สวัสดีจ้าวเปิ้ล BB-Knight TV นะจ้าววันนี้เปิ้ลจะพาทุกท่านไปแอ่วเหนือกันนะจ้าว (บ่จ้ายคนเหนือแต่อยากอู้ได้ก่า อิอิ) เอ้าๆๆ กลับมาได้แล้ว 555+ เข้าเรื่องกันดีกว่า เกริ่นมาเพื่อให้ได้บรรยากาศของภาคเหนือเนอะ เพราะรีวิวนี้เรากำลังพาทุกคนไปเที่ยวภูชี้ฟ้า กับดอยแม่สลองกันเน่อ



อันที่จริงผมอยากเขียนรีวิวแยกเป็น 2 กระทู้ คือภูชี้ฟ้ากับ ดอยแม่สลอง แต่เนื่องจากช่วงวันที่ผมไปนั้น ก็คือช่วงวันที่ 7 – 11 กรกฎาคม 2017 ฝนตกทุกวันครับ และเกือบทั้งวันด้วย เลยไม่ค่อยมีเรื่องราวมากเท่าไหร่ เพราะมันมีแต่ฝน ฝน และก็ฝน... แต่ก็เอาเป็นว่ากระทู้นี้จะมารีวิวช่วงหน้าฝนว่ามันน่าเที่ยวหรือเปล่า และมีอะไรที่แต่ต่างไปจากช่วง High Season ที่เป็นช่วงหน้าหนาวยังไง เราตามไปดูกันเลยจ้าววว



Overall

อย่างที่เกริ่นไว้ข้างต้นนะครับ ว่ารีวิวนี้เป็นการแอ่วเหนือช่วงหน้าฝน รูทการเที่ยวของเราก็คือภูชี้ฟ้า และดอยแม่สลอง 4 วัน 4 คืนตามสไตล์ Backpack ก็คือแบกเป้เที่ยว ไม่ได้ใช้รถส่วนตัว มีแต่เช่ามอไซด์ขับบนดอยแม่สลองเท่านั้นครับ รีวิวนี้หลัก ๆ ก็คือการเตรียมตัวเที่ยว การเดินทางโดยรถสาธารณะ ที่พัก สถานที่เที่ยว และการใช้ชีวิตเบื้องต้นครับผม



โดยทริปนี้ไปกันสองคนฮะ เดินทางไปโดยรถทัวร์ แต่กลับด้วยเครื่องบิน ซึ่งอันที่จริงผมจะเดินทางไปโดยรถไฟกัน แต่ทว่าเราจองกันไม่ทันครับ 2 เดือนก่อนออกทริปยังเต็มเลย หมายถึงเวลาที่เราอยากได้นะครับ เหลือแต่เวลาอื่น ๆ ซึ่งเราไม่อยากได้ = =” เราพยายามให้ถึงตัวเมืองเชียงรายในช่วงเช้าครับ เพราะหากถึงเช้าเกินไปหรือเป็นช่วงเย็น เราจะต้องหาที่พักก่อนที่จะมีรถออกไปสถานที่ที่เราจะไป จะเป็นการเสียเวลาและ Cost โดยเปล่า ๆ เราจึงปรับแพลนการเดินทางกันใหม่เป็นรถทัวร์แทนครับผม



การเดินทางไปภูชี้ฟ้า กับดอยแม่สลองของเราไปในช่วง Low Season ดังนั้นการเดินทางต่าง ๆ จึงต่างจากรีวิวจ้าวอื่นๆ ที่จะมีรถรับส่งเป๊ะ ๆ โดยเฉพาะภูชี้ฟ้า เราอาจจะต้องเป็นสายเปย์กันเลยทีเดียว เพราะ Cost ของเราหมดไปกับการเหมารถเยอะมากในส่วนภูชี้ฟ้านี้



ซึ่งการเที่ยวนี้ผมจะมีการรวมเงินกองกลาง และสรุปค่าใช้จ่ายทั้งหมด ซึ่งผมเป็นคนทำเอง โดยงบประมาณ 4 วัน 4 คืนรวมตั๋วรถทัวร์ ตั๋วเครื่องบิน แต่ไม่รวมของฝากส่วนตัว อยู่ที่ประมาณ 4 พันบาทต่อคนครับ ซึ่งเราไปในช่วงวันหยุดยาวเราจึงทำการหยุดงานต่ออีก 1 วันจึงทำให้ในวันรองสุดท้ายและวันสุดท้ายของทริปที่พักคนว่างมากไม่วุ่นวาย และได้ค่าตั๋วเครื่องบินกลับถูกด้วยครับ ซึ่งค่าใช้จ่ายทั้งหมดตลอดทริปผมแยกไว้ท้ายกระทู้ครับผม



สรุปรูทการเดินทางคร่าว ๆ ที่พวกเราไปกัน ก่อนที่จะไปอ่านรีวิวเต็ม ก็คือเราจะออกเดินทางด้วยรถทัวร์ในช่วงหัวค่ำของวันศุกร์ ไปถึงเชียงรายตอนเช้าวันเสาร์ และถึงภูชี้ฟ้าบ่าย ๆ นอนก่อนคืนนึงไปขึ้นภูชี้ฟ้าตอนเช้าวันอาทิตย์ และก็กลับลงมาที่ขนส่งเก่า เดินเล่น และนอนที่นี่คืนนึง และเช้าวันจันทร์เราจะไปดอยแม่สลอง ไปถึงบ่ายและเที่ยวเล่นนอนคืนนึง ถึงเช้าวันอังคารออกจากที่พักเกือบเที่ยง ลงมายังขนส่งฝากกระเป๋าเที่ยวเล่นนิดหน่อย ไปวันร่องขุ่นก่อนจะนั่งแท็กซี่ไปเอากระเป๋าที่ฝากไว้ขนส่งเก่า และต่อไปยังสนามบินเชียงราย เป็นอันจบทริปครับผม

How to เตรียมตัว

ขั้นแรกเลยก็คือการจองตั๋วรถทัวร์หรือตัวเครื่องบินก่อน ซึ่งอย่างที่เราเกริ่นไว้ในข้างต้นว่าเราเดินทางจากกทม-เชียงรายโดยรถทัวร์ของขนส่งกรุงเทพ(ค่าตั๋ว 517/คน) และกลับโดยเครื่องบิน(ค่าตั๋ว 845/คน) ซึ่งรถทัวร์นั้นพวกเราเลือกจองนั่งหน้าสุดเนื่องจากเป็นที่นั่งที่เราจะได้นั่งเหยียดขาได้สุด ๆ ครับและจองที่พักที่เป็น Dorm (นอนรวม)ซึ่งใกล้กับขนส่งเก่าเชียงราย



นอกจากเรื่องของการหาข้อมูลเรื่องที่พักและเส้นทางการเดินทาง (ซึ่งรายละเอียดส่วนนี้จะมีอยู่ในส่วนถัดๆไปฮะ) ทริปภูชี้ฟ้า ดอยแม่สลองนี้ก็ไม่ต้องเตรียมตัวอะไรมากครับ เพราะเป็นการท่องเที่ยวแบบ Backpack แนว City Life นั่นคือจะอยู่ในตัวเมืองซะเป็นส่วนใหญ่ นอนห้องพักไม่ได้เดินป่าหรือไปในที่ ๆ ยากลำบากมากนัก ไม่ได้เอาเต้นท์ไปกางด้วย ดังนั้นรูทนี้ทั้งรูทเราเอาแค่เสื้อผ้ากับของใช้ส่วนตัว และอุปกรณ์กันฝนไปก็พอฮะ อากาศช่วงนี้ไม่หนาวมาก ผมไปเนี่ยใส่แค่แขนสั้นเดินสบายๆ ครับ แต่ถ้าหากเป็นคนขี้หนาวก็ให้เตรียมเสื้อกันหนาวธรรมดาไปก็พอครับ



และหากเป็นคนที่ชอบถ่ายรูปด้วย ถ้าเป็นกล้องที่กันน้ำได้บ้างก็จะดีครับ เพราะฝนตกตลอดจริง ๆ หรืออาจใช้ Action Cam ไปเลยก็ได้ ซึ่งภาพเกือบทุกภาพผมถ่ายจาก Sony RX1 และ WX500 ครับ ไม่ได้มีการปรับแต่งใดๆ เพราะอยากให้ทุกท่านได้รับบรรยากาศสด ๆ แบบไม่ปรุงแต่ง (ความจริงคือขี้เกียจน่ะ ไม่มีสปอนเซอร์จ้างเก๊าต่างหาก ==”)



How to Day 1 เดินทางจาก กทม. – ขนส่งเชียงราย

เราออกเดินทางในตอนเย็นของวันศุกร์ ซึ่งเป็นช่วงที่ฝนกำลังโปรยปรายเลยทีเดียว โดยเรารอรถทัวร์ที่สถานีเดินรถรังสิตครับ ซึ่งรอบรถทัวร์ที่จะออกจากขนส่งจัตุจักรคือเวลา 19.30 น. ซึ่งกว่าจะมาถึงสถานีเดินรถรังสิตได้ก็ประมาณ 3 ทุ่มกว่าเลยครับ เนื่องจากฝนตกและรถติดมากๆ ครับผม ซึ่งบนรถทัวร์นั้นจะมีสิ่งอำนวยความสะดวกเช่นผ้าห่ม ของกินเล็ก ๆ น้อย ๆ อยู่แล้วครับผม

เดินทางได้ซักพักหนึ่งก็จะมีการจอดให้ผู้โดยสารลงพักทานอาหาร เข้าห้องน้ำและซื้อของฝากได้ 1 ครั้ง(แบบจริงจัง) ก่อนถึงที่หมาย น่าจะประมาณ ตี 2 หรือ 3 เห็นจะได้ ซึ่งตั๋วที่เราซื้อมานั้นสามารถแลกเป็นอาหาร หรือเครื่องดื่มได้ด้วยนะครับตอนที่จอดพัก อย่าพึ่งทิ้งล่ะ

นี่แหละประโยชน์ของการจองที่นั่งหน้ายืดขาได้สบ๊ายสบายและวิวดีฝุด ๆ ด้วยล่ะ อิอิ



เอาล่ะ แล้วเราก็ถึงสถานีเชียงรายในช่วงเวลาประมาณ 10.30 น. ของวันเสาร์ที่ 8 ก.ค. ครับ ซึ่งใช้เวลาตั้งแต่ออกมาจากขนส่งจัตุจักรประมาณ 15 ชั่วโมงเป๊ะๆ *0* นานมากครับเพราะเสียเวลารถติดแถว กทม. ซึ่งเวลาขนาดนี้พอๆ กะนั่งรถไฟไปเลยล่ะ เสียดายจังจองไม่ทัน TT ซึ่งจุดที่เราลงเรียกแบบบ้านๆ ว่าขนส่งใหม่ แต่ที่เราจะต้องผ่านบ่อย ๆ คือขนส่งเก่าซึ่งอยู่ในตัวเมืองครับ หากตอนกลับไม่ได้นั่งรถทัวร์กลับ เราก็จะมาที่นี่แค่ครั้งเดียวเท่านั้นครับ



พอมาถึงเรา ก็จะต้องนั่งรถสองแถวสีฟ้าที่เขียนว่ารอบเวียง ไปยังสถานีขนส่งแห่งที่ 1 (ขนส่งเก่า) ค่าโดยสาร 20/คน ครับ

เอาล่ะ เรามาถึงสถานีขนส่งเก่าเชียงรายแล้วครับ ซึ่งสถานที่นี้แหละครับ เราจะอยู่บ่อยที่สุดท้ายขนส่งไปภูชี้ฟ้าเอย ไปดอยแม่สลองเอย ไปวัดร่องขุ่น ไปไร่บุญรอด ไปสนามบิน บลาๆๆ ก็จะมาขึ้นรถที่นี่ทั้งหมดครับ ถือเป็นขนส่งหลักของเชียงรายเลยทีเดียว

เราตัดสินใจวางแพลนทัวร์ว่าจะไปภูชี้ฟ้าก่อนเนื่องจากเป็นสถานที่ๆเราคิดว่าจะต้องใช้พลังงานเยอะที่สุด เพราะไปในวันแรก ๆ เราจะ Fresh ไง จะได้จัดเต็มกันเลย อิอิ อันที่จริงนะครับ เราสามารถเช่ามอไซด์ขับตั้งแต่ขนส่งแห่งนี้ไปยังภูชี้ฟ้า หรือดอยแม่สลองได้เลย ซึ่งสำหรับภูชี้ฟ้ามันไกลมากร้อยกว่าโล ไม่ค่อยมีใครเขาขับกัน แต่ดอยแม่สลองเราสามารถทำได้ครับ แต่เนื่องจากวันที่เราไปนั้นฝนตกโปรยปรายทั้งวันเลย บวกกับเราไม่เคยมีประสบการณ์ขับมอไซด์ขึ้นดอยเลย จึงตัดสินนั่งรถเมล์ไปยังปลายทางดีกว่าครับ

How to เดินทางไปยังภูชี้ฟ้า

เนื่องจากถ้าตามอ่านรีวิวจากหลาย ๆ ค่ายแล้วถ้าเป็นช่วง High Season จะมีรถตู้ขึ้นไป 2 เวลาจากขนส่งเก่า คือช่วง 7.15 น. ไปถึงภูชี้ฟ้า 9.00 น และรอบ 13.00 น. ไปถึงภูชี้ฟ้า 14.30 น. ค่าโดยสาร 150 บาท ส่วนขากลับจะมี 2 เวลาเช่นกันคือ 9.00 น ถึง 11.30 และ 15.00 ถึงเชียงราย 17.00 น. เบอร์ติดต่อ บ.สหกิจเดินรถ โทร.084-8043546 ซึ่งทั้งหมดทั้งมวลจะมีในช่วง High Season หรือปลายเดือน พ.ย. – ม.ค. แต่หากเลยจากหน้านี้ล่ะก็... หึๆๆ ตามรีวิวเรามาได้เลยฮะ

ปอลิ่ง. ที่ใส่เป็นเชียงราย ไนท์บาซ่า เพราะใน Google Map ไม่มีจุดของขนส่งเก่าเลย ผมจึงเลือกจุดที่ใกล้ที่สุดในการค้นหาฮะ

เมื่อเราไม่ได้มาช่วง High เราจึงเดินทางแบบ Lowๆ ของเราคือ เรานั่งรถเมล์จากสถานีขนส่งเก่าเชียงราย ซึ่งเราจะต้องนั่งรถสองต่อนะครับ ไปยังขนส่งเมืองเทิงก่อน และนั่งรถต่อไปยังภูชี้ฟ้า ซึ่งรถเมล์ที่จะนั่งไปขนส่งเทิงนั้นเราสามารถนั่งได้หลายสายเลยครับอาทิเช่นเชียงราย-เทิง-เชียงกัน หรือเชียงราย-เทิง-เชียงของเป็นต้น เพราะเมืองเทิงเป็นทางผ่านไปยังอำเภอต่าง ๆ หลายสาย อ้อ! ลืมบอกไปรถออกทุก ๆ 30 นาทีครับ คนอาจจะแออัดหน่อยเน่อ ไปกันเยอะอบอุ่นเนอะ อิอิ

ซึ่งเราใช้เวลาเดินทางจากขนส่งเก่าเชียงรายไปขนส่งเทิงประมาณ 2 ชั่วโมงได้ครับค่าโดยสารคนละ 34บาท/คน(ระยะทางประมาณ 68 กิโลเมตร ออกจากขนส่งเก่าประมาณเที่ยง) เพราะฝนตกปรอยๆ ด้วยล่ะ และพอเรามาถึงขนส่งเทิง เพื่อที่จะขึ้นไปยังภูชี้ฟ้าทีนี้เกิดปัญหาแล้วล่ะ (ก็แหงล่ะมาช่วง Low นี่ ==”) เพราะถ้าเป็นช่วงที่ปกติไปยัง High Season จะมีรถสองแถวขึ้นไปยังภูชี้ฟ้ามีเที่ยวเดียวซึ่งออกช่วง 13.00-14.00 น. ขึ้นได้ที่ขนส่งเลยครับ ไม่ต้องไปขึ้นหลังตลาดแล้ว แต่เรามาแล้วไม่เจอเลยเพราะมันหน้า Low จีๆ TT เราจึงผันตัวมาเป็นสายเปย์ เหมารถสองแถวจากขนส่งเลยจร้า ไปสองคนเหมา 500 บาท (อันที่จริงแพงกว่านี้ แต่ด้วยความที่ผมหน้าตาดี เขาจึงลดให้... ถุ้ย!!!!) ระยะทางประมาณ 45 กิโลเมตร ใช้เวลาชั่วโมงนิดๆ กว่าจะถึงหมู่บ้านก่อนขึ้นภูชี้ฟ้าจ่ะ ซึ่งเบอร์ติดต่อลุงสองแถวจำมิได้ละ ขอโตดแจ้



ขนส่งอำเภอเทิงจ่ะ

รถสองแถวที่เราจะต้องเหมาขึ้นไปภูชี้ฟ้า

อันนี้เป็นเรทราคาของค่ารถสองแถวในสภาวะปกติฮะ แต่ตอนเราไปไม่ปกตินี่สิ ซึ่งภูชี้ฟ้าจะอยู่เลยบ้านผาแล

ที่เรทราคา 90 บาท ไปพอสมควรเลยล่ะ

ระหว่างทางที่ขึ้นดอยเด้อ

ใกล้ถึงแล้ว ข้างบนเป็นภูชี้ฟ้าาาาา

เทโค้งไปเบยย อิอิ

เอาล่ะ ในที่สุดเราก็มาถึงหมูบ้านภูชี้ฟ้าละ ซึ่งสองแถวของลุงที่พาเรามาเป็นเพื่อกับเจ้าของที่พักนี้ ซึ่งมันอยู่ห่างจากทางขึ้นภูชี้ฟ้าพอสมควร ซึ่งเราก็ไม่รู้เรื่องว่ามันขึ้นทางไหนก็เลยพัก ๆ ไป ==” บวกกับเราก็ไม่ได้จองที่พักไว้ด้วยแหละ Walk In เอาจ่ะ

มันก็ไม่ได้แย่อะไรนะ เพราะจุดที่เราพักวิวค่อนข้างดี และได้นอนเต็นท์ด้วย ในเต็นท์มีเครื่องนอนครบครัน มีห้องน้ำ มีไฟส่องหน้าเต็นท์ครับ ค่าพักต่อคืน 500 บาท บรรยากาศสัมผัสธรรมชาติมาก ๆ ครับฝนตกโปรยปรายตอนกลางคืนโรแมนติ๊กโรแมนติก ♥.♥ เสียอย่างเดียว แค่เดินไกลจากทางขึ้นภูชี้ฟ้าเท่านั้น แต่ก็เอาน่ะ ถือเป็นการออกกำลังกายละกัน 555+

เรามาถึงที่พักแห่งนี้ก็ช่วงบ่ายๆ เย็นๆ ละจะให้ขึ้นไปภูชี้ฟ้าตอนนี้มันก็ดูยังไงอยู่ก็เลยเดินเล่นกันแถวนั้นถ่ายรูป หาอะไรกินไปเรื่อย ซึ่งต้องบอกว่าระหว่างเดินก็มีฝนโปรยปรายเบาๆ ตลอดเวลา โรแมนติกอะไรเช่นนี้ 555+

นี่คือร้านค้าก่อนขึ้นภูชี้ฟ้าฮะ เราจะมากินอาหาร และเครื่องดื่มกันที่นี่ ซึ่งไกลจากที่พักพอสมควร

ฝนตกโปรยปรายตลอด

บรรยากาศตอนเย็น ๆ และค่ำ ๆ โรแมนติก แถมอากาศเย็นดีฮะ

Good Night ♥

How to Day 2 ขึ้นภูชี้ฟ้า

เวลา 5.00 น ของวันอาทิตย์ที่ 9 ก.ค. เราตื่นขึ้นมาพร้อมกับฝนโปรยปรายตอน ตี 5 ซึ่งเรากะจะขึ้นไปดูพระอาทิตย์ขึ้นข้างบน แต่ฟ้ามันก็ปิดหมด ฝนก็ตก ความตั้งใจที่จะถ่ายดาวบนภูชี้ฟ้านี้ก็เป็นอันต้องพับลง... ก็เลยนอนต่อไปถึงประมาณ 8 โมงได้จึงเดินไปยังทางขึ้นภูชี้ฟ้า



ซึ่งเรามาถึงทางขึ้นไปยังภูชี้ฟ้า ซึ่งเป็นทางที่ชันมาก ๆ ขึ้นไป 2.5 กิโลเมตร แต่ด้วยสภาพร่างกายของเราคงเดินขึ้นเองไม่ไหวแน่ ==” และเราไม่รู้จะเหมารถขึ้นไปจากที่ไหน แต่บังเอิ๊นนน มีรถเจ้าหน้าที่ที่จะขึ้นไปรับนักท่องเที่ยวต่างชาติข้างบน ที่กำลังจะลง เราจึงโบกสิครับรอไร 555+

กำลังจะขึ้นภูชี้ฟ้าแว้ววว ชันมว๊ากกก

มาถึงจุดพักรถครับ จะมีร้านค้าขายอาหาร เสื้อผ้า และของที่ระลึกจากชาวดอยที่นี่ ซึ่งถึงจะสายแล้วแต่อากาศก็ดีมาก แถมยังมีฝนตกเบาๆ อยู่ตลอดเวลา ต่อจากนั้นเราก็เดินขึ้นไปโลด

อันนั้นทางขึ้นขะจ้าว

ฮึ้บ ๆ ๆ

ถึงทางแยกไม่ต้องกลัว เลี้ยวขวาเลยฮะ ไม่ก็ตามน้องหมาก็ได้ เขามานำทางให้เรา อิอิ

ฮู้ววว มีเด็กชาวเขาด้วยเนอะ

หลังจากนี้ไปฝนจะเริ่มลงเยอะ และทางจะชั้นขึ้น ดินจะอ่อนลง ทะให้สไลด์ง่ายมาก เทคนิคคือให้เดินเหยียบ

ตามทางหญ้าที่ขึ้นตามทางเลยฮะ ไม่งั้นลื่นรัว ๆ แน่ หึๆๆ

ในที่สุดก็ถึงแล้วววว ภูชี้ฟ้า จ้าวววววว หมอกขึ้นเยอะเลย ฝนก็ตก เส้นทางเดินก็ลื่นสุด ๆ ขนาดใส่รองเท้าเดินป่ามายังลื่นไม่เป็นท่าเล้ยย 555+ ซึ่งจุดที่สวยที่สุดและเป็น Highlight เลยก็น่าจะตรงนี้แหละ เพราะเป็นจุดที่เห็นยอดเขาของภูชี้ฟ้า และภาพนี้เป็นภาพที่อยู่ใน Stamp ของอุทยานด้วย ถ้าเรา

สะสม Stamp ไว้ใน Passport อุทยาน เขาก็จะ Stamp ให้เราเป็นรูปนี้เลยล่ะ

บรรยากาศบนภูชี้ฟ้าดีมากๆ ถึงฝนจะตกแต่ก็ไม่ค่อยหนาวมากครับ ผมใส่เสื้อแขนสั้นเดินสบาย ๆ ซึ่งถ้าจะให้บรรยายทั้งหมดบนภูชี้ฟ้านี้ออกมาคงจะไม่เห็นภาพทั้งหมด ให้มาดูด้วยสายตาของตัวเองดีกว่า ฮิ้วววว

ตอนขึ้นไประวังอย่าไปยื่นใกล้ ๆ ผานะคับ มีป้ายติดเตือนไว้อยู่ และมันก็ลื่นมากด้วย

เราชมความงดงามของภูชี้ฟ้าจนหนำใจแล้ว เราก็ลงไปหาไรกินข้างล่างก่อนที่ที่พักจะไปยังที่พักฮะ แต่…!!! เราขึ้นมาได้ด้วยความบังเอิญ แต่ตอนลงนี่สิไม่รู้จะหาติดรถใคร เราจึงเดินลงมาเองเรื่อย ๆ เก็บบรรยากาศฮะ ก่อนที่จะโบกรถกระบะผู้รับเคราะห์ให้มาส่งที่หมู่บ้านภูชี้ฟ้าซะดี ๆ อิอิ

พอเราลงมาและถึงที่พัก ก็ได้เวลาที่เราต้องบอกลาภูชี้ฟ้าละ ซึ่งตอนลงจากภูชี้ฟ้านี่แหละ ก็เป็นปัญหาอีกเช่นกันเพราะมันไม่มีรถลงไป แต่อันที่จริงเราก็ขอเบอร์ลุงสองแถวที่เราเหมาขึ้นมาแล้วล่ะ แต่ด้วยความที่เราอยากประหยัด Cost ในการเดินทาง เราจึงพยายามหาโบกรถชาวบ้านเพื่อที่จะลงไปยังเมืองเทิง จนแล้วจนรอดก็ไม่มี เราจึงโทรไปเรียกลุงมารับจนได้ ซึ่งใช้เวลารอประมาณเกือบชั่วโมง (นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า ถ้าเวลามีไม่มากก็โทรเรียก ๆ ไปเถอะครับ ออกจากที่พักจะได้ขึ้นรถเลยไม่ต้องนั่งรอ) ก็เหมารถลุงไป 500 บาทเช่นกัน รวมแล้วลุงได้ค่ารถเราขึ้น-ลงภูชี้ฟ้าไป 1,000 บาทเลยทีเดียว 555+



ซึ่งเราออกจากภูชี้ฟ้าประมาณเที่ยงครึ่งเห็นจะได้เพื่อไปยังขนส่งเมืองเทิง และนั่งรถต่อไปยังที่พักที่เราจองไว้ซึ่งเป็นโรงแรม Dorm (นอนรวม) ที่เราจองไว้ที่ขนส่งเก่าในเมืองเชียงรายต่อไป

เมื่อเราถึงขนส่งเทิง ทีนี่ก็เช่นเคยครับ นั่งรถเมล์อะไรก็ได้ที่เขียนว่าเชียงราย ซึ่งจะต้องถามเขาด้วยนะว่าปลายทางไปเชียงรายหรือเปล่า หรือไปอีกปลายทางหนึ่ง เช็คดีๆ ด้วยครับ นี่คือเวลารถออกในแต่ละสายครับ ให้ดูในช่องที่เขียนว่า เทิง - เชียงรายฮะ

และแล้วก็มาถึงขนส่งเก่าเมืองเชียงราย ซึ่งเรามาถึงประมาณ 15.00 น. เห็นจะได้ ทีแรกเราวางแพลนว่าจะเช่ามอไซด์จากที่พักแว๊นรอบเมืองเชียงรายไปวัดร่องขุ่น ไปไร่บุญรอด อะไรประมาณนี้ แต่ด้วยความที่ฝนมันตก บวกกับสภาพที่ค่อนข้างเหนื่อยล้าจากการเดินทาง และเรามาต่างถิ่นนอนก็น้อยด้วย บวกกับเราก็ไม่รู้ด้วยว่าเส้นทางมันเป็นไง ก็เลยเปลี่ยนแพลนเป็นเดินเล่น ๆ รอบ ๆ ที่พักนี่แหละเด้อ

นี่คือที่พัก Dorm ที่เราจองไว้ครับ เดินจากขนส่งนิดเดียวก็เจอแล้ว ราคาต่อคืนถ้าไม่จองไว้ล่วงหน้าก็ 159 บาท/คืน แต่เราจองไว้ผ่านแอปก็จะได้ราคาพิเศษคือ 129 บาท/คืนจ่ะ สามารถเช่ามอเตอร์ไซด์ได้ด้วยนะ ก็จะมี Click, PCX, Fino, Wave ยัน Forza300 เลย ราคาก็อยู่ที่ 250-900 ครับ แล้วแต่ขนาด CC ที่จริงเราจะเช่าขับขึ้นดอยแม่สลองเลยก็ได้ แต่ก็อย่างที่บอกฝนมันตกทั้งวัน และเราก็ไม่เคยขับมอไซด์ขึ้นดอยด้วย ก็เลยไม่อยากเสี่ยงขับไป และก็เป็นความคิดที่ถูกคับ ฝนตกเกือบตลอดทั้งวันแถมทางก็ไม่ชินด้วยล่ะ ไปขับใส่เกียร์ผิดอยู่บนดอยด้วยตอนเช่าแว๊นบนดอยแม่สลอง 555+

บรรยากาศของที่พัก มีห้องน้ำรวมปลั๊กไฟ เครื่องนอน ผ้าเช็ดตัวครบครัน ซึ่งตอนไปพัก มีคน Backpack แบบพวกเรามาพักอีก 2 คนจร้า

หลังจากที่เราเก็บของจัดการนู่นนี่นั่นเสร็จ เราก็ออกมาเดินเล่นรอบ ๆ ที่พักไปหอนาฬิกาเอย ตลาดคนเดินเอย สวนลุมไนท์บาซ่าเอย หาอะไรอร่อย ๆ กิน ซึ่งในระหว่างเดิน ก็อย่างที่บอกมาตลอดแหละครับ ฝนตกตลอดทั้งทริป ทำให้ตลาดคนเดิน ก็แทบจะไม่มีคนเดินเลย ไนท์บาซ่า ก็แทบจะล้างเลยทีเดียว บวกกับเป็น Low Season ด้วยก็ยิ่งแทบจะไม่มีอะไรเลยฮะ เงี๊ยบเงียบ ==”

นั่งกิน Bakery กันชิล ๆ

บรรยากาศร้าน

บรรยากาศรอบ ๆ ที่พัก

อ๊ะนั่นหอนาฬิกานี่ สวยจุง อิอิ

บรรยากาศช่วงดึก ๆ เราไม่ได้ถ่ายอะไรเลย เพราะฝนมันตก เราก็ไม่อยากให้กล้องโดดน้ำ ซึ่งเราหาไรกิน และก็กลับมายังที่พักประมาณเกือบ 3 ทุ่มได้ จากนั้นก็อาบน้ำนอน เป็นอันจบทริปของวันนี้

How to Day 3 ไปขึ้นดอยแม่สลองกัน

ในวันจันทร์ที่ 10 ก.ค. เราตื่นเช้ามาประมาณ 8 โมงเห็นจะได้ ก็ออกไปหาไรกินกัน ซึ่งผู้ร่วมทริปของผมเธออยากกินข้าวซอยร้านพอใจ เชียงรายมาก เราเลยเดินมากินกัน ซึ่งไม่ไกลจากที่พักฮะ เราเดิน Survey กันมาตั้งแต่เมื่อวานแล้ว และเราก็ได้กินสมใจ อิอิ

กินเสร็จแล้วเราก็กลับมาที่พักเก็บของและ Check Out เพื่อที่จะเดินทางไปยังดอยแม่สลองต่อปายยย



How to เดินทางไปดอยแม่สลอง

การเดินทางในวันนี้ ก็จะคล้ายๆ กับการไปภูชี้ฟ้านั่นคือไปนั่งรถเมล์ที่ขนส่งเก่า และไปต่อสองแถว แต่วันนี้ชิลหน่อย เพราะดอยแม่สลองระยะทางใกล้กว่าไปภูชี้ฟ้าเกือบเท่าตัวเลย นั่นคือระยะทางจากขนส่งถึงดอยประมาณ 64 กิโลเมตร และการเดินทางก็มีรถประจำทางวิ่งตลอด ไม่ต้องเป็นสายเปย์แบบตอนไปภูชี้ฟ้าแล้ว 555+

เริ่มแรกของการเดินทาง ก็เดินไปยังขนส่งเก่าจากที่พักเรานั่นแหละ ใกล้มว๊ากก หารถประจำทางที่เขียนว่าไปแม่จัน เพราะเราจะต้องนั่งรถสองแถวเขียวจากแม่จันไปยังดอยแม่สลองเด้อ ซึ่งรถเมล์ที่ไปแม่จันคนละ 20 บาท/คนจ่ะ นั่งมาเรื่อย ๆ จนมาถึงที่นี่ ซึ่งเขาจะบอกให้ลงเอง แต่ต้องบอกกระเป๋ารถเมล์ก่อนนะว่าเราจะขึ้นดอยแม่สลอง



เราลงป้ายนี้กัน และนั่งสองแถวสีเขียวแบบนี้ขึ้นไปจ่ะ

นี่คือเวลารถออก ซึ่งต้องบอกก่อนไว้ตรงนี้เลยให้วางแพลนเดินทางดี ๆ รถจะมีออกจากป้ายนี้เวลาตามในรูป ซึ่งจะออกทุก 30 นาทีจากเวลาในป้าย ถ้าไม่ทันรอบไหนก็ต้องรอไป 2 ชั่วโมงเลยนะ (ซึ่งตอนเราไป ไปรอบ 11.00 น. รถออกเวลา 11.30 น.)

พอเราขึ้นรถสองแถวเขียวมาแล้ว รถก็จะมาพักที่จุดพักรถที่กิ่วสะไต ซึ่งเรามาถึง 12.00 น. เขาพักรถครึ่งชั่วโมงก่อนที่จะขึ้นไปยังดอยแม่สลองฮะ

พอถึงเวลา 12.30 น. เราก็ออกจากกิ่วสะไตมายังดอยแม่สลอง และแล้วเราก็มาถึงดอยแม่สลองประมาณบ่ายโมงเห็นจะได้ รถจะมาจอดที่หน้าโรงแรมซึ่งอยู่ระหว่างโรงแรมซินแซ และโรงแรมลิตเติ้ลโฮม นั่นแหละ แต่เราเลือกพักที่โรงแรมลิตเติ้ลโฮมฮะ เพราะชอบชื่อโรงแรม และอยู่ตรงจุดขึ้นรถด้วย สะดวกดีฮะ ไม่เหมือนเมื่อวานแล้ว 555+

ซึ่งจากคำบอกเล่าของเจ้าของโรงแรม เขาบอกว่าในช่วงวันเสาร์-อาทิตย์ที่ผ่านมา คนเยอะมากคับ เพราะเป็นช่วงวันหยุดเทศกาลด้วย แต่วันนี้คนว่างมาก ก็ลงล็อคเลย อิอิ

ค่าห้องต่อคืน เราพักห้องเตียงคู่ แต่เป็นห้องพัดลม สิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ตกคืนละ 500 บาทฮะ และนี่คือสภาพห้องจร้า

ด้านหน้า

ตึกสีอิฐตรงจุดนั้นคือโรงแรมซินแซ จุดที่เราลงรถมา

Check In เสร็จเก็บของ นู่น นี่ นั่น เช่ามอไซด์ไปแว๊นกัน!! ซึ่งมอเตอร์ไซด์เช่า 200 ฮะ (Wave125) ใช้เสร็จเติมให้เต็มถังด้วย บวกกับค่าโรงแรม ก็รวมเป็น 700 จร้า

นี่คือแผนที่ที่ทางโรงแรมให้มา ซึ่งที่ที่เราจะแว๊นไปเลยคือไร่ชา 101 ซึ่งระยะทางไกลพอสมควร ทางขับไปค่อนข้างชันเลย กี่โลก็จำไม่ได้ ==” แต่เลยออกไปจากแผนที่ออกไปทางขวาอีกแน่ะ อ้อ!! ลืมบอกไปมอไซด์เช่าแนะนำเป็นรถที่มีเกียร์นะคับ ไม่งั้นอาจต้องเข็นขึ้นทางชันได้เลย เพราะทางบางจุดก็ชันมาก และหากคนไม่เคยขับขึ้นลงดอยมาก่อน แนะนำขับให้ชินคนเดียวก่อนคับ ตอนขึ้นทางที่ชันมาก ๆ ให้ใช้เกียร์ 1 เพราะตอนผมไปไม่เคยขับขึ้นทางชั้น ใช้เกียร์ผิด ๆ ถูก ๆ เกือบหัวทิ่มแน่ะ 555+

ทางที่เราจะไปมีแต่ไรชา 101 กับวัดตามรูปนะครับ ซึ่งผมไม่ได้ไปวัด และอีกอย่างทางก็ไกลพอสมควร แค่ในตัวเมือง 1 วันก็เหนื่อยแล้วล่ะ

และแล้วเราก็มาถึงไร่ชาแว้ววว

ทางตรงไปน่าจะเป็นวัด แต่พวกเราไม่ได้ไป เพราะมาไกลแล้วฮะ

ชานมไขมุขที่นี่แก้วละ 50 บาทคับ และก็มีพวกใบชาต่าง ๆ เก็บกันสด ๆ ทำกันสด ๆ เลย โรงงานติดอยู่ตรงนั้นเลยฮะ

บรรยากาศไร่ชารัว ๆ ฮะ เราไปได้จังหวะที่เขากำลังเก็บชาเลย เลยได้ภาพมาเยอะหน่อย

กระสอบอันนั้น เห็นแค่นั้น แต่หนักมากฮะ

บรรยากาศอีกฝั่งนึงจร้า

เสร็จจากไร่ชาก็ประมาณบ่าย 3 เห็นจะได้ เราก็ขับกลับมาหาไรกินที่ร้านอาหารตรงทางขึ้นไปยังวัดสันติคีรี เพื่อที่จะเดินขึ้นไปยังพระบรมธาตุศรีนครินทราสถิตย์มหาสันติคีรี ซึ่งพระท่านที่จำวัดบอกว่าจะต้องขึ้นบันไดประมาณ 700 ขั้นเลยทีเดียว *0*



ทางขึ้นฮะ อยู่ตรงร้านอาหารที่เรากินเลย เรากินเสร็จก็จอดมอไซด์ไว้ที่ร้านแล้วเดินขึ้นไปกันฮะ แถวนั้นมีเซเว่นด้วยนะ ดีจีๆ เบย ^.^

เดินปายยย

มีตลาดสดด้วยนะ แต่ช่วงนี้ Low Season เลยไม่ค่อยมีร้านเยอะเท่าไหร่

ถึงวัดแล้ววว

ทางขึ้นสุดหิน *0* 700 ขั้นเลยเหรออออ

เมื่อเราขึ้นมาถึงแล้วด้วยความยากลำบาก เหนื่อยมว๊ากกก เราก็พบความจริงว่า...... มันสามารถขับรถและมอไซด์ขึ้นมาได้เลยจากร้านอาหารที่เรากิน ซึ่ง!!!! เราเดินกันขึ้นมาเพื่ออาร๊ายยยยยยย!! ทั้งชันทั้งเหนื่อย T.T

นี่คือวิวของข้างบนฮะ คุ้มค่ากับการ(เดิน)ขึ้นมาจีๆ

ข้างบนของสถานที่แห่งนี้มีทางแคบ ๆ ขึ้นมาด้วยนะ

เมื่อเราดึ่มด่ำกับบรรยากาศข้างบนนี้กันเสร็จแล้ว เราก็(เดิน)ลงมาทางเก่า (ทำไมต้องเน้นเรื่องเดินด้วยฟะ==”) พบว่าระหว่างทางมีผู้กล้าเดินขึ้นมาแบบพวกเราด้วย (ดีจายยย อิอิ)



จากนั้นก็แว๊นกลับมาที่พักเพื่อไปตลาด OTop ต่อ แต่เนื่องจากเป็นช่วง Low และฝนตกตลอดเวลา จึงทำให้ไม่มีของอะไรขายเราเลย ฮืออออ TT

เราจึงทำการหาร้านอาหารท้องถิ่นของที่นี่ ที่ร้านนี่ อ้อ!! เรื่องนึงคือที่นี่เป็นชุมชนที่บรรพบุรุษอพยพถิ่นฐานมาจากจีน ดังนั้นจึงมีร้านค้าที่เหมือนร้านจีนๆ และมีชาวบ้านบางคนสามารถพูดจีนได้ด้วยนะ ร้านอาหารจีนที่เรากินล่ะ ทั้งหมดก็ประมาณ 313 บาท ก็ราคาพอสมควรเลย

เรากลับมาที่พักมาประมาณช่วงหักค่ำ ปวดระบบกันพอสมควร และก็ถือเป็นการจบทริปสำหรับวันนี้แจ้

How to Day 4 วันสุดท้ายของการเที่ยวและเดินทางกลับ

เปิด Day 4 มาด้วยบรรยากาศรอบหมู่บ้าน เช้า ๆ ฟิน ๆ กิกิ

วันนี้คือวันอังคารที่ 11 ก.ค. ซึ่งที่จริงไม่ใช่วันหยุด แต่เราหยุดงานกันมาอีก 1 วัน วันนี้บรรยากาศในหมู่บ้านจึงเงียบสงบมาก ๆ เราตัดสินใจแว๊นไป ”ไร่ชาวังพุตตาล” ตอนเช้า ๆ ทางเดียวกับที่ไปไร่ชา 101 เลย แต่ถึงก่อน ทางเข้าจะเป็นทางดินนะคับ ขับแข็ง ๆ หน่อยก็เข้ามาได้ฮะ หลงนิดหน่อย แต่ก็ไปถูกจนได้ 555+

กินข้าวเช้าที่โรงแรม ข้าวต้มชามละ 50 บาทเด้อ

อันนี้เป็นที่นิยมมาก ๆ ในเมืองเชียงรายและที่ดอยแม่สลองเลยแหละ แต่เอามาใช้ใน กทม. ไม่เวิร์คแน่ ๆ ฮะ 555+

เอาล่ะก่อนอื่นผมต้องขอแปะเวลาเดินของรถเมล์ที่จะลงไปยังแม่จันก่อน และจะต้องขึ้นรถเวลานี้เป๊ะๆ เลย เนื่องจากรถสองแถวที่จอดหน้าโรงแรมเรา เขาไม่ได้จอดรอที่โรงแรมเราเป็นหลัก แต่เขาจะมาตามเวลาข้างต้นเป๊ะ ๆ และออกไปทันทีเลย ซึ่งจะต้องดูที่ช่องกลางทางขวา แม่สลอง - แม่จัน จะมีรถตั้งแต่ 7.00 – 15.00 น. ฮะ รถจะมาหน้าโรงแรมและออกทันทีไปจอดรอแถวตลาด Otop อีกประมาณครึ่งชั่วโมง (เดินไปช็อปก่อนได้ฮะ) จากนั้นรถจะลงมายังกิ่วสะไตจอดพักอีกประมาณ 5 นาที จึงจะลงไปยังแม่จันต่อจร้า

ต่อรถจากแม่จันมายังขนส่งเก่าอีกเช่นเคย พอเรามาที่ขนส่งเก่าก็เป็นเวลาประมาณ บ่าย ๆ เห็นจะได้ ซึ่งยังเหลือเวลาก่อนที่จะขึ้นเครื่องพอสมควร นั่นคือ Flight 18.50 น. เราทำการ Online Check in แล้วดังนั้นจึงไม่ต้องรีบมากก็ได้ เมื่อเหลือเวลาขนาดนี้ เราจึงทำการฝากกระเป๋า ซึ่งตรงขนส่งเก่าที่ด้านหลังจะมีร้านรับฝากกระเป๋า ซึ่งผมไม่ได้ถ่ายมา จึงขอเอาภาพจาก Google มาแปะครับผม ค่าบริการการฝาก 10 บาทต่อกระเป๋า 1 ใบ และไม่แนะนำให้ใส่ของมีค่าเอาไว้ฮะ

เราไปวัดร่องขุ่นกันต่อ โดยการโบกรถสองแถวไปจากขนส่งเก่าอีกเช่นเคยให้ไปวัดร่องขุ่น ซึ่งค่าโดยสาร 30 บาท/คนฮะ วัดร่องขุ่นในปัจจุบันก็เป็นประมาณนี้ครับผม

อันนี้เขาเขียนชื่อใส่ใบโพธิ์เงิน แล้วแขวนไว้เป็นต้นๆ คับ ซึ่งมันเยอะมากเขาจึงเอามาแขวนไว้แบบนี้เป็นบางส่วน

มาลองโยนเหรียญแม่น ๆ ได้ฮะ

หลังจากเดินโดยรอบแล้ว เราก็โบกรถเมล์กลับมายังขนส่งประมาณ 15.00 น. ก็ยังไม่วายเห็นว่ามีเวลาเหลือ ก็เรียกตุ๊กๆจากขนส่งไปหาร้านอร่อย ๆ กินต่อ (มีความพยายามสูง 555+) อันที่จริงคืออยากลองนั่งตุ๊ก ๆ ดูคับ อัตราค่าบริการไม่ไกลมากก็ 50 บาทคับ

มาถึงเชียงราย มากิน Honey Toast นี่นะ 555+

เอาล่ะ ได้เวลาละเราก็บึ่งแท็กซี่จากหน้าร้านไปร้านรับฝากกระเป๋าที่ขนส่ง และก็ยิงยาวไปสนามบิน และเครื่องก็ออกเวลา 18.50 น. กลับบ้านเป็นอันจบทริปจ้าววว

สรุปค่าใช้จ่ายทั้งหมดตลอดทริปสำหรับสองคน[/b]

ผมจะรวมค่าใช้จ่ายทั้งหมดที่เป็นกองกลางนะครับ คือค่าใช้จ่ายที่ค่อนข้างจำเป็นต้องเสียสำหรับในทริป

จะได้รู้ว่าเราใช้กินอะไรไปบ้าง และค่าใช้จ่ายที่มาก ๆ นี้เรามาจากอะไรแบบละเอียดครับผม

1. ค่าตั๋วรถทัวร์ กทม. - เชียงราย 1,034 บาท

2. ค่าตั๋วเครื่องบิน เชียงราย - กทม 1,690 บาท

3. ค่าสองแถว ขนส่งใหม่ - ขนส่งเก่า 40 บาท

4. ค่ารถเมล์ไปขนส่งเทิง 68 บาท

5. ค่าสองแถวเหมาขึ้น - ลงภูชี้ฟ้า 1,000 บาท

6. ค่าเต็นท์ที่พักบนภูชี้ฟ้า 1 วัน 500 บาท

7. ค่าอาหารสั่งเป็นกับข้าวกินกัน 250 บาท

8. มาม่า+น้ำเปล่า ตอนเช้าที่ขึ้นภู 75 บาท

9. ลงมากินข้าวเที่ยงที่หมู่บ้านภูชี้ฟ้า 80 บาท

10. รถเมล์จากเทิง - ขนส่งเก่า 100 บาท

11. ค่า Hostel 1 คืน 258 บาท

12. ค่าอาหารรวม ๆ เย็นวันอาทิตย์ 270 บาท

13. ข้าวซอยร้านพอใจตอนเช้า 80 บาท

14. รถเมล์ไปแม่จัน 40 บาท

15. สองแถวขึ้นดอยแม่สลอง 120 บาท

16. ที่พักลิตเติ้ลโฮม 1 คืน 500 บาท

17. มอไซด์เช่า+น้ำมันเต็มถังตอนคืน 300 บาท

18. ชานมไร่ชา 101 50 บาท

19. อาหารเที่ยง 145 บาท

20. อาหารเย็น(ร้านอาหารจีน) 340 บาท

21. ข้าวต้นเช้าที่ลิตเติ้ลโฮม 100 บาท

22. สองแถวจากดอยแม่สลอง - แม่จัน 120 บาท

23. รถเมล์ แม่จัน - ขนส่งเก่า 40 บาท

24. ฝากกระเป๋า 20 บาท

25. ขนมจีนน้ำเงี้ยว+แกงไก่ที่ขนส่งเก่า 75 บาท

26. สองแถวไปวัดร่องขุ่น 60 บาท

27. สัปรด 20 บาท

28. รถเมล์กลับวัดร่องขุ่น - ขนส่งเก่า 40 บาท

29. ตุ๊ก ๆ ไปกินหนมก่อนกลับ 50 บาท

30. Honey Toast+ลูกชิ้นปลา+ชาอู่หลง 313 บาท

31. ค่ารถไปสนามบินเชียงราย 150 บาท

32. ค่าเดินทางใน กทม. 70 บาท

รวม 7,998 บาท

ต่อคนก็ 3,999 บาท ไม่รวมของฝากและของใช้ส่วนตัวครับผม



ข้อเสนอแนะที่อยากแนะนำ

ทริปที่เราไป อย่างที่บอกเราไปในช่วงหน้าฝน และเป็นช่วง Low Season จึงอาจจะได้บรรยากาศในอีกแบบนึง ซึ่งบางคนอาจจะไม่ชอบก็ได้ และยิ่งเป็นสไตล์ Backpack ด้วยยิ่งลำบากกว่าเดิมพอสมควรเลย เพราะว่าการเดินทางในเมืองเชียงรายจะทำได้ยากกว่า เพราะรถอำนวยความสะดวกจะน้อยลงคับ แต่ก็แลกกับความที่ไม่วุ่นวายเลย ชิลดีนะ โดยรวมผมชอบฮะ ^ ^

BB-Knight TV

 วันศุกร์ที่ 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2562 เวลา 14.08 น.

ความคิดเห็น