น่าน - หลวงพระบาง

6 วัน 6 คืน ทริปไม่เนิบแต่แน่น

4 - 10 ธันวาคม 2562


Day 1

เริ่มเดินทางจากกรุงเทพฯ - น่าน ด้วยนครชัยแอร์

เราเดินทางจากกรุงเทพฯ ไปจังหวัดน่าน โดยลงที่ขนส่งจังหวัดน่าน

20:15 - 6:40 ก็ถึงน่านแล้ว พร้อมกับอากาศที่ดีมาก ดีจนหนาว

พร้อมกับอาหาร ขนม และน้ำ ที่เสริฟพร้อมจนกินอิ่มนอนหลับยันเช้า


Day 2

6: 40 ณ สถานีขนส่งผู้โดยสารจังหวัดน่าน

เมื่อถึงจังหวัดน่านแล้ว เราก็ไปหาสอบถามหารถ เพื่อเดินทางไปยังอำเภอปัวต่อ

แต่ก่อนไปอำเภอปัว ในช่วงเช้าเราจึงขอเที่ยวรอบๆเมืองก่อน

จริงๆแล้วถ้าเพื่อนคนไหนที่เคยเดินทางมาเที่ยวจังหวัดน่านแล้ว

ก็สามารถซื้อตั๋วโดยสารแล้วไปลงที่อำเภอปัวได้เลย

หลังจากดูรอบรถเสร็จเรียบร้อย สิ่งต่อไปคือหาร้านมอเตอร์ไซต์เช่า เพื่อง่ายสะดวกและประหยัด

หน้าขนส่งจะมีร้านเช่ารถ "น่านไง รถเช่า" ที่เดินมาเพียงไม่กี่สิบเมตร

และเรายังสามารถฝากของไว้ที่ร้านได้ด้วย จัดการเสร็จก็พร้อมลุยเมืองน่านกันเลยจ้า


ช่วงครึ่งวันเช้า

(เช่ามอเตอร์ไซต์)

น่าน

ร้านข้าวซอยต้นน้ำ

เป็นร้านที่ไม่ควรพลาดถ้าเข้ามาตัวเมืองน่าน ร้านเล็กๆไม่ใหญ่มากตั้งอยู่ไม่ไกลจากขนส่ง 

มาถึงก็ต้องมาทานมื้อเช้ากันที่นี่ก่อนเลย

วัดภูมินทร์


วัดศรีพันต้น

เสาหลักเมืองน่าน วัดมิ่งเมือง


วัดพระธาตุเขาน้อย


วัดพระธาตุแช่แห้ง

วันพระธาตุช้างคำ


ซุ้มลีลาวดี


โฮมเจ้าฟองคำ


ข้าวแกงวันดา

(สถานที่แต่ละที่อยู่ไม่ไกลกันมากสามารถเลือกได้ค่ะ)


เดินทางต่อจากน่าน - ปัว / ปัว - สะปัน ช่วงบ่าย

ปัว

รถตู้จะแวะส่งเราที่หน้าตลาดสดปัว หรือถ้าจะขอพี่รถตู้ลงตรงปั้ม ปตท.ปัวก็ได้ค่ะ เราจะเช่ารถมอเตอร์ไซค์ต่อกันที่ ร้านสุวัฒนายานยนต์ เพื่อเดินทางไปยังหมู่บ้านสะปัน โดยเส้นทางเราจะใช้เส้นทางปัว - บ่อเกลือ ระหว่างทางเราจะผ่านอุทยานแห่งชาติดอยภูคา และก็มีถึงจุดชมวิว


จุดชมวิว 1718

สายหมอกบอกฮัก

วันนี้เราจะพักกันที่ สายหมอกบอกฮัก ที่บ้านสะปัน เป็นที่พักที่มองเห็นวิวของหมู่บ้านสะปัน 

มีภูเขาตั้งอยู่ตรงหน้า

ตลาดเย็นริมแม่น้ำสะปัน

         ช่วงเย็นจะมีชาวบ้านนำอาหารมาขายให้ได้นั่งกินริมที่ขอบสะพานข้ามลำธาร 

จะมีขายแค่ศุกร์ เสาร์ อาทิตย์เท่านั้น


Day 3

สะปัน - บ่อเกลือ - ปัว

(เช่ามอเตอร์ไซต์)

หมู่บ้านสะปัน

จุดชมวิววัดบ้านสะปัน

จุดชมวิวบ้านสะปัน เราจะเห็นวิวหมู่บ้านสะปันที่เปลี่ยนแปลงไปตามฤดูกาล 

ซึ่งช่วงนี้ชาวบ้านได้เกี่ยวข้าวเรียบร้อยแล้ว ก็จะเป็นนาข้าวที่เป้นสีน้ำตาลกับภูเขาสีเขียวด้านหลัง

อุ่นไอมาง

บ่อเกลือสินเธาว์

ถนนลอยฟ้า บ่อเกลือ - ปัว

Cocoa valley

ที่เป็นทั้งร้านคาเฟ่ สวนโกโก้ และที่พักในที่เดียวกัน ใครสาวกโกโก้ ต้องห้ามพลาดร้านนี้ เมื่อก้าวเข้าร้าน จะได้เกลิ่นไอของโกโก้มันช่างหอมยั่วยวนมาก เราจะพบกับผลิตภัณฑ์ต่างๆจากโกโก้ และผลิตภัณฑ์แปลรูปจากโกโก้ที่รับรองว่าฟินแน่ๆ

วัดร้องแง

วัดภูเก็ต

ลำดวนผ้าทอ , กาแฟบ้านไทลื้อ

ร้านผ้าทออันขึ้นชื่อของปัว ใครๆก็คงคุ้นชื่อนี้เป็นอย่างดี กับผ้าทอรูปแบบต่างๆที่ต้องซื้อติดไม้ติดมือเป็นของฝากกลับบ้าน หรือไม่ก็ใส่เองให้เข้ากับบรรยากาศสถานที่ที่นี่ ราคาก็น่าคบหา ใกล้ๆยังมีร้านกาแฟบ้านไทลื้อ ที่มีวิวสุดลูกตาเป็นภูเขาและทุ่งนา กับซุ้มนั่งชมวิว ตอนนี้ที่บ้านไทลื้อก็ปรับปรุงเปลี่ยนโฉมใหม่ร้านใหญ่กว่าเดิม เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวได้มากขึ้น

โรงเรียนบ้านชาวนา

วันนี้เรากลับมาพักที่โรงเรียนบ้านชาวนา ซึ่งอยู่ที่ตำบลศิลาเพชร อยู่ห่างจากตลาดสดปัวเพียวสิบกว่าโล การอยากพักใกล้กับธรรมชาติ กลางทุ่งนาและต้องไม่ไกลจากท่ารถที่จะต้องเดินทางต่อในวันรุ่งขึ้น จึงได้มาพักที่นี่ บรรยากาศดีมากช่วงเย็นแสงพระอาทิตย์อ่อนๆที่กำลังจะตกกระทบกับทุ่งนาที่ได้ถูกเก็บเกี่ยวไปแล้ว นอนเล่นดูวิวที่หลังห้องพัก พร้อมกับทานข้าวเย็นอาหารพื้นบ้าน มันดีมาก ที่นี่เราสามารถสั่งอาหารปิ่นโตได้ จะมีคนเอามาส่งถึงที่ ปิ่นโตละ 300 บาท มีกับข้าวหลายอย่าง ทานกันได้ 2-3 คน

Day 4

ปัว - ด่านห้วยโก๋น - หลวงพระบาง

(เดินทางโดยรถตู้,ถึงหลวงพระบางเช่ามอเตอร์ไซต์)

เช้าวันนี้ เราจะต้องเดินทางไปยังหลวงพระบาง โดยรถตู้โดยสารที่ขึ้นที่หน้าตลาดสดปัวที่ได้จองเอาไว้แล้ว

เส้นทางนี้เราจะต้องนั่งรถตู้ไปลงสุดสายที่ด่านห้วยโก๋น เพื่อต่อรถตู้ลาวไปยังหลวงพระบาง

รถตู้สายนี้จะวิ่งตั้งแต่เด่นชัย มายังน่าน และผ่านอำเภอปัว

นั่งรถสองแถวจากด่านไทยมายังท่ารถลาว 40 บาทต่อคน

          เราต้องตื่นแต่เช้าเพื่อขึ้นรถตู้รอบ 7 โมงจากปัว เพื่อเดินทางมายังด่านห้วยโก๋น เราถึงด่านห้วยโก๋นประมาณ 9 โมงกว่าๆ พร้อมรีบทำเรื่องผ่านด่าน และเขียนเอกสารยื่นเอกสารผ่านข้ามแดน ตรงนี้ขึ้นอยู่กับวันนั้นคนเยอะหรือไม่ ถ้าคนเยอะอาจต้องเตรียมเวลาดีๆ เพราะเราต้องไปต่อรถตู้ที่ท่ารถของฝั่งลาว ซึ่งรถตู้จากด่านไปหลวงพระบางมีเพียงรอบเดียวเท่านั้นตือรอบ 11 โมง


          เมื่อถึงเวลารถตู้ออกออก เราใช้เวลาเดินทางประมาณ 3-4 ชั่วโมง ทางค่อนข้างโค้งเยอะมาก ถ้าเท่าที่เราเคยไปเที่ยวแม่ฮอ่องสอนที่นับโค้งได้ ที่นี่คงไม่ต้องพูดถึง ซ้ายๆขวาๆนับไม่ทันเลย แต่ทางทำใหม่พร้อมลาดยาง ขับสบายมาก วิวข้างทางก็สวยเป็นช่วงๆไป แต่ข้อควรระวังคือข้างทางบางช่วงจะเป็นชุมชน มักมีเด็กๆออกมาเดินหรือวิ่งข้างถนน ถ้าใครขับรถไปเองก็ควรขับด้วยความระมัดระวัง

          บ่าย 3 แก่ๆเราก็เดินทางหลวงพระบางกันแล้ว ตื่นเต้นมากเพราะอยากมาที่นี่มานานมากแล้ว รถตู้จะไปจอดที่ท่ารถ เราก็เดินทางยังที่พัก ซึ่งที่พักเราจองไว้แถวๆใกล้ตลาด สะดวกเดินทางง่ายและใกล้แหล่งของกิน เมื่อเข้าที่เก็บของเรียบร้อยเราก็จัดการเช่ารถมอเตอร์ไชค์ เพื่อสำรวจรอบๆเมือง      

          เย็นวันนี้เราจะไปขึ้นวัดพระธาตุพูสีกัน  ซึ่งจากที่พักเราสามารถเดินไปได้หรือจะขี่มอเตอร์ไซค์ไปจอดแถวตลาดก็ได้ อาจจะมีค่าที่จอกรถอยู่ประมาณ 2000 กีบ

พอเห็นบันไดแล้วแบบขอดูพระอาทิตย์ตกที่ด้านล่างได้ไหม แต่เอาจริงแล้วก็เดินแปปเดียวก็ถึง

รับรองว่าขึ้นไปแล้วก็คุ้มอยู่ เหมือนการได้มาออกกำลังกายแล้วได้วิวสวยๆ

บันไดไม่ค่อยชันมาก ทำให้เดินขึ้นสบายๆ

วัดพระธาตุพูสี

ส่วนใหญ่ที่นี่นักท่องเที่ยวนิสับมาดูพระอาทิตย์ตกดินกัน ถ้าให้ดีเราจะเดินขึ้นมาประมาณ 4 โมงกว่าๆนั่งเล่นสักพักรอพระอาทิตย์ตก ถ้าวันไหนช่วงวันหยุด นักท่องเที่ยวเยอะก็ต่างมาจับจองที่นั่งเพื่อรอดูพระอาทิตย์ตกดินกัน

ค่าเข้า 20000 กีบ / คน

ตลาดมืด

ช่วงเย็นของทุกวันจะมีตลาดมืดอยู่เส้นหน้าวัดใหม่สุวรรณนาราม ตลาดจะเริ่มตั้งตั้งแต่ช่วงประมาณ 5-6 โมง ถือเป็นแหล่งช๊อปปิ้งของฝาก งานแฮนเมด งานศิลปะ เสื้อผ้า และของต่างๆ บริเวณตลาดจะมีซอยเล็กๆอยู่ซอยนึง ในนั้นจะมีร้านอาหาร เป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวที่มาเดินตลาดมืดและเข้าไปแวะทานอาหารในซอยนั้น

ร้านบุฟเฟ่ที่บอกว่า 15000 กีบ แต่เราจะตักได้แค่ครั้งเดียวแต่กี่อย่างหรือมากเท่าไหร่ก็ได้แต่ครั้งเดียว

ร้านหมูทอด เนื้อทอดที่ได้ใจเรามากในทริปนี้ มีฉ่ำๆของสามชั้นที่ทอดร้อนๆกินกับข้าวเหนียว

มันดีจนเกินคำบรรยาย ดีอีกนิดคือซื้อไปกินคู่กับตำหลวงพระบางจิ้มกับข้าวเหนียว รับรองฟินสุดๆ

หลังจากกินจนอิ่มก็มาเดินย่อยกันสักหน่อย หาของฝากติดไม้ติดมือกลับบ้าน

ที่ตลาดมืดเป็นแหล่งรวมของฝากต่างๆนาๆ มีตั้งแต่ช่วงเย็นๆ 5 โมง ร้านก็เริ่มตั้งไปจนดึก

ส่วนใหญ่ของจะคล้ายๆกัน แต่ราคาก็ไม่ต่างกันมากแล้วแต่แต่ละร้าน ต่อได้มากน้อย

ใครอยากได้ผ้าถุงหรือเสื้อไว้ใส่สวยๆให้เข้ากับบรรยากาศเมืองหลวงพระบาง

ที่ตลาดมีให้เลือกเพียบบ ตั้งแต่ต้นซอยยันท้ายซอยไปเลยจ้า


Day 5

หลวงพระบาง

(เช่ามอเตอร์ไซต์)

ตักบาตรเช้า

มาเที่ยวแล้วหลายๆคนอยากนอนพักผ่อนหรือตื่นสายๆ แต่เราขอแนะนำอย่างหนึ่งที่มาหลวงพระบาง คือการได้มาใส่บาตรตอนเช้า พระจะออกมาเดินบิณฑบาตรตั้งแต่ประมาณ 5.30 น. ซึ่งที่นี่จะมีหลายจุดมาที่เราสามารถมารอใส่บาตรได้ และของใส่บาตรก็จะเป็นข้าวเหนียว ตอนเช้าก็จะมีชาวบ้านนำข้าวเหนียวใส่กระติ๊บมาขาย เราสามารถไปซื้อเพื่อมารอใส่บาตรได้ 

หลังจากใส่บาตรเรียบร้อยเราก็มาต่อกันที่ตลาดสดเช้า

ตลาดสดเช้า

ตลาดเช้าก็จะมีชาวบ้านนำของสดต่างๆมาขายเหมือนกันตลาดสดตอนเช้าของบ้านเรา

ร้านกาแฟประชานิยม

ร้านฮอตฮิตที่สุดของหลวงพระบาง ใครมาที่นี่คงต้องได้แวะมาทานกาแฟ อาหารเช้าที่ร้านนี้ ไม่ว่าจะทัวร์นักท่องเที่ยว หรือบรรดานักท่องเที่ยวต่างๆก็แวะมา เรียกได้ว่าหนึ่งในลิสของใครหลายๆคนที่เดินทางมาหลวงพระบาง ที่ร้านก็จะมีกาแฟ ชา ข้าวต้มหรือที่เรียกว่าข้าวเปียก และไข่ลวก เป็นเมนูมื้อเช้าของที่นี่

น้ำตกตาดกวางสี

น้ำตกที่อยู่ห่างออกจากเมืองไปประมาณเกือบ 30 กิโลเมตร ครั้งนี้เราได้เช่ามอเตอร์ไซต์ขับ สามารถขับออกไปได้เพียง 40-60 นาทีก็ถึง เราเลือกไปในช่วงเช้าๆเพราะคนจะได้ไม่เยอะมาก ทางเดินเข้าน้ำตกเราจะเจอกับน้องหมีที่ถูกเลี้ยงกับธรรมชาติแบบปล่อย เดินไประมาณ 10-15 นาทีก็ถึงน้ำตกที่มีสีฟ้าสวยมาก เดินขึ้นไปเรื่อยๆทางเดินค่อนข้างง่ายก็จะเจอกับน้ำตกชั้นในสุด แต่....ไม่เพียงเท่านั้นถ้าใครอยากรู้ว่าที่มาของน้ำตกนี้มาจากที่ไหน เราสามารถเดินขึ้นไปดูตาน้ำข้างบนได้เป็นแหล่งที่มาของน้ำตกนี้น้ำจะผุดไหลออกมาตลอดทั้งปี มากน้อยก็ขึ้นอยู่กับฤดูด้วย

ค่าเข้า 20000 กีบ/คน

ค่าที่จอดมอเตอร์ไซด์ 2000 กีบ/คัน


ส้มตำป้าติ๋ม

ร้านส้มตำอันขึ้นชื่อของหลวงพระบาง เปิดประมาณ 11 โมงคนก็เยอะมากแล้ว วันแรกที่เราไปของหมดแทบทุกอย่างได้กินแต่ส้มตำ วันที่สองเลยรีบไปแต่ร้านเปิดแรกๆเลยจัดมาเกือบทุกเมนู เป็นส้มตำหลวงพระบางที่นัวและอร่อยถูกปากมาก ถ้าไปช่วงคนเยอะๆอาจต้องรอกันนานหน่อยนะจ๊ะ

Formula B

เป็นร้านคาเฟ่ที่อยู่บนชั้น  2  การตกแต่งร้านถูกใจเรามาก รสชาติขนมและเครื่องดื่มถือว่าใช้ได้เลย ราคาก็ไม่แพงมาก พอๆกับร้านคาเฟ่ทั่วไป พนักงานต้อนรับดูแลดี อยากกลับไปซ้ำอีกหลายๆรอบเลย


วันนี้ปิดท้ายที่ตลาดมืดเหมือนเดิม เพราะเราจะมาหาสุกี้หมาล่าทานกันร้อนๆให้เข้ากัยอากาศที่แสนสุดจะเย็น

ก็มาเจอกับร้านอยู่ท้ายตลาดมีผัก และเครื่องเคียงให้เราเลือกกันแบบบุฟเฟ่ ราคาก็ตามของที่เราหยิบเลย พอเสร็จแล้วก็จะไปต้นให้เราและคิดราคาตามของที่เราเลือกไปเลยจ้าา


Day 6

หลวงพระบาง

(เช่ามอเตอร์ไซต์)

หอพระบาง,พระบรมมหาราชวังหลวงพระบาง


Joma bakery cafe

เป็นร้านเบเกอรี่ที่มีหลากหลายสาขามาก ภายในร้านตกแต่งน่านั่ง มีเมนูขนม เครื่องดื่มให้เลือกมากมาย 

วัดแสนสุขาราม


วัดเชียงทอง


วัดใหม่สุวันมะภูมาราม

หรือที่เรียกกันติดปากว่าวัดใหม่ ที่ปฏิมากรรมผนังโบสถที่มีความสวยงาม ในสีทองที่เล่าเรื่องราวผ่านฝาผนังโบส์ถ วัดใหม่จะตั้งอยู่ใกล้ๆกับหอหลวงพระบางและตลาดสดตอนเช้า

Bamboo bridge


Utopia

ร้านคาเฟ่ในช่วงกลางวันและเป็นบาร์ช่วงกลางคืน ถึงแม้ทางเข้าอาจจะดูหายากนิดหน่อย และเป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวหลวงพระบาง ต้องแวะมาแฮ้งเอ้าท์กันที่ร้านนี้ ส่วนช่วงกลางวันก็จะเป็นคาเฟ่นั่งชิวริมแม่น้ำ

ล่องเรือชมพระอาทิตย์ตก

วันนี้ก่อนกลับ ขอเปลี่ยนบรรยากาศในการชมพระอาทิตย์ตก เป็นการล่องเรือชมพระอาทิตย์ และช่วงที่มาเป็นช่วงที่อากาศหนาวมาก ช่วงบ่ายวันนี้ยังดีที่อากาศอุ่นๆ แต่พอเมื่อพระอาทิตย์ตกอากาศก็เปลี่ยนทันที การล่องเรือจะมีเรือให้บริการหลากหลายเจ้า เราได้ราคามาที่ 100000 กีบ/ 2 คน ราคาแล้วแต่ตกลงว่าจะพาไปไหนบ้าง แต่ช่วงที่เราไปจะไปดูพระอาทตย์ตก เลยได้มีโอกาสชมริมสองฝั่งของหลวงพระบาง

Day 7

หลวงพระบาง - กรุงเทพฯ

(เดินทางโดยการบินไทย)

เช้าวันนี้เรายังมีเวลาในช่วงเช้าที่สามารถออกมาปั่นจักรยานหรือหาอาหารเช้าทานได้ที่ตลาดสดตอนเช้า

แถวๆโรงแรมจะมีร้านเช่าจักรยานวันละ 15000 กีบ

แต่เราเช่าแค่ช่วงเช้าเพื่อไปปั่นชมเมืองช่วงเช้า ก็แล้วแต่ตกลงกับทางร้านเลย

ช่วงที่ไปเป็นช่วงที่อากาศดีมาก ดีแบบหนาวมากกปั่นจักรยานได้ชิลๆเลย

หรือถ้าใครมีที่พักใกล้ๆอยากจะเดินเล่นๆก็ได้

ส่วนระยะทางจากโรงแรมไปยังสนามบินก็ไม่ไกลเพียง 4-5 กิโล ประมาณ 15 นาทีก็ถึง

เราได้ดีลกับทางโรงแรมไว้ว่าให้รถตู้มารับเพื่อไปส่งยังสนามบิน

สนามบินหลวงพระบางไม่ใหญ่มาก เดินเข้าไปก็เจอเคาเตอร์เชคอินเลย

ค่ารถมาสนามบิน ก็ 50000 กีบต่อ 2 คน (ถ้าเป็นสกายแล็บ 40000 กีบ/คน)

ค่าเครื่องจากหลวงพระบาง - กรุงเทพฯ ประมาณ 2300 บาทต่อคน(การบินไทย)

**************************

จบไปแล้วกับการท่องเที่ยว น่าน - หลวงพระบาง

เส้นทางที่ทำใหม่จากด่านห้วยโก๋น ตรงนี้เพื่อนๆคนไหนสะดวกที่จะเดินทางโดยรถส่วนตัวก็ง่าย

สามารถทำเรื่องผ่านด่านตามขั้นตอนได้ที่ด่านเลย

เส้นทางก็จะต้องระมัดระวังในการขับขี่นิดนึงค่ะ เพราะโค้งค่อนข้างเยอะ

ใครเคยว่าไปปาย แม่ฮ่องสอนแล้วนับโค้งได้

มาที่นี่คงเรียกว่าไม่ทันได้นับหนึ่งค่ะ โค้งต่อไปก็ตามมา แต่วิวสองข้างทางก็มองเพลิน

แล้วมาลองวางแผนไปน่านแบบเนิบๆ ต่อด้วยเมืองที่เป็นอันเป็นเมืองมรดกโลก

อย่างหลวงพระบางกันนะคะ




t.aroundtogether

 วันพฤหัสที่ 16 เมษายน พ.ศ. 2563 เวลา 16.31 น.

ความคิดเห็น