริงๆ

และแล้วก็ใกล้เวลาพระอาทิตย์ตกแล้ว วิวซันเซทที่นี่ก็ถือว่าสวยเอาเรื่องอยู่นะ ไม่เสียแรงที่อยู่ที่นี่ครึ่งวันเพื่อรอชมพระอาิทตย์ตกดิน คลื่นก็ยังคงซัดเรื่อยๆ พร้อมกับเสียงนกที่บินไปบินมา ธรมมชาติสุดๆ

พระอาทิตย์ตกดินไปแล้ว ตอนที่นั่งชมวิวอยู่ตรงนี้ก็มี2สามาภรรยารัสเซียปั่นจักรยานมาหยุดชมวิวตรงนี้ ท้ายจักรยานของทั้ง2คนคือมีรถลากขนาดเล็กสำหรับลากกระเป๋าเดินทาง แล้วเดินเข้ามาถามว่า "ฉันสามารถกางเต๊นท์นอนตรงนี้ได้ไหม" ก็เลยตอบไปว่า "ถ้าตรงนี้ล่ะก็คิดว่าคงไม่ได้นะ เพราะเป็นพื้นที่ส่วนบุคคล แต่คิดว่ายูสามารถไปกางเต๊นท์นอนชายหาดฝั่งขวาโน้นได้นะ เป็นพื้นที่สาธารณะและมีลานกว้างด้วย" จากนั้นทั้งสองก็ขอบคุณแล้วปั่นจักรยามุ่งไปทางหาดที่แนะนำให้

สำหรับวันนี้ก็จบที่ทะเลจนค่ำ เดินมาทะเลเกือบครึ่งชั่วโมง งั้นเดินกลับก็เกือบครึ่งชั่วโมงเหมือนกัน อีกทั้งฝนกำลังจะตกและรถไฟเที่ยวต่อไปกำลังจะมาแล้วด้วย รถไฟวิ่งผ่านชั่วโมงละเที่ยว อีก15นาทีรถไฟจะมาแล้ว ถ้าไม่ทันเที่ยวนี้คือต้องรอเที่ยวต่อไปทุกว่าๆ งั้นต้องเร่งสปีดหน่อย ไปถึงสถานีก่อนรถไฟจะมาถึงนาทีกว่าๆเอง เดินเร็วแบบสุดๆ กลับที่พัก อาบน้ำ หาข้าวกินแล้วกลับไปพักผ่อน พรุ่งนี้ลุยต่อ

สวัสดีเช้าวันใหม่อีกวันของวันหยุด ยังนะยังอยู่ที่นี่ ยังไม่กลับบ้าน ยังอยู่เที่ยวต่อนี่อีกวัน พรุ่งนี้ค่อยเดินทางกลับคากาวะ วันนี้ล่ะไปไหนดี คิดไม่ออกอีกละ แต่ที่แน่ๆช่วงบ่ายๆวันนี้ตั้งใจจะไปทะเลทรายอีกที อยากไปแก้ตัวอีกครั้ง เผื่อจะโชคดีได้ดูพระอาทิตย์ตกดินสวยๆสักครั้ง ช่วงเช้าก็เลยตัดสินใจกลับไปที่ทะเลที่เมืองอิวามิอีกเช่นเคย ฮ่ะๆๆ

และแล้วก็กลับมาที่นี่อีกครั้งเมื่อวานก็มาแล้ว วันนี้ก็ยังจัมาอีก เพราะมันยังมีที่สวยๆที่เมื่อวานไม่ได้ไป วันนี้ต้องได้ไปเห็น คือเพิ่งเห็นจากหนังสือท่องเที่ยวของจังหวัดว่ามีที่แบบนี้ด้วย ซึ่งอยู่ในเมืองที่ไปมาแล้วเมื่อวาน ดังนั้นก็เลยกลับมาอีกครั้ง งั้นไปดูกันเลยว่ากลับมาอีกทำไม มันมีอะไรที่ต้องกลับมาซ้ำอีก ฮ่ะๆ

ถ้าดูป้ายด้สนบนจะเห็น URADOME ชี้ไปทางซ้าย นั่นแหละที่จะไปวันนี้ ส่วนทางขวาก็เป็นทางไปออนเซ็น เห็นเขาว่าออนเซ็นที่นี่ก็ขึ้นชื่อเหมือนกันนะ แต่ไม่ค่อยชอบออนเซ็นก็เลยตัดทิ้งไป

เดินผ่านก็เห็นทะเล ละอากาศดีมาก ท้องฟ้าก็เปิดต้อนรับการกลับมาอีกครั้งใช่ไหม ฮ่ะๆๆ เดินต่อไปเรื่อยๆ ระยะทางก็แอบไกลอยู่นะ แต่มีเวลาเยอะ ไม่เป็นไร เดินไปยาวๆ สนุกดี

ฝาท่อระบายนี้ของเมืองนี้ก็ลงลายที่เป็นเอกลักษณ์ของขึ้นชื่อของเมืองไว้ นั่นคือทะเล URADOME นั่นเอง แต่ถามเพื่อนคนญี่ปุ่น ส่วนใหญ่ก็ไม่รู้จักทะเลที่นี่นะ ฮ่ะๆๆ ก็เลย งง ว่าขึ้นชื่อเงียบๆสินะ

เดินผ่านไปก็เห็นศาลเจ้าอยู่บนเขา ป่ะลองขึ้นไปดูเผื่อมีอะไรเด็ดๆที่ศาลเจ้านี้ บันไดก็ชันเอาเรื่องอยู่นะ

และนี่คือวิวจากด้านบนศาลเจ้า ซึ่งต้องเดินเข้าไปทางเล็กๆข้างศาลเจ้าอีกที คือวิวดีงามมาก หาดทรายไม่เท่าไหร่ แต่น้ำทะเลใสอยู่นะ เดินลงไปทะเลก้่ได้ด้วย ตอนนี้คืออยากลงไปเล่นน้ำแล้ว ฮ่ะๆๆ

นี่ไงมีทางเดินลงไปทะเลด้วย และสามารถข้ามไปเกาะกลางน้ำได้อีกด้วยนะ อยากข้ามไปอยู่แต่ยังไม่ใช่ตอนนี้ เพราะต้องเดินไปเที่ยวต่ออีกทาง ยังมีปลายทางที่รออยู่ ต้องทำเวลาหน่อยละ เดี๋ยวไม่ทันเวลา

เดินมาถึงตรงนี้ก็เล่นเอาเหนื่อยอยู่นะ ส่วนใหญ่เขาจะขับรถมากัน แต่นี่ต้องเดิน เพราะไม่มีรถขับเหมือนเขา ทำไมญี่ปุ่นไม่มีมอไซต์ให้เช่าขับเที่ยวเหมือนบ้านเราบ้างนะ ความท้าทายผจญภัยจึงไม่มีเลย

เดินขึ้นไปตรงเนินเขาหลังบ้านด้านบนนี่แหละ เดินไปปุ๊บเห็นวิวทะเลแบบนี้เลย เห้ยแม่งสวยอยู่นะ ไม่เลวๆ เดินต่อๆ เดินขึ้นไปอีก ตอนนั้นมีคนมาเที่ยวที่นี่แค่ไม่กี่คนเอง ไม่ต้องแย่งกันถ่ายรูปวิวสวยๆ ฮ่ะๆๆ

เดินขึ้นมาถึงด้านบนก็จะเห็นวิวซ้ายขวาหน้าหลังแบบเต็มๆ มีเสาโทริอิคอยต้อนรับคนที่มาเยือนที่แห่งนี้

วิวทะเลจากบนนี้คือสวยมาก เสียงคลื่นซัดกระทบฝั่ง นั่งพักผ่อนในศาลาด้านบนชิลๆ ลมพัดเย็นๆ

เสียดายที่ตรงนี้ไม่มีอะไรให้ตั้งกล้องเพื่อถ่ายรูป ไม่งั้นอยากเขาไปอยู่ในวิวเฟรมนี้มาก คือมันสวยจริงๆ

เดินไปช่วงปลายๆเขาบนนี้ก็จะสามารถมองเห็นหมู่บ้านเล้กๆที่อยู่กลางหุบเขาใหญ่ วิวดีงามใช่ไหมล่ะ

นี่เป็นมุมที่โคตรชอบเลย มันครบองค์ประกอบมากๆ สวย มีเสน่ห์ และมันเป็นภาพที่ภูมิใจนำเสนอมากๆ สำหรับด้านบนนี้ก็มีประมาณนี้ แต่ถือว่าสวยมาก ถ้ามีโอกาสมาทตโตริก็อย่าพลาดที่จะมาที่นี่นะ

หลังจากนั่งพักผ่อนเสร็จแล้วก็เดินย้อนกลับไปทางเดิมเพื่อไปหาที่เล่นน้ำคลายร้อนสักหน่อย หาดนี่เลย

เล่นน้ำที่หาดนี้ละกัน แต่ทำไมถึงไม่มีคนเล่นเลยสักคน ทำไมนะ ได้แต่สงสัย และยังคงจะเล่นน้ำที่นี่ เดินเข้าไปในหาด เหมือนจะมีหาดลับด้วย เป็นก้อนหินขนาดใหญ่บังไว้เหมือนกำแพง พอเข้าไปก็เป็นหาดจริงๆด้วย หาดกำลังพอดี น้ำใส น่าเล่นมากๆ งั้นนั่งพักเล่นน้ำทะเลตรงนี้เลยละกัน

ลงไปแช่น้ำเย็นๆสักหน่อย อากาศร้อนเกิน โอ้ยยยยยสดชื่นมากกกกกก น้ำเย็นชื่นใจจริงๆ คลื่นก็ยังคงซัดแรงทุกที่จริงๆ ยังพอมีเววลาอีกเยอะ ก้เล่นน้ำ นอนบนหาดนี่รอไปก่อนละกัน เพราะไม่มีที่จะไปต่อละ

ตั้งกล้องแล้วรีบไปยืนบนหิน ตอนนั้นคลื่อนกำลังซัดมาพอดี อยากได้รูปกับคลื่นทะเลนี่แหละถึงได้ถ่าย

แต่คลื่นมันซัดมาแรงเกินจนตั้งตัวไม่ทัน ทำให้เป็นเหมือนที่เห็นในรูปคือโดนคลื่นซัดจนล้ม ดีที่ไม่ตกน้ำไปกับคลื่น ไม่งั้นคงไม่บาดเจ็บกันบ้างล่ะ ฮ่ะๆๆ

นี่คือลายน้ำทะเลที่โคตรใสเลย พอแสงกระทบกับน้ำก็จะเห็นเป็นคลื่นน้ำระยิบระยับสวยงามมากๆ

และแล้วก็ได้เวลาโบกมือลาเมืองทะเลอิวามินี้แล้ว ขอบคุณสำหรับสถานที่สวยๆ อากาสดีๆทั้ง2วันที่มา

ระหว่างเดินทางกลับไปสถานีรถไฟ ดูเวลาแล้วเหลืออีกเยอะก้เลยซื้อน้ำซื้อโอนิกิริแล้วเดินลัดเลาะไปทางทุ่งนาและวิวทุ่งนาก็คือแจ่มมาก สวยมาก เดินชมวิวไปเพลินเลยทีนี้ กินโอนิกิริไปอีกฟินลืมจริงๆ ภาพคุณยายนั่งรถ3ล้อจิ๋วเล่น ไม่รู้จะบรรยายยังไงดี รู้แต่ว่าชอบแบบนี้มาก ฟินแทนยายด้วย ฮ่ะๆๆ

ลาแล้วเมืองแห่งทะเลอิวามิ เที่ยวทะเลน้ำเสร็จแล้ว ที่ต่อไปคือทะเลทราบทตโตริ ลุ้นมากว่าสภาพอากาศจะยังดีแบบนี้อยู่ไหม ตอนนี้บ่าย3กว่าๆละ กว่าจะไปถึงทะเลทรายก็คงเกือบ5โมงแน่ๆ

และแล้วก็ว๊าปมาถึงทะเลทรายจนได้ กลับมาเจอกันอีกครั้ง เพราะวันก่อนอากาศไม่ดี แต่วันนี้ตอนนี้คืออากาศเป็นใจมาก ฟ้าเปิด ไม่ร้อน แดดอ่อนๆ คนไม่เยอะด้วย แบบนี้แหละชอบมาก

นี่พยายามเดินไปทางที่คนไม่เยอะ สังเกตได้จากรอยเท้าเลยนะ คือแทบไม่มีรอยเท้าของคนอื่นเลย ฮ่ะๆๆ

ทะเลทรายกว้างใหญ่มาก เงียบสงบ มีแต่เสียงลมที่พัดผ่าน เสียงนก และเสียงคลื่นทะเลด้านล่าง

ตั้งกล้องแล้วไปวิ่งเล่นกลางเนินทรายที่กว้างใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่นสักหน่อย แต่ตรงนี้เริ่มมีรอยเท้าเยอะนะฮ่ะๆๆ ป่ะเดินต่อๆ ยังอีกไกลนะกว่าจะถึงริมทะเล ใช่เนินทรายนี้อยู่ติดทะเล

นั่นไงงงงงทะเลลลลล ทะเลอีกแล้วแต่ที่นี่มีทั้งทะเลน้ำและทะเลทราย พระอาทิตย์กำลังไต่ระดับลงแล้ว

การได้ชมพระอาทิตย์ตกเหนือทะเลที่ทะเลทรายทตโตริคือเป็นอะไรที่เกินบรรยายมากๆ คือมันสวยจับใจมาก ไม่คิดว่ามันจะสวยขนาดนี้และสภาพอากาศวันนี้ก็โคตรเป็นใจเลย ต้องมาเห็นกับตาตัวเองนะ

ที่สุดของที่สุดจริงๆ ทุกอย่างมันเป็นใจให้ได้เห็นสิ่งสวยงามแบบนี้ที่นี่ เห็นว่าช่วงฤดูหนาวที่นี่จะถูกปกคลุมไปด้วยหิมะนะ มันต้องสวยมากๆแน่ๆ ไว้จะมาหน้าหนาวอีก หิมะๆ สำหรับทะเลทรายวันนี้ก็พอใจมากละ ตอนนี้ก็ดึกมากแล้ว รถเมล์เที่ยวสุดท้ายกำลังจะมา รีบออกจากตรงนี้ไปรอขึ้นรถเมล์กลับเข้าไปในเมืองละกัน คือนั่งดูจนแสงสุดท้ายลับขอบทะเลเลยอ่ะ คุ้มไหมล่ะ ฮ่ะๆๆๆ

มื้อค่ำวันนี้มานั่งร้านอิซากะยะสักหน่อย มื้ออาหารที่ผ่านมาไม่ได้กินดีๆที่ร้านเลยสักมื้อ เพราะร้านอาหารคนเยอะตลอด ก็เลยพึ่งแฟมิลี่มาร์ทเอา วันนี้มาเดินดูถนนหน้าสถานีรถไฟเห็นร้านนี้คนก็เลยเข้าไปแล้วก็สั่งอาหารมากินตามภาพนี้เลย ใช่นี่กินคนเดียวทั้งหมด ขอเติมพลังดีๆสักมื้อหน่อย หิวจัดมากมาย จากนั้นก็กลับที่พัก อาบน้ำ พักผ่อน พรุ่งนี้เดินทางกลับบ้านละ

พอรุ่งเช้าของอีกวันก็เก็บกระเป๋า โบกมือลาจังหวัดทตโตริกัน นั่งรถไฟยาวๆกลับไปโอคายามะแล้วเปลี่ยนรถไฟกลับไปยังจังหวัดคากาวะ บนเกาะชิโคขุ เดินทางกลับถึงบ้านโดยสวัสดิภาพแล้ว กลับไปทำงานปั๊มเงินกันต่อไปเพื่อทริปต่อไป

สำหรับทริปนี้เป็นทริปที่เกิดขึ้นโดยไม่ได้วางแพบนล่วงหน้า เกิดขึ้นโดยกระทันหัน แต่ก็ไม่ใช่ปัญหา เพราะเดินทางคนเดียวสามารถตัดสินใจทำอะไรทันที บันทึกนี้อาจจะไม่ได้ลงรายละเอียดอะไรมาก จึงอาจจะยากสำหรับการตามรอย แต่ถ้าอยากไปเที่ยวจริงๆมันไม่มีอะไรยากเลยนะ ใครมีโอกาสได้ไปเที่ยวจังหวัดทตโตริก็แนะนำให้ไปเที่ยวทะเลทั้ง2แห่งด้วยนะ เจอกันใหม่บันทึกการเดินทางหน้า

     ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านและเดินทางไปพร้อมๆกับบันทึกเดินทางของผมนะครับ

ล่ามติดเที่ยว

 วันเสาร์ที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2562 เวลา 22.48 น.

ความคิดเห็น