อาหารประจำชาติไทยจริงๆ น่าจะเป็นส้มตำเนอะ มีทุกย่อมหญ้าในห้างรึข้างทาง เราหากินส้มตำกันได้ไม่ยากเลย แต่ที่จะถูกปาก ถูกใจ มันก็ไม่ใช่ว่าจะเจอกันอยู่ร่ำไป

เออ.....ว่าแต่ว่า เราก็ไม่ใช่สายลองดะ มั่วซั่วจนกว่าจะเจอร้านถูกใจ เพราะใจเราไม่กล้าพอ เวลามันเจอร้านไม่ถูกปากเนี๊ยะมันหงุดหงิดนะ แต่ก็ขี้เบื่อจะกินร้านเดิมๆ อยู่ตลอดไปก็ไม่ไหว วันดีคืนดีบังเอินเห็นใน facebook พี่ที่รู้จักแชร์รูปแม่เปรี้ยวซ่าความมั่นใจเกินล้าน เผ็ดยิ่งกว่าพริกทั้งสวน เราก็แบบผู้หญิงคนนี้ใครวะ คาแรกเตอร์ชัดเจนดีจัง ดูดีในแบบตัวเค้าเอง ไม่ต้องพิมพ์นิยม ก็เลยคอมเม้นใต้รูปพี่เค้าไป แต่เจ้าตัวเค้ามาเม้นต่อเราอีก เลยแอดไปซะเลยกะว่าจะเสพความมั่นใจในตัวเองแบบเค้าบ้างสักหน่อย ~

เชื่อป่ะ การจะไปหาร้านอาหารกินซะร้าน มันไม่ได้ตัดสินใจแค่รีวิวนะ เราเป็นเพื่อนกันใน facebook สักพักใหญ่ๆ และไม่มีความคิดที่จะไปลองชิมร้านเค้าเลย แบบฟิวไม่ดั้งด้นไปอ่ะถ้าผ่านไปแล้วจังหวะดีคงลอง แต่ไม่มีจังหวะก็ไม่ไป ไม่อยากลองอะไรขนาดนั้นกลัวว่าจะเป็นฟิวของกระแสนิยมมากกว่า คนคงเล่นคอนเทน รสชาติคงงั้นๆ จน.....วันนึงเราทำรีวิว มัฌิมาคาเฟ่ (ตามอ่านได้ที่ https://th.readme.me/p/28883

) แม่ค้าสุดแซ่บของเราก็มาถามว่ากินเหล้าได้ม่ะ ร้านนี้ เท่านั้นแหละจ้า!!!! ชวนกันไปสุดฤทธิ์ ไม่ใช่ไปกินข้าวนะ ไปกินเหล้าเนี๊ยะละ จนเราอยากจะไปเจอเธอตัวเป็นๆสักครั้ง

ในที่สุดก่อนเราจะไปปาตี้กัน เราขอเจอตัวจริงกันสักหน่อย เราไปที่ร้านของเธอเลยจ๊ะ แม่ค้าคนดีส่งโลเคชั่นให้เราผิด ให้เราไปวนรถเล่นที่ร้านเก่าของเธอ ร้านนางย้ายมาแหละ อยู่ถนน ค. 2 ตรงข้าวร้านอาหารญี่ปุ่น เค้าว่างั้นอ่ะนะ เราไม่ใช่คนพื้นที่ก็ไม่รู้จักหรอก บอกอะไรมาก็ไม่รู้จักสักอย่าง เลยจะเดาๆมั่วๆ ไปแถวนั้นอยู่ ถ้าเจอก็กินไม่เจอก็จะไปดำน้ำแล้ววุ้ย!!! อารมณ์โมโหหิวสุดๆ แล้วนางก็โทรมาหาจ้า ~ เหมือนใจผูกกันไว้ คิดอะไรก็ตอบได้ทันใจ บอกทางเราหมด สุดท้ายเราไปไม่เป็นอยู่ดี นิมันโลกความเร็วสูงแล้ว ส่งโลเคชั่นที่มันถูกต้องมาง่ายกว่ากันเยอะ แถมเจอแน่นอน (Location📌https://maps.app.goo.gl/7WpSU1b73d3C9owJ6

สมคำร่ำลือจริงๆ ไปปุ๊บจะได้นั่งปั๊ยเลย ไม่มีทางหรอกนะ เราต้องไปหยิบบัตรคิวหน้าร้านก่อน เลือกเมนูไปเลย เขียนเมนูเสร็จ ส่งบัตรคิว รอหาโต๊ะนั่ง ซึ่งจะมีคนคอยเรียกเราอยู่ สิ่งสำคัญของเราคืออย่าลืมเลขที่บนบัตรคิวด้วย เดียวแม่ค้าขานหาตัวไม่เจอ อดกินอีก แล้วจะร้องไห้!

สั่งอาหารเสร็จก็ทำใจเย็นๆค่ะ นั่งรอ เดินเล่น ฟังเสียงแม่ค้า นั่งสังเกตลูกค้า หรือจะไปป่วนแม่ค้าเล่นก็ได้สนุกดี แม่ค้ายิ้มหวาน เรารอจังหวะแม่ค้าโชว์สกิลปากจัดอยู่ ก็ไม่ได้ยินนะ ไม่ได้ปากจัดร้านเรี่ยราดอะไรขนาดนั้น นิก็กลัวมากกกกก แม่ค้าน่ารักแต่พูดทีเสียงดังทั้งร้านอ่ะ แรงดี เสียงดัง นั่งเล่นหน้าร้านไม่ถึง 20 นาทีเราก็ได้โต๊ะแล้วค่ะ สิ่งแรกที่เราต้องทำคือการไปหยิบแก้วน้ำ จาน ชาม ช้อนส้อม ผักสด บริการตัวเองทั้งหมด อยากได้สีไหน ใบไหน ลายอะไรกินอะไรเลือกเอาตามแต่ใจสะดวกได้เลย

เราไปถึง 11.20 เวลานาทีทองเลย คนกำลังแน่น ได้เมนูแรกตอน 12.30 น. แต่ก้อนหน้านั้นเมนูไข่ตุ่นทะเลชีสของเรา ชีสหมดอดเฉย~ ด้วยความที่เรารักชีสมากกกกกก ไม่มีชีสอะไรมาแลกก็ไม่ยอมเลยตัดใจไว้กินรอบหน้าละกัน ส้มตำแซลมอลของเราก็ด้วยหมดเช่นกัน แม่ค้าคนดีของเราแนะนำให้กินยำแทนไปก่อนอร่อยแน่นอน นาทีนี้หิวแล้วโว้ยยยยย อะไรก็ได้ถ้าไม่มีอีกจะกินแม่ค้าละ แง๊มๆๆ (เค้าไม่รับจองก่อนนะ อยากกินยังไงก็ต้องมารับบัตรคิวหน้าร้านเท่านั้น!)

หน้าตาของยำแซลมอนเรา ตอนแรกอยากลงดูว่าตำปลาร้าใส่แซลมอนมันจะยังไงนะ แต่มันไม่มีเลยได้กินยำแทน เรียกได้ว่าลงตัวสุดๆ อร่อยตรงความกรึบของไข่กุ้ง โคตรฟินแตกโป๊ะแตกป๊ะในปาก 

เมานูถัดมาตามมาติดๆหน้าตาเรียบง่ายสุดแสนธรรมดา แต่กรอบอร่อยสามชั้นทอดกรอบกินกับซอสพริกข้าวเหนียวเข้ากันดีช่วยเบรคความจัดจ้าดของยำอย่างลงตัว

เมนูถัดๆ มาไม่มีเว้นช่วงให้เราขาดจังหวะความอร่อย ส่วนเรื่องคุณภาพของไม่ต้องพูดถึงทะเลเป็นทะเล หอยหมึกกุ้งตัวเป้ง สด สด สด สด สุด สุด สุด ไปเล้ย~ 

อาหารเรามาครบแหละ แต่เราว่ามันขาดไปอย่างนึงนะ เราพยายามส่งสายตาไปทางแม่ค้าที่กำลังชุลมุนทำอาหารให้ลูกค้าโต๊ะอื่นๆ เชื่อป่ะปกติถ้าเราเจอร้านที่ลูกค้าแน่นเต็มร้านขนาดนี้ถ้าไม่โบกไม้โบกมือหรือเรียกพนักงานให้มาบริการเรา เราคงต้องเดินไปที่เคาร์เตอร์ครัวเลย ผิดกับร้านนี้เราแค่หลุกหลิก ดุ๊กดิ๊ก ทำหน้ามึนๆแบบเดียวแม่ค้าตะโกนข้ามโต๊ะ มาถึงเราว่าขาดอะไรรึป่าวค่ะ?? ขะ ข้าวเหนียวค่ะ ข้าวยังไม่มา หิวข้าว ขอข้าวกินหน่อย เราตอบด้วยเสียงขะเขินเล็กน้อยเพราะคนมองมาทางเราทั้งร้าน เราบอกแล้วว่าแม่ค้าเสียงดังฟังชัด ฟังได้ทั้งร้านอ่ะ หลังจากนั้นเราก็เริ่มชินเริ่มเสียงดังคุยกับแม่ค้าข้ามโต๊ะไปมาชิว ๆ ใครไปกินอย่าไปเกร็งนะ สบาย สบาย เข้าใว้

สิ่งที่น่ารักของร้านนี้นอกจากความครื่นเครงสนุกสนานจากแม่ค้า และคุณแม่ของแม่ค้าที่จะมีเสียงถกเถียง บ่น กันตามประสาแม่ลูกสุดเสี้ยวอยู่ตลอดสร้างบรรยากาศในร้านสนุกสนาน จากที่จะโมโหหิวเป็นมาขำสองแม่ลูกต่อปากต่อคำฮาดีลูกค้าบางคนถึงกับต้องบอกว่าใจเย็น เข้าไปห้ามยกกันบ้างเหมือนนั่งกินข้าวหลังบ้านแล้วแม่บ่นพี่สาวน้องสาวไรงี้ และที่เราประทับใจอีกเรื่องคือใบตองห่อข้าวเหนียวสีอัญชันเนี๊ยะ ปกติเราจะเห็นเค้าใส่ในกระติ๊บแล้วก่อนใส่เนี๊ยะจะมีถุงพลาสติกรองอีกชั้น อันนี้แค่มบตองและไม้กลัดเก๋ๆรักษ์โลก ให้คะแนนเต็มสิบไปเลย

วันนี้เรามากินกันแค่สองคนเมนูแต่ละอย่างได้เยอะเกินอิ่มละ เลยไม่กล้าสั่งหลายอย่างกลัวไม่หมดเสียดายของ ร้านนี้ต้องมีมาซ้ำอ่ะ อยากกินไข่ตุ่นทะเลชีส และเมนูอีกร้อยแปด ที่น่าไปลองมากๆ


เค้าว่ากันว่า ถ้าเรารักและซื่อสัตย์กับอาชีพของเรา

ผลตอบแทนมันย่อมหาค่าเปรียบไม่ได้เสมอ

มากินข้าวแท้ๆ กลับอบอุ่นหัวใจอย่างบอกไม่ถูก 

จะมีสักกี่คนกันนะที่ได้ทำงานอยู่กับคนที่เรารัก และรักเราอย่างสุดหัวใจ

กินข้าวแล้วก็โทรหาแม่ดีกว่า...

ลาออกไปให้แม่เลี้ยงได้มั้ย~

Onslowly

 วันพฤหัสที่ 2 มกราคม พ.ศ. 2563 เวลา 16.10 น.

ความคิดเห็น