ลุยโลกกว้างที่ดานัง (ตอนที่ 13 จบ)

highlights:

  • สนามบินดานัง
  • ราคาร้านขายของฝากใน Gate และวิวเครื่องบิน
  • ลองเป็นหัวหน้าแก๊งทัวร์ที่หมอชิต 5555
  • ค่าใช้จ่ายทั้งหมด

---------------------------------------------------------------------------------

หลังจากตอนที่แล้ว [ลุยโลกกว้างที่ดานัง (ตอนที่ 12)] ที่เราใช้เวลาอยู่ในห้าง Vincom Plaza กันเกือบสามชั่วโมง ก็ได้เวลาที่เราจะต้องไปสนามบินกันแล้ว เราออกมาจากห้างตอน 16.15 ก็เรียก Grab จากหน้าห้างไปสนามบินนั่นแหละ ตรงนี้มี Grab เยอะมากๆ ไม่ต้องกลัวว่าจะไม่ได้ไป แต่เรายืนรออยู่หน้าห้างกันนานมากกก ดูจากในแผนที่คือ Grab ไปรอเราอีกประตูนึงของห้าง เราก็เลยถ่ายรูปให้เขาดูว่าเราอยู่ตรงหน้าห้างเลยนะ

ระหว่างยืนรอรถเราก็เห็นว่า เออเฮ้ย รถเขาบีบแตรคุยกันรู้เรื่องด้วยว่าจะให้ใครหยุดรอให้ใครไปก่อน ทั้งๆ ที่ตรงนั้นไม่มีไฟแดงเลย คือจากที่เราสังเกตมาคนที่ขับรถที่นี่มือเขาจะคอยบีบแตรอยู่เรื่อยๆ เลย เหมือนเป็นนิสัยของเขาไปแล้ว ถ้าเห็นอะไรผิดปกติก็จะเตรียมบีบแตรไว้รอ *0*

ในที่สุด Grab ก็มาหาเราจนเจอ TT^TT ราคาจากห้างไปสนามบินอยู่ที่ 79.000 VND กับระยะทาง 5 km เอ๊ะ ทำไมแพง สงสัยมันเป็นวันเสาร์ตอนเย็นๆ ราคามันเลยอัพขึ้น

แล้วเรามัวก็แต่รูปก็ลืมไปเลยจ้ะ ว่าก่อนเข้าสนามบินมันต้องจ่ายค่าเข้าด้วย 10.000 VND เพราะตอนขามาคือคนขับเขาจะเก็บรวมกับค่ารถไปเลย แต่ทีนี้ขากลับคนขับจะให้เราเป็นคนจ่ายเอง ดีนะเพื่อนมีสติหยิบเงินยื่นมาให้อะ

เรามาถึงสนามบินตอนสี่โมงครึ่ง แล้วประเด็นก็คือลงจากรถมาเราไม่รู้ว่าเรายืนอยู่ส่วนไหนของสนามบิน 55555 ไม่รู้ว่าอยู่อาคารที่บินในประเทศหรือต่างประเทศด้วย

เราก็เลยพากันเดินเข้าไปข้างในอาคาร ถามเจ้าหน้าที่ว่าเคาเตอร์ Airasia อยู่ตรงไหน เขาก็เลยบอกทางมาให้ว่าอยู่อีกอาคารนึงนะจ๊ะ เป็นอาคารผู้โดยสารระหว่างประเทศ อาคารนี้ที่เราอยู่เป็นในประเทศ จ้าาาาาาา Grab ไม่ถามเราสักคำว่าเราจะไปไหนอะ 55555

แล้วชะนีน้อยสองคนก็เดินแบกกระเป๋าเป้ภาระกันลงบันไดมาที่ชั้นหนึ่ง แล้วก็เดินไปตามทางหาอาคารผู้โดยสารระหว่างประเทศที่โคตรรรรรไกล แล้วกระเป๋าก็โคตรรรรรหนัก 55555 จนมาหาเคาเตอร์เช็คอินจนเจอ

ตอนนั้นก็เกือบจะห้าโมงเย็นแล้ว เราก็เลยตัดสินใจเดินเข้าไปรอกันข้างใน Gate เลยแล้วกัน ในมือเราก็ยังเหลือเงินเวียดนามอยู่ประมาณ 22.000 VND ต้องใช้ให้หมด ก็เลยเดินๆ เข้าไปในร้านขายของฝาก มีอะไรไหมน้าที่ราคาสองหมื่นสอง 

คือร้านที่อยู่ใน Gate เขาจะติดราคาของเป็นเงินดอลลาร์ เราก็เลยต้องเปิดเรทเงินวันนั้นเทียบราคาเอา แล้วของของแพ๊งแพงมากเหอะ สองหมื่นสองในมือแทบจะซื้ออะไรไม่ได้เลย TT^TT ไอ้ขนมแดงๆ ในมือก็ซื้อไม่ได้จ้ะ 

แล้วในที่สุดเราก็มาเจอลูกอมโง่ๆ เลยซื้อมาสองอัน อันละ 0.5$ ราคา 23.000 VND ซึ่งตีเป็นเงินดองวันนั้นมันจะสองหมื่นสองพอดี แต่พอตอนไปจ่ายตังเหมือนโดนชาร์ตล่ะมั้ง เลยเป็นสองหมื่นสาม เราก็เลยไปปล้นเพื่อนมาอีกพันนึง 5555 ใช้เงินหมดมือพอดี สบายใจ

พอใช้เงินหมดแล้วเราก็มานั่งรอตรงใกล้ๆ กับ Gate ที่บอกไว้ใน Boarding pass แล้ววิวมันดีงามพระรามแปดมากกกก เห็นเครื่องบินด้วย *0* แต่เสียดายอย่างเดียวกระจกมันเป็นสีฟ้าเข้ม สีเลยเพี้ยนสุดๆ 

แล้วน้องแดงที่เรารอก็มาถึงแล้ววว เย้ นางมาถึงตอน 18.01 แต่ แต่ ตามกำหนดเดิมของเราเครื่องต้องออกตอน 18.10 ซึ่งก็ไม่น่าจะทันเพราะน้องเพิ่งถึงเมื่อกี้เลย เราก็เลยหันไปมองที่จอ ตารางบินเที่ยวเราก็ถูกเลื่อนออกไปอีก 15 นาที

เราเลยยังมีเวลาที่ได้เห็นเครื่องบินตอนโหลดกระเป๋า เติมน้ำมัน เอางวงช้างไปประกบประตู *0* ไม่เคยเห็นเลยนะเนี่ยยย แต่ด้วยความผิดพลาดในการถ่ายวิดีโอก็คือเราถ่ายแบบ Time lapse มา แล้วมือไม่นิ่ง ภาพก็จะพังๆ หน่อย เพราะช่วงนั้นยังถ่ายวิดีโอไม่เป็นก็จะได้รูปตามที่เห็นนี่แหละจ้ะ 55555 

แล้วพอถึง 18.30 เขาก็เรียกให้เราไปขึ้นเครื่องพอดี ก็ตรงเวลาอยู่น้าาาาหลังจากปรับเวลาใหม่ แล้วเราก็พาน้องหมวกเวียดนามกลับบ้านด้วย คือตอนแรกที่คุยกันกับเพื่อนเรากลัวว่าจะเอากลับไม่ได้เพราะเพื่อนบอกว่า "ไม่เคยเห็นใครถือขึ้นเครื่องเลยย"

แต่เราก็ลองถือไปก่อนแล้วกัน ถ้าเขาไม่ให้ขึ้นก็จะได้ให้คนเวียดนามแถวนั้นไป แต่ปรากฏว่าเขาก็ไม่ได้ว่าอะไร เราก็เลยได้หมวกเวียดนามกลับบ้านเป็นของฝากอีกชิ้นนึง

หันไปเห็นมนุษย์ข้างๆ คือหมวกของเขาสวยกว่าเราอี๊กกกก ราคาก็น่าจะแพงกว่าด้วย ไหนเพื่อนบอกไม่เคยเห็นใครถือขึ้นเครื่อง ดูไว้สะ 555555 

แล้วแกรรรรรฟ้าตอนเย็นๆ ค่ำๆ คือมันสวยม๊ากกกกกกกกกก บวกกับบรรยากาศที่เวียดนามที่มีวิวเป็นภูเขา แม่น้ำมันดีมากกกก คือถ้ากล้องเราดีกว่านี้ภาพมันคงสวยกว่านี้เยอะมากๆ 

แต่พอฟ้ามืดสนิทโทรศัพท์เราก็ถ่ายไม่สวยแล้ว TT^TT เสียใจ คือแนะนำว่าถ้าจะถ่ายรูปวิวให้ถ่ายตอนฟ้าสว่าง ถ้าไฟลท์ค่ำนี่หมดสิทธิ์แน่นอนเพราะมันจะมองไม่เห็นอะไรเลย

และแล้วในที่สุดเราก็มาถึงดอนเมืองตอน 20.06 ช้าจากกำหนดเดิมแค่สิบนาทีเอง ตรงเวลาสุดๆ แต่กว่าเราจะได้ลงจากเครื่อง กว่าจะผ่านตม. ก็นานอยู่ แต่ให้เดินตามทางออกมาเรื่อยๆ จะเจอห้อง Information เราก็เดินไปถามเลยจ้ะ ว่าต้องไปรอรถเมล์ที่ไหน

เราก็ไปรอรถเมล์ตามที่เขาบอก ตรงนั้นมันจะมีป้ายอยู่ว่าถ้าจะไปขนส่งหมอชิตให้ขึ้นสาย A1 ไปสุดสาย ราคาสามสิบบาท 

เราก็นั่งกันมาจนสุดสายถึงหน้าขนส่งหมอชิตเลย แล้วก็มีฝรั่งแก๊งนึงลงตามมาด้วย เราเห็นแล้วแหละว่าเขาถามทางกับคนข้างๆ ว่าจะไปพัทยาให้ไปลงที่ไหน พอตอนลงรถเมล์นางก็ไปเจอแท็กซี่ดักไว้อีกแต่ฝรั่งแก๊งนั้นก็ไม่ได้ไป แล้วก็เดินๆ มาทางเดียวกับเรา แล้วเราจะไปบางแสนไปทางเดียวกันพอดี 

ด้วยความที่เราเข้าใจหัวอกแก๊งนั้นอย่างลึกซึ้งว่าถ้าเขามาถึงบ้านเมืองเราตอนกลางคืนแบบสามทุ่มที่รถหมดแล้วจะทำยังไง แล้วเขาจะรู้ไหมว่ามันมีรถไหนไปพัทยาได้บ้างตอนนี้ แล้วถ้าเป็นเราล่ะ จะต้องกลัวมากแน่ๆ (คืออารมณ์ฟุ้งซ่านนั่นเอง 5555) ในเมื่อเรารู้ว่าจะต้องขึ้นรถสายไหน มันเป็นทางเดียวกันและด้วยความเป็นห่วงเราก็เลยหันกลับไปถามแก๊งนั้นว่า คุณจะไปพัทยาใช่ไหม Follow me แล้วฉันก็เลยกลายเป็นหัวหน้าแก๊งทัวร์ไปแล้วจ้ะ ที่มีสมาชิกเป็นเพื่อนเราหนึ่งคนแล้วก็ฝรั่งสามคน 555555 เดินเรียงแถวกันเข้าไปในหมอชิตเลย

เราก็พาเขามาซื้อตั๋วช่องเดียวกับเราแหละเพราะยี่ห้อที่เราซื้อจะวิ่งรอบสุดท้ายตอนสี่ทุ่ม ถ้าถัดจากนี้ก็ไม่มีแล้ว ซื้อตั๋วเสร็จเราก็มานั่งรอตรงเก้าอี้ใกล้ๆ เพราะยังไม่ถึงเวลาขึ้นรถ เราก็เลยยังไม่รีบไป แล้วแกเอ๊ยเขินมากคือเราถือหมวกเวียดนามมาด้วยใช่ไหมคนก็มองกันเต็มเลย >///< คือตอนที่ถือหมวกเวียดนามในสนามบินอะปกติมากๆๆ แต่พอมาถือที่หมอชิตนี่แบบเขินมากกกกแมรรร่เอ๊ยยยย  

ตอนระหว่างนั่งรอเวลาก็ไม่รู้ว่าทำไรบวกกับกินข้าวมื้อล่าสุดตอนบ่ายสามแล้วมองไปรอบๆ ก็มีแต่มินิมาร์ทที่เปิดอยู่เราก็ไม่รู้จะกินไร เลยแย่งลูกชิ้นที่เพื่อนซื้อมากินปะทังชีวิต 55555

เราก็นั่งรถทัวร์กันมาถึงหนองมนตอนเที่ยงคืนพอดิบพอดี แล้วก็เกิดอีเว้นท์ขึ้นอีกแล้วจ้ะ 55555 ตอนเราลงรถมาก็ไม่มีวินเหลือแล้วสักคัน แต่ไม่เป็นไรเพื่อนเราเอามอเตอร์ไซด์ไปจอดไว้ตรงที่ฝากรถที่หนองมน แล้วเราหายกันไปสี่ห้าวัน ตรงที่รับฝากรถเขาก็คล้องโซ่ไว้เลยจ้ะ ช็อคกันสิจ้ะรออะไร 55555555 แล้วตรงนั้นไม่มีเบอร์ติดต่อทิ้งไว้ด้วยนะ เราจะทำไงกันดีในสภาพที่ไม่เหลือแรงอะไรกันอีกแล้ว 

ด้วยความที่ไม่คิดว่าจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้เราก็ไม่ได้บอกใครไว้ว่าจะกลับมากี่โมง ก็พยายามติดต่อน้องที่มันออนไลน์กันอยู่ แล้วมันก็มีคนออนไลน์อยู่จริงๆ แต่คนที่ออนมันดันเป็นมนุษย์ที่ชอบดองข้อความ แล้วก็โทรไปไม่รับด้วย 5555555 ภาวนาว่าให้มันเห็นข้อความทีเถอะ ฉันอยากกลับห้องจะแย่แล้ว ผ่านไปพักใหญ่นางก็รับโทรศัพท์จ้าาาาา น้ำตาจะไหลลลล แล้วเราก็มาถึงหอเกือบตีหนึ่งด้วยสภาพยับเยินมาก 55555

จบไปแล้วกับการไปต่างประเทศครั้งแรกในชีวิตของเรา มันทำให้เราเรียนรู้อะไรมากมายเลย มันทำให้เรามีความกล้ามากขึ้นด้วยเพราะถ้าเราไม่กล้าเราจะไม่ได้ในสิ่งที่เราอยากได้และทุกอย่างสามารถพูดคุยต่อรองได้เสมอ อยู่ที่ว่าเราจะกล้าที่จะพูดออกไปหรือเปล่า 

ทำให้เรารู้อีกว่าไม่มีอะไรแน่นอนเลยแม้สักอย่างเดียว คือเราวางแผนมาอย่างดีและรัดกุมทุกด้านแล้วแต่ปัจจัยที่ควบคุมไม่ได้ก็คือปัจจัยที่ควบคุมไม่ได้ ดังนั้นเราก็ต้องมีความยืดยุ่นและพร้อมรับมือกับมันเสมอ แล้วก็ทำให้เราเรียนรู้ที่จะอดทนรอคอยจนถึงที่สุด แล้วผลของการอดทนรอคอยนั้นจะตอบแทนเราอย่างคุ้มค่ามากจริงๆ 

สุดท้ายนี้ก็ขอขอบคุณผู้อ่านทุกๆ คนที่เข้ามาอ่านบันทึกของเรา เราหวังว่าบันทึกของเราจะช่วยให้การไปเที่ยวดานัง ฮอยอัน ประเทศเวียดนามของทุกๆ คนราบรื่นมากขึ้นและไม่ผิดพลาดเหมือนเรา 555555 และสามารถติดตามการเดินทางอื่นๆ ของเราได้ที่ [https://th.readme.me/id/JKtrytotry] หรือพูดคุยกันได้ในเพจ "Try to Try ก็แค่ออกไปลอง" แล้วจะรู้ว่าการก้าวออกจาก Comfort zone ของตัวเองมันสนุกแค่ไหน

ขอบคุณที่ติดตามค่าาาา ❤
Try to Try ก็แค่ออกไปลอง

------------------------------------------------------------------

-=แถมท้าย=-

สรุปค่าใช้จ่าย 4 วัน 3 คืน 

🔥ตั๋วเครื่องบินไปกลับ ดอนเมืองดานัง 2,700 บาท (ซื้อกับ "สมหมายคนขายตั๋ว")

🔥ซิมแบบ Unlimited no call 8 day 190.000 VND+เงินที่เติมเพิ่มเข้าไป 50.000 VND ตีเป็นราคาเงินไทย คูณด้วย 0.0017 = 408 บาท หารสองด้วยเพราะใช้ด้วยกัน = 204 บาท

🔥ที่พักที่ดานัง The Memory hostel 2 คืน 447.44 บาท (Agoda)

🔥ตั๋ว Cocobus tour แบบ 48 ชั่วโมง 156 บาท (Klook)

🔥ที่พักที่ฮอยอัน The corner homestay 1 คืน 287.65 บาท (Agoda)

🔥รถไปกลับบาน่าฮิลล์ 227 บาท (Klook)

🔥บัตรเข้าชมบาน่าฮิลล์ 857 บาท (Klook)

🔥บุฟเฟ่ต์อาหารกลางวันบาน่าฮิล์ 249 บาท (Klook)

🔥บัตรเข้าเอเชียปาร์ค+บุฟเฟ่ต์ข้าวเย็น 209 บาท (Klook)

🔥ค่าเข้า Marble mountain รวมลิฟท์ 55.000 VND -> 93.5 บาท

🔥ตั๋วเข้าเมืองโบราณที่ฮอยอัน (ไม่ซื้อก็ได้ ดูไม่ครบหรอก555) 120.000 VND -> 204 บาท

🔥หมวกเวียดนาม 20.000 VND -> 34 บาท

🔥ค่าแกรบ

🚩สนามบินไปที่พัก 49.000 VND + ค่ารถเข้ามาที่สนามบิน 10.000 VND =59.000 VND -> หารแล้ว 50.15 บาท
🚩จากจุดรับตั๋วไปเอเชียพาร์ค 22.000 VND -> หารแล้ว 18.7 บาท
🚩 จากเอเชียพาร์คกลับที่พัก 53.000 VND -> หารแล้ว 45.05 บาท
🚩 จากที่พักไปสะพานมังกร 24.000 VND -> 40.8 บาท
🚩จากฮอยอันไปที่พัก 32.000VND -> หารแล้ว 27.2 บาท
🚩 จากฮอยอันไปห้าง 353.000VND ->หารแล้ว 300.05 บาท
🚩จากห้างไปสนามบิน 79.000 VND +ค่าเข้าสนามบิน 10.000 VND เป็น 89.000 VND -> หารแล้ว 75.65 บาท

🔥ประกันการเดินทาง 177 บาท (เซเว่น)

🔥ค่าล่องเรือที่ฮอยอัน 100.000 VND -> หารแล้ว 85 บาท

🔥ค่าเช่าจักรยานที่ฮอยอัน 30.000 VND -> 51 บาท

รวมทั้งหมด (ค่ากินไม่นับ)
6,539.19 บาท

💰ส่วนค่ากิน ที่กินแบบฉิบหายวายป่วงง กินกินกิน กินกิ๊นกินนนนน: 940.975 บาทจ้าาา

💸ค่าของฝาก: 611.667 บาท

แปลว่ากำเงิน 8,000 ก็ไปเที่ยวเวียดนามได้ล้าววว

**ไหนนนนนใครรีวิวบอกมีตัง 5,000 ไปเวียดนามได้ 😤😤😤😤😤***

เอาจริงๆ คือวางแผนเที่ยวเองไม่ซื้อทัวร์ มันก็ไม่ยากอย่างที่คิดหรอก สนุกมากด้วยยย หลุดแพลนบ้าง ลำบากบ้าง มันคือประสบการณ์ชีวิต 55555 แล้วเราสามารถคุมงบประมาณได้จากแพลนของเรานี่แหน่ะยิ่งละเอียดมากเท่าไหร่เราก็จะยิ่งเห็นชัดมากเท่านั้น

Try to try ก็แค่ออกไปลอง

 วันพฤหัสที่ 2 เมษายน พ.ศ. 2563 เวลา 16.26 น.

ความคิดเห็น