ม่อนจอง (3วัน 2คืน) อำเภอ อมก๋อย เชียงใหม่

ติดตาม FB page ของเรา ได้ที่ สองเท้าก้าวเที่ยว

ต้องบอกก่อนว่า เราได้เดินทาง จากดอยพุยโค อำเภอ สบเมย แม่ฮ่องสอน โดยมีดอยม่อนจองเป็นจุดมุ่งหมาย ก่อนขึ้นม่อนจองเราตัดสินใจนอนพักที่ อำเภอ อมก๋อย ที่ พิงธารา resort ซึ่งอยู่ห่างจาก ม่อนจองประมาณ 53 กิโล (ตามรูปด้านล่าง) ราคาห้องพักไม่แพงเลย สะอาดทีเดียว ถ้าจำไม่ผิดไม่เกิน 400-500บาท

ตอนนี้เราขอแค่ที่พักที่มีน้ำอุ่นพร้อมผ้าห่มหนาๆก็พอ เพราะก่อนจะมาถึงที่นี่เรานอนเต็นท์ที่ดอยพุยโคมา 1 วันเต็ม เลยอยากอาบน้ำ นอนเตียงนุ่มๆ อุ่นๆ ก่อนที่จะเจอของจริงที่ม่อนจองในวันถัดไป อีกอย่างจะได้มีเวลาในการจัดเตรียมของ และซื้อของสดก่อนขึ้นม่อนจอง ให้พร้อมเลย เพราะความตั้งใจของเราคือ นอนม่อนจอง 3วัน 2 คืน ซึ่งคนส่วนใหญ่จะนอนม่อนจองแค่ คืนเดียวเท่านั้น

เราถึงอมก๋อยตอน 4 โมงเย็น เก็บของเข้าห้องเสร็จ อาบน้ำพักผ่อนซักเล็กน้อย พอซัก 1 ทุ่ม ก็จะไปหาข้าวเย็นทานกัน ทางโรงแรมแนะนำ ให้มาทานอาหารค่ำที่ ครัวอิงดอย อาหารอร่อย ราคาไม่แพงครับ แถมให้เยอะด้วย ที่นี่เค้ามีขาย pizza ทำสดด้วย เหลือเชื่อจริงๆ

ตื่นเช้าถัดมาวันที่ 7 ธันวา อากาศหนาวมาก เรียกว่าควันออกปากออกจมูกกันเลยทีเดียว เพราะเดือนธันวา อากาศเย็นมากประมาณ 10องศา ทางที่พักมีอาหารเช้าแบบง่ายๆให้เรา คือ ข้าวต้มหมู กับขนมปังปิ้ง ซึ่งตอนนี้เราขออะไรก็ได้ร้อนๆ รับรองอร่อยหมด ทานอาหารเช้าเสร็จตอน 8.00 ก็รีบไปที่ตลาด ซึ่งอยู่ใกล้นิดเดียวครับ (อำเภอมันเล็กนิดเดียว)

เจอกรุ๊ปทัวร์เข้าใจว่า ออกจากกรุงเทพวันศุกร์กลางคืนแล้วมาเช้าที่อมก๋อยพอดี ทุกคันจะต้องหยุดซื้อข้าวเหนียวหมูปิ้ง ไก่ย่าง หมูย่าง พร้อมเสบียงอื่นๆ อีกมากมายที่ตลาดสด เรียกว่าแม่ค้าขายของนี่มือพันกันเลย

สำหรับคนที่ต้องการค้างแรม และ ทำอาหารแบบจริงจัง แนะนำให้หั่นผักหั่นหมู ให้เรียบร้อยก่อนขึ้นม่อนจอง เพราะ การไปหั่นเนื้อ หั่นผัก ด้านบน คงจะไม่สะดวกเป็นแน่แท้ ซื้อของเสร็จเราก็กลับไปที่พัก เตรียมของสดให้เรียบร้อยดีกว่าครับ

ออกเดินทางจาก อมก๋อย - หน่วยพิทักษ์ป่ามูเซอ

ออกเดินทางจากอมก๋อย ถึง หน่วยพิทักษ์ป่ามูเซอ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าอมก๋อย ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง ติดต่อรถให้เรียบร้อย ซึ่งตอนที่รถมารับเรานั้น ทางเจ้าหน้าที่เค้าก็ย้ำกับชาวบ้านแล้วว่าอย่าคิดค่าใช้จ่ายเราเพิ่ม อันนี้สำคัญ เพราะคาดว่าคงมีการคิดเกินราคาเป็นแน่ ไม่งั้นเจ้าหน้าที่เค้าไม่ย้ำหรอกครับ แนะนำให้ไปแต่เช้าครับ เพราะเดี่ยวลูกหาบ และรถจะหมดเอาได้ โดยเฉพาะถ้าเป็นข่วงวันหยุด จากจุดที่รถมารับ เดินทางขึ้นดอยโดยใช้รถ 4WD ด้วยระยะทางกว่า 16กิโล ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงกว่า เส้นทางค่อนข้างแคบและเป็นดินลูกรังกว่าจะถึงจุดเริ่มเดินเท้า

ค่าใช้จ่าย

ค่าใช้จ่ายรถ 2,500 บาทแบบเหมา คือ ไม่ว่าจะค้าง 1 หรือ 2 วัน ก็ราคานี้ ค่าลูกหาบคือวันล่ะ 300บาท ต่อ 20กิโล เราไป 3วัน 2คืน ก็ตก 900 บาท ต่อลูกหาบ 1 คน ส่วนเกินคิดโลล่ะ 30บาท ต้องให้เค้าไปครับ คือเราไม่อยากแบก แค่กล้อง อาหารกลางวัน และ น้ำดื่มระหว่างทางก็พอแล้ว

เริ่มเดินเท้า

เริ่มเดินเท้าตอน 12.15 น. ครับ (เที่ยงนิดๆ) เส้นทางเดินขึ้นม่อนจองช่วงแรกนั้นต้องถือว่าร่มรื่นมาก ผ่านป่าสน ป่าดิบชื้น มีวิวให้พักสายตาตลอดทาง และเป็นทางเดินลงเนินในช่วงต้น ถือว่าเดินสบายๆมากครับ อากาศที่เย็นสบาย ใต้ร่มเงาของต้นไม้ทำให้หลายคนเดินลืมเหนื่อย เพราะมัวแต่สนใจกับ ทิวทัศน์รอบตัว การเดินไปดอยม่อนจองเส้นทางเดินไม่ยากครับ ผ่านป่าสน ผ่านป่าดิบชื้นคล้ายกับ กิ่วแม่ปาน มีเดินขึ้นยากๆ แค่ 2จุด แต่ไม่ได้ยากมาก ใช้เวลาเดินประมาณ 3ชั้วโมงถึง แบบไม่เร่ง ชิวๆ

ครึ่งทาง ที่ ผาหินช่อ

เดินมาซักประมาณ ชั่วโมงครึ่ง ก็จะถึงจุดที่เข้าใจว่าครึ่งทางของม่อนจอง คือ ผาหินช่อ ตรงจุดนี้ คนไปถ่ายรูปไม่น้อยนะครับ และเราก็คิดว่ามันเป็นจุดพักที่ไม่เลวเลย หลายๆคนก็พักเป็นระยะๆ รวมถึงตรงนี้ด้วย

เนินหมาหอบ

ถ้าเดินมาถึงจุดนี้แล้วล่ะก็ เข้าใจได้เลยครับว่า อีกไม่เกิน 40นาที ถึงแน่นอน จริงๆจุดเนินหมาหอบ ตรงนี้ถือว่างดงาม เพราะเราจะเริ่มเห็นวิวแบบ 360 องศา โดยเฉพาะด้านซ้ายมือ จะเห็นทิวเขาเป็น Layer และตรงหน้าก็จะเห็นความสมบูรญ์ของป่าแบบเต็มๆ

จุดกางเต็นท์
มี 2จุด คือด้านบน กับด้านล่าง พื้นที่รองรับนักท่องเที่ยว ด้านบนจะเยอะกว่า แต่จะไปห้องน้ำลำบากกว่าด้านล่าง จุดกางเต็นท์ด้านล่างโดยรวมจะดีกว่า(แนะนำ) แต่พื้นที่รองรับนักท่องเที่ยวค่อนข้างน้อย จึงควรรีบมาจับจองพื้นที่ในกรณีที่มาช่วงวันหยุด

อากาศ

ด้านบนหนาวและลมแรงมาก ต้องแต่งกายให้มิดชิด อย่าลืมเสื้อกันลม ถุงมือ ถุงเท้า ตอนที่เราไปนั้น ผมใส่เสื้อ 5 ชั้น ส่วนเวลานอน เจ้าหน้าที่แนะนำให้เอาผ้าห่ม ยัดเข้าไปในถุงนอนเลย ถึงจะอุ่น โชคดีที่เราทำตาม ไม่งั้นก็แย่เลย

จุดถ่ายภาพ และ Highlight

แน่นอนว่าจุด Highlight ของม่อนจองคือ ผาหัวสิงห์ และอีกผานึงที่หลายคนไม่รู้คือ ผาหัวลิง และ เจดีย์ แนะนำให้ตื่นเช้านิดนึง แม้ว่าจะต้องทนกับอากาศที่หนาวก็ตาม เพราะว่ามันคุ้มค่ามาก จุดถ่ายรูปอยู่ห่างจาก camp ground ไม่ไกลครับ เดินไปใช้เวลาประมาณ 30 นาที ส่วนช่วงเวลาอยู่ประมาณ 7.00-7.30 ถ้าหากเกินกว่านี้ แสงจะเริ่มแข็งและแรงขึ้น ภาพที่ถ่ายได้อาจจะ under หรือ over ไปนะครับ

ภาพด้านบนถ่ายตอน 7.00 นะครับ เรียกได้ว่าเราออกจากเต็นท์ตอนเกือบ 6 โมงเช้า เดินมาประมาณ 30นาที ก็รอแสงครับ เพราะช่วงเช้าแสงน้อย วันนั้นพระอาทิตย์ขึ้นตอน 6.44 น. ออกมาตอนเช้าอย่าลืมเอาเสื้อกันลมมาด้วยพร้อมผ้าพันคอ ถุงมือ หมวกให้พร้อม กันลมนะครับ เพราะมันหนาวจริงๆ

จุดถ่ายภาพ เส้นทางเดิน ผาหัวสิงห์ ผาหัวลิง เจดีย์

ระหว่างทางเดินไปผาหัวสิงห์ เรียกได้ว่า บรรยากาศสวยสุดยอดมาก เกือบเป็นใบไม้เปลี่ยนสีในต่างประเทศ ภาพด้านล่างเราใช้เลนส์ที่มีความยาว โฟกัสมาก เพื่อให้ภาพดูเรียบง่ายที่สุด

จุดถ่ายภาพ ผาหัวลิง

จุดถ่ายภาพ เจดีย์

จุดถ่ายภาพ ผาหัวลิง

สนามกอล์ฟช้าง

เป็นอีกจุดที่ใกล้และ ต้องผ่านอยู่แล้วเวลาเดินไปจุดกางเต็นท์ สามารถเห็นทุ่งหญ้าบนดอยม่อนจองได้แบบกว้างใหญ่ ยิ่งถ้าเป็นช่วงพระอาทิตย์ตกด้วยจะเห็นเป็นสีทอง ดังนั้นเราต้องมาถ่ายภาพที่จุดนี้ครับ เส้นทางเดินเห็นเป็น trail ค่อนข้างชัด ทำให้ใช้เป็นเส้นนำสายตาได้อย่างดีทีเดียว


บทสรุปและคำแนะนำ

ที่ดอยม่อนจองถือว่าสวยมากครับ เราถ่ายภาพมาเยอะมาก เส้นทางเดินไม่ยาก ใช้เวลาในการเดินขึ้นมาประมาณ 3 ชั่วโมงแบบสบายๆ แถมยังมีจุดพักเป็นระยะๆ ส่วนขากลับเดินประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่ง

ไม่จำเป็นต้องเดินไปถึงผาหัวลิง หรือ เจดีย์ก็ได้หากต้องการแค่ถ่ายรูป ผมว่าเดินไปที่จุดสูงสุดของม่อนจอง ผาหัวสิงห์ อันนี้ก็โอเครแล้ว

ถ้าไม่อยากเหนื่อยผมแนะนำให้พักที่นี่ 2 คืน เพราะจะได้ไม่เหนื่อยและไม่รีบมาก อีกทั้งจะได้ซึมซับธรรมชาติและบรรยากาศเต็มที่

ติดตามเรื่องราวของเราเพิ่มเติมได้ที่


สองเท้าก้าวเที่ยว

 วันอังคารที่ 17 ธันวาคม พ.ศ. 2562 เวลา 21.33 น.

ความคิดเห็น