ปกติฤดูร้อน เราๆก็ไม่ค่อยจะอย่กับเหย้าเฝ้ากับเรือนกันอยู่แล้วใช่มั้ย ก็มันเปลืองค่าไฟอ่ะเนอะ
แต่ด้วยโควิดเป็นเหตุ สังเกตได้ ทุกคนก็ต้องอยู่บ้านกัน (โดยปริยาย)
ไหนจะอัดอั้นอยากเที่ยว ไหนจะอุดอู้อยู่ในห้อง พอมันเที่ยวได้ปุ๊ป
เราก็เสิร์ชหาที่เที่ยวปั๊ป และแน่นอนกาญจนบุรี ปลดล๊อคเป็นที่แรกๆ เราจีงเลือกมาที่นี่แหละ

River Kwai Jungle Rafts

ริเวอร์แคว จังเกิ้ลราฟท์ รีสอร์ท กาญจนบุรี
บอกก่อนเลยว่าที่นี่ไม่มีไฟฟ้า บางคนอาจจะคิดว่า เฮ้ย นี่มาเที่ยวหรือมาลำบาก
แต่เดี๋ยวก่อนจ้ะ ที่นี่ถึงจะไม่มีการใช้ไฟฟ้า แต่ใช่ว่าจะลำบากลำบนนะคู้นน มันเป็นคอนเซปต์ของเค้าจ้า
เพื่อให้เราได้อยู่กับความสงบ และธรรมชาติของบรรยากาศแม่น้ำแควน้อยแบบเต็มๆ

ริเวอร์เเคว จังเกิ้ลราฟท์
ตั้งอยู่ที่ ตำบลท่าเสา อำเภอไทรโยค จังหวัดกาญจนบุรี

เราเดินทางจากกทม.โดยรถส่วนตัว ปักหมุด ท่าเรือพุตะคียน หรือถ้าหาไม่เจอ ค้นหา ท่าเรือรีโซเทล ก็ได้จ้า
เรือที่จะไปแพของเรา ออกทุกชั่วโมง เริ่มตั้งแต่ 08.00-18.00 น. เรือรับส่งฟรี แต่ถ้าใครมาถึงหลังจากนี้     จ่ายเพิ่ม 1000 บาทไทยจ้า

จากท่าเรือพุตะเคียน เดินทางประมาณ 20 นาที
ก็จะถึงที่พักของเรา ช่วงที่ล่องเรือนี้ก็ชมวิวสวยๆงามๆ กันไปก่อน

ถึงแล้วจ้า จะมีพี่ๆน้องๆ พนักงานมาคอยต้อนรับถึงกาบเรือกันเลยทีเดียว
แถมยังปฏิบัติตามมาตรการควบคุมโรคอย่างเป๊ะเวอร์ ทั้งใส่หน้ากากอนามัย
ทั้งตรวจวัดอุณหภูมิผู้เข้าพักทุกคนด้วยจ้า

ที่พักของเรา บรรยากาศร่มรื่นมากเวอร์ ชิลล์ขั้นสุด
จะได้นั่งห้อยขาบนแพ ให้แม่น้ำแควไหลผ่านร่างแล้วโว้ยยยย

นั่งจิบเวลคัม ดริงค์ไป ชมวิวแม่น้ำแควไปด้วย มันสบายตา สบายใจจริงๆนะคุณ

ห้องพักทุกห้องจะมีชานบ้านแบบนี้เป็นของตัวเองเลย
จะเอกเขนกพร้อมหนังสือสักเล่ม หรือโดดน้ำให้ฉ่ำอุราก็หน้าห้องเราเองนี่เลย

บอกแล้วใช่มั้ยว่าที่นี่ไม่ใช้ไฟฟ้า แต่ไม่ใช่ไก่กาจุดทงจุดเทียนนะแม่ เค้าใช้ตะเกียงจ้ะ 

ช่วงกักตัวอยู่บ้าน ก็กักตุนไขมันไปด้วย เรายังไม่ได้มีน้องนะทุกคลลลล 

ห้องนอนจ้ะทุกคน กว้างแบบจุกๆ จะพักคนเดียว พักสองคน ก็มีสองเตียง
หรือสามคน ก็สามเตียงทั้งนั้นจ้ะ แถมยังมีมุ้งแบบอู้ฟู่รู่ร่า เพิ่มความโรแมนติคไปอีก

หน้าห้องพักทุกห้อง จะมีเปล และโซฟาเบดตรงริมน้ำ
จะนั่งก็บรรยากาศชิลๆ หรือถ้าอยากปล่อยใจให้ชิลล์ไปกว่านั้น ค่อยๆเอาเท้าจุ่มลงไปในน้ำ
นอกจากความเย็นของน้ำที่จะทำให้คุณสดชื่น
เสียงน้ำไหลจะช่วยปลอบประโลมคุณให้พ้นจากเรื่องวุ่นวายที่ผ่านมาในชีวิตได้ด้วยนะ

ถ้าแค่สายน้ำเอื่อยๆทีไหลผ่านร่างกายมันยังปลดเปลื้องความเหน็ดเหนื่อยในใจได้ไม่สุด
เดินไปหยิบเสื้อชูชีพเลยจ้ะคุณ กระโดดให้ร่างกายเป็นส่วนหนึ่งกับสายน้ำไปเลย

ปล.ลงน้ำได้จากหน้าห้องพักตัวเองได้เลยนะ แล้วก็รีบว่ายเข้าฝั่งก่อนที่จะไหลออกนอกพื้นที่ของเรือนแพเน้อ
และที่สำคัญที่สุด ก่อนลงเล่นน้ำทุกครั้ง ต้องใส่เสื้อชูชีพด้วยเด้อ

เย็นย่ำ พระอาทิตย์ลับขอบภูเขา เจ้าตะเกียงก็ทำหน้าที่ของมัน
แสงสว่างอาจจะดูเล็กน้อยแต่พอจุดรวมๆกัน มันสว่างไสวกว่าอนาคตเราซะอีก เดี๋ยว ใจเย็น
แต่เอาจริงๆ นอกจากจะสว่างแล้ว มันยังสวยคลาสสิกดีด้วยนะ

มื้อเย็นของ ริเวอร์แคว จังเกิ้ล ราฟต์
เริ่มตั้งแต่ 18.00 น. เป็นแบบบุฟเฟต์ (ราคารวมอยู่ในแพคเกจ)
จะทานกันที่บริเวณห้องอาหาร ตรงกลางแพ และจะมีบาร์เล็กๆ ชื่อว่า จังเกิ้ล บาร์
ไปค่ะ ไป เดินไปดินเนอร์สุดโรแมนติกใต้แสงตะเกียง ไงล่ะ ล้ำกว่าใต้แสงเทียนไปอีกกก

อาหารของเราเป็บแบบบุฟเฟต์อาหารไทยนะจ๊ะ ไม่ต้องเดินไปตักให้เมื่อย
เสิร์ฟมาบนโต๊ะให้เลยแบบจุกๆ ดูเหมือนจะ Simple นิดๆ แต่รสชาตดีเลยนะคุณ
ไม่อิ่ม ไม่พอ ก็ขอเติมได้อีกแบบไม่อั้น ข้าวก็นุ่ม อาหารก็อร่อย ผลไม้ก็หวาน เฮ้ย มันคอมพลีตอ่า

กลางวันนั่งชมนก ชมไม้ สายน้ำ
กลางคืนนั่งชมดาว เคล้าเสียงน้ำไหล
เติมพลังให้หัวใจ รับกับวันใหม่ที่แสนสดชื่น

เมื่อแสงสว่างมา ตะเกียงก็ต้องอำลาจากหน้าที่ของมัน

บรรยากาศยามเช้า ทั้งสดชื่น ทั้งสงบ

ที่นี่ นอกจากไม่มีไฟฟ้า สัญญานโทรศัพท์ หรือสัญญานอินเตอร์เนตก็แทบจะไม่มี
แต่มันกลับทำให้เราได้ยินสัญญานหัวใจของเราดังขึ้นกว่าที่เคย

อาหารเช้า พร้อมเสิร์ฟที่โต๊ะอีกเช่นกัน ทานกันเยอะๆนะ จะได้มีแรงเที่ยวต่อ

ที่ริเวอร์แคว จังเกิ้ล ราฟท์ ให้คุณได้มากกว่าการท่องเที่ยวเรือนแพ
เพราะคุณสามารถเดินเท้าเข้าไปเยี่ยมชมหมู่บ้านมอญได้อีกด้วย ไปค่ะ เดินไปพร้อมกันเลย

เดินมาไม่ไกลเท่าไร
เราก็จะได้สัมผัสบรรยากาศของชุมชนชาวมอญ แบบนี้

ชวนนึกถึงสมัยก่อน หน้าบ้านที่ต่างจังหวัด
จะมีการตระเตรียมน้ำไว้รับแขก หรือไว้ให้ใครที่ผ่านมาดื่มแก้กระหาย

สถาปัตยกรรมของชาวมอญที่ถ่ายทอดผ่านทางศาสนาและวัฒนธรรม

โรงเรียนมอญ ที่นี่จัดการเรียนการสอน ด้านศิลปวัฒนธรรม ภาษามอญและภาษาอังกฤษ
นักเรียนก็จะมาเรียนกันในวันหยุด เนื่องจากวันธรรมดาไปโรงเรียนปกติกันอยู่แล้ว
ใครอยากติดขนมหรืออุปกรณ์การเรียนหรือกีฬาก็เอามาฝากน้องๆได้นะ

สำหรับ คอคนรักช้าง ที่นี่มีพี่ช้างให้คุณหยอกล้อ ป้อนกล้วย ป้อนอ้อย ด้วยนะ
ชื่อพี่วันดี ปีนี้พี่เค้าก็ 46 ปีแล้ว ดูท่าทางเหงาน่าดูเลย เพราะนักท่องเที่ยวหายไป
พี่เค้าคงงง ไปไหนกันหมดหว่าาาา

สาวมอญแม่เอ๊ยยย ผิวพม่า นัยย์ตาแขก เป็นงี้นี่เอง

เดินตามทางต่อไปอีกนิด
อีกจุดแนะนำคือ ถ้ำพระมอญ และจุดชมวิว

ใกล้ๆ กัน จะมีจุดชมวิวแม่น้ำแควน้อย
จากตรงนี้สามารถมองเห็น ริเวอร์ แคว จังเกิ้ล ราฟต์ ได้ด้วยนะ

สำหรับใครที่เดินชมหมู่บ้านจนถึงตรงนี้แล้ว นั่งพักเหนื่อย ชมวิวมุมสูงจนพอใจ
แล้วเดินกลับทางเดิมที่มานะจ้ะ ห้ามไปทางลัดเพราะคิดว่ามันจะโผล่ที่แพด้านล่างล่ะ
เพราะมันเป็นส่วนของแพที่ยังไม่เปิดให้บริการจ้า เราเดินเด๋อด๋าไป ผิดจ้า

เอาล่ะ พาดูกันจนทั่วแล้ว
ใครที่อยากไปพักผ่อนชิลๆ อยู่กับธรรมชาติและสายน้ำฟินๆ แบบนี้
ติดต่อจองห้องพักได้ที่
📞 โทร : 02-642-5497
💻 เว็บไซต์ : https://www.riverkwaijungleraf...
👍 เฟซบุ๊ค : https://m.facebook.com/riverkw...
นี่อาจจะเป็นการพักผ่อนที่คุณรอคอยกันอยู่ ก็ เป็น ได้......

ที่นี่ยังมีกิจกรรมอย่างอื่นอีก
ทั้งล่องแพเปียก พายเรือคายัค นวดไทย
และชมการแสดงระบำมอญ
ก็เลือกทำกิจกรรมกันตามสะดวกนะ 


สุดท้าย ก่อนจบรีวิว
ฝากเข้าไปกดไลค์ เพจ Journey Gallery (https://www.facebook.com/journeygallery/) กัน
เพื่อเป็นกำลังใจในการทำรีวิวต่อๆ ไปให้เราหน่อยนะ ในเพจยังมีที่เที่ยว ที่ถ่ายรูป มาแนะนำอีกเยอะเลย

ส่วนรีวิวนี้ก็ขอจบแต่เพียงเท่านี้ล่ะจ้า
ไว้จะมาเขียนให้อ่านกันอีกในทริปหน้านะ บ๊ายบายจ้า

Journey Gallery

 วันเสาร์ที่ 23 พฤษภาคม พ.ศ. 2563 เวลา 22.37 น.

ความคิดเห็น