เมื่อเอ่ยถึงวัดสวยงามในจังหวัดเชียงราย ผมเชื่อว่าทุกคนคงไม่พลาดที่จะนึกถึง วัดร่องขุ่น วัด ร่องเสื้อเต้น เป็นต้น แต่จริงๆแล้วยังมีวัดที่สวยงามรอให้เราไปเที่ยวสักการะอีกหลายแห่ง วันนนี้ผมจะมาแนะนำอีก 4 แห่งที่งดงามด้วยสถาปัตยกรรมล้านนา

วัดห้วยปลากั้ง ตั้งอยู่เลขที่ 553 หมุ่ 3 ตำบลริมกก อำเภอเมือง จังหวัดเชียงราย บนพื้นที่ 15 ไร่ สร้างเมื่อปี 2544 ปัจจุบันได้รับแรงศรัทธาจากพุทธศาสนิกชนหลั่งไหลมาจากทั่วประเทศ รวมถึงชาวต่างชาติ ที่ได้เข้ามาเที่ยวชมวัด กราบไหว้ นมัสการ สักการบูชา และปฏิบัติธรรมเป็นจำนวนมาก เป็นอีกหนึ่งจุดสำคัญในทางเจริญธรรมและการท่องเที่ยวทางพุทธศาสนา ที่สำคัญของจังหวัดเชียงราย ผมเชื่อหลายคนคงได้เคยมาที่แห่งนี้ แต่วันนี้ผทจะพาชมสีสันยามค่ำคืน สวยสะดุดตา วิจิตรตระการตา กับสถาปัตยกรรมของพุทธสถานดูบางครับ

เจดีย์ 9 ชั้น ชื่อว่า พบโชคธรรมเจดีย์ มีความสวยงามแปลกตา เจดีย์มีหลังคาสีแดง มีตัวมังกรอยุ่บนหลังคา ตัวเจดีย์สวยงาม ฐานบันได้ทางขึ้นมีมังกรสวยสง่างามตั้งอยู่ ภายในมีเจ้าแม่กวนอิมจำลองแกะสลักด้วยไม้จันหอมที่นำมาจากประเทศจีน อินเดีย และพม่า ชั้น 2 เจ้าแม่กวนอิมปางประทับยืน ชั้น 3 เจ้าแม่กวนอิมปางประทับนั่ง ชั้น 4 หลวงพ่อพระพุทธโสธรจำลอง ชั้น 5 เจ้าแม่กวนอิมปางพันมือชั้น 6 หลวงปู่โต พรหมรังสี และหลวงปู่ทวด ชั้น 7 พระพุทธรูปปางนาคปรก ถือว่าเป็นชั้นสวรรค์ดาวดึงห์ ปกป้องคุ้มครองปฐพี ชั้น 8 พระสังกัจจายน์หรือพระศรีอริยเมตไตรย เทพเจ้าแห่งความสำเร็จ เทพเจ้าแห่งความร่ำรวย ประทานทรัพย์ ประทานพร ชั้น 9 พระอิศวร พบโชคธรรมเจดีย์ใช้เวลาในการก่อสร้าง 999 วัน และโดยรอบเจดีย์ มีพระธาตุจำลองประจำปีนักษัติให้สักการะบูชา


เจ้าแม่กวนอิม องค์เจ้าแม่กวนอิมตามนิมิตองค์ใหญ่ มีขนาด ความสูง 79 เมตร จำนวน 26 ชั้น สามารถเข้าไปเยี่ยมชมภายในตัวองค์เจ้าแม่กวนอิมได้ สามารถขึ้นลงด้วยลิฟท์ และสามารถมองเห็นภูมิทัศน์ภาพมุมสูงเห็นทัศนียภาพที่สวยงามของจังหวัดเชียงราย โดยมองผ่านดวงตาที่สามของเจ้าแม่กวนอิม


พระอุโบสถ พุทธศิลป์ที่สร้างได้สวยงาม วิจิตรตระการตา สีขาวสวยงาม ทั้งภายนอกและภายใน เมื่อเข้าไปด้านในพระอุโบสถ พบองค์พระประธานที่ได้เชื่อว่าเมื่อพุทธศาสนิกชนได้กราบไหว้สักการะแล้วจะทำให้เป็นศิริมงคลแก่ชีวิต พบโชค พบสุข

วัดมิ่งเมือง ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมา เมื่อ พ.ศ. ๒๕๑๓ เดิมเป็นวัดไทยใหญ่ มีอายุเท่ากับเมืองเชียงราย คือประมาณ 800 ปี เนื่องด้วยในสมัยก่อนมีชุมชนไทยใหญ่อาศัยอยู่รอบบริเวณวัด ประกอบกับมีศิลปะศาสนสถานและศาสนวัตถุแบบพม่า จึงถูกเรียก ขานว่าเป็น วัดเงี้ยว แต่ชื่อที่ชาวเชียงรายรู้จักกันแพร่หลายคือ วัดจ๊างมูบ เป็นภาษาเหนือ แปลว่า วัดช้างหมอบ ตามหลัก ฐาน ทางประวัติศาสตร์และคำบอกเล่าของคนโบราณ วัดนี้มีความสำคัญเกี่ยวกับช้างคู่บารมีของพ่อขุนเม็งรายมหาราช แห่ง ราชอาณา จักรล้านนา องค์มหาราชลำดับที่ ๒ ของประวัติศาสตร์ไทยกล่าวคือ ในพิธีการเคลื่อนขบวนแห่พระแก้วมรกตออกทักษิณาวรรต รอบเมืองเชียงรายทางสถลมารค ในวันสำคัญทางประเพณี เช่น วันสงกรานต์ หรือ ปีใหม่เมือง จะมีการจัดเตรียมสถานที่ให้พญาช้าง คู่บารมีของพ่อขุนเม็งรายมหาราชมาหมอบรอเทียบที่วัด เทินบุษบกเพื่อรับพระแก้วมรกต ที่แห่มาด้วยขบวนเสลี่ยง จากวัดพระแก้ว ซึ่งอยู่ห่างจากวัดไปทางทิศเหนือ 200 เมตร

วัดพระแก้ว ตั้งอยู่ที่ถนนไตรรัตน์ ใจกลางเมืองเชียงราย วัดนี้เองที่ได้ค้นพบ พระแก้วมรกต หรือพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร ที่ประดิษฐานอยู่ ณ วัดศรีรัตนศาสดาราม(วัดพระแก้ว) กรุงเทพฯ ในปัจจุบัน ตามประวัติเล่าว่า เมื่อปี พ.ศ. 1897 ในสมัย พระเจ้า สามฝั่งแกน เป็นเจ้าเมือง ครองเชียงใหม่นั้น ฟ้าได้ผ่า เจดีย์ร้างองค์หนึ่ง และได้พบ พระพุทธรูปลงรักปิดทอง อยู่ภายในเจดีย์ ต่อมารักกะเทาะออก จึงได้พบว่า เป็นพระพุทธรูป สีเขียวที่สร้างด้วยหยก ซึ่งก็คือ พระแก้วมรกตนั่นเอง ปัจจุบัน วัดพระแก้ว เชียงราย เป็นที่ประดิษฐาน พระหยก ซึ่งสร้างขึ้นใหม่ ในวาระที่ สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี มีพระชนมายุครบ 90 พรรษา


วัดพระสิงห์ เชียงรายเป็นพระอารามหลวงเก่าแก่แต่โบราณกาล และเป็นศาสนสถานอันเป็นศูนย์รวมใจของ ชาวเชียงรายมา อย่างยาวนาน มูลเหตุที่ได้ชื่อว่าวัดพระสิงห์ นั้นเชื่อกันว่า น่าจะมาจากการที่ครั้งหนึ่ง วัดนี้ เคยเป็นที่ประดิษฐานของพระพุทธรูป สำคัญคู่บ้านคู่เมืองของไทยในปัจจุบัน คือ พระพุทธสิหิงค์หรือที่เรียกกันในชื่อสามัญว่าพระสิงห์


ใครไปเที่ยงเชียงรายอย่าลืมไปเยื่ยมชม สักการะกันนะครับ

ฝากติดตามรีวิวอื่นๆด้วยนะครับที่ B e L L a G i O ..... Studio

B e L L a G i O ..... Studio

 วันจันทร์ที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2562 เวลา 12.57 น.

ความคิดเห็น