.ทริปนี้ผมกะว่าจะตามรอยสถานที่ท่องเที่ยวสุด chic ของเมืองเชียงใหม่ที่เห็นคนไปกันมาเยอะเหลือเ กิน ผมเริ่มต้นด้วยการหาข้อมูลตาม web ต่างๆล่วงหน้ามา 3 เดือนว่าถ้าเราจะไปเชียงใหม่ด้วยระยะเวลา 2 วันหนึ่งคืนจะไปที่ไหนดีที่มีเวลาพอ ก็ได้ 3 สถานที่นี้ที่พอจะมีเวลาได้ไปเก็บภาพถึงแม้ว่าอาจจะไม่ใช่ช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการเก็บภาพแสงเช้าและเย็น เพราะอยู่ในช่วงฤดูฝน สรุปไว้ 3 ที่คือ แม่กำปอง ระเบียงดาว ม่อนแจ่ม และถ้ายังมีเวลาเหลืออาจจะแวะที่อื่นๆอีก เนื่องจากมีเวลาทำการบ้านอยู่นาน ผมจัดแจงจองที่พักและตั๋วโปรของ lion air รวมถึง AVIS รถเช่าไว้ล่วงหน้าเพื่อย่นระยะเวลาการเดินทาง จะได้ใช้เวลาท่องเที่ยวอย่างเต็มที่

...ออกเดินทางจากท่าอากาศยานดอนเมืองไฟรท์ 8 โมง ถึงสนามบินเชียงใหม่ 9 โมง 5 นาทีนั่งชมวิวบนท้องฟ้าเมืองกรุงไปเรือยๆ แผล่บเดียวก็ถึงนครเชียงใหม่แล้ว จัดแจงติดต่อรับรถจาก avis จองไว้ในราคา 900 นิดๆ รวมประกันภัยทุกอย่างแล้ว มัดจำเป็นบัตร credit ไว้ 2 หมื่นหรือ 3 หมื่นนี่แหละไม่แน่ใจแต่แปลกใจว่าทำไมเขาทำ sale และให้ sign ไว้เลย เลย ปกติทั่วๆไปเขาจะแค่ทำ authorize กันวงเงินไว้ แต่อาจจะเป็นนโยบายของบริษัทเขา ผมรับรถ 10 โมง คืนรถก็ 10 โมงวันรุ่งขึ้นแต่แถมให้เพิ่มอีก 4 ชั่วโมงฟรีไม่เสียตังค์เพิ่มอีกก็ดีเลยเพราะไฟร์ทกลับผม 4 โมงเย็น ตอนแรกคิดว่าคืนรถแล้วกะเช่ามอไซด์เที่ยวช่วงรอไฟร์ทออกก็เป็นอันไม่ต้องแล้ว

รับรถเสร็จก็ตั้ง GPS ไปวัดพระสิงห์ก่อนเพื่อไหว้พระขอพรกับการเดินทางคนเดียวในครั้งนี้ หาที่จอดรถอยู่พักใหญ่ก็ลงเดินเข้าไปในวัดเพื่อไหว้ของพรพระพุทธสิหิงค์ วัดพระสิงห์เป็นวัดเก่าแก่คู้บ้านคู่เมืองของชาวเชียงใหม่มาตั้งแต่โบราณ เป็นศูนย์รวมจิตใจของชาวล้านนาใครไปเยือนเชียงใหม่อย่าพลาดไปกราบพระขอพรกันน่ะครับ ผมชื่นชอบวัดทางเหนือมากจึงใช้เวลาเก็บภาพอยู่นานพอสมควร วัดพระสิงห์ในวันนี้ก็ยังคราคร่ำไปด้วยนักท่องเที่ยวจีนที่ส่วนใหญ่มาเป็นกรุ๊ปทัวร์ส่งเสียงโขมงโฉงเฉงจนเป็นเอกลักษณ์ที่เห็นได้ทุกมุมโลก

ผมออกจากวัดพระสิงห์ก็มุ่งหน้าสู่บ้านแม่กำปองทันที เพราะว่าวาง plan แล้วว่าจะไปบ้านแม่กำปองก่อนเพราะอยู่ใกล้สนามบินมากที่สุด แล้วค่อยย้อนกลับไปม่อนแจ่ม และไปนอนที่บ้านระเบียงดาว และอีกวันก็อาจจะขับรถย้อนกลับมาแวะเที่ยวตามรายทางแล้วมาขึ้นเครื่อง

บ้านแม่กำปองตั้งอยู่กิ่งอำเภอแม่ออน ออกจากสนามบินก็มุ่งหน้ามาทาง อ.สันกำแพง มายังกิ่งอ.แม่ออน และเลยโครงการหลวงบ้านตีนตกมานิดเดียวก็ถึงตัวหมู่บ้าน รวมระยะทางประมาณ 50 กว่าโล หมู่บ้านเล็กๆนี้ตั้งอยู่ในหุบเขามีถนนเข้าหมู่บ้านทางเดียวเป็นทางคอนกรีตเล็กๆ รถพอสวนกันได้

พอมาถึงหมู่บ้านแล้วขับไปตามทางเรื่อยๆ ผมเลือกที่จะเข้าไป check in ยังร้านกาแฟชมนกชมไม้ซึ่งอยู่เข้าไปบนสุดของตัวหมู่บ้านก่อน สภาพร้านกาแฟเป็นบ้านไม้ มีระเบียงยื่นออกไปชมวิวมุมสูงของหมู่บ้าน เปิดทุกวัน ตั้งแต่ 8:00 -17:00

ลานไม้กระดาน และโต๊ะกาแฟที่เป็นโต๊ะนักเรียนสมัยก่อน และมีเปลไม้ไผ่สำหรับนอนเล่น ประกอบกับระเบียงที่ยื่นออกไปของร้านกาแฟ ถือเป็น hilight ของที่นี่เลยทีเดียว สภาพอากาศวันนั้นค่อนข้างอบอ้าวไปสักนิดผมเลยสั่งชาเขียว + เค้กแครอทมานั่งชิลชมวิวไปเรื่อยๆ หากมาในช่วงหน้าหนาวคงจะฟินดีทีเดียว

นี่แค่จุดแรกยังใช้เวลานานขนาดนี้ ผมเหลือบมองดูนาฬิกาอีกครั้งปาเข้าไปบ่ายโมงกว่าแล้ว กะว่าจะขับรถไปยังจุดชมวิวกิ่วฝิ่นสักหน่อยเลยต้องยกเลิก ขับย้อนกลับมาทางเดิมเพื่อมาดูไฮไลท์อีกที่ นั้นคือวัดแม่กำปอง หรือวัดคันธาพฤกษาราม ที่ตั้งอยู่ท่ามกลางแมกไม้สายน้ำของขุนเขา บริเวณวัดด้านบนซึ่งอยู่ติดกับถนนของหมู่บ้านจุดที่เรายืนอยู่จะมองเห็นเจดีย์เก่า โบสถ์เก่า และศาลาการเปรียญซึ่งเหมือนวัดทั่วๆไป แต่เดินออกไปอีกหน่อยมองลงไปจะเห็นโบสถ์เล็กๆที่ตั้งอยู่ริมลำธาร บรรยากาศเหมาะแก่การปฎิบัติธรรมเป็นอย่างมาก

ใช้เวลาไม่นานเพราะต้องรีบทำเวลา ออกไป check in ยังจุดต่อไป และหาอะไรรองท้องด้วย ผมมาที่ร้านกาแฟชื่อดังอีกร้านของหมู่บ้านคือร้านบ้านฮิมห้วย ลุงปุ๊ด&ป้าเป็ง ซึ่งร้านนี้จะขายอาหาร และมีโฮมเสตย์ให้พักด้วย สภาพร้านเป็นบ้านไม้ 2ชั้น ชั้นบนเป็นส่วนห้องพัก ชั้นล่างจะเป็นร้านกาแฟตกแต่งเรียบง่ายดูอบอุ่นสบายๆไสตล์ slowlife มีมุมสงบเล็กๆน่ารักเหมาะแก่การพักผ่อนนอนอ่านหนังสือเล่นๆ


ผมสั่งอาหารท้องถิ่นมาทาน มีแกงฮังเล น้ำพริกอ่อง ไข่เจียวมาทาน ช่วงที่รอก็เก็บภาพไปเรื่อยๆ อาหารหน้าตาดีทีเดียว จัดการฟาดเรียบ แต่มีเหลือเพราะยัดต่อไปไม่ไหว ตบท้ายด้วยกาแฟอีกแก้ว เพราะทำท่าจะหนังท้องตึงหนังตาหย่อน

กว่าจะออกจากบ้านแม่กำปองได้ก็บ่าย 2 โมงครึ่งแล้ว ขับรถย้อนกลับมาทางเก่าว่าจะแวะไปชมร้านกาแฟไจแอนท์ ร้านดังที่สร้างอยู่บนต้นไม้ซึ่งอยู่ตรงทางแยกเข้าแม่กำปอง เวลาคงไม่พอไหนจะไปม่อนแจ่มอีก เลยรีบขับรถมุ่งหน้าสู่ อ.แม่แจ่มทันที แต่คำนวนเวลาดูแล้ว น่าจะมีเวลาไม่พอเพราะทางเข้าไปเชียงดาวจะอยู่ลึกมากขับรถในเวลากลางคืนเข้าไปในป่าในเขาโดยที่ไม่จัดเจนเส้นทางอาจจะมีอันตรายได้ เปลี่ยนแผนใช้เวลาเดินทางจากแม่กำปองไปอ.เชียงดาวและเข้าไปยังบ้านระเบียงดาวประมาณ 2 ชั่วโมงได้ พอเริ่มเข้าตัวอำเภอ จะมองเห็นแนวเทือกเขาของดอยหลวงเชียงดาวตั้งตระหง่านน่าเกรงขามอยู่เบื้องหน้า เป็นดอยที่ผมรู้สึกถึงความศักดิ์สิทธิ์และตำนานของเจ้าหลวงคำแดง เมื่อได้มาเยือนทุกครั้ง

ทางไปบ้านระเบียงดาว จากถนนสายหลักถึงสีแยก เลี้ยวขวาจะไปตัวอำเภอเชียงดาว แต่เราจะเลี้ยวซ้ายขับเข้าไปจนถึงวัดถ้ำเชียงดาว ให้เริ่มต้นที่นี่เลยเลี้ยวขวาขับเข้าไปตามทางที่คดเคี้ยว ผ่านหน่วยพิทักษ์ป่าสบห้วยผาตั้ง - นาเลา ผ่านจุดเริ่มเดินดอยหลวงเชียงดาว-อ่างสลุง จนในที่สุดก็มาถึงบ้านระเบียงดาวในยามโพล้เพล้

พิกัดตำแหน่งบ้านระเบียงดาว : 19.41672, 98.845233


จริงแล้วสถานที่ที่อยากไปที่สุดก็คือบ้านระเบียงดาว และไม่อยากพลาดเพราะว่าที่แห่งนี้จองยากมากๆ ที่จองยากไม่ใช่อะไรเป็นเพราะความสวยงามของสถานที่ตั้ง ที่มีวิว panorama ที่มองเห็นดอยหลวงเชียงดาวในระยะใกล้ทำให้ความต้องการของคนที่อยากจะไปพักที่นั้นมีจำนวนมากและจำนวนห้องพักจะมีน้อยไม่เพียงพอ ทำให้ต้องจองล่วงหน้ากันหลายเดือน ด้วยเหตุนี้ผมจึงต้องหาช่วงเวลาที่คนเข้าพักน้อยนั้นก็คือช่วงหน้าฝนนั่นเอง และถึงแม้จะเป็นช่วงหน้าฝน วัน ศ-ส-อา ส่วนใหญ่จะเต็ม ทำให้ผมต้องเขยิบมาพักในวันธรรมดา กว่าจะติดต่อได้ใช้เวลา 2 วัน จากที่เคยอ่านรีวิว เขาบอกว่าเป็นเพราะที่บ้านระเบียงดาวนั้นจะไม่มีสัญญาณโทรศัพท์ ต้องใช้ความพยายามติดต่อไปเรื่อยๆ จนสามารถติดต่อได้ ผมจองบ้านพักไว้ล่วงหน้า 5 เดือนโดยที่ทางบ้านระเบียงดาวไม่เรียกเก็บมัดจำอะไรเลย ในใจก็หวั่นๆเหมือนกันว่าเขาจะลืมไหม แต่พอก่อนวันเดินทางสักอาทิตย์นึงทางเขาจะโทรมาถามยืนยันการเข้าพักอีกครั้ง ค่าที่พักก็คนละ 500 รวมอาหารเย็น กับ อาหารเช้า ผมจองบ้านพักหลัง A4 ซึ่งเป็นหลังที่วิวดีที่สุด เปิดโล่งไม่มีอะไรมาบดบังสายตา มองเห็นดอยหลวงได้เต็มตา แต่ตอนนี้มีสร้างบ้านพักใหม่เพิ่มอีกหลัง ซึ่งอยู่ต่ำลงไปกลายเป็นหลังนี้จะดีที่สุด สรุปแล้วหลังที่วิวสวยจะเป็น A3 , A4 และ A10 ซึ่งเป็นหลังใหม่นั่นเอง มีโอกาสได้ชื่นชมแสงอาทิตย์อาบขุนเขาอยู่นิดหน่อยฟ้าก็มืด พนักงานจัดแจงยกสำรับกับข้าวมาให้ทานตรงระเบียงหน้าบ้าน เมนูจะเป็นไข่เจียว ต้มจืด ผัดผักและน้ำพริกนรกแตกสูตรของบ้านระเบียงดาว อาหารรสชาติจะค่อนข้างจืดสักหน่อย แต่น้ำพริกชาวเขานี่เผ็ดจริงๆ บ้านระเบียงดาวจะไม่มีไฟฟ้าใช้หลัง 2 ทุ่มก็อาศัยเทียนไข ขอได้เลยจากพนักงาน ส่วนอากาศยามค่ำคืนหน้าฝนก็เย็นๆไม่ถึงกับหนาวมาก นั่งกินข้าวคนเดียว ฟังเสียงจักจั่นไปเรื่อยๆ สักพักก็เอนกายลงนอนตรงระเบียงหน้าบ้านนั้นแหละ เผลอหลับไปงีบนึง เลยลุกเข้าห้องกางมุ้ง หลับยาวทั้งคืน

ตั้งนาฬิกาปลุกไว้ตี 5 กะลุกมาถ่ายแสงเช้า และเก็บดาวตอนใกล้รุ่งสักหน่อยโดยลุ้นว่าจะมีหมอกลอยมาให้เห็นไหม แสงค่อยๆโผล่ออกมาตรงเชิงเขา ความมืดค่อยๆจางลง แต่เช้านี้เมฆค่อนข้างเยอะ หมอกแทบไม่มีให้เห็นผมเดินออกไปยังระเบียงส่วนของร้านอาหาร นั่งกินอาหารไปถ่ายวิวไป ผู้เข้าพักเริ่มทะยอยออกมารับประทานอาหารเช้าและชื่นชมบบรยากาศกันบ้างแล้ว อากาศยามเช้านั้นสดชื่นมากเพราะมีฝนตกลงมานิดหน่อยเมื่อตอนใกล้รุ่ง

อาหารเช้าที่นี่จะเป็นข้าวต้มร้อนๆ กับกาแฟ และวิว !! เติมได้ไม่อั้น


มาดูสภาพภายในห้องพักกันบ้าง บ้าน A4 ที่ผมจองไว้จะอยู่หลัง counter check in เดินมาทางขวาผ่านห้องครัวมาแล้วเลี้ยวซ้ายจะมีทางลงไปยังบ้านพัก บ้าน A4 จะอยู่ด้านซ้าย A3 อยู่ด้านขวาและ A10 จะอยู่ล่างลงไปฝั่งเดียวกับ A4 จากมุมนี้ จะเป็นทำเลที่ดีที่สุดของบ้านพัก ตัวบ้านจะเป็นไม้ไผ่สานหลังคากระเบื้อง ภายในห้องก็ไม่มีอะไรมากจะมีเครื่องนอน จำพวกที่นอนหมอนมุ้งแบบบ้านๆ มีห้องน้ำในตัวแต่ขอบอกน้ำเย็นมาก ไม่มีเครื่องทำน้ำอุ่น

ใช้เวลาเก็บภาพอยู่พอสมควร วันนี้ต้องรีบออก เพื่อไปยังสถานที่ต่อไป ผม check out ตอน 7:30 ย้อนกลับไปทางเดิม แวะกราบลาศาลเจ้าหลวงคำแดง ที่อยู่ตรงจุดเริ่มเดินขึ้นยอดดอยหลวง แวะถ่ายภาพวัดถ้ำเชียงดาว ก่อนที่จะวิ่งเข้าตัวอำเภอเพื่อไปกินร้านข้าวขาหมูชื่อดังของเชียงดาว

ออกจากเชียงดาวก็ย้อนกลับมาทางเดิมมุ่งตรงไปยังเส้น อ.แม่ริมแล้วเลี้ยวขวาเข้าสายแม่ริม-สะเมิง ขับไปประมาณ 15 กิโลแล้วเลี้ยวขวาตรงบ้านโป่งแยก และขับต่อไปอีกประมาณ 6 กิโล เส้นทางช่วงนี้ต้องระมัดระวังเป็นพิเศษเพราะเป็นทางเข้าหมู่บ้านม้งถนนพอสวนกันได้ มีโค้งหักศอกแคบๆอยู่ประมาณ 2-3 จุดก่อนถึงยอดม่อนแจ่ม

ม่อนแจ่มจะตั้งอยู่ในหมู่บ้านม้งของโครงการหลวงหนองหอย ข้างบนจะมีวิวเปิดโล่ง 360 องศา มีพรรณไม้ของโครงการที่ปลูกไว้ต้อนรับนักท่องเที่ยวอยู่มากมาย นอกจากนี้มองไปยังม่อนใกล้เคียงจะมีแปลงปลูกกผักโครงการหลวง แดดช่วงกลางวันจะร้อนเป็นพิเศษแต่ยังมีลมพัดมาให้คลายร้อนบ้าง ผมใช้เวลาพักนั่งกินกาแฟ ถ่ายรูปเล่นอยู่พอสมควรแก่เวลาก็ขับรถกลับเข้าเมือง

ขากลับขับรถกลับเข้าเมืองเพื่อไปส่งรถตอนบ่าย 2 โมง ดูนาฬิกายังพอมีเวลา แวะถ่ายภาพวัดป่าดาราภิรมย์ซึ่งอยู่ระหว่างทางกลับ วัดแห่งมีความสงบร่มรื่น ความงดงามเต็มไปด้วยศิลปะของล้านนาและของมีค่าต่างๆมากมาย

ออกจากวัดได้ก็รับบึ่งกลับเข้าเมือง มาคืนรถเลทไปเกือบชั่วโมง แต่ทาง Avis ก้ไม่ได้ ชาร์จเพิ่ม ดีจริงๆ ไฟร์ทออก 4 โมงกว่า มีเวลานั่งคำนวนค่าใช่จ่ายคร่าวๆที่หมดไป

- ค่าตั๋วไป-กลับ ดอนเมือง - เชียงใหม่ 780

-ค่าเช่ารถ บ.Avis 980

-ค่าน้ำมัน ประมาณ 800

-ค่าที่พักบ้านระเบียงดาว 500

-ค่าใช้จ่ายจิปาถะอื่นๆไม่เกิน 1000

สรุปแล้วหมดไป ไม่เกิน 4500 กับทริป 2 วัน 1 คืน แต่ควรคำนวนเผื่อเวลารถติดในตัวเมืองเชียงใหม่กันด้วยน่ะครับ

พบกันใหม่ review ครั้งหน้าน่ะครับ ขอบคุณที่ติดตามชม ^^


-ขอขอบคุณเพื่อนๆที่ได้เข้ามาชม และ กด like กด share เป็นกำลังใจน่ะครับ

-แลกเปลี่ยนข้อมูล หรือพูดคุย สอบถามข้อมูลการเดินทาง ได้ที่ Fanpage : สตั๊ดดอยร้อยเรื่องราว

-ติดตามบทความเก่าๆ ได้ที่นี่ครับ ทริปเดินทางทั้งหมด






















สตั๊ดดอย ร้อยเรื่องราว

 วันเสาร์ที่ 23 เมษายน พ.ศ. 2559 เวลา 17.45 น.

ความคิดเห็น