หลังจากคลายล็อคดาว กาญจนบุรีถือได้ว่าเป็นจังหวัดแรกๆที่เปิดให้เที่ยวได้

เชื่อว่าโควิด-19 ทำให้หลายๆคนได้อยู่กับตัวเอง และปรับเปลี่ยนการใช้ชีวิตกันมากขึ้น

วันนี้กานต์ จาก กานต์•เดิน•ทาง จะขอพาเพื่อนๆ มาท่องเที่ยวแนวใหม่ ที่ใส่ใจธรรมชาติ ได้อยู่กับตัวเอง แบบไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวก กับรีสอร์ทที่มีชื่อว่า River Kwai Jungle Rafts นั่นเองคร่าา

เริ่มต้นการเดินทาง เราจองที่พักผ่านทางลิ้งค์ https://bit.ly/34WJcQ4 เพื่อนๆสามารถเข้าไปดูวันว่าง และเลือกชำระเงินได้เลย

แอบกระซิบ!! ว่าในห้องมีเตียงใหญ่ 1 เตียง เตียงเล็กอีก 1 เตียง ถ้ามา 3 คนคือจองห้องเดียวสบายๆเล้ยย

อย่างที่เกริ่นไปนะคะ ที่นี่ไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวก, ไม่มีไฟฟ้า, ไม่มี Wifi, ไม่ค่อยมีสัญญาณโทรศัพท์,  การมาเที่ยวที่นี่จึงเหมือนการได้มาอยู่กับตัวเอง กับธรรมชาติอย่างแท้จริง <3

เอาล่ะค่ะ เมื่อจองที่พักเสร็จเราก็ออกเดินทางกันเลย..เริ่มจากเปิด GPS ปักหมุดมาที่ท่าเรือพุตะเคียนกันค่ะ

เราจะนำรถยนต์มาจอดที่นี่ จากนั้นก็โดยสารเรือเข้าไปยังที่พักพร้อมกับแขกคนอื่นๆ เรือจะออกทุกชั่วโมง แต่จริงๆพอแขกเริ่มเยอะ เรือก็มารับแล้วค่ะ เรือจะให้บริการเวลา 8.00-18.00 น. ถ้าช้ากว่านั้นจะเสีย 1,000 ต่อเที่ยวนะจ้ะ

เรือมารับเราแล้ว เลยขอหันกลับไปถ่ายรูปท่าเรือ 1 ภาพ บ๊าย บายย พรุ่งนี้ค่อยเจอกันใหม่นะ ขอไป slowlife วันนึงก่อน อิอิ

ระหว่างทางเราจะผ่านรีสอร์ทต่างๆในเครือของ Serenata group เริ่มจากที่แรก River Kwai Resotel 

เป็นรีสอร์ทบนฝั่งนะคะ ที่มองจากมุมนี้แล้วดูสวยงาม หรูหรา สะดวกสบายๆมากๆ

ผ่านไปอีกสักพักก็จะเจออีกหนึ่งรีสอร์ท เราขอเรียกว่า แพไฮโซ The Float house 

เพราะด้วยราคาและความหรูหรา ที่เห็นจากเพจต่างๆ ขอบอกเลยว่า..ถ้าถูกหวยเมื่อไหร่ ล่ะก็จะมาพักมั่ง 5555+   

เรือแล่นมาได้สัก 30 นาทีก็ถึงที่พักของเรา River Kwai Jungle Rafts แล้วคร่าาาา

ที่รีสอร์ทนี้จะไกลกว่าเพื่อน แต่ก็สงบมากก ด้านหลังติดกับหมู่บ้านมอญ พนง.ที่นี่ส่วนใหญ่ก็เป็นชาวมอญในท้องที่ ถือเป็นการส่งเสริมรายได้ให้กับคนในชุมชนนั่นเอง รีสอร์ทนี้ถือได้ว่าเป็นแพริมน้ำที่แรกในกาญจนบุรี ที่เปิดมาตั้งแต่ปี ค.ศ.1976 นี่เรากำลังมาพักออริจินอลของแพริมน้ำกันเหรอเนี่ยยย ว้าวววว..ววว

เช็คอินรับกุญแจห้องเรียบร้อยแล้ว ขนาดกุญแจยังทำมาจากเปลือกไม้ธรรมชาติอันใหญ่ไม่ต้องกลัวหาย แถมไฟฉายอันเล็กๆมาให้ใช้ด้วย น่าร๊ากกก

มาดูในห้องกันบ้างค่ะ อย่างที่บอกนะคะว่าในห้องจะมีเตียงใหญ่ 1 เตียงและเตียงเล็กอีก 1 เตียง ตอนกลางคืนก็นอนกางมุ้ง 

หน้าห้องมีเปลไว้นอนชิลๆ ริมน้ำก็มีโซฟา ด้านหน้าห้องพักจะมีโต๊ะไม้ยาวๆ ไว้นั่งกินอาหารด้วย แต่ทั้งหมดให้ใช้ร่วมกันนะคะ 2 ห้อง แบ่งกันนั่งเปล นั่งโซฟา แตพอไปอยู่ที่พักเราจะรู้จักกันไปเอง มิตรภาพจะมาเองอัตโนมัติเลยค่ะ

เดินดูรอบๆคือ มีแต่ต้นไม้ ดอกไม้เต็มไปหมด เป็นพื้นที่สีเขียวทั่วทั้งแพจริงๆ

ฤกษ์งามยามดี หลังจากเดินสำรวจที่พักจนหนำใจ เราไปเปลี่ยนชุด กระโดดน้ำเล่นกันเถอะค่ะ

เล่นน้ำจนเพลินดูเวลาอีกที ห้าโมงแล้ววว พนักงานเริ่มจุดตะเกียงเจ้าพายุแล้วค่ะ

วันนี้เราจะมาดินเน่อใต้แสงตะเกียงกันค่ะทุ๊กโค้นนนน

ไม่รอช้าเรารีบไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้ากัน อาหารเย็นจะรวมอยู่ในราคาค่าห้องแล้วนะคะ เป็นอาหารที่จัดเป็นชุดไว้ให้แต่ถ้าไม่อิ่มขอเติมได้ไม่อั้น เนื่องจากช่วงนี้ต้อง Social distancing ทางรีสอร์ทเลยต้องแบ่งแขกให้ทานอาหารเป็น 2 รอบ เราได้รอบแรกคือช่วง 18.00-19.00 น. 

และนี่คือหน้าตาอาหารเย็นของเรา จริงๆรสชาติอร่อยนะคะ แต่น่าจะทำทิ้งไว้นานอาหารเลยค่อนข้างเซ็งๆไปหน่อย แต่โดยรวมให้ 8/10 ไปเลยค่ะ

กินอาหารเย็นเสร็จไม่เท่าไหร่ก็เริ่มมืดแล้วค่ะ เราเดินถ่ายรูปเล่นอีกนิดหน่อย ก่อนจะรอไปชมการแสดงของชาวมอญช่วงสองทุ่ม ค่าเข้าชมคนละ 100 บาท

เสียดายที่มัวถ่ายแต่ VDO เลยไม่มีภาพนิ่งตอนชมการแสดง ไว้ตัดต่อเสร็จเมื่อไหร่จะนำมาให้ชมกันนะคะ

คืนนี้ก่อนจะไปนอนเลยขอถ่ายภาพอีกสักนิดก่อนนอน zzZZ 

อรุณสวัสดิ์เช้าวันที่สองนะคะ อาการศยามเช้ามีหมอกจางๆให้เราได้เห็นด้วย


อาหารเช้าก็รวมอยู่ในค่าห้องแล้วนะคะ เป็นแบบบุฟเฟ่ต์เช่นกันเติมได้ไม่อั้น 

ทานไปได้สักพักได้ยินเสียงแขกคนอื่นๆดังมาจากด้านหลังที่พัก เราเลยเดินไปดูว่าเสียงอะไร ปรากฎว่า...เจอช้างประจำหมู่บ้านมอญ ชื่อว่า วันดี มารอรับอาหารจากแขกที่เข้าพักค่ะ น่ารักมากกก

วันดีอายุ 52 ปีแล้ว กินจุถึงวันละ 300 กิโลกรัมแหนะ ทางรีสอร์ทจะเตรียมเปลือกผลไม้ พวกเปลือกสับปะรด เปลือกแตงโมจากที่เราทานกันมาไว้ให้วันดีกินต่อนั่นเอง

เหมือนวันดีกำลังยิ้มเลย ^^' หลังจากทานอาหารเสร็จ ก่อนกลับเราเลยขอเดินไปสำรวจหมู่บ้านมอญกันซะหน่อย ถ้าพร้อมแล้วไปพร้อมกันเลยคร่าา

ทางเดินยาว จากทางขึ้นไปยังตัวหมู่บ้าน ถือเป็นเอกลักษณ์อย่างหนึ่งของที่นี่ บ้านเรือนของชาวมอญจะทำมาจากใบไม้ ต้นไม้ เน้นใช้วัสดุจากธรรมชาติ ที่สำคัญชาวบ้านไม่นำไฟฟ้าเข้ามาเพราะต้องการให้ทุกคนยังคงอยู่กับธรรมชาติ ภายในหมู่บ้านมีโรงเรียนเล็ก เป็นโรงเรียนชาวมอญ ไว้สอนภาษามอญและภาษาอังกฤษให้เด็กๆในหมู่บ้านช่วงวันเสาร์ อาทิตย์

แวะไหว้พระที่วัดในหมู่บ้าน สักหน่อยเพื่อความเป็นสิริมงคล



อีกหนึ่งจุดที่ถือว่าเป็น view point คือ ถ้ำพระมอญนั่นเอง เราสามารถมองเห็นวิวแม่น้ำ และรีสอร์ทได้จากมุมสูงค่ะ

จริงๆหมู่บ้านมอญไม่ใหญ่ เราสามารถใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงเดินเที่ยว พูดคุยกับชาวบ้าน  แวะไหว้พระ ชมวิถีชีวิตของคนท้องถิ่น ดูจากเวลาสิบโมงกว่าแล้วเราเลยกลับมาอาบน้ำ เปลี่ยนเสื้อผ้า เตรียมตัวเช็คเอ้าท์กันค่ะ

เป็นเวลา 2 วัน 1 คืนที่ผ่านไปไวมากกก ไม่น่าเชื่อว่าเราจะสามารถวางโซเชียลลง และได้ใช้เวลาอยู่กับตัวเอง อยู่กับคนข้างๆได้มากขึ้นจริงๆ 

เสาร์ อาทิตย์นี้ถ้าไม่รู้จะไปไหน ลองมาพักที่ River Kwai Jungle Rafts ดูนะคะ อาจจะติดใจก็ได้

ขอบคุณทุกคนด้วยน๊าา สำหรับการติดตาม เจอกันใหม่ทริปหน้าคร่าาาา บ๊าย บาย

กานต์เดินทาง

 วันอังคารที่ 21 กรกฎาคม พ.ศ. 2563 เวลา 15.12 น.

ความคิดเห็น