อันยอง^______^

              กลับมาพบกันอีกครั้งกับ Be Cool by Kru Gib ค่ะ  คือเกาหลีใต้เนี่ยเราก็ติ่งดาราเกาหลีมาตั้งแต่รุ่นวอน บิน เลยแหละ555 (เก็บตังค์ซื้อแผ่นจริงนะจ๊ะ Autumn in my heart ว๊ายยยย บ่งบอกอายุมาก5555) แต่ว่ายังไม่คิดจะไปเพราะคิดว่าอยู่ใกล้ๆบ้านเรา เลยไปเที่ยวที่อื่นก่อนตลอด......และก็ไม่มีแพลนจะไปเที่ยวในเวลาอันใกล้เลยค่ะ

              แต่สงสัยเป็นโชคชะตา ฟ้าลิขิต สวรรค์อยากให้ไปเจอกับวอน บิน, ฮยอน บิน สหายผู้กองไรงี้ และบรรดาอปป้าทั้งหลาย55555 (ยังไม่เริ่มรีวิว ก็มโนไปก่อนแระ) โชคดียิ่งกว่าคือ ตอนที่ไปใช้ชีวิตที่นั่น ยังไม่มีการระบาดของไวรัส Covid -19 ค่ะ แล้วเราก็กลับมาก่อนหลายเดือน ก่อนที่จะมีการระบาดอย่างรุนแรง ถือว่าสวรรค์เมตตามากค่ะ 

**************************************************************

             เนื่องจากเราไปสมัครสอบชิงทุนไว้ (ทุนสำหรับข้าราชการครูนะคะ ใครสนใจทุนตัวนี้ ทักมาถามได้นะคะ ยินดีตอบอย่างยิ่งค่ะ ^^) ซึ่งเป็นทุนของรัฐบาลเกาหลีใต้ ภายใต้ UNESCO ครอบคลุมทั้งค่ากิน ค่าที่พัก รวมทั้งให้เงินเดือนเราด้วยค่ะ แล้วผลก็ออกมาว่าเราได้ทุนนี้ค่ะ เราเลยมีโอกาสไปใช้ชีวิตที่เกาหลีใต้ ไปทำงานสอนหนังสือที่นั่นเป็นเวลา 3 เดือนค่ะ ตั้งแต่เดือนกันยายน - เดือนพฤศจิกายน (ช่วงใบไม้เปลี่ยนสีพอดีค่ะ ซึ่งไม่เคยคิดจะไปเที่ยวช่วงใบไม้เปลี่ยนสีมาก่อน เพราะเราชอบวิวหิมะ แต่พอไปเจอใบไม้สีสันสวยงามแล้ว ชอบมากกกกกกกกกกกกกกกกกค่ะ) จริงๆ ช่วงระยะเวลาที่เราอยู่เกาหลีใต้นั้น จันทร์ถึงศุกร์เราทำงานปกติค่ะ ส่วนเราออกเที่ยวเองเกือบจะทุกๆเสาร์อาทิตย์เลยค่ะ ฉะนั้นเราก็จะมีหลายเมืองที่เราได้มีโอกาสไปสำรวจ บางเมืองก็ดัง บางเมืองก็นอกสายตานักท่องเที่ยวค่ะ  เอาเป็นว่ามีหลาย EP แล้วกันนะคะ (ยังจะมีหลาย EP ไปอีกกกก5555 EP นี้ยังใช้เวลาเขียน รวบรวมรูปภาพ ตั้งเกือบ 1 ปีแหนะ5555 นานมากเว่อร์!!!! เว่อร์ไปด้วย555555)

************************************************************

             เราเดินทางในวันที่ 2 กันยายน 2562 ค่ะ ด้วยสายการบิน Korean Air ค่ะ  ดีหน่อยที่เราไม่ต้องจ่ายอะไรเลย ค่าตั๋วบินไปกลับช่วงนั้นอยู่ที่ 17,xxx บาทค่ะ สายการบินดี แอร์สวยดีค่ะ บริการก็ครบครันค่ะ แต่ช่วงที่เราเดินทางนั้นช่วงมรสุมเข้าค่ะ เครื่องสั่นแทบไม่ได้นอนเลยค่ะตลอดระยะเวลาบินเกือบหกชั่วโมง แต่ก็ถึงที่หมายอย่างปลอดภัยค่ะ

             ช่วง 2-5 กันยายน เราใช้เวลาอยู่ที่กรุงโซลค่ะเพื่อปฐมนิเทศ และร่วมงานประชุมนานาชาติ 

ที่พักนั้น ทางทุนก็จัดสรรให้อย่างดีเลยค่ะ เราพักที่โรงแรม Courtyard by Marriott เรายกนิ้วให้เลยค่ะกับโรงแรมนี้ ห้องพัก อาหาร สถานที่รอบๆ ดีงามมากๆค่ะ ดีงามยังไง ต้องดูรีวิวนี้ค่ะ "รีวิว 5 ที่พักในกรุง Seoul"    https://th.readme.me/p/29416

**********************************************************

               เอาล่ะ เกริ่นนำมาพอสมควร เข้าเรื่องประสบการณ์ผจญภัยในต่างแดนของเราดีกว่า

พอปฐมนิเทศเสร็จทางโครงการก็ให้ครูเกาหลีโรงเรียนที่เราจะไปสอนมารับแรงงานต่างด้าวอย่างเรา

ค่ะ5555 เราจะต้องนั่งรถไฟ KTX ไปลง Osong station ค่ะ ค่ารถไฟ  KTX เที่ยวเดียว จาก Seoul ไปที่ 

Osong ราคาอยู่ที่ 17,600 วอน (แต่เราไม่ต้องจ่ายค่ะ ทางทุนจัดการค่าเดินทางให้ค่ะ)ซึ่งเราจะได้ไปใช้ชีวิต

ในเมือง Sejong ค่ะ เป็นเมืองที่ตั้งศูนย์ราชการต่างๆของเกาหลีค่ะ  เป็นเมืองตั้งใหม่ การเดินทางสะดวก

สบาย แต่ยังไม่มีรถไฟใต้ดินค่ะ รถบัสที่ไปเมืองต่างๆสะดวกค่ะ

               จุดพีคอยู่ที่ ครูเกาหลีพาเราไปรอรถไฟผิดชานชาลาจ้าาาาาาาาาาาาาาาาา

มารู้ตัวอีกทีก็ อีก 5 นาทีรถไฟจะออกค่ะ ครูเกาหลีสั่งให้เราวิ่งงงงงงงงงงงงง คิดภาพออกมั้ยคะ กระเป๋าก็

ใบมหึมา เป้ใส่คอมอีก แถมต้องวิ่งอีก วิ่งแบบไม่คิดชีวิตด้วยนะ นี่สวรรค์กลัวเราไม่มีเรื่องเล่าใช่มั้ย? เลยส่ง

บททดสอบแรกมาให้เราสนุก555  พอวิ่งได้ ลากกระเป๋าไป รีบลงบันไดเลื่อน วิ่งไปที่รถไฟ ขึ้นรถไฟ ขึ้นปุ๊บ รถไฟออกปั๊บ ยัง..... ยังไม่พอ ครูเกาหลีก็พาไปนั่งผิดขบวนอีก5555 วันนั้นนะเหนื่อยมากกกกกกกก กว่าจะสงบได้ นั่งพักได้ ครูเกาหลีก็ขอโทษขอโพยซะยกใหญ่ แต่ก็ไม่มีปัญหาอะไร สนุกดีค่ะ พอหลังจากนี้เราก็เที่ยวเอง วางแผนเองซะส่วนใหญ่ค่ะ ตลอดระยะเวลาที่ทำงานที่เกาหลีใต้ 3 เดือน เราเข้ามาเที่ยวกรุงโซลประมาณ 5 รอบค่ะ มาช้อปปิ้งบ้าง มาแวะเพื่อผ่านไปเมืองอื่นบ้างค่ะ

ฉะนั้น EP นี้ เราจะพูดถึงกรุงโซลค่ะ เมืองหลวงของประเทศเกาหลีใต้นั่นเองค่ะ

ก่อนอื่นเราอยากแนะนำสำหรับคนที่จะไปเกาหลีใต้ควรจะมี applications ไหนติดมือถือไว้บ้าง

1. Subway Korea เป็นแอพที่บอกแผนที่ subway ค่ะ มีให้เลือกหลายเมืองเลยค่ะ

2. NAVER Map เป็นแอพที่มีประโยชน์มากๆ และมีความแม่นยำสูงค่ะ คือเป็นแอพคล้ายๆ Google map ค่ะ แต่แอพนี้เป็นของเกาหลีเอง เวลาเราจะไปไหน นั่งรถบัสสายอะไร นั่งไปกี่นาที ต่อด้วยสายอะไร บอกหมดค่ะ บางทีเราไปที่ใหม่ๆ เราแค่นั่งตามที่แอพบอก ก็ไปถูกค่ะ

3. KakaoMap คล้ายๆกับ google map ค่ะ แต่เราไม่ค่อยใช้เท่าไหร่

4. KakaoTalk เป็นแอพพลิเคชั่นคล้ายไลน์ค่ะ แต่ที่เกาหลีเค้าใช้ KakaoTalk กันค่ะ น้อยคนมากกกกกที่จะมีไลน์ค่ะ เอาไว้ติดต่อสื่อสารกับคนเกาหลีค่ะ

5. Google lens เอาไว้สแกนอ่านเวลาที่ไม่มีภาษาอังกฤษให้อ่าน เพราะเราอ่านภาษาเกาหลีไม่ออกจ้า เวลาไปร้านอาหาร local หน่อยที่มีแต่ภาษาเกาหลี เราก็สแกนอ่านได้ค่ะ

6. Google Translate เอาไว้ช่วยแปลกันตายค่ะ555 ความเป๊ะน่ะหรอ ก้พอได้ บางอันความหมายก็ตลกเพราะเราเคยลองพูดแล้วโฮสหัวเราะ หุหุ บอกว่าความหมายผิด

มีแอพเหล่านี้ติดมือถือ ก็มีชีวิตรอดในเกาหลี 3 เดือนแล้วค่ะ ^____^

**** ค่าเงินตอนที่เราไป 1000 วอน เท่ากับ 26 บาท ค่ะ****

**** บัตรที่ควรมีคือ T-Money ค่ะ ไว้คอยตื๊ดรถบัส รถไฟ ซื้อของในร้านสะดวกซื้อได้ค่ะ เริ่มแรกสามารถซื้อใน 7-11 หรือร้านสะดวกซื้อได้ค่ะ บัตรราคา 2,500 วอนค่ะ ถ้าบัตรลายน่ารักๆก็แพงกว่าราคานี้นะคะ ถ้าจำไม่ผิดนะ แล้วเราต้องเติมเงินเข้าไปก็เป็นอันใช้ได้เลยค่ะ  ตอนจะกลับไทยก็เอาเงินที่เหลือในบัตรออกมาได้ค่ะ

*******************************************************

เริ่มจากสถานที่แรกก่อนเลยนะคะที่อยากจะให้เพื่อนๆได้ดู นั่นก็คือ 

1. Gyeongbokgung Palace พระราชวังเคียงบกกุง

พระราชวังที่ฮอตฮิตของเหล่าบรรดานักท่องเที่ยว มีความเก่าแก่ สร้างขึ้นในปี 1394 ในสมัยพระเจ้าแทโจ ราชวงศ์โชซอน 

วิธีการเดินทาง

1. นั่ง subway สาย 3 ลงสถานี Gyeongbokgung ออก Exit 5 เดินอีกนิดประมาณ 100 เมตร ก็ถึงแล้วค่ะ วิธีนี้ใกล้กว่าข้อที่ 2 และ 3 นะคะ

2. นั่ง subwayสาย 5 ลงที่สถานี Gwanghwamun Station Exit  2 จากนั้นเดินตรงไปอีกประมาณ 450 เมตรก็จะถึงประตูทางเข้าพระราชวังค่ะ

3.นั่ง subway สาย 3 ลงสถานี Anguk ออก Exit 3 เรามาสถานีนี้เพื่อมาเช่าชุดฮันบกค่ะ มีให้เลือกหลายร้านมาก เมื่อเช่าเสร็จเดินข้ามถนนไป แล้วเดินไปซัก 200 เมตร ข้ามถนน ก็ถึงประตูทางเข้า ซึ่งตรงข้ามกับประตูวังที่ลงสถานี Gyeongbokgung ออก Exit 5 ค่ะ

สิ่งที่ควรรู้

 - พิธีเปลี่ยนเวรยามทหารมีให้ชมทุกวัน (ยกเว้นวันอังคาร) เวลา 10.00 น. และ 14.00 น. ค่ะ

ค่าเข้าชม

  • ผู้ใหญ่ (อายุ 19 – 64 ปี) – 3,000 วอน สำหรับคนใส่ชุดธรรมดาเข้าชมวังค่ะ
  • เด็ก (อายุ 7 – 18 ปี) – 1,500 วอนค่ะ
  • เด็กอายุต่ำกว่า 6 ปี , ผู้ใหญ่อายุ 65 ปีขึ้นไป และ ผู้ที่สวมชุดฮันบก ไม่เสียค่าเข้าชมค่ะ เดินเข้าไปได้เล้ยยย

เรามาที่นี่ 2 รอบค่ะ รอบแรกมาช่วงเย็นๆ  มาถึงห้าโมงเย็น เดินไปแป๊บๆ พระราชวังก็ใกล้ปิดแล้ว รีบๆ ถ่ายรูป ไม่ได้ดื่มด่ำบรรยากาศมากมายเท่าไหร่

วันที่ 3 พ.ย. 62 เราเลยตัดสินใจเข้ากรุงโซลมาเพื่อมาเที่ยวที่พระราชวังรอบที่ 2 เพื่อมาตามหาองค์ชายค่ะ55555555 ใส่ชุดฮันบกเข้าวังเลยค่าาาาา รอบนี้ต้องขอบคุณพี่ต๋อยพี่สาวที่น่ารักที่นัดเจอเราและเป็นไกด์พาเราเที่ยวพระราชวังและไปทานของอร่อยๆค่ะ

ชุดฮันบกที่เราเช่า มีให้เลือก 2 ราคาค่ะ 10,000 วอน (ประมาณ 261 บาท )และ 15,000 วอน (ประมาณ 392 บาท) เราเลือก 15,000 วอนค่ะ เช่าซับในกระโปรงให้พองๆอีก 2,000 วอน รวมแล้วเราจ่าย17,000 วอนค่ะ (ประมาณ 444 บาท) ราคานี้รวมค่าทำผมให้ด้วยนะคะ เราเช่า 2 ชั่วโมงค่ะ สัมภาระเราใส่ในล็อคเกอร์ที่ร้านค่ะ แต่กุญแจต้องเอาไว้กับทางร้าน ฉะนั้นเราเอาของมีค่าติดตัวไปด้วยนะคะ กระเป๋าถือเราก็เลือกจากทางร้านไปได้ค่ะ

ร้านนี้ค่ะที่เราเช่า เดินเข้าไป และขึ้นบันไดไปชั้น 2 ค่ะ

นี่ค่ะราคา

มีหลายชุดให้เลือกค่ะ เลือกเอาสีที่เราชอบได้เลยค่ะ

แต่งตัว ทำผมเสร็จแล้ว เดินไปวังกันค่ะ  ปกติค่าเข้าวังราคา 3,000 วอนค่ะ(ประมาณ 78 บาท) แต่ถ้าเราใส่ชุดฮันบกก็ได้เข้าฟรีค่ะ แต่งตัวสวยๆ ไปถ่ายกับใบไม้เปลี่ยนสี ฟินมากบอกเลย!!!

จริงๆคนเยอะนะคะ เราต้องหามุมดีๆ ที่ไม่เห็นคนค่ะ แล้วเราก็มโนเต็มที่เลยค่ะ555

เริ่มจาก องค์ชายเรียกเข้าวังค่ะ5555

ถ่ายรูปรอบๆ วังซะหน่อย ก่อนเข้าพบองค์ชาย

จริงๆ รูปนี้คนเยอะแยะเลยนะคะ แค่เรารอจังหวะ บวกกับหามุมที่ทำให้มองไม่เห็นคนค่ะ

หามุมที่หลบผู้คนหน่อยค่ะ

ถ่ายข้างหลังบ้างอาจจะสวยกว่าเห็นหน้าก็ได้555

คือในพระราชวังกว้างมากกกกกก เราก็เดินไม่ครบหรอกค่ะ ชอบมุมไหนก็ถ่ายมุมนั้น 

จัดไปค่ะท่าบังเเดดเก๋ๆ

ยังตามหาองค์ชายไม่เจอ เมื่อยแระ5555 นั่งพักแป๊บ

ไปค่ะ.... ไปเตรียมอาหารให้องค์ชายกันค่ะ5555

หาหน่อไม้รอแล้วกัน5555 นี่เราก็หาพร้อพมาถ่ายรูปจนได้555

ไปเก็บผักต่อค่ะ...พอแระๆ ถ่ายสวยๆกะเค้าบ้างก็ได้

ช่วงที่เราไปใบไม้เปลี่ยนสีสวยมากค่ะ ท้องฟ้าก็เป็นใจสุดๆ (มาช่วง 3 พ.ย. 62) นะคะ

กำลังจะเดินกลับ พอดีเลยค่ะมีการแสดงทหารเปลี่ยนเวรพอดีค่ะ (พิธีเปลี่ยนเวรยามทหารมีให้ชมทุกวัน (ยกเว้นวันอังคาร) เวลา 10.00 น. และ 14.00 น. ค่ะ)


2. อนุสาวรีย์กษัตริย์เซจงมหาราช

เป็นส่วนด้านนอกของพระราชวังค่ะ มีรูปปั้นของพระเจ้าเซจงค่ะ เป็นบุคคลสำคัญของประเทศเกาหลีใต้ค่ะ เป็นผู้ประดิษฐ์อักษรฮัลกึล(อักษรกาหลีนั่นเองค่ะ) ทรงเป็นกษัตริย์องค์ที่สี่ ของราชวงศ์โชซอน  และเป็นหนึ่งในสองกษัตริย์เกาหลีที่ได้รับสมัญญานามเป็นมหาราชค่ะ ซึ่งถือเป็นกษัตริย์ที่มีชื่อเสียงที่สุด ของประเทศเกาหลีใต้ค่ะ

วิธีการเดินทาง 

1. รถไฟใต้ดินสาย 3 สถานี Gyeongbokgung Station Exit 6

2. รถไฟใต้ดินสาย 5 สีม่วง สถานี Gwanghwamun Exit 9

กระโดดซะหน่อย ไปไหนก็ต้องโพสรูปกระโดดค่ะ หุหุ

นี่ตอนกำลังถ่ายรูปกับเพื่อนๆ ก็งงมากจ้าาาาา มีลุงคนนึงบอกว่าเป็นช่างภาพ ขอถ่ายรูปเราหน่อย55555 เอิ่มอยากจะบอกว่าเราไม่ใช่อั้ม พัชราภานะคะ แต่ลุงแกขอถ่าย ก็โพสให้แกซะหน่อย5555 หวังว่าไม่เอารูปเราไปขึ้นเว็บที่ไม่ดีนะ55555

ช่วงนั้นอากาศเย็นมากจ้า จำได้ว่ามือชาเลยค่ะ

ลูกโลกสวรรค์

นาฬิกาแดด

ส่วนนี่ก็จะเป็นประวัติให้ได้อ่านเพลินๆที่ภายในสถานี Gwanghwamun ค่ะ

3. Bukchon Hanok Village บุกชอนฮันอก เป็นย่านที่อาคาร บ้านเรือนยังคงความเป็นโบราณ มีกลิ่นอายของเกาหลีในยุคเก่าแก่ค่ะ นักท่องเที่ยวจะได้พบกับบ้านของขุนนางระดับสูงของเกาหลีในสมัยก่อนที่หมู่บ้านนี้ค่ะ เหมาะสำหรับคนที่ชอบเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ ยิ่งถ้าก่อนเที่ยวที่นี่ อ่านประวัติ เราคงจะอินมิใช่น้อย ^^

วิธีการเดินทาง

นั่ง Subway สาย 3 ลงสถานี Anguk Exit 2 เดินตรงไป 300 เมตร ก็ถึงค่ะ

ตามสถานี subway เห็นสวยดีเลยเก็บภาพซะหน่อยค่ะ

จำได้ว่าเราเดินไปเรื่อยๆ ค่ะ

ร้านคาเฟ่ก็ตกแต่งภายนอกให้เข้ากับเมืองโบราณค่ะ

เดินไปก็หิวค่ะ ลองแวะร้านอาหารซะหน่อย เราเลือกทานพวกเกี๊ยวค่ะ อร่อยดี

ภายในร้านค่ะ


พออิ่มแล้ว เดินไปซักพักฝนตกจ้า เลยตัดสินใจนั่งชิลๆที่คาเฟ่ค่ะ เสียดายไข่มุกไม่สุกค่ะ

4. Myeong- dong

วิธีการเดินทาง

นั่ง Subway สาย 4 ลงสถานี Myeongdong Exit 6 ค่ะ

ย่านนี้เป็นที่รู้กันว่าเป็นถนนคนเดินที่ใครๆก็ต้องมาค่ะ เจอนักท่องเที่ยวเยอะเลยค่ะ คนไทยก็เยอะ ร้านค้าขาย

ของมากมาย มีโปรโมชั่นต่างๆ เพื่อเรียกลูกค้ามากมาย ใครที่ชอบช้อปปิ้ง ห้ามพลาดด้วยประการทั้งปวงค่ะ 

แต่ street food ที่นี่เมื่อเทียบกับที่อื่นถือว่าราคาสูงกว่าค่ะ เพราะเป็นแหล่งท่องเที่ยวค่ะ

ความสุขของการเดินเมียงดงคือ การเดิน กิน และช้อปปิ้งนั่นเองค่ะ

ที่ไทย 20 บาท แต่ที่นี่ ฝักละประมาณ 90 บาทค่ะ


ไม้ละ 3000 วอน ค่ะ

มาเมียงดงก็ต้องจัดหมูย่างเกาหลีค่ะ เอาจริงๆคือเรากินบ่อยมาก เพราะเราชอบมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆเลย หุหุ


แต่มีอีกกิจกรรมหนึ่งที่เราชอบมากกกกกกก ตอนแรกไม่คิดว่าจะสนุกขนาดนี้ แต่กลายเป็นว่าเรานั่งหัวเราะตลอดการแสดงเลยค่ะ เป็น 2 ชั่วโมงที่ไม่น่าเบื่อเลยค่ะ ทั้ง แสง สี เสียง เราว่าก็สนุกดีนะคะ หากใครมีโอกาสก็ลองดูนะคะ นั่นก็คือ Nanta นั่นเองค่ะ เป็นการแสดงของเกาหลีที่โด่งดังไปทั่วโลกเลยค่ะ เป็น cooking show ที่มีทั้งร้อง เต้น คนมาแสดงก็ฝึกฝนมาเป็นอย่างดี เป๊ะทุกคนค่ะ

ในระหว่างการแสดง ห้ามถ่ายรูปนะคะ เราเลยมีรูปแค่ถ่ายตั๋วก่อนการแสดงแค่นั้นค่ะ ^^


5. Hongdae (ฮงแด) 

วิธีการเดินทาง

นั่ง Subway สายสีเขียว ลงสถานี Hongik Univ.  Exit 9 ค่ะ แล้วก็เลี้ยวซ้ายค่ะ

เป็นย่านที่วัยรุ่น วัยมหาวิทยาลัยเดิน ละลานตา น่ารักกรุบกริบ เจริญหู เจริญตา เป็นที่สุดค่ะ55555555 (เยอะไป๊!!!) เรามาที่นี่ 2 รอบ เพื่อมากินบุฟเฟ่ต์หมูย่างค่ะ ราคาดีงาม ไม่แพงเลยค่ะ กินจนพุงแตกเลยค่ะ ถ้ามาช่วงคนไม่เยอะก็จะได้นั่งเร็ว แต่ถ้ามาช่วงคนเยอะๆ ก็จะรอนานหน่อยค่ะ ทุกครั้งที่เราไป เราไปกับเพื่อน รวมกับเรา 2 คน รอไม่นานเลยค่ะ แต่ถ้าไปกลุ่มหลายๆคนนี่ต้องรอสักพักนะคะ ราคาตกคนละ 11,000 วอน (ประมาณ 28x กว่าบาทค่ะ) กินไม่อั้นค่ะ จุกจนถึงคอกันเลยทีเดียวค่ะ สายหมูย่าง สายปิ้งย่าง ไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวงนะคะ.... พูดถึงแล้วเราก็หิวเลยค่ะ 555

กินอิ่มจนพุงจะแตก ก็เดินละลายทรัพย์ต่อได้ค่ะ.........เดี๋ยวๆ แกพุงจะแตกแล้วนะ แต่ยังสามารถยัดชานมไข่มุกลงไปได้อีก สุดยอดเลยค่ะ55555

มีของมากมายให้ช้อป ทั้งเสื้อ ผ้า เครื่องสำอาง ขนม คล้ายๆกับ night market ที่อื่นแหละค่ะ แต่เราชอบที่นี่ วัยรุ่น วัยน่ารัก เจริญหูเจริญตาดีค่ะ หุหุ

6. N Seoul Tower 

หอคอยแห่งนี้ตั้งอยู่บนยอด เขานัมซาน ใจกลางกรุงโซล เป็นจุดชมวิวและเป็นอาคารส่งสัญญาณการสื่อสารอีกด้วยค่ะ 

วิธีการเดินทาง

นั่ง Subway สาย 4 ลงสถานี Myeongdong Exit 3 ค่ะ เดินไปเรื่อยๆ เมื่อเจอโรงแรม Pacific Hotel ให้ไปทางขวามือค่ะ เดินขึ้นเขาไปเรื่อยๆ ก็จะเจอสถานี cable car ค่ะ....แต่เรากับคุณแม่ปุ๊กกี้ (คุณครูที่ได้ทุนพร้อมกับเราเอง) โชคดีที่เดินขึ้นไปไม่ไกลนัก ก็มีรถของคุณครูเกาหลีที่เป็นเพื่อนกับ พี่น้อง (คุณครูที่ได้ทุนพร้อมกับเราอีกคน)มาจอดรับ... เราเลยนั่งรถไปถึงลานจอดรถค่ะ....(ต้องขอบคุณคุณครูเกาหลีมากๆนะคะที่ดูแลปูเสื่อพวกเราอย่างดีค่ะ ขอบคุณพี่น้องด้วยค่ะที่แนะนำให้เรารู้จัก ส่วนแม่ปุ๊กกี้นั้น ขอบคุณเช่นกันค่ะเพราะเป็นเพื่อนร่วมเดินทางของเราหลายทริปมากๆค่ะ ไว้ EP ถัดไปเรามีเรื่องสนุกๆกับคุณแม่ปุ๊กกี้มาเล่าให้ฟังนะคะ^___^)

ลานจอดรถค่ะ มีอนุสาวรีย์ให้ถ่ายรูปด้วย

เริ่มเดินขึ้นเขากันแล้วค่ะ ลุย!!

เหนื่อยอยู่เด้อ.....หอบแฮ่กๆเลยค่ะ

ดอกไม้สวยๆริมทางสวยจัง เราชอบดอกไม้สีม่วง ^___^

แวะพักเหนื่อยแป๊บหนึ่ง พร้อมๆกับชมวิวเมืองค่ะ

ใกล้ถึงแระ ฮึบๆ เดินต่อปายยยยย

จำได้ว่าเราต้องซื้อบัตรเพื่อขึ้นไป N Seoul Tower ราคา 13,000 won ค่ะ

ขึ้นไปชมวิวกันค่ะ

แวะดูของที่ระลึกกันหน่อยค่ะ

ที่สำคัญอย่าลืมแวะเข้าห้องน้ำ พร้อมๆกับชมวิวเมืองนะคะ555

ก็จะเขินๆ นิสสสนึงค่ะ

สาวกคิตตี้ห้ามพลาดค่ะ มีหลายมุมให้ถ่ายรูปเลยค่ะ สวยๆทั้งนั้น แต่เราก็ไม่ใช่สาวกขนาดนั้น เราก็ยัง enjoy taking pictures มากค่ะ หุหุ

7. Haneul Park

สวนนี้เป็นสวน 1 ใน 5 แห่งของ World Cup Park ซึ่งเป็นสวนขนาดใหญ่ ของกรุงโซลเป็นเมืองในพื้นที่ ของจังหวัดคยองกีโด, Gyeonggi-do ในประเทศเกาหลีใต้ค่ะ...เราไปที่นี่วันที่ 20เดือนตุลาคม 2562ค่ะ ในสวนมีการจัดเทศกาลพอดี ใครอยากได้ความละมุน อยากได้ภาพถ่ายแนว Autumn สวนแห่งนี้ไม่ควรพลาดอย่างยิ่งนะคะ

แต่เนื่องจากว่าเราไม่รู้มาก่อนว่าเราจะมาที่นี่ชุดเราเลยออกแนวแมนๆไปหน่อย ถ้ารู้ล่วงหน้านะ เดรสฟรุ้งฟริ้งกระดิ่งแมวต้องมาจ้า55555 เพราะเกิดความผิดพลาดเล็กน้อยเพราะครูเกาหลีที่พามาบอกว่าจะพาไปเดินเขา555555555 แต่ก็เดินขึ้นมาจริงๆแหละ เดินขึ้นเขาจนหอบ คนเกาหลีชอบเดินค่ะ ดีเนอะอากาศบ้านเขาเหมาะกับการเดิน ถ้าเดินบ้านเราน่ะเหรอ....ตัวไหม้ตั้งแต่ 2 นาทีแรก55555 

ที่ตั้ง: 95, ฮานึลคงวอน-โร , มาโพ-กู , โซล (서울특별시마포구하늘공원로) 95)

การเดินทาง: รถไฟใต้ดินสาย 6 สถานี World Cup Stadium Exit 1 จากนั้นเดินประมาณ 15 นาที 

อารมณ์ประมาณเดินไร่อ้อยบ้านเรา5555 แต่ดั๊นนนนถ่ายรูปออกมาละมุนนี แบบเกาหลีเด้อ5555

เกาหลีนี่มีความคิดสร้างสรรค์จริงๆค่ะ แค่ดอกหญ้า ก็ทำเป็นสวนที่คนแห่กันมาชมความงามมากมายเลยจ้า


ขอบคุณพี่ๆ เพื่อนร่วมเดินทางค่ะ ^^


***************************************************

Covid-19 หายเมื่อไหร่........ อยากออกไปท่องโลกเพื่อสร้างประสบการณ์ใหม่ๆ ให้ตัวเอง เหลือเกิน

เพราะเวลาไม่เคยคอยใคร......เหลือไว้แค่ความทรงจำอันหอมหวานให้เราได้หวนคิดถึง^^

ฝากติดตามรีวิวอื่นๆ ในเกาหลีใต้ของเราด้วยนะคะ

ไม่ว่าจะเป็น Busan, Daejon, Sejong, Mt. Seorak (Sokcho), Incheon, เกาะนามิ, Gongju  

and so on^^

ขอบคุณสำหรับการกดแชร์ประสบการณ์....เรื่องราวท่องเที่ยวของเราด้วยนะคะ^____^

พูดคุย แลกเปลี่ยนข้อมูลกันได้เพิ่มเติมที่ เพจ Facebook : Be Cool by Kru Gib ได้เลยค่ะตามลิงค์นี้เลยค่ะhttps://www.facebook.com/becoolbykrugib/

Be Cool by Gib

 วันพฤหัสที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2563 เวลา 15.16 น.

ความคิดเห็น