ออกตัวก่อนเลยฮะ รีวิวนี้ยาวมาก ด้วยความตั้งใจจะเป็นการบันทึกทั้งการเดินทางแทรกประวัติศาสตร์ 555 

" See Bagan and Live " ไม่แน่ชัดว่าคำกล่าวนี้ อาโนด์ ได้กล่าวไว้หรือเปล่า แต่ขอบอกว่า มันเป็นจริงตามที่บอกฮะ การได้เห็นบากัน (พุกาม) ทำให้อยากมีชีวิตอยู่ (ประมาณนั้น) ใช่ ประมาณนั้น 5555 โอ้โห หลุดไปอาณาจักรโบราณเหมือนในการ์ตูนเลย อันนี้เป็นรีวิวชุดสุดท้ายละฮะของการเยือนพม่า เริ่มด้วย

ตอนแรก รายละเอียดการเดินทางจากกรุงเทพ - ย่างกุ้ง ขอพรเทพทันใจ ถ่ายรูปพระนอนตาหวาน แล้วก็จบวันด้วยชเวดากอง ก่อนจะนอนบัสจากย่างกุ้งมาโผล่นี่ ฝากตอนที่ผ่านมาไว้ด้วยฮะ 

เริ่มเดินทางโดยตอนนี้   "ย่างกุ้ง - พุกาม" ตอน "เทพทันใจ" ต่อด้วย "พระนอนตาหวาน" ปิดท้ายวันด้วย "ความศรัทธาแห่งมหาเจดีย์ชเวดากอง" จบวันแล้วก็วาร์ปมาพุกามเลยฮะ

การเดินทางไปพุกาม ไปได้ทั้งทางรถบัส รถไฟ แล้วก็เครื่องบิน โดยมากถ้าเป้าหมายคือพุกาม ก็จะนั่งเครื่องไปลงมัณฑเลย์กัน แล้วก็นอนแถวนั้น เช้ารถไปมันใกล้ แต่เราเริ่มจากย่างกุ้ง ก็ตามว่าฮะบินไปลงย่างกุ้งแล้วค่อยมาพุกาม จากย่างกุ้งมาพุกาม ก็ทั้ง บิน บัส รถไฟ แหม สายแบ็คแพ็คแบบเรา เพื่ออรรถรส (เพื่อนชอบด่ากับคำนี้ มึงจะลำบากไปถึงไหน 555) เลือกรถบัสฮะ ใช้เวลาเดินทางราว 10 ชั่วโมง กำลังดี ประหยัดค่าโรงแรม 5555 ออกสามทุ่ม ถึงนู่นก็เช้าพอดี ส่วนรถไฟนานไป เวลาน้อย 

>>  เริ่มด้วยจองรถบัสจากเว็ป 12Go ที่ลิ้ง https://12go.asia/th/bus/yangon/bagan ศึกษารายละเอียดได้ในลิงค์ เขาบอกละเอียดอยู่ จองทั้งไปทั้งกลับ จ่ายผ่านบัตรเครดิต เดี๋ยวเขาจะจัดการให้ แล้วก็ไปสักประมาณสัปดาห์ บริษัทรถจะส่งตั๋วที่เป็น PDF มาให้เราทางเมล์ ปริ้นไปยื่น รอขึ้นรถ จบปิ๊ง เราจองของ Mandalar minn Express (VIP) ไปกลับ 1,326 บาท ตีเที่ยวละ 650 กว่าบาท กับ 10 ชั่วโมง ก็โอเคล่ะประทับใจน้องพนักงานมาก สุภาพ ดูแลดี คอยบอกว่าลงตรงไหน ที่สำคัญจำเราได้ด้วยตอนกลับ 5555 (ขึ้นรถที่ขนส่งอองมิงกลาบัส)

>> รถกว้างขวางสบายดีฮะ ดีกว่ารถบ้านเราอีก 55555 บนรถมีผ้าห่มให้ ผ้าห่มหอมด้วย ถือว่าผ่าน มีน้ำ เปล่า น้ำอัดลม ขนมแจกบนรถ ไปสักพักจะจอดพักรถให้เข้าห้องน้ำ-กินข้าว ประมาณ 30 นาที ไม่ลงก็ไม่ได้ด้วย กำลังช่วงหลับเลย ขึ้นรถก็หลับยาวไปเลยฮะ 

ถึงก่อนเวลาควรถึงคือ ยังไม่เช้า 555 ตามแพลนมันต้องถึงเจ็ดโมงเช้าไง แล้ววางแผนไว้ว่าจะเข้าเมืองไปเช่า e scooter ขับ เพราะมันแค่ 8,000 mmk เอง แต่ด้วยความมึนงงประกอบกับยังไม่เช้า ใช่ฮะ เจอแท็กซี่รุม ตอนแรกจะให้พาไปแค่ดูพระอาทิตย์ขึ้น แล้วเช้ารถขับ แต่คือคุยไปคุยมานับตังค์ตกลงกับเขาเฉยเห้ยยยยยยย 55555 จาก 8,000 mmk เป็น 90,000 mmk ใช่ ไม่ผิดฮะ กระฉูดไปนู่นเล้ยยยยยยย โถแม่คุณเอ๊ย นี่ล่ะนะ ความอ่อนของการเดินทางคนเดียว 555 แต่ก็เอาฮะ ประสบการณ์ ตังค์ยังพอ ไอ้ครั้นจะขับไปเองก็คงหลงชิบหาย 5555 ตกลงเรียบร้อยก็ให้พี่เขารีบพาไปจุดพระอาทิตย์ขึ้นเลย ตามว่าล่ะ ไปดูพระอาทิตย์ตามเจดีย์ไม่ได้แล้ว แกก็เลยพามาดูที่เป็นเนิน เตรียมสำหรับให้นักท่องเที่ยวดู  ไอ้พระอาทิตย์ขึ้นไม่เท่าไหร่ มันไม่หวือเท่าไหร่ เพราะมันติดต้นไม้ แต่ฟ้าสีสวยมาก

ไอ้ที่หวือหวาคือ บอลลูนฮะ บอลลูนกำลังขึ้น เพียบเลย แต่มันดันอยู่คนละฝั่งกับพระอาทิตย์ นั่นก็แสดงว่า พี่เขาพามาที่ไม่ว้าว เสียใจ 5555 แต่ก็เอาเถอะ หันมาถ่ายบอลลูนไป

แต่คือ มันมีหมอกกกกกกกก ตอนเช้าาาาาาา เลยได้แบบมัวๆ แบบนี้ เสียใจ แต่ถึงภาพจะมัวแต่ความรู้สึกนั้นชัดเจนนะ 55555 ใช่ ชัดเจน ตื่นเต้นตอนเห็นบอลลูนขึ้นเยอะๆ เต็มท้องฟ้าเลย กดชัตเตอร์ไปเยอะอยู่ 

หลังจากกดไปหนำใจแล้ว ก็เริ่มตระเวนได้ฮะ เราทำการบ้านมาอยู่ จดลิสที่เป็นไฮไลท์ไว้ แล้วก็ยื่นให้พี่เขาดู พี่เขาเก่งอังกฤษนะ แต่เรานี่สิ อย่างง่อย 5555 ก็สื่อสารกันไปได้งูๆ ปลาๆ หลังจากส่งลิสแล้ว พี่เขาก็ดำเนินการฮะ เริ่มด้วยที่แรก

เจดีย์วิหารธรรมยางจี (Dhammayan Gyi Temple) เจดีย์วิหารที่ใหญ่ที่สุดในพุกาม แอบใส่เรื่องราวด้วย เป็นเจดีย์ล้างบาป ที่แรงงานสร้างวิหารมาจากการบังคับขู่เข็ญ เป็นประวัติของวิหารกับการได้บัลลังมาจากการฆ่าและการโกหก จึงสร้างวิหารแห่งนี้เพื่อล้างบาป แต่ด้วยล้างกันไม่ได้บาปเลยตามทัน จบไปแบบสั้นๆ แต่รูปไม่จบนะจ๊ะ ตามได้ทางนี้จ้ะ เจดีย์วิหารธรรมยางจี

สรุปคือ วิหารนี้สร้างไม่เสร็จ ภายในวิหารเป็นช่องทางยาว ส่วนมากจะเป็นแบบนี้ในหลายๆ วิหาร

แอบติดใจตรงพระพุทธรูปของพุกาม ไม่มีคอ ใช่ ไม่มีคอ ไม่ใช่ไม่มีคอ เรียกได้ว่ารูปคอจะดูสั้นมาก หาข้อมูลแพพ " ศิลปะพม่าแบบเมืองพุกามหรือพม่าอย่างแท้จริงพัฒนาขึ้นเมื่อราวกลางพุทธศตวรรษที่ 16 (พ.ศ. 1656 -1830) เป็นสมัยซึ่งเกิดขึ้นภายหลังระยะเวลาหัวเลี้ยวหัวต่อของอิทธิพลวัฒนธรรมมอญกำลังเสื่อมลง ศิลปะพุกามมีวิวัฒนาการปรับเปลี่ยนและต่อยอดไปจากเดิมโดยมีเอกลักษณ์เป็นตัวเองมากขึ้น เริ่มตั้งแต่ในสมัยพระเจ้าอลองสิทธู สร้างวิหารขนาดใหญ่ไว้มากมาย โดยภายในวิหารมีห้องและระเบียงทางเดินภายในซึ่งทำโปร่งกว่าสมัยก่อน ศิลปะพม่าสมัยพุกามนับว่ามีความรุ่งเรืองเป็นอย่างมาก อิทธิพลของมอญเริ่มจางหายไป และตัวหนังสือพม่าได้เริ่มเข้ามาแทนที่ภาษามอญที่หมดความนิยมลง แต่เมื่อกองทัพมองโกลแห่งประเทศจีนตีเมืองพุกามได้ในปีพ.ศ. 1830 ซึ่งตรงกับ การปกครองของพ่อขุนรามคำแหงมหาราช สมัยสุโขทัยของไทย หลังจากนั้นศิลปะพม่าและอาณาจักรเมืองพุกามจึงเสื่อมลง" (อ้างอิง) สรุปคือ ศิลปะแบบมอญ 

รอบวิหารมีของขายอยู่ ไม่กล้าซื้อกลับมา 555 ด้วยความรู้สึกส่วนตัวที่ว่า เวลาเราไปสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ เราไม่ควรเอาอะไรกลับมาก นอกจากความรู้สึกและสิ่งที่เห็น 5555 (หนูกลัว)

วิหารอนันดา (Ananda Temple) คือ โคตรสวย ยอดสีทองตัวกับฟ้าสีคราม เขาว่าวิหารแห่งนี้เป็นสุดยอดความงามของสถาปัตยกรรมเมืองพุกาม (จริงฮะ งามมาก) ไปดูรูปความงามได้ตามนี้ฮะ "วิหารอนันดา"

ตัววิหารสูง เป็นทรงสี่เหลี่ยมจตุรัส มีมุขยื่นสี่ด้าน ข้างในมีพระพุทธรูปองค์ใหญ่ยืนอยู่ ตามผนังจะมีภาพจิตรกรรมเป็นระยะๆ

เจดีย์ชเวสันดอร์ (Shwesandow Pagoda) เดิมทีเจดีย์นี้เป็นเจดีย์ที่เปิดให้ขึ้นไปถ่ายรูปทุ่งทะเลเจดีย์ที่เรามักเห็นสวยๆ กันนั่นล่ะฮะ แต่ตอนนี้ปิดไม่ให้ขึ้นแล้ว เพราะกลัวจะพัง ก็อย่างว่าละ ไม่แปลกที่จะต้องรักษา เป็นเจดีย์สูง มีบันไดขึ้นสี่ด้าน ตามตำราว่าเป็นเจดีย์ที่บรรจุพระเกศาธาตุไว้ ... แล้วคือ ขึ้นไปเหยียบกันทำไมตอนนั้น (-"-)

วิหารชินบินตาเลียว (Shinbinthalyaung Temple) เป็นวิหารที่เป็นกล่องยาวๆ มีพระพุทธรูปนอนอยู่องค์หนึ่ง เต็มเลย นอนเต็มเลย บางคนเลยเรียกว่า พระนอนอึดอัด เออที่นี่ล่ะ ที่มีแม่หญิงชาวพม่าคนหนึ่งเดินตาม ล้วก็พยายามจะขอแลกเงินบาทไทยกับเรา แลกเป็นดอลบ้าง แลกเป็นเงินพม่าบ้าง นังก็พูดของนังไป เราก็พูดของเราไป เหมือนจะไม่เข้าใจกัน แต่เราเข้าใจนังนะ 555 เราก็ไม่ๆ อย่างเดียว พอนังไม่ได้แลกตัง ก็เนอว่าจะพาไปมุมเด็ดๆ ปีนขึ้นไปดูพระอาทิตย์ขึ้นได้ เราเลยบอกว่าพรุ่งนี้กลับแล้ว นังก็ไม่ลดละขายโปสเตอร์อีก 55555 ไม่ได้กินฉันหรอก ฉันก็ยิ้มเอ๋อๆ ไป นังเดินตามอยู่พัก แล้วคงท้อใจไปเอง 55555 รู้สึกดีใจกับความง่อยภาษาของตัวเอง 

เจดีย์วิหารทัตบินยู (Thatbyinnyu Phaya) ก็ว่าชื่อมันแปลกๆ คนไทยเรียกวิหารนี้ว่า สัพพัญญา เป็นเจดีย์ที่สูงที่สุดในพุกาม (มันใหญ่มาก) เข้าไปข้างในได้ เดินวนไปเป็นโล่งๆ มีพระพุทธรูปเป็นระยะๆ เดินถ่ายรูปไปเรื่อย วิหารนี้ถ่ายรูปมาเยอะอยู่ ตามนี้เลยฮะ วิหารทัตบินยู

เจดีย์ชเวซิกอง (Shwezigon Pagoda) ใช่จาก ชเว แปลว่า ทอง วิหารนี้จึงเหลืองอร่ามไปด้วยแผ่นทอง ถ้าย่างกุ้งมีชเวดากอง พุกามก็คงมี ชเวซิกองนี่ล่ะค่ะ ขนาดย่อม ตัวเจดีย์เป็นทรงระฆังค่ำ ดูรูปแบบเยอะๆ ได้นี่เลยฮะ เจดีย์ชเวซิกอง

มีหลายมุมให้ถ่ายรูป

มุมหนึ่งที่เป็นไฮไลท์คือ มองเงายอดวิหารในน้ำฮะ ตอนแรกไม่รู้หรอก แต่เห็นคนมุงดูกัน เลยไปดูบ้าง ได้มาแค่นี้ล่ะ 555

เจดีย์วิหารติโลมินโล (Htilominlo Temple) เล่าว่า วิหารนี้ถูกสร้างเพื่อเป็นที่ระลึกในเหตุการณ์ที่พระเจ้าติโลมินโลขึ้นครองราชย์ อ่านแล้วเล่าให้ฟังนะ นี่นึกว่ามีแค่เราๆ ที่ใช้วิธีแบบนี้ พ่อของพระเจ้าติโลมินโล มีลูกชาย 5 คน เลยเลือกไม่ถูกว่าจะให้ใครครองราชย์ เลยให้ลูกชาย 5 คนนั่งล้อมวง เอาฉัตรตั้งไว้ตรงกลาง ถ้าฉัตรล้มตรงใครคนนั้นขึ้นครองราชย์ไปเลย เจ๋งปะหล่ะ 5555 เหมือนตอนตั้งปากกาเวลาทำข้อสอบ ปากกาล้มไปทางไหนก็กาข้อนั้นงี้ เมื่อพระองค์ขึ้นครองราชย์จึงสร้างวิหารไว้ ณ จุดที่มีการเสี่ยงทาย คือตรงนี้ป็นศิลปกรรมแบบพม่าที่เป็นพม่าจริงๆ รูปเต็มๆ ดูได้ในเพจฮะ เล่าเพลินเลย 555 ติโลมินโล

ที่นี่มีชาวต่างชาติเยอะมาก คงเป็นเพราะเริ่มสายแล้ว 5555 นอกชาวต่างชาติแล้ว ยังมีของขายเยอะมากด้วย ไม่กล้าซื้อมาฮะ 55555 บ้าบอ

เจดีย์บูพญา (Bupaya) หรือที่คนไทยเรียกว่า เจดีย์น้ำเต้า ตั้งตระหง่านอยู่ริมแม่น้ำอิระวดี คาดว่าสร้างตั้งแต่ศตสรรษที่ 8 สมัยชาวปยู ก่อนหน้าอาณาจักรพุกาม อันนี้เป็นองค์ที่บูรณะขึ้นมาใหม่ องค์เก่าเสียหายไปกับแผ่นดินไหว

จุดนี้ยังเป็นจุดชมวิวริมแม่น้ำอิระวดีด้วย

เจดีย์วิหารมหาบดี (Mahabodhi templeเป็นเจดีย์ที่ทรงแปลกๆ ในบรรดาเจดีย์พุกาม เลยกลับมาหาข้อมูล อ๋อ เจดีย์นี้สร้างเลียนแบบเจดีย์ศรีมหาโพธิ ที่พุทธคยา ประเทศอินเดีย คนไทยเรียกเจดีย์นี้ว่า เจดีย์มหาโพธิ์ จุดเด่นคือผนังด้านนอกมีช่องเล็กๆ บรรจุพระพุทธรูปเต็มไปหมด มีคนขยันนับได้ 465 องค์ 

จริงๆ มีอีก 2  นะที่ไป แต่คิดว่าควรจะพอแค่นี้ล่ะ 5555 ดูเยอะ ยังไงติดตามได้ทางเพจนะฮะ รูปส่วนมากจะลงในเพจ แยกเป็นอัลบั้มไว้ ก่อนลาไป พาไปชมความลุ่มหลงยามพระอาทิตย์ตกในอาณาจักรโบราณ (แหม คำซะ 55) 

จบแล้วคร้าบบบบบบบ จบด้วยการนอนบัสกลับมาบินที่ย่างกุ้ง สรุปคือ นอนบนบัส 2 คืน อาบน้ำที่ท่ารถบัส เช้าที่ขนส่งย่างกุ้ง แล้วนั่งแท็กซี่มาสนามบิน ระหว่างรอเช็คอินกลับก็เกิดเรื่องราวประทับใจขึ้น ง่อววววว เกือบแล้วล่ะ เดชะยังมีบุญ 5555 เข้าห้องน้ำฮะ ที่สนามบินนั่นล่ะ ดันลืมโทรศัพท์มือถือไว้ในห้องน้ำ เดินออกมายังไม่รู้ด้วยนะว่าลืม บอกแล้วว่าบุญยังมี คนเข้าถัดไปคือเด็กสาวชาวพม่า นังถือออกมาสะกิดแล้วส่งให้ อินี่ก็เอ๋อไปแพพ แล้วเดินออกมาแบบเอ๋อๆ ตั้งสติได้ก็เลยคิดไปต่างๆ นาๆ ถ้าทัวร์จีนที่ต่อจากเด็กนั่นเข้าไปจะเป็นยังไง แล้วถ้ามือถือหายในต่างแดนจะเป็นยังไง มือถือนี่คือชีวิตเลยฮะ คิดแล้วตกใจ และที่สำคัญ ลืมขอบคุณแบบสุดซึ้งกับเด็กสาวคนนั้น โธ่!!!! นี่ฉันไม่ได้เสวนากับผู้มีพระคุณของฉันเลย จำได้เพียงใส่เสื้อสีเหลือง ...😂  ควรจบได้แล้ว 55555 เดี๋ยวจะไปนครวัด นครธม เอาไว้มาเล่าฮะ บาย 

แวะไปเยี่ยว ไปดูรูป พูดคุย อ่านเรื่องเล่ากันได้ที่เพจได้นะคะ 😊  " เที่ยวให้ได้ "เรื่อง"

เที่ยวให้ได้ "เรื่อง"

 วันจันทร์ที่ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563 เวลา 19.29 น.

ความคิดเห็น