เมื่อราว ๆ สิบปีก่อน  เคยได้ยินชื่อ "ภูทับเบิก" แต่ก็ไม่เคยสนใจ จนกระทั่งมีเพื่อนร่วมงานคนหนึ่งได้เล่าบรรยากาศให้ฟังว่า เป็นแหล่งปลูกกะหล่ำปลีที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของไทย วิว  360  องศา (พี่แกก็ไม่เคยไป  แต่เคยเปิดเจอในเน็ต)  ช่วงนั้นอินเตอร์เน็ตเริ่มเข้ามาในชนบทมากขึ้น  ความเร็วความแรงของเน็ตยังกระท่อนกระแท่น แต่พอสืบค้นข้อมูลได้บ้าง   การเล่าเรื่องราวครั้งนี้จะเป็นการเปรียบเทียบบรรยากาศในการไปภูทับเบิกของเราในแต่ละครั้ง  ดูการเปลี่ยนแปลงของภูทับเบิกว่าเป็นยังไง  บางคนบ่นว่าไปแล้วไม่เห็นเหมือนในรูปเลย อันนั้นก็ว่ากันไป  ผู้เขียนเองเคยไปครั้งแรกเมื่อปี 2555  ครั้งต่อ ๆ มาในปี  2559  2560  2561  2562  4 ครั้งหลังสุดคือ ไปทุกปี ไปอะไรกันนักกันหนา
          ครั้งแรกที่เราไป เป็นช่วงหยุดยาวรัฐธรรมนูญ  วันที่  8 - 10 ธันวาคม 2555  เป็นช่วงฤดูหนาว  ตามแผนที่คิดไว้คือ เขาค้อ - ภูทับเบิก - เชียงคาน  เที่ยวให้ครบทุกที่ภายใน  3 วัน  โปรแกรมอย่างโหด 
          เราออกจากบ้านตีสาม จุดเช็คอินแรก สะพานพ่อขุนผาเมือง (สะพานห้วยตอง)  เชื่อมภูเขา  2  ลูก  เชื่อมต่อภาคอีสานกับภาคเหนือตอนล่าง  (เราจะผ่านจุดตรงนี้ทุกครั้งที่วิ่งสายเหนือ เพราะบ้านเราอยู่ฝั่งทางนี้)

ข้อมูลตอนนั้นเรามีแค่แผนที่กระดาษในมือ  ไม่รู้เลยว่าทางข้างหน้ามันจะเป็นยังไง รถกระบะส่วนตัว เครื่อง 2.5 แคป จุเพื่อนร่วมทาง 8  ชีวิต  โอ้โฮ  นี่คือทริปแรกที่ใช้กระบะธรรมดา ๆ พาหลาน ๆ มาผจญภัย   มาดูว่าเราจะบริหารจัดการเวลาได้หรือไม่
- ช่วงเช้าเที่ยวเขาค้อแหล่งท่องเที่ยวหลักๆ จนเกือบทั่วทั้งหมด (ตอนนั้นยังไม่มีทุ่งกังหันลม  ยังไม่มีร้านกาแฟ Pinolatte)  
- ช่วงบ่ายแวะนมัสการวัดพระธาตุผาซ่อนแก้ว ตอนนั้นอยากจอดรถตรงไหนก็จอดได้  ทุกวันนี้ที่จอดรถต้องเสียค่าบริการ  เอาไว้ภายหลังจากมารีวิวเขาค้อกันว่ามีการเปลี่ยนแปลงอะไรไปบ้างในมุมมองของผู้เขียน ที่จอดรถวัดพระธาตุผาซ่อนแก้ว  8  ธันวาคม 2555 (ปัจจุบัน ตรงนี้เป็นร้านขายของที่ระลึกไปแล้ว)

เนินเขาเล็ก ๆ ฝั่งนู้นก็อันตรธานหายไปแล้วครับ

ช่วงนั้นกำลังก่อสร้างพระพุทธเจ้า 5 พระองค์  ร้านกาแฟชื่อดังที่อยู่หลังเขาก็ยังไม่มี

เราออกเดินทางจากวัดพระธาตุผาซ่อนแก้วประมาณบ่ายสามโมง  เพื่อไปหาที่พักบนภูทับเบิก ในใจคิดว่ายังไงก็ต้องมีที่พัก  พอไปจริง ๆ ใจก็เริ่มหวั่นนิด ๆ รถเราจะไหวมั้ย  ทางชัน  โค้งหักศอก  ลุ้นกันตลอด วิวก็สวย ทางก็เสียว เข้าสู่ 15 กิโลเมตรสุดท้าย เพื่อนร่วมทางท้องไส้เริ่มปั่นป่วน คลื่นเหียนกันไปเลย555  

จุดนี้คือจุดชมวิวโค้งตัว S หรือโค้งเลข 3  แล้วแต่จะเรียก เปรียบเทียบภาพฤดูหนาว กับปลายฝนต้นหนาว
ภาพ 8  ธันวาคม 2555

ภาพ  26  ตุลาคม 2559  

จุดแลนด์มาร์คแรก หลังจากดูละครช่อง 3 เราก็มาตามรอยละครซีรี่ส์ "ธรณีนี่นี้ใครครอง"  ณเดชน์ - ญาญ่า คู่พระ-นางสุดฮอตยุคนั้น  แล้วส่องกล้องออกไป     

ขณะนั้นเวลา 17 นาฬิกาเศษ ๆ โพล้เพล้แล้ว ฟ้าเริ่มมืดลง เรายังหาที่พักไม่ได้ เพราะเป็นช่วงหยุดยาว ได้รับการช่วยเหลือจากสมาชิกกลุ่มวิสาหกิจชุมชน แจ้งว่ามีผู้พักได้ยกเลิกการจองไป 1 ที่ รองรับได้แค่ 5 ท่าน เราไป 8 คน พกเต็นท์ไปเผื่อ 1 หลัง พอดีเลย วันนี้รอดแล้ว แต่ที่พักเป็นหน่วยงานราชการนะ เราบอกที่ไหนก็ได้ครับ ขอให้ได้นอน555

ที่จอดรถแทบไม่มี

ตะวันตกดินแล้ว  เราเข้าที่พักกัน  พักผ่อนให้หายเหนื่อย  พรุ่งนี้ค่อมาถ่ายวิวทะเลหมอกกัน  นี่คิดไว้ซะหรูเลยนะครับ   บรรยากาศหน้าห้อง รพ.สต. ทับเบิก ครับ             

มีฝนตกปรอย ๆ ครับ อากาศหนาวเย็นสุดขั้ว  เมนูอาหารตอนนั้นสั่งได้เมนูเดียวคือไข่เจียว ครับ อร่อยไปหมดครับ555   พี่เจ้าหน้าที่เขาบอก  เป็นวันที่นักท่องเที่ยวแน่นที่สุดในประวัติการณ์   เขาบอกพรุ่งนี้เช้าโชคดีเจอทะเลหมอกแน่นอน เพราะมีฝนตกพรำ ๆ  ในใจคิดว่าเราโชคดีสุด ๆ มีโอกาสเจอทะเลหมอก
เช้าตรู่วันต่อมา เราตื่นแต่เช้ากินเบรก กินอาหารเช้ารองท้องกัน จะรีบขึ้นไปจุดชมวิว          

09.00 น.  ออกเดินทางจากที่พัก อนิจจา ฝันสลายไปกับสายหมอก  รถติดขนาดหนัก ติดบนภูเขา  บนทางลาดชัน ทางก็ยิ่งแคบ  รถถ็เยอะ รถเกียร์กระปุกธรรมดา  ปวดขาก็ปวด  ต้องมีสติตลอดเวลาก็เลยให้เพื่อนร่วมทริปเดินไปเที่ยวชม  ถ่ายภาพตามอัธยาศัยได้เลย ตอนนี้คนเดินเร็วกว่ารถ5555    มองเห็นลิบ ๆ นั่นคือร้านโรงเตี๊ยมภูทับเบิก  (ปัจจุบันไม่มีแล้ว)   

ช่วงที่ผู้เขียนติดอยู่กลาง ๆ หุบเขา  คุณภรรยาก็ได้จับภาพบรรยากาศให้ชมกัน  โทรหากันตลอดทาง  ถึงไหนแล้ว555 

ไร่กะหล่ำที่ใหญ่ที่สุดอยู่ไหนครับ  ผู้เขียนใช้เวลาเป็นชั่วโมงที่อยู่หลังพวงมาลัย ระวังไม่ให้รถไหลไปหาคันอื่นเขา       ภาพถ่ายจากบนรถบ้าง  จอดข้างทางขณะรถติดบ้าง  

  แต่จุดตรงนี้  ปัจจุบันไม่มีแล้วนะครับ ปัญหาเกี่ยวกับพื้นที่อุทยาน ขออนุญาตไม่ลงรายละเอียดนะครับ        

ภูทับเบิกทริปแรก นั่งบนรถครับ  ไม่มีโอกาสแม้แต่จะเดินชมตลาด หมูกะทะร้อนๆ ทะเลหมอกสวย ๆ ตั้งใจจะมาชำระแค้นเมื่อมีโอกาส  (ปล. เราออกจากภูทับเบิกได้ก็เกือบ 11  นาฬิกา  บึ่งรถไปที่เชียงคานเลย)
               ภูทับเบิก EP.2  4 ปีให้หลังฉันยังจำได้  แนวเพลงสายัณห์ ก็มา  ครั้งนี้เป็นหยุดยาวปลายฝนต้นหนาว  แต่เราเลือกมาช่วงปลาย ๆ ของวันหยุดยาว  ณ  26  ตุลาคม  2559  บรรยากาศครึ้มฟ้าครึ้มฝนกันเลย ทริปนี้มาแบบครอบครัว  มีเจ้าตัวเล็กวัย 2 ขวบ 3 เดือน มาด้วย  ตัวป่วนตลอดการเดินทาง  ครั้งนี้เราเตรียมเรื่องการเดินทางมาเป็นอย่างดี   ณ จุดเดิม เวลาใกล้เคียงกับทริปแรก  5  โมงเย็นเศษๆ    ช่วงจุดชมวิวโค้งตัว S หรือโค้งเลข 3

ศาลาพักริมทางบริเวณจุดชมวิว ปัจจุบัน พังไปแล้วนะครับ

ทริปนี้มีเวลาถ่ายรูปข้างทางเหลือๆ เลยครับ  แต่ที่พักเราก็ยังไม่จองนะครับ  ยังไม่เข็ดจากครั้งก่อนอีก

เราเดินทางมาถึงบริเวณร้านค้าก่อนถึงจุดสูงสุดของภูทับเบิกประมาณ 5  โมงครึ่ง  หมอกจัด ฟุ้งกระจาย  อากาศเย็นสบาย ๆ 

ที่พักเราไม่ได้จอง  เราวอล์คอินเข้าไปเลย  เพราะส่วนใหญ่มีห้องว่าง  เป็นวันสุดท้ายของช่วงหยุดยาว นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่จะเดินทางกลับกัน    

อากาศยามเช้าสดชื่น สบายใจจัง  ช่วง 9 โมงกว่า หมอกจัดกันเลย   

11  นาฬิกา  อากาศยังสดชื่น  อยู่ต่อเลยได้มั้ย เรายังไม่อยากกลับบ้านเลย

มีสายหมอกลอยมากระทบเป็นระยะๆ   

ร่องรอยของที่พักบางแห่งที่ถูกรื้อถอน  

ส่วนอีกฟากถนน  มีความเขียวชะอุ่มของไร่กะหล่ำปลีช่วงปลายฝนต้นหนาว   

ใกล้เที่ยงแล้ว  อากาศยังเย็นสบายครับ  ไม่ร้อนเลย  ไร่กะหล่ำปลีเขียวขจี  มองดูสดชื่นสบายตา  

กลับมาครั้งนี้  ถือว่าไม่ผิดหวัง  เพียงแต่ยังไม่เจอแบบทะเลหมอก  มาว่ากันต่อ 
               ภูทับเบิก EP.3  เมื่อ  21  ตุลาคม  2560  เป็นทริปต่อเนื่องจากทางเหนือ เรากลับจากทริปเชียงราย - พะเยา กลับมาแวะพักที่ภูทับเบิก มาลุ้นทะเลหมอกอีกครั้ง  มาครั้งนี้ มาถึงที่พักค่อนข้างมืดค่ำ ก็เลยไม่มีบรรยากาศตอนเย็นให้ดู  
สวัสดีตอนเช้าที่สดใส  มองจากหน้าห้องพักของเรา  วันนี้ฟ้าเปิด  มีทะเลหมอกนิด ๆ  ให้เชยชม  

ขึ้นไปชมจุดสูงสุด  ที่เดิม  มุมเดิม ยังคงความเขียวสดชื่น   

ไร่กะหล่ำปลีช่วงนั้น  เจ้าของไร่ยังอนุญาตให้เราเข้าไปถ่ายภาพฟรี ๆ   ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย

ใช้เวลาพอประมาณ  วันนี้อากาศกำลังสบาย ๆ  มีแดดเป็นช่วง ๆ รอบนี้เรากลับบ้านเร็วหน่อย  พรุ่งนี้ทำงาน55555   
            ภูทับเบิก EP.4  24  มิถุนายน  2561  เราลองเสี่ยงมาหน้าฝนดูมั่ง  ไม่ใช่วันหยุดยาว  แต่ถ้าวันหยุดเสาร์อาทิตย์  รอบนี้เราต้องจอง  เพราะวันหยุดช่วงไฮซีซั่น  หายากมาก ๆ แม้ว่าจะมีที่พักมากมาย ช่วงเช้าไปเที่ยวแถบอำเภอเขาค้อ บ่าย ๆ เราขึ้นภูกัน  บรรยากาศช่วงเย็น มีฝนตกปรอย ๆ เป็นนิมิตรหมายอันดีงาม  ตามคำบอกเล่า  เขาบอกว่าถ้าช่วงหัวค่ำมีฝนตกปรอย ๆ ริน ๆ พอชุ่มฉ่ำ  รับรองเจอทะเลหมอกแน่นอน  
            กลางคืนอากาศหนาวมาก ลมแรง หรืออาจเป็นเพราะที่พักของเราอยู่ริมหน้าผา  ติดขอบเลย  ถ้านอนละเมอเผลอตกลงไปคงน่าดูชม 555 (เราพักที่ไร่ริมผาหลังกลาง  A11)   

ตื่นลืมตาขึ้นมา  โอ้พระเจ้าช่วยกล้วยทอด ดั่งอยู่บนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์  ตอนนั้นแสงน้อยมาก  เราถ่ายภาพเก็บไว้เรื่อย ๆ 8 โมงกว่า  ทะเลยังไม่จาง  เราเลยได้ภาพสวย ๆ มาอวด   

ฝั่งนี้ไม่มีทะเลนะครับ

แต่มองไปทางภูแผงม้า  คลื่นทะเลเต็มเลย 

เป็นวันหยุดที่คุ้มค่ามากทีเดียว ไม่ต้องลางาน555  เรากินข้าวเที่ยงเสร็จกลับบ้านพอดี มีคลิปภาพสวย ๆ มาฝากด้วย   

         ภูทับเบิก EP.5  เมื่อ  26  ตุลาคม  2562 เป็นทริปล่าสุดของเรา ปลายฝนต้นหนาว  เวลาใกล้เคียงกับทริปก่อนหน้านี้  แต่บรรยากาศไม่เหมือนกัน  ช่วงเช้าหมอกจัดมาก  มองแทบไม่เห็น ทริปนี้เป็นทริปต่อเนื่องจากด่านซ้าย - นาแห้ว  ตามล่าหาความหนาว  ซึ่งปีนี้ 2562  เป็นปีที่อากาศร้อนสุด ร้อนตับแตกเลย กลับจากนาแห้วก็ยังไม่หนาว  ตัดสินใจมาพักที่ภูทับเบิก  ที่พักวอร์คอินเช่นเดิม อากาศตอนเย็นเริ่มมีลมหนาวเข้ามา  พอได้บรรยากาศหมูกะทะ  แต่ลมแรงมาก  อากาศเย็นขึ้นเรื่อยๆ  มารอบนี้ภูทับเบิกเปลี่ยนไปค่อนข้่างมาก  มีการจัดสวน จัดมุมให้ถ่ายภาพเพิ่มหลายจุด  บางแห่งแปรสภาพจากไร่กะหล่ำปลี  เป็นไร่สตรอเบอรี่   ตามมาเลยครับ  เช้านี้หมอกจัดมาก อากาสเย็น  18  องศา  เรามาเจอแล้ว  หนาวแรกของปี  ไม่เสียเที่ยว555

สายมาเริ่มมีแสงแดด  ได้ดอกไม้สวย ๆ มาเชยชม  

คลิปบรรยากาศตลาดเช้าของภูทับเบิก 

ตามล่าหาทะเลหมอกยังไม่สิ้นสุด ว่างเมื่อไหร่จะแวะมา  ขอบคุณที่ติดตามนะครับ

Khundet

 วันเสาร์ที่ 23 พฤษภาคม พ.ศ. 2563 เวลา 13.12 น.

ความคิดเห็น