ตากนี้ที่อุ้มผาง 5 วัน 4 คืน

จุดหมายปลายทางในครั้งนี้คือน้ำตกที่ยิ่งใหญ่ทั้งสองที่คือทีลอซูและน้ำตกรูปหัวใจ ซึ่งผมก็คิดว่าคงเป็นจุดหมายที่หลายคนนักเดินทางคงอยากจะมาชื่นชมสักครั้ง แล้วผมพามาในช่วงฤดูฝนเลย น้ำตกแรงกำลังได้ที่เลยทีเดียว (ก.ค.) สนุกสุดมันส์กับการเดินป่าที่ฝนมักจะตกตลอดทาง แต่ก็ขึ้นอยู่กับสภาพอากาศในแต่ละวันนะครับ



จุดหมายหลักๆในครั้งนี้

- น้ำตกทีลอซู น้ำตกที่ยิ่งใหญ่และอลังการตามาก Day 1

- น้ำตกปิตุ๊โกร หรือเรียกอีกชื่อว่า น้ำตกรูปหัวใจ Day 3

- ยอดดอยมะม่วงสามหมื่น (1700-1800 m) Day 4

-เตรียมตัวกลับ Day 5



การเดินทาง

ครั้งนี้เหมารถตู้ไปที่โฮมสเตย์เลย

หากใครไปรถประจำทางก็จะไปประมาณนี้ ขึ้นรถจากขนส่งหมอชิต ไปสาย กรุงเทพ-แม่สอด จากนั้นต่อรถไปที่อำเภออุ้มผาง โดยไปที่อำเภอรอบแรก 7.00 สุดท้าย 15.00 เช็คอีกทีเด้อเพื่อความชัวร์

ที่พัก



โฮมสเตย์คำสิง KamSingha Home stay

บริการทุกอย่างครบ ของกินที่กินจนจุท้อง ไกด์ที่น่ารักทุกๆคน กับเจ้าของที่ใจดีมากกส่วนในเรื่องอุปกรณ์ เต็นท์ โน้นนี้นั้น ทางโฮมสเตย์มีให้ ลองติดต่อดูได้เลยนะครับ

วันแรกจะเตรียมตัวและออกไปทีลอซู กางเต้นนอนที่แคมทีลอซู

วันที่สองนอนที่โฮมสเตย์

วันที่สามและสี่นอนที่แคมป์ปิตุ๊โกร

ห้องน้ำที่ทีลอซุ สบายมาก

ห้องที่ที่ปิตุ๊โกร ห้องน้ำโอเค อาบน้ำที่น้ำตกได้เลย



อุปกรณ์ (ที่น่าใช้)

- รองเท้าสตั๊ดดอย (แจ่มมาก) ทริปนี้ดป็นครั้งแรกที่ได้ใช้รองเท้าสตั๊ดดอย บอกเลยสุดในการเดินลุยติดแน่นทุกพื้น ยิ่งเป็นโคลนนะสบายเลย 55555 อยากให้ลองจริงๆถ้ามีโอกาศได้ไปเดินดอยต่างๆ น่าจะไม่พลาดกัน คู่นึงก็ไม่แพง 60-100 บาท ไม่แน่ใจเหมือนกัน

- ถุงกันทาก (ขึ้นยอดดอย) ตอนขึ้นไปยอดก็มีนะ แต่ไม่ค่อยเยอะมาก แต่เขาบอกมีเฉพาะบนยอดดอยใครกลัวก็หยิบเผื่อๆไปด้วยละกัน มีละมันอุ่นใจอะเน้อ 55

แพลนการเดินทางแบบคร่าวๆ (แก้ไขใหม่นะ)

จริงๆเราออกเดินทางกันตั้งแต่วันศุกร์เย็นประมาณ 22.00 ถึงประมาณ 9.00 เช้าอีกวันนึง



วันแรก (แรกๆละเอียดหน่อยนะ จดเยอะหลังๆลืม 55) (น้ำตกทีลอซู)

- ถึงที่พัก 9.00 น.จากนั้นเตรียมของไปพักที่น้ำตกทีลอซู แล้วเราก็นั่งรถไปที่จุดเริ่มร่องเรือยาง

- 11.00 - 2.00 ร่องเรือยาง (น้ำตกทีลอจ่อ น้ำตกสายรุ้ง แก่นให้เล่นเล็กๆ 1 แก่น บ่อน้ำร้อน สุดท้ายผาเลือด)

- 2.00-2.30 กินข้าวเที่ยง

ช่วงเย็นเราก็เดินไปน้ำตกทีลอซู จากนั้นก็กลับมากินข้าวนอนนนนนนนน



วันที่สอง (วันนี้จะเหมือนวันฟรีๆ เตรียมตัวต่างๆ แต่ก็ไม่ฟรีนะ มีอะไรทำอยู่)

ตื่นแต่เช้า กลับไปที่โฮมสเตย์ ระหว่างทางกลับเขาจะพาแวะ วัดหนองหลวงและถ้ำตะโคะบิ แต่น่าเสียดายช่วงที่เราไปนั้นถ้ำปิดพอดีเลยเพราะมีฝนตก เขากลัวเกิดอุบัติเหตุทางธรรมชาติได้ จากนั้นก็หาซื้อรองเท้าสตาร์ดอยที่นั้นเลย ครั้งแรกของผมเลยที่ได้ใช้รองเท้าที่นี่และก็ติดใจไปหลายทริปเลย สุดท้ายก่อนเข้าที่พักก็แวะตลาดแถวนั้นมีของอร่อยๆเต็มเลย อย่าลืมแวะหล่ะ

พิเศษ: เจ้าของโฮมสเตย์พาไปชวนสวนที่บ้านเขา มีเงาะ โน้นนี่นั้นเต็มเลย เจ้าของใจดีให้เก็บชิมๆได้(ทริปเราไม่น่าจะชิมอะ จริงจงกันเลยแต่ละคน 55)



วันที่สาม (ดอยหัวหมด, น้ำตกปิตุ๊โกร)

ตื่นแต่เช้ามาชมพระอาทิตย์ขึ้นที่ดอยหัวหมด ประมาณตี5 และเริ่มออกเดินทาง 5.30 จากนั้นก็กลับมาที่พักและเตรียมของไปปิตุ๊โกรกันจ้า

นั่งรถไปประมาณ 1.30-2 ชม. (ค่อนข้างไกลกับทางที่สุดมันส์ น่าฝนอะนะ) พอลงและเริ่มสุดสตาร์ เดินประมาณ 5-6 km ก็จะถึงเราถึงช่วงประมาณบ่ายแก่ๆ และก็รีบวางของและเดินไปน้ำตกปิตุ๊โกรกันเลย เพราะว่าเดี๋ยวมันจะค่ำตอนขากลับ



วันที่สี่ (ยอดดอยมะม่วงสามหมื่น)

ตื่นแต่เช้าอีกแล้ว (ใครอยากขึ้นไปชมพระอาทิตย์ยามเช้าก็ตื่นสักตี3 มั้งนะ ไม่ชัวร์แล้วแต่ทีมว่าความเร็วประมาณไหน) ส่วนเรานะหรอ 6-7โมงไปเลย 5555 เพราะฝนตกมีหมอกต้องไปลุ้นข้างบนอีกที ระยะทางก็ประมาณ 6-7 km แต่ตอนเดินนี่ไม่รู้สึกว่า 6-7 นะ น่าจะมากกว่านั้น 555 เพราะมันขึ้นอย่างเดียวเลยแบบไม่มีทางราบ สู้ๆนะ 555 ก็ไปถึงประมาณเกือบเที่ยง และก็เดินลง ใช้เวลาประมาณ 1 วันสำหรับยอดนี้



วันที่ห้า (เดินลงจากแคมและกลับโฮมสเตย์)

กลับถึงโฮมสเตย์ประมาณเที่ยง-บ่าย แล้วแต่ว่าออกเร็วแค่ไหน ละก็กลับเลยจ้า เพลียยย



ส่วนใครที่อยากไปแค่ 3 วัน 2 คืน ก็สามารถทำได้นะครับ แต่ต้องตัดอะไรไปสักอย่างนึง เช่น น้ำตกทีลอซูกับน้ำตกรูปหัวใจ, น้ำตกรูปหัวใจกับยอดดอยมะม่วงสามหมื่น แบบนี้สามารถทำได้ครับ แต่ถ้ารวบหมดเลย แนะนำตามที่ผมไปเลยครับ แต่ผมไม่แน่ใจนะว่าสามารถรวบเหลือ 4 วัน 3 คืน ได้ไหม แต่น่าจะเหนื่อยอยู่

วันแรก เริ่มเดินทางโดยร่องเรือยางมา และมาพักที่บ่อน้ำร้อนระหว่างเดิน

ชิวๆสบายๆ อุ่นๆ


ผู้ร่วมทริปของเราในครั้งนี้ (จริงๆผมเกาะเขามาอีกทีครับ 5555)

ภาพแรกเป็นเจ้าหน้าที่ ตรวจตราความเรียบร้อย

ภาพสองเป็นจุดจอดพักไปบ่อน้ำร้อน

ภาพสามถึงแล้ว ภาพสี่ ไปผาเลือดและขึ้นรถไปต่อที่แคม

ผาเลือดดด

ถึงแคมป์แล้วเราก็ไม่รอช้า ไปน้ำตกทีลอซูกันเลย

ห้องน้ำตามรูปภาพเลยสบายมั่ก อาบน้ำ ห้องน้ำดี

อันนี้เป็นภาพที่เรากางเต็นท์นอนกัน จริงๆมีหลายที่เลยทีาเป็นในร่มไม่โดนฝนแน่ๆ

ทางเดินระหว่างไปทีลอซู

น้ำตกเล็กๆระหว่างทางเราก็จำไม่ได้ว่าน้ำตกอะไร แต่ก็สวยเหมือนกันนะ


น้ำตกทีลอซู

ตั้งอยู่ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าอุ้มผาง อำเภออุ้มผาง จังหวัดตาก ทีลอซู เป็นภาษากะเหรี่ยง แปลว่า น้ำตกดำ มีลักษณะเป็นน้ำตกภูเขาหินปูนขนาดใหญ่ ตั้งอยู่บนความสูงจากระดับน้ำทะเล 900 เมตร เกิดจากลำห้วยกล้อท้อ ลำน้ำทั้งสายตกลงสู่หน้าผาสูงชัน มีน้ำไหลแรงตลอดปี ความกว้างของตัวน้ำตกประมาณ 500 เมตร ไหลลดหลั่นเป็นชั้น ๆ มีความสูงประมาณ 300 เมตร ล้อมรอบไปด้วยป่าดงดิบที่สมบูรณ์ เป็นน้ำตกที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 6 ของเอเชีย

เรามาในช่วงกลางเดือน ก.ค. ฤดูฝน ซึ่งน้ำตกจะมีน้ำเยอะเป็นพิเศษและมีฝนตกบ้างระหว่างทางทำให้รูปที่เห็นจะมีหมอก ไอน้ำจากน้ำตก รวมทั้งสีของน้ำที่ขุ่นๆหน่อย เพราะว่ามีน้ำไหลแรง ถ้าใครอยากมาในช่วงที่ฟ้าเปิดและน้ำตกสีมรกตแนะนำให้มาช่วงปลายๆปี (ทางโฮมสเตย์เขาแนะนำช่วงนี้) ซึ่งสามารถเล่นน้ำใกล้ๆน้ำตกได้ด้วย แต่ช่วงนี้ผมมาน้ำแรงจึงไม่สามารถเล่นน้ำได้ แต่ทุกอย่างมีความสวยงามในฤดูนั้นๆอยู่เสมอ อย่างเช่นในครั้งนี้

วันที่สอง

หลังจากตื่นเช้าที่น้ำตกทีลอซูแล้ว เราก็เดินทางกลับมาที่โฮมสเตย์และตอนขากลับอีกแวะ ที่โน้นที่นั้นก่อนกลับ

คำสิงห์โฮมสเตย์ สามารถค้นหาได้ใน Facebook เลยน้า มีเพจอยู่ แนะนำจริงๆ

ดอยหัวหมด

เป็นจุดชมวิวพระอาทิตย์ขึ้นในทริปนี้ แต่น่าเสียดายที่ไม่เห็นเพราะเมฆบัง 5555 สีสันการดูพระอาทิตย์ขึ้นอะน้าาา แต่ก็มีหมอกให้เราเห็นกันบ้าง ไม่ถึงทะเลหมอก ใครโชดดีคงได้เห็นทั้งสองอย่างพร้อมกันเลย ถ้ามีก็มาอวดกันหน่อยนะ อยากเห็นบ้าง 55

วันที่สามแล้วลืมบอก หลังจากไปดอยหัวหมดเราก็กลับมาเตรียมตัวที่โฮมสเตย์แล้วก็นั่งรถมาลงที่จุดเริ่มเดินดังรูป ซึ่งเราจะเดินไปที่แคมป์ปิตุ๊โกร ระยะเดินประมาณ 5 km ทางเดินไม่ยากมาก สบายๆ พอเข้าป่าและเย็นสบ่ย



พอถึงแคมเราก็ลุยต่อไปหาน้ำตกรูปหัวใจเลย

น้ำตกปิตุ๊โกร หรือ น้ำตกรูปหัวใจ

เป็นน้ำตกที่สูงที่สุดในประเทศไทย (หากผิดขออภัยด้วยนะครับ) โดยมีน้ำตกจากสองมาบรรจบกันเป็นรูปหัวใจ ได้ความโรแมนติกไปอี้กแบบ 5555 ใหญ่และอลังการมากใคร จากแคมป์ก็เดินมาประมาณ 2-3 km นะทางสวย เล่นน้ำระหว่างทางได้เลย ลงไปหลายที่เหมือนกัน 55

วันที่สี่

เราตัดภาพมาที่วิวของดอยมะม่วงสามหมื่นเลยละกันนะ เนื่องจากวันที่เราขึ้นฝนตกค่อนข้างบ่อยแต่ไม่หนักนะจึงทำให้หมอกเยอะมากกกก ฟ้าแทบจะไม่เปิดให้ดูวิวบ้างเลย 555 🤣🤣 แต่ก็เปิดให้นิดนึง การแคมเดินขึ้นยอดก็ประมาณ 6-7 km (เขาบอกมา แต่รู้สึกว่าไกลกว่านี้ 55) ทางเดินเป็นแบบขึ้นอย่างเดียว ขึ้นๆๆๆๆๆๆๆๆ อะ ไม่ค่อยราบเลย เตรียมร่างกายนิดนึงต้องขึ้น ยืดๆหน่อย ตอนเราเดินขึ้นนี่แบบมันหมอกเยอะอะจะเห็นแค่เนินข้างหน้าแบบรางๆใช่ปะ เอ่อเราก็เดินไปเห็นเนินรางๆข้างหน้านึกว่าจะถึงแล้ว แต่มันไม่เลย มันมีอีกราง อีกราง อีกราง ไปเรื่อยๆ 5555 แต่ก็สนุกในการเดินขึ้นครั้งนี้



ยอดดอยมะม่วงสามหมื่น

ส่วนทำไมเขาเรียกว่ายอดดอยมะม่วงสามม่วง เท่าที่จำได้นะ มันมีต้นมะม่วงป่าเยอะแถวนี้ รวมทั้งเมื่อขึ้นมาถึงยอดแล้ว(ฟ้าเปิด) จะเห็นยอดเขาเยอะมากกก จึงเป็นที่มาของคำว่าสามหมื่น (มีกองหินสามกองอยู่ข้างบนด้วยนะ)

หมายเหตุ ถ้ามั่วขออภัยด้วยนะ 555 (แต่เราฟังมาอีกที)

ลงๆๆๆ หิวๆๆๆ ไปเลยๆ

วิวจากข้างบนเห็นน้ำตกรูปหัวใจจากมุมสูงเลย

พี่ไกด์พาเราขึ้นในครั้งนี้

น้ำตกใกล้ๆแคมป์

เดินกลับและก็จะประมาณนี้ 555

น้ำตกใกล้แคมป์เช่นกัน เป็นที่อาบน้ำล้างตัวตรงนี้ก็ได้เลย จริงๆก็มีข้างล่างอีกทีนะ

สองคนนี้เป็นคนดูแลกลุ่มเราอย่างดี 😍



ทั้งนี้อย่าลืมติดตามรีวิวท่องเที่ยวต่างๆกับเราได้ที่ https://www.facebook.com/onismjourney/

เพจ ไปเองก็ได้ - the onism journey

ไปเองก็ได้ - the onism journey

 วันพุธที่ 13 พฤศจิกายน พ.ศ. 2562 เวลา 08.05 น.

ความคิดเห็น