ความไว้ใจสร้างกันไม่ได้ง่ายๆ พลาดกันมา พังทลายกันมานักต่อนัก ........

ตอนเด็กๆ เราคงยังไม่เข้าใจ คำนี้กันมากเท่าไหร แต่ความเจ็บปวดจากการไว้ใจผิดคน ผิดที่ ผิดเวลา มันจะสร้างเกราะบางๆ ที่จะค่อยๆ ทวีความแข็งแกร่ง และหนาขึ้น ตามกาลเวลา และความถี่ของการเจ็บปวด จนทำให้เรายากที่จะเปิดใจและไว้ใจใครได้ง่ายๆ 

การดำน้ำก็เช่นกันค่ะ จั่วหัวเรื่องมาซะเหมือนคนอกหัก แต่เนื้อหาที่จะมาเขียนให้อ่านกัน ยิ่งกว่าคนเจอคู่แท้เลยล่ะ เมื่อต้นเดือนเราจองทริป Deep training ไว้กับผู้ชายคนนึง ((Deep traning คือการฝึกลงความลึกของการเรียน Freediving เพื่อเก็บสถิติ หรือเพื่อมาซ้อมปอด หรือการเคลียหู )) นิสัยแบบเราอ่ะนะ พอมันอยู่ในเซฟโซนนานๆ ไม่เคยเจอเรื่องอันตรายอะไร เราก็ไว้ใจเค้าซะง่ายๆ ไม่หาข้อมูลเลยว่าผู้ชายคนนี้เป็นใคร แถมยังไปเข้าใจว่าเค้าเป็นเซลล์ขายของไปอี๊ก!!! ((ถ้าครูอ่านเจอตรงนี้อย่าโกรธกันนะ)) คิดแค่ว่าเค้าบอกว่ามีครูไปด้วย เราก็โอเคล่ะเพราะอยากไปเรียนต่อ เวล 2 แต่เราควรทบทวนความรู้และทบทวนร่างกายหน่อยว่าไหวพอจะลงลึกรึป่าว เออ...ลืมบอกไปเราเรียนจากเกาะเต่ามาตั้งแต่เดือน พ.ค. 62 เกือบ 8 เดือนที่ไม่เคยลงไปฟรีไดร์เลย เลยมีมาลงทริปดำน้ำเล่นแถวแสมสารเราทำรีวิวตามอ่านกันได้ที่ https://th.readme.me/p/28889 พอให้คุ้นน้ำ คุ้นทะเลกันสักหน่อย 

ทีมนัดเราที่ท่าเรือแม่บังอร นัดเรือออก 09.00 น. เสียค่าที่จอดรถ 100 บาท/คัน ((กี่คนก็ได้เหมาๆ)) พร้อมที่อาบน้ำ แต่ถ้าใครนั่งรถโดยสารมาก็ 20 บาท ค่าอาบน้ำ ไม่มีผ้าเช็ดตัวให้เช่านะคะเตรียมไปเองเด้อ!! เก็บตั้งแต่จอด มีที่ชาร์ตแบตแต่หยอดตังค์นะ มีร้านอาหารตามสั่ง มีร้านกาแฟ ไม่อดแน่นอน แต่รสชาติไม่ได้ชิมอ่ะ แปะไว้ก่อน เดียวมาชิมให้ใหม่นะคะ 

ไปไม่ถูกจิ้มเลย...https://goo.gl/maps/d67sDomoAr...


พอถึงจุดนัดพบ ก็เหมือนเจอนัดบอด ทุกคนถือฟินยาว ความรู้สึกตื่นเต้นสุดๆ ไม่เคยมีเพื่อนไปฟรีไดร์ แบบจริงจังแบบนี้มาก่อน ตั้งแต่เรียนจบมานี้เป็นครั้งแรกของการออกทริปลงทะเลอีกครั้ง และที่สำคัญผู้หญิงเยอะ โคตรดีใจ เพราะตั้งแต่เรียนมาก็เจอแต่ชายล้วนๆ สติสตังจะเรียนก็ไม่ค่อยมีมัวแต่เกร็งซิกแพ็ค หนุ่มๆ แถมเจอแต่ฝรั่งอีก มารอบนี้เจอผู้หญิงเราก็จะได้เมาท์มอยแลกเปลี่ยนประสบการณ์ และไม่น่าอดตายเพราะการคาดคะเนของเรา ผู้หญิงมักจะพอขนมไปเยอะกว่า แล้วมันก็จริง~ 

อ้อ เราลืมแนะนำผู้ชายนิรนาม ที่เราขอติดเรือมากฝึกกะเค้าเลย เค้าคือครูจักร จากโรงเรียนสอนฟรีไดร์ Fredive Is Freedom School อยู่ที่ธรรมศาสตร์ ตอนแรกเราก็เกร็งๆ อ่ะนะ ไม่ได้จบมาจากเค้า ใครเป็นใครก็ไม่รู้จัก ((เรามักบอกเสมอว่าเราเข้ากับคนไม่เก่ง แต่เพื่อนมักไม่เชื่อ)) การเทรนของฟรีไดร์เค้าจะมีทุ่นเหมือนห่วงยางกลมๆ จะแล้วจะมีเชือกปล่อยลงไปในทะเลให้เรา ไต่เชือกลง ไต่ขึ้น ตามความลึกที่เราไปไหว โดยทุ่นนึงจะมีคนเทรนประมาณ 4 คน แล้วสลับกันลงไปทีละรอบ เวียนซ้ายเวียนขวาก็แล้วแต่ตามที่ตกลงไป 

เราจะเริ่มกันที่ 10 เมตรค่ะ  โดยครูจักรจะลงไปเซฟเราทุกครั้ง ตามแบบฉบับที่เราเรียนกันมา บอกตรงๆ ตอนเรียนเราไม่คิดถึงความสำคัญของการมีบัดดี้ขนาดนี้นะ ก็พอรู้แหละว่ามันต้องมีเผื่อฉุกเฉินอะไรขึ้นมา จนเราได้เจอเหตุการณ์ไม่คาดฝันบ้างและตามมาตรฐานของหลักสูตรมันต้องมี จากความไม่ระวังของตัวเอง ที่สามารถดำลงไปสิบเมตร แล้วห้าวข้ามไป 20 เมตรเลย ((ก่อนจบมาครูก็ย้ำตลอดว่าให้เพิ่มที่ละ 5 แล้วที่ 15 เมตรหายไปไหนนะ)) เพราะย่ามใจจากสถิติเก่าที่ลงได้ 20 เมตร เลยคิดว่าการวอร์มลง 10 เมตร สาวเชือกขึ้นลงขึ้นลง ชิวๆ ได้แล้วก็คิดว่าตัวว่าพร้อมลงลึกกว่านั้นได้แน่นอนโดยลืมคิดไปว่าตัวเองไม่ได้ซ้อมเลย 8 เดือนที่ผ่านมา พอครูปล่อยทุ่นลงไปที่ 20 เมตร เราก็สาวเชือกลงไปถึงเลยคร่า พอขึ้นมาบนผิวน้ำ เกิดอาการสั่น ชักกระตุก ดุ๊กดิ๊กๆ ควบคุมตัวเองไม่ได้ หรือที่เค้าเรียกว่า LMC ( Loss of motor contron ) คือยังไม่หมดสตินะ แต่จำอะไรไม่ได้หรอก พอสติกลับมาเพื่อนๆ ในกลุ่มเราแบบว่าหน้าตาตกใจมาก!!! หน้ากากเราหลุดมาที่คอ แว๊บแรกในหัวคือนิเราพุ่งขึ้นมาเร็วถึงขั้นหน้ากากแน่นๆ หลุดจากหน้าลงมาที่คอเลยหรอว่ะ แล้วความรู้สึกถัดมาคือมีมือประคองที่ท้ายทอย มีเสียงคนบอกให้เราทำ Recovery breath ((คือการหายใจเข้าให้เต็มปอด กลั้นไว้ 2-3 วินาทีแล้วหายใจออก ซึ่งมันทำได้เองเลยนะ งงกับร่างกายเราเหมือนกัน)) แล้วมีคนขยี้เหม่งเราอยู่ พ่อคุณเอ้ย ถ้าไม่ใช่สถานการณ์สุดช็อค คงจะโรแมนติกไม่น้อย มีผู้ชายขยี้หัวเหมือนซีรีย์เกาหลี แต่อย่ามโนไปค่ะชะนีตัวกลม นี้มันคือการ rescue ขั้นพื้นฐานที่เราเรียน L 1 กันมาเลย ก่อนจะผ่านได้ใบอนุญาติกันมาต้องสอบสกิลนี้กันด้วย อยากจะกราบงามๆ การมีบัดดี้หรือการมีผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางดูแลมันจำเป็นแบบนี้นิเอง แล้วก็ต้องไว้ใจได้ด้วยนะ ไม่ใช่มีไว้เฝ้าเฉยๆ ปล่อยเราสั่นแหง๊กๆ มีสิทธิร่วงตกน้ำไปเด้อกลายเป็นอาหารแพลงตอนใต้ทะเลไปอีก ตัวขนาดแบบเราอิ่มกันทั้งอ่าวไทยเลยละ เพราะเวลาเราเกิด LMC มันควบคุมร่างกายไม่ได้เลย และจำอะไรไม่ได้ ไม่รู้ตัวด้วยว่าจะเป็น ต้องหมั่นขยันซ้อมและบันทึกข้อมูลตัวเองเสมอ จะได้รู้ว่าจุดที่เราไหว และควรระวังอยู่จุดไหน นาทีเท่าไหร

สิ่งที่เศร้าไปกว่าการการทำให้ทุกคนตกใจคือพอเราเกิดอาการ LMC เราต้องหยุดพักไม่ลงฝึกต่อแล้ว ขึ้นเรือเลย ไม่มีสายตาอ้อนวอนใดๆ ทั้งสิ้น เพราะหลังจากสติกลับคืนมาเป็นปกติ แม้เราจะไม่มีอาการอ่อนเพลีย หรือกลัว อะไรเลยนะ อารมณ์เหมือนเราแว๊บถอดจิตไป 20 วินาที แล้วกลับเข้าร่างโดยไร้ความทรงจำช่วงนั้นแบบ 100% เลย  แต่เพื่อความปลอดภัย ยังไงเราก็ต้องพัก ขึ้นเรือไป ห้ามงอแง ห้ามงี่เง่า ข่มความเสียใจไว้ให้ลึกสุดก้นทะเล นั่งให้กำลังเพื่อนๆ ฝึกกันต่อไป นี้นับว่ายังโชคดีว่าเรามาเป็นช่วงท้ายๆ ของการฝึกซ้อม ขึ้นมารอเพื่อนไม่ถึง 20 นาทีเค้าก็ฝึกเสร็จกันพอดี เสร็จช่วงฝึกตอนเช้าเราก็จะเป็นเวลาของความสนุก fun dive ตามจุดต่างๆ และการถ่ายรูปใต้น้ำ รอบช่องอ่าวแสมสาร ขึ้นอยู่กับว่าทิศทางลงจะเข้าตรงไหน ซึ่งงานนี้จะเป็นทางทีมกัปตันเรือจะช่วยเลือกจุดที่สวยงามและเหมาะสมให้เอง

ในขณะที่เราจะย้ายไปยังจุดน้ำนิ่งๆ เพื่อพักทานข้าวเที่ยงกันนั้น ก็มานั่งคิดทบทวนและปรึกษาครูจักรว่าเกิดอะไรขึ้น ทำไมถึงเกิดอาการแบบนี้ ซึ่งข้อสรุปจากเราเองนะ เพราะของแบบนี้จะไม่มีใครรู้จักร่างกายตัวเราเองดีเท่ากับตัวเราเองนั้นแหละ เราคิดว่าจังหวะเราไม่ดี เริ่มสะดุดตั้งแต่ผิวน้ำ ช่วงทำการ Breathe up ((การเตรียมอากาศไว้ในปอดเราก่อนดำลงไป)) น้ำเข้า Snorkel สามสี่รอบ เราทำให้เสียสมาธิแหละนิดนึง ทำให้ final breath เอาอากาศเข้าไปน้อยไม่จุเต็มๆ แบบทุกครั้ง ((ฮึบอากาศเข้าเต็มๆปอดก่องดิ่งลงใต้ทะเล)) พอลงไปลึกเกิน 15 เมตร ((เดาระยะเอาเองนะ)) เกิดกระแสน้ำอีก ขาไปพันกับเชือก แต่ก็ไม่ได้ตัดสินใจที่จะขึ้นกลับไป เลือกที่จะสาวต่อลงไป พอแตะจุด 20 เมตรช่วงกลับตัว กลับกังวลกับกระแสน้ำอีก ขึ้นเร็วอีก พอเราใช้แรงเยอะ เกิดความกังวล ร่างกายเราจะทำให้มีการใช้ออกซิเจนที่เราเอามาน้อยนิดอยู่ก่อนแล้วนั้น หมดเร็วไปอีก ทำให้เราขึ้นมาที่ผิวน้ำแล้วเกิดอาการ LMC ซึ่งเป็นอาการที่เกิดจากออกซิเจนในเลือดต่ำผิดปกติ หรือบางคนเรียกว่า Samba เนื่องจากร่างกายจะสั่นไม่หยุด เราเลยกลายเป็นเคสตัวอย่างที่ให้ครูจักรย้ำเตือนนักเรียนทุกคนว่า การมีบัดดี้นั้นสำคัญมากขนาดไหน การฟังเสียงร่างกายของตัวเอง สื่อสารกับร่างกายของตัวเอง รู้จักร่างการตัวเอง ให้ดีนั้น จำเป็นมากแค่ไหน ~  


จบการสร้างความตื่นเต้นให้กับทุกคนเราก็กินข้าวเที่ยงกลางทะเลกันคะ

สิ่งเล็กๆ ที่น่ารัก คือทีมงานเตรียมข้าวปิ่นโตให้พวกเรา เพื่อที่จะลดการใช้ขยะจากโฟมหรือพลาสติก เป็นอะไรที่น่าประทับใจมาก เพราะเอาจริงๆ เราว่าคงเป็นการเพิ่มงานให้กับทีมงานขากลับอีกแหละ ต้องขนกลับไปล้าง ไปทำความสะอาด แต่ทีมงานไม่บ่นเลย แถมบอกเราด้วยว่าต้องทำให้เป็นตัวอย่างกับนักท่องเที่ยว ถ้าเค้ากลับจากทริปไปปรับเปลี่ยนชีวิตลดการใช้พลาสติกที่ใช้ครั้งเดียวทิ้งได้แล้วนั้น การที่จะเพิ่มงานนิดๆหน่อยๆ ของพวกเค้าคงคุ้มค่าไม่น้อยเลยสักนิด เพื่อแลกกับการช่วยกันดูแลทรัพยากรธรรมชาติอันสวยงามใต้ทะเลนี้

อิ่มท้องอิ่มใจกับอาหารที่ทีมงานเลี้ยงดู เอาอย่างอิ่มเอมปรีดา ไม่ว่าจะขนม นม เนย ผลไม้ น้ำหวาน น้ำเปล่า ที่ทำให้ผู้หญิงตัวกลมๆ อย่างเรา ไม่ขาดสารอาหารทั้งวันแน่ๆ เราก็กระโจนลงน้ำ ไปสำรวจโลกใต้น้ำของแสมสารและถ่ายรูปใต้น้ำกันค่ะ ถ่ายกันให้สะใจไปเลยเพราะทริปนี้ตากล้องเยอะเวอร์  

เปรียบประหนึ่งหายใจได้ใต้น้ำกันอย่างนั้นแหละ

สำหรับใครที่สนใจ อยากมาดำน้ำแบบเรานะคะ ไม่ต้องไปไกลที่ไหนเพราะครูจักรเค้ามีโรงเรียนสอนในกรุงเทพฯ เลย ที่ธรรมศาสตร์รังสิต กับ Freedive is freedom school ได้เลยไม่ต้องกลัวว่าจะปลอดภัยรึป่าว เพราะถ้าอ่านลงมาถึงตอนนี้ ครูจักรคนนี้ไว้ใจได้แน่นอน เพราะสิ่งสำคัญสุดๆ ในการเลือกที่จะเรียน หรือการออกทริปของฟรีไดร์นั้นก็คืความปลอดภัยเป็นสิ่งแรกเลยนะคะ ถ้าวันนี้อรไม่ได้ครูจักรเซฟไว้ทันก็ไม่รู้จะได้มาเขียนเล่าประสบการณ์แบบนี้ให้เพื่อนๆ ได้อ่านกันรึป่าว อรทำการทดสอบมาให้เพื่อนๆแล้วคะ ว่าปลอดภัยหายห่วง ไม่ปล่อยเราร่วงตุ๊บไปนอนใต้ก้นทะเลแน่นอน ไปเรียนกันเยอะๆนะคะ อย่า!!!แอบไปฝึกเองโดยเด็ดขาด 

ทุกกีฬามีโอกาสเกิดอุบัติเหตุได้หมด ที่อรมาเล่าให้ฟังกันไม่ได้อย่าให้กลัวนะ แค่อยากให้ทุกคนเรียนและทำตามที่เรียนมาอย่างเคร่งครัด เพราะประสบการณ์ครั้งนี้บอกให้อรต้องฟิตร่างกายให้มากกว่านี้ และขยันซ้อมมากกว่านี้ด้วย ...... ใครเรียนแล้วก็มาออกทริปด้วยกัน ชวนเราได้เลย ไปไหนไปกัน


เพจโรงเรียนสอนฟรีไดร์ :https://www.facebook.com/freed...

อ่านจบแต่อย่างเมาท์ต่อกับอร ตามไปที่ https://www.facebook.com/Oonsl...

ใครชอบดูรูปฝาก IG ด้วยนะคะ Onslowlytrip


ส่วนใครที่นึกอาการสั่น ชักแหง๊กๆของอรไม่ออก อรเอาคลิปมาให้ดูกันคะ

คลิปนี้เลื่อนไปokmuที่ 1.41 เลยนะคะ คนนี้เป็นนักกีฬาที่ลงไปถึง 100 เมตรกันเลยทีเดียว ลึกมากกกก

ส่วนคลิปนี่เลื่อนไปที่นาที่ที่ 1.48 เป็นคลิปที่ซ้อมการช่วยเหลือกัน สังเกตที่คนชุดดำที่เป็นคนช่วยนะคะ

Onslowly

 วันจันทร์ที่ 30 ธันวาคม พ.ศ. 2562 เวลา 16.41 น.

ความคิดเห็น