เที่ยวในกรุงเทพแบบไม่มีรถ รอบ 2 (ตอนที่ 1)

highlights:

1. เกาะรัตนโกสินทร์
-จิ๋นซีฮ่องเต้

2. Little India (พาหุรัด)
-วัดซิกข์
-ก๋วยเตี๋ยวพม่า
-น้ำใบบัวบก

3. Siam Portugal (ชุมชนกุฎีจีน)

-วัดซางตาครู้ส
-พิพิธภัณฑ์บ้านกุฎีจีน
-ธนูสิงห์ ขนมฝรั่งกุฎีจีน
-ร้านขนมจีนแกงไก่คั่ว

4. วัดอรุณ

-ร้านอาหารเวียดนาม Tonkin Annam
---------------------------------------------------------------------------------

จากตอนที่แล้ว [เที่ยวในกรุงเทพแบบไม่มีรถ Explore Bangkok by BTS] เราไปเที่ยวแบบ One day trip ดูยังไม่จุใจเลยเกิดการเที่ยวรอบสองเกิดขึ้น แบบ 2 วัน 2 คืน ในกรุงเทพ ซึ่งเรื่องของเรื่องคือเราอยากไปนอนที่ "AMA hostel" แล้วเป็นจังหวะที่ Agoda ลดราคาพอดี คืนละ 189 อะแมรรร่ ต้องไปแล้วมะ 55555

คำถามคือทำไมถึงเป็น AMA hostel ล่ะ ก็เพราะว่าเขาจัดสถานทีเหมือนกับในโรงเตี๊ยมของหนังจีนโบราณสมัยก่อนเลย เราชอบมากกกกกกกกกกก

พอปักธงว่าจะนอนที่อาม่า ก็เลยมาดูว่ารอบๆ อาม่าเนี่ยมีไรน่าสนใจบ้าง ทริปติสแตกนี้จึงเกิดขึ้นนนนน เป็นทริปที่เราเองก็อยากออกไปลองอะไรแปลกๆ วัฒนธรรมแปลกๆ ที่ไม่เคยสัมผัส และอยากออกจากสิ่งแวดล้อมเดิมที่เราคุ้นเคยด้วย เลยกลายเป็นทริปหลากหลายวัฒนธรรม ทั้งย่านคนอินเดีย ย่านคนฝรั่งเศส ย่านคนไทยแท้ๆ แล้วก็ย่านคนจีน แค่คิดก็ตื่นเต้นแล้วววว่าเราจะต้องไปเจอกับอะไร 5555555  

ซึ่งทริปนี้เราก็ได้ล่อลวงเพื่อนไปด้วยคนนึง (นางคงเข็ดไปอีกนานนน 5555 อยากกินอาหารไทยจนต้องร้องขอชีวิต)

มารอบนี้จังหวะดีมากกก คือเป็นช่วงที่ MRT ให้ทดลองใช้ฟรี เข้ามิวเซียมสยามฟรี มีรูปปั้นจิ๋นซีฮ่องเต้มาตั้ง และโฮลเทลราคาถูกม๊ากกกกก

เริ่มต้นที่แรกเกาะรัตนโกสินทร์เขตพระนคร

เราเป็นคนที่อินกับอะไรจีนๆ มานานมากกก พอรู้ว่ามีรูปปั้นจิ๋นซีมาตั้ง ก็รีบมาเลยจ้าาาา ตอนแพลนคือมาทางเรือปรากฎว่าเขาซ่อมท่าเรือ เลยต้องมารถเมล์ TT^TT แล้วก็ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะต้องขึ้นตรงไหนลงป้ายไหน ถามทางมาตั้งแต่ท่าเรือ แล้วก็ขึ้นมาบนรถถามกระเป๋ารถเมล์ว่าลงป้ายไหนก็ไม่รู้อีก แต่มีคุณป้าใจดีบนรถเมล์เห็นเราหน้าตาอึนๆ ก็เลยช่วยๆ กันบอกว่าให้ลงป้ายมธ. นะ จะใกล้กว่า เดินอีกนิดเดียวก็ถึงเลย น่ารักมากๆๆ

ประชากรล้นหลามมากกกกแมรรรร่ เพราะเพิ่งเปิดให้เข้าชมเป็นวันที่ 3 ระบบอะไรก็ยังไม่ค่อยลงตัวเท่าไหร่ แต่ค่าเข้าแค่ 30 เอง

สวยม๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกก เข้ามาคือคุ้มอะ สวยยยยยย

พาหุรัดหรือลิตเติ้ลอินเดียเมืองไทยสามารถขึ้น MRT มาลงที่สถานีสามยอดได้ แล้วก็เป็นย่านที่เราลำบากใจสุดๆ เพราะไม่รู้ว่าจะต้องพูดไทยหรือพูดอังกฤษ 555555 

เหมือนแบบฝั่งนี้ไทยมาก พอข้ามถนนก็จะอินเดียเลยจ้ะแมร่

คนที่นี่เขานับถือศาสนาซิกข์ ก็เลยมีวัดซิกข์อยู่ด้วย คนทั่วๆ ไปสามารถเข้าไปได้ ไม่เสียค่าเข้า

สังเกตง่ายๆ ใครเป็นซิกข์ก็จะต้องมีผ้าโพกหัว พอเราเข้าไปเขาจะมีผ้าโพกหัวให้ด้วยเหมือนกัน คนที่นี่เขาคือคนไทย ดังนั้นเขาพูดภาษาไทยกับเราแน่นอนไม่ต้องกลัว

เดินทะลุวัดซิกข์มาอีกประตูนึง จะมีร้านก๋วยเตี๋ยวพม่าอยู่ร้านนึง ราคาไม่แพง ประมาณ 40 บาท ใครอยากชิมอะไรแปลกๆ ใหม่ๆ ต้องลอง แล้วก็เดินต่อไปเจอร้านน้ำใบบัวบก ก็ต้องลองอีกเหมือนกัน รสชาติก็จะแปลกๆ หน่อยสองอย่างนี้ 55555

ชุมชนกุฎีจีน เป็นคนไทยเชื้อสายโปตุเกส เด่นเรื่องขนมของท้าวทองกลีบม้านั่นแหน่ะ

นับถือศาสนาคริสต์คาทอลิก

ในชุมชนก็จะมีพิพิธภัณฑ์ไม่เสียค่าเข้า ส่วนข้างล่างจะเป็นร้านกาแฟซึ่งจะมีน้องเหมียวมัฟฟิ่นอยู่ด้วย >///<

เห็นเค้าว่าขนมจีนแกงไก่คั่ว กับขนมฝรั่งกุฎีจีน เป็นของขึ้นชื่อ ต้องมาลอง เราจำราคาไม่ได้ แต่ไม่น่าจะแพง 

ที่ต่อไปคือเราจะไปวัดอรุณ ตรงแถวๆ ท่าเรือข้ามฝากวัดอรุณจะมีตึกแถวทรงโบราณอยู่เยอะมาก สวยด้วยยย

ตอนไปก็เสียวๆ อยู่ว่าถ้าฝนตกนี่จบเลยนะ 

แต่ยังดีที่ลมมันแรงฝนเลยไม่ตก มาพอให้ระทึกเฉยๆ

ปิดท้ายวันด้วยการกินอาหารเวียดนาม สนองนีดตัวเองล้วนๆ ด้วยความคิดถึงอาหารเวียดนาม อยากกินแป้งห่อแหนมเนืองที่เวี๊ยดนามเวียมนามอีก เลยมาลองร้านนี้ ถามว่าร้านนี้อร่อยไหมคือก็อร่อยแหละ แต่ไม่เหมือนแป้งที่อยากกินเท่านั้นเอง TT^TT 

แล้วก็กลับมาตายรังที่โฮลเทล ถ้ามาที่นี่แนะนำว่าไม่ให้มาคนเดียวตอนช่วงกลางคืนเพราะมันเปลี่ยวมาก ตอนดูแมพเราลืมคิดถึงตรงนี้ไป แต่ยังดีที่มีเพื่อนมาด้วยเลยไม่น่ากลัว แล้วก็พนักงงานที่นี่เขาไม่พูดภาษาไทยเลยสักคำเดียว น่าจะเป็นคนต่างชาติเราก็ไม่รู้ว่าชาติไหนนะ แต่ก็สนุกดีๆ จะได้เข้ากับตีมความหลากหลายทางวัฒนธรรม

ข้างหน้าก็จะเป็นคาเฟ่ ถ้าเข้าพักที่นี่จะมีส่วนลดด้วย

ห้องนี้คือหวีดมากก เหมือนโรงเตี้ยมในหนังจีนเลยยยย

ประตูห้องพักก็เหมือน อารมณ์เหมือนฝันเป็นจริงอะ ชอบม๊ากกกกกก

โฮลเทลนี้มีอาหารเช้าเป็นบุฟเฟ่ด้วยมีให้เลือกหลายอย่าง จากประสบการณ์ที่ผ่านมาคือ ถ้ามีอาหารเช้าคือจะเป็นอาหารจานเดียวหรือมีแค่ขนมปังทาแยม แต่นี่คือบุฟเฟ่ คือดีย์

นี่เพิ่งจะผ่านไปแค่วันแรกเท่านั้น ยังเหลืออีกวัน ติดตามในตอน [เที่ยวในกรุงเทพแบบไม่มีรถ รอบ 2 (ตอนที่ 2 จบ)] หรือ สามารถติดตามการเดินทางอื่นๆ ของเราได้ที่ เพจ "Try to Try ก็แค่ออกไปลอง" แล้วจะรู้ว่าการก้าวออกจาก Comfort zone ของตัวเองมันสนุกแค่ไหน

Try to try ก็แค่ออกไปลอง

 วันศุกร์ที่ 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563 เวลา 00.25 น.

ความคิดเห็น