หากใครเคยมีประสบการณ์เดินป่า เดินเขามาบ้างแล้ว

ผมเชื่อว่า ชื่อของ "เขาช้างเผือก" คงต้องเป็นหนึ่งในลิสต์ที่ต้องไปพิชิตให้ได้ในสักวันอย่างแน่นอน

แต่ด้วยระยะเวลาการเปิดเขาที่จำกัด บวกกับจำนวนนักท่องเที่ยวที่สามารถรองรับได้ในแต่ละวัน

ทำให้เหล่านักเดินป่าต้องคอตกกันปีต่อปี เพราะไม่สามารถโทรไปจองการขึ้นเขาได้ทันเวลา

ในหนึ่งวัน ทางอุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ จะเปิดให้บุคคลทั่วไป เดินทางขึ้นไปศึกษาธรรมชาติได้เพียงวันละ 60 คนเท่านั้น

และยังเปิดให้จองล่วงหน้าก่อนขึ้นเขาได้เพียงแค่ 7 วัน

นี่เป็นสาเหตุหลักๆว่าทำไม นักเดินป่าหลายคนถึงยังไม่เคยขึ้นไปสัมผัส วิวทิวทัศน์ และธรรมชาติของเขาช้างเผือกเลยสักครั้ง

แต่ครั้งนี้ ผมต้องขอขอบคุณ พี่เอก และพี่หนึ่ง จากเพจ ล้อหมุน

ที่โทรมาชวนผมในโค้งสุดท้ายให้ไปขึ้นเขาด้วยกัน


เขาช้างเผือก ตรงบริเวณยอดจะมีความสูง 1,249 เมตร จากระดับน้ำทะเล เป็นจุดที่สามารถเห็นวิวได้รอบตัวแบบ 360 องศา โดยไม่มีต้นไม้ใหญ่บดวทัศน์ แต่นอกจากการเดินเท้าเป็นระยะทางกว่า 8 กิโลเมตรแล้ว เรายังต้องผ่านจุดวัดใจขึ้นชื่อ ซึ่งนับเป็นจุดที่อันตรายที่สุดของเขาช้างเผือก แถมยังมีข่าวว่ามีคนเคยตกลงไป ได้รับบาดเจ็บสาหัสอีกด้วยนั่นก็คือ

"สันคมมีด"


**สิ่งที่อยากให้เข้าใจ**

สำคัญมากๆคือ คนส่วนมากจะชอบเขียนรีวิวไว้ว่าไปเขาช้างเผือก 2วัน1คืน ก็เพียงพอ ขอบอกตรงนี้

มัน ไม่ พอ โว้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย

คือการที่เราจะขึ้นเขาช้างเผือกได้

จุดเริ่มเดินจะอยู่ที่ หมู่บ้านอิต่องเหมืองปิล็อก

จุดลงทะเบียนจะอยู่ที่ อทช. ทองผาภูมิ

ซึ่งอยู่ห่างจากตัวเมือง กาญฯ ไปประมาณ 3-4 ชั่วโมง

ทำให้นักท่องเที่ยวที่แบบ

"เออเว้ย อยู่แค่กาญ เราออกเช้ามืดก็ไปถึงทันเดินขึ้น ลงมาก็กลับเลย"

บอกเลยนะจ้ะ ไม่ทันจ้ะ นอกจากจะสามารถออกจาก กทม เที่ยงคืน ไปถึงเช้า ลงทะเบียนแบบไม่นอน แล้วเดินขึ้นเลย

อันนั้นถ้าฮีโร่ไหวก็นับถือใจ

แต่เชื่อเถอะ ไปพักผ่อนก่อนสักคืน ชีวิตการเดินป่าจะสนุกขึ้น


อยากให้เพื่อนๆที่สนใจ ลองเข้าไปอ่านรายละเอียดในแต่ละรูปได้นะครับ เพราะทริปนี้ผมทำคล้ายๆบันทึกการเดินทาง

เพื่อให้เพื่อนๆที่มีความสนใจสามารถตามรอยไปได้จ้าาา^^

#theplanner

#แพลนเองเที่ยวเอง

ฝากกด Like กด Share เป็นกำลังใจให้ The Planner คนนี้ด้วยน้า


ตลอดทริปนี้สิ่งที่นำไปถ่ายทำด้วย

Sony A7Riii + 24-70GM, 16-35GM และ 70-200GM

GoPro Hero 7 Black

มีกล้องมือถือพี่เอก รุ่นไรหว่าจำไม่ได้

กับกล้องลุงตู้ ได้ข้อมูลแล้วจะมาใส่เพิ่มให้ครับ

#sonythailand

#goprothailand

เสาร์ที่ 12 มกราคม 2562

ผมเดินทางขึ้นหมู่บ้านอิต่องพร้อมกับพี่ๆเพจ ล้อหมุน

โดยพวกเราได้ทำการจองพื้นที่กางเต้นท์ไว้บริเวณใกล้โรงเรียน

เต้นท์ราคาหลังละ 350.- สามารถนอนได้ 2 คน

โดยเขามีอุปกรณ์การนอนเตรียมไว้ให้แล้ว

ส่วนเรื่องของการอาบน้ำ ก็จะมีห้องน้ำไว้บริการทางด้านหลัง

คิดค่าเข้าห้องน้ำ 5.- คิดค่าบริการอาบน้ำ 10.-

แอดมินเอก สุดหล่อจากเพจ ล้อหมุน

ค่ำคืนนี้เราต้องนอนเอาแรงกันก่อน เพราะเช้าตรู่ของวันถัดไป เราต้องออกเดินทางลงจากอิต่อง เพื่อไปรายงานตัวต่อเจ้าหน้าที่ ณ อทช. ทองผาภูมิ ก่อนจะกลับขึ้นมาที่อิต่อง เพื่อเริ่มเดินขึ้นเขาช้างเผือก

ปล. หากใครไม่ได้มีเป้าหมายหลักเป็นอิต่อง ผมแนะนำว่าให้จองพื้นที่กางเต้นท์ในบริเวณอุทยาน และนอนที่นั่นไปเลย เพื่อที่เช้าตื่นขึ้นมา รายงานตัว แล้วจะได้ขึ้นมาจอดรถที่อิต่อง แล้วเดินขึ้นเลย ไม่ต้องย้อนไปย้อนมาแบบพวกเราครับ

อาทิตย์ที่ 13 มกราคม 2562

06:00 - 08:00 น.

เป็นช่วงเวลาที่ทางเจ้าหน้าที่เปิดให้นักเดินป่ามารายงานตัวก่อนจะเริ่มเดินขึ้นเขาช้างเผือก

ค่าใช้จ่ายในการขึ้นเขาช้างเผือก

ค่าบริการ 70.-

ค่ายานพาหนะ 30.-

ค่าเจ้าหน้าที่นำทาง 300.-

ค่าประกัน 10.-

**ค่าเจ้าหน้าที่ เก็บก่อนคนละ 300.- ซึ่งถ้าเกิดนักท่องเที่ยวมากันครบ 60 คน ค่าใช้จ่ายจะถูกลง เนื่องจากทางอุทยานมีระบบคิดแบบนี้

ค่าเจ้าหน้าที่นำทาง 5 คน

คนละ 2500.- ทั้งหมด 12500.-

ถ้ามาครบ 60 คนจะหารเฉลี่ยเหลือคนละ 209 บาท

โดยนักท่องเที่ยวสามารถมารับเงินคืนในวันกลับได้ที่ อทช.

***ราคาลูกหาบ คิดต่างหาก ต้องไปจัดการกับลูกหาบเอาเอง

เมื่อลงทะเบียนเรียบร้อย ก็ได้เวลาที่เราจะกลับมาเก็บสัมภาระ เตรียมสภาพร่างกาย และหาพลังงานใส่ท้องก่อนเดินทางไกล

เวลาเริ่มเดินขึ้นเขา

เจ้าหน้าที่แจ้งว่าจะสามารถเริ่มเดินได้ตั้งแต่เวลา 08:30-09:45 น.

ทำให้เรายังพอมีเวลาเดินเล่นในอิต่องกัน เพื่อดูสิ่งที่น่าสนใจ และอาจจะกลับมาซื้อในวันถัดไปก่อนกลับกรุงเทพ

08:30 น.

ได้เวลาเริ่มเดินป่าแล้ววววววว

พี่เจ้าหน้าที่ของกรุ๊ปเรา

พี่สมบท

พี่ๆลูกหาบที่นี่จะใส่เสื้อที่เขียวเขียนว่า เขาช้างเผือก กันทุกคน

มีทั้งพี่ผู้ชาย ผู้หญิง แต่ละคนแข็งแรงมากๆ

ค่าลูกหาบคนละ 1500.- สามารถบรรทุกน้ำหนักได้ 30 กิโล

แต่ถ้าหากเรามีน้ำหนักเกินกว่า 30 กิโล เขาจะคิดเพิ่มที่กิโลละ 30.-

ทางเดินของเขาช้างเผือกก่อนถึงจุดตั้งเต้นท์ ก็จะเป็นทางเดินทางเดียว เราก็จะพบเจอกับคณะที่ขึ้นเขาวันเดียวกับเราตลอดทาง สลับกันไป

เพราะสปีดการเดินของแต่ละกรุ๊ปไม่เท่ากัน

และระยะเวลาการพักก็ไม่เท่ากันเช่นกัน

หากเราเดินมาถึงจุดพักที่ 4 เราก็จะเริ่มเห็นจุดหมายปลายทางของเราชัดเจนยิ่งขึ้น

ยอดสูงๆนู๊นนนน คือยอดเขาช้างเผือก

ส่วนกลุ่มสีๆทางด้านซ้ายล่าง อันนั้นเป็นจุดตั้งแคมป์ของเรา

พอผมมาเห็นพื้นที่แบบนี้ด้วยตาตัวเอง ก็ไม่แปลกใจ ว่าทำไมเขาถึงรับนักท่องเที่ยวได้เพียงวันละ 60 คนเท่านั้น

เพราะพื้นที่การพักแรมเขามีจำกัด ไม่งั้นคงอันตรายถ้าหากรับคนจำนวนมากกว่านี้

ถึงแล้ววววววววววววววววววววววววว

จุดตั้งเต้นท์ของช้านนนนนนนนนนนนนนน

13:50 น. โดยประมาณ

ใช้เวลาไปทั้งหมดเกือบๆ 5 ชั่วโมง

เมื่อเรามาถึงแล้ว ถ้าลูกหาบเขาถึงก่อน เขาก็จะมากางเต้นท์รอพวกเราไว้ให้ครับ

เราจะมีเวลาพักผ่อนในช่วงบ่ายเล็กน้อย ก่อนจะขึ้นสันคมมีด

......................

ห้องน้ำของเขาช้างเผือก

มีด้วยกันทั้งหมด 3 ห้อง และผมบอกเลยว่าทุกห้อง.........

สภาพเดียวกัน.........

15:00 น.

เป็นเวลาที่หลายๆคนเริ่มเดินทางขึ้นสันคมมีด เพื่อไปชมจุดสูงสุดของเขาช้างเผือก โดยเจ้าหน้าที่แจ้งให้เราทราบว่า

เรามีเวลาตั้งแต่ 15:00 - 17:30 น. ในการขึ้นไปชมยอดเขา

และให้เตรียมไฟฉายติดตัวไปให้พร้อม เนื่องจากขาลงอาจจะเริ่มมืด ทำให้เกิดอันตรายได้ง่าย

แต่พี่เอกบอกผมว่า เราขึ้นหลังๆดีกว่า

สัก 16:30 น. ค่อยไป

เนื่องจากแรกๆ เราขึ้นไปยังร้อนมากอยู่

แถมยังต้องไปอัดกับคนอื่นๆที่ไปก่อนเรา

เพราะมันเป็นเส้นทางเดินทางเดียวสวนกัน

โดยเฉพาะบริเวณวัดใจอย่างสันคมมีด ที่ให้ปีนได้แค่ทีละคน ทั้งต้องรอคนทำใจ ต้องรอคนต่อคิว ไปยืนตัวแห้งเป็นปลาหมึกแดดเดียวแน่นอน

"สันคมมีด"

มีนักท่องเที่ยวเฉลี่ยวันละ 10% ที่ตัดสินใจไม่ขึ้นไปชมจุดสูงสุดของเขาช้องเผือก โดยเหตุผลหลักๆ เพราะพวกเขาไม่สามารถผ่านด่านทดสอบที่ชื่อว่า สันคมมีด นี้ไปได้

ตลอดระยะทางการเดิน เราจะเจอป้ายนี้ตลอด

เพราะสองข้างทาง เป็นทางลาดชันแบบที่เรียกได้ว่า ถ้าก้าวพลาดเนี่ย อาจจะลงกลับไปเจอกันอีกทีที่อิต่องเลยก็เป็นได้

ถึงแล้ววววววววววววววววววววววววววววว

"ยอดเขาช้างเผือก"

หากใครขึ้นมาถึงแล้ว อย่าเพิ่งรีบลงนะครับ

ไปถ่ายรูปเล่นกันก๊อนนนน

นี่ เพื่อนร่วมทางของผมในทริปนั้น แต่มาจากไหนกันมั่ง ไม่ได้ถามไว้แหะ

ถ้าเจ้าตัวมาเจอ ก็แสดงตัวด้วยน้าาา

เผื่อมีโอกาสไปเดินป่ากันอีก^^

กรุ๊ปนี้มีเฟซแล้ว มาจาก มอ.

พวกนี้เล่นขับรถกันมา 10 ชั่วโมง ขึ้นเขา นอน ลงเขา แล้วขับรถกลับหาดใหญ่ไปเลยจ้าาาา

ถึกมากกกกกกกกก

อันนี้เป็นพี่ๆแก๊งในทริปเอง พี่คนเสื้อเทาก็คือ พี่หนึ่ง แอดมิน ล้อหมุน คู่กับสามีนาง คือพี่เอกนั่นเอง

อยากจะมองบนให้ถึงดวงดาวววววว

นี่ บรรยากาศไฮไลท์ของเขาช้างเผือก คือช่วงเวลาที่แสงกำลังลดระดับลง

พี่เจ้าหน้าที่คนสุดท้าย ที่ยืนรอจนกว่านักท่องเที่ยวจะกลับลงจากยอดหมด

พี่ๆที่นี่เขาดูแลนักท่องเที่ยวดีจริงๆนะ ผมยืนยัน

ขอบคุณนะครับ^^

พวก มอ. อะเกน

เมื่อเรากลับมาถึงที่พัก ท้องก็ร้องอย่างมโหฬารมากๆ

ก็คงได้เวลาหาอะไรกินกันสักที

แต่ที่ผมชอบที่สุด คือกระติกสนามที่ลูกหาบใช้หุงข้าวและประกอบอาหาร

ทำให้นึกถึงสมัยวันวานที่เคยมาเข้าค่ายที่เขาชนไก่

เจ๋งสุดคือเต๊นท์นี้

พวกนางแบกหมูกระทะขึ้นมาจ้าาาาาาาาาาาาา

เมื่ออิ่มท้อง ก็ได้เวลาที่ผมจะออกไปล่าดาวแล้ว

กะจะหาดาวสวยๆใบแรกของปีที่เขาช้างเผือกซะหน่อย......

แต่เอาจริงๆ ตอนขึ้นไป เมฆเยอะมาก T^T ก็เลยเก็บเอาฉากหน้าของเขาช้างเผือกมา แล้วเอารูปดาวเก่าๆที่เคยถ่ายมาซ้อนปลอบใจตัวเอง เผื่อจะได้เห็นวิวแบบนี้กับเขาอีกสักครั้งในอนาคต T^T

เช้าวันใหม่ ทำให้ผมรู้ว่า เขาช้างเผือก ไม่ใช่เขาที่เหมาะแก่การชมพระอาทิตย์ขึ้นสักเท่าไหร่

แต่บรรยากาศโดยรวม ของผู้คนรอบกาย ทำให้พระอาทิตย์ที่ค่อยๆโผล่มา มีความหมายไม่ต่างจากสถานที่อื่นๆ

เติมพลังก่อนเดินลงเขารอบสุดท้าย

(ใครรู้จักมาม่า ขอสปอนเข้าน้องที น้องจะได้มีทรัพย์ไปเที่ยวต๊อออ)

เมื่อเรากินข้าวเช้ากันเรียบร้อย พี่ๆลูกหาบก็จะมาช่วยเก็บเต๊นท์ และให้เราแยกของที่จะให้หาบลงไว้ แล้วสามารถเริ่มออกเดินเท้าได้เลย

บางทีคนเราก็อาจจะอยากหาบเองบ้าง

อันนี้ก็เป็นอีกแก๊งนึงที่ลืมถามว่ามาจากไหน แต่ถ้าจำไม่ผิดน่าจะเป็นแก๊งหมูกระทะ

อันนี้คือแก๊งสุดท้ายที่ได้เจอ

จบแล้ววววววววววววววววววววว

"เขาช้างเผือก"

ที่ผมใฝ่ฝันอยากไปมาตลอด 2 ปี และแล้วปีนี้ก็ได้ทำตามฝันแล้ว 1 อย่าง

อยากจะบอกทุกคนสั้นๆว่า

ถ้าโทรติด  ต้อง ไป!!!

แต่ถ้าโทรไม่ติด...... ก็โทรใหม่ 5555555555+

ถ้าให้รีวิวกันตรงๆ เขาช้างเผือกอาจจะไม่ได้สวยงามที่สุด และก็ไม่ได้เดินเหนื่อยที่สุดด้วยนะ แต่ความทรงจำแต่ละวินาทีที่ได้มาจากเขาช้างเผือก เป็นหนึ่งในความทรงจำที่มีค่าที่สุด

เรารักโมเม้นท์ที่เราเห็นคนช่วยเหลือกัน

โดยเฉพาะเวลาเหนื่อย เวลาท้อ

ทั้งจะระหว่างเดิน หรือแม้แต่สันคมมีด

เราจะเห็นพลังความดีในตัวคนทั้งเพื่อนร่วมก๊วนที่ไปด้วยกัน หรือเพื่อนต่างก๊วน ก็พร้อมจะช่วยเหลือกัน

พวกคุณอีกทั้ง 59 คน

ทำให้ 1 คืน บนเขาช้างเผือกของผม

มีความหมายมากครับ

ขอบคุณครับ

และยังเหมือนเดิม

ผมสนับสนุนให้ทุกๆคน ออก ไปเ ที่ยว!!!

รอรีวิว VDO กันด้วยเน้อออออ

#theplanner

#แพลนเองเที่ยวเอง

TurkTS

 วันพฤหัสที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563 เวลา 13.04 น.

ความคิดเห็น