แนะนำที่ซ้อมวิ่งเทรลใกล้กรุงเทพ​ "สวนหินพุหางนาค" อู่ทอง​ สุพรรณบุรี

!!! รีวิวนี้แต่งภาพเพื่อความสวยงามและได้อรรถรสในการรีวิวครับ​ ถ่ายจากกล้องมือถือ​ และ​ gopro​ 7​ ครับ!!!

Youtube channel : Ekka Act Journey ชมคลิปนี้แบบเต็มๆได้ที่นี่เลยครับ

FB fan page : Ekka Act Journey

หลายๆท่านที่สนใจในการวิ่งเทรล​ หรือเพิ่งจะเข้าวงการวิ่งเทรลมาอย่างเช่นตัวผม​ ก็อยากจะหาสนามซ้อมที่ใกล้ๆกรุงเทพ​ วิ่งขึ้นตึก​ วิ่งขึ้นลานจอดรถ​ มันไม่ได้ฟิลลิ่ง​ จะไปเขาฉลากที่หลายๆท่านไปกัน คนก็เยอะ​ ที่จอดรถก็นะ​ ลิงเยอะ​ กลัวลิงจะซน​กับรถท่าน หรือท่านอาจจะพักอาศัย​แถบ​ทางใต้ของกรุงเทพ​ ก็อาจจะเสียเวลาไปอีก

วันนี้ผมเลยอยากจะมาแนะนำ ที่วิ่งเทรลอีก​ 1 ทางเลือก​ สำหรับคนกรุงเทพ ที่หลายๆคนเรียกว่า​ "พุหางนาค"

ระยะทางเต็มเส้นทาง​ มี​ 2 เส้นทางคือ​ 11​ km กับ​ 17​ km

ท่านสามารถเข้าไปโหลดไฟล์​ gpx​ ได้ที่​ Facebook : หมู่บ้านพุหางนาค​ (แอดมินตอบเร็วมาก)​
พุหางนาค​ หรือที่หลายๆคนเรียกกันว่า​ สวนหิน​พุหางนาค, สวนศึกษาธรรมชาติพุหางนาค​ ตั้งอยู่ในพื้นที่ของ​ อ.​อู่ทอง​ จังหวัด​ สุพรรณบุรี​ ซึ่งหากจะตั้ง​ GPS​ หรือหาทางไปจาก​ Google​ map เราจะพบว่ามันอยู่ห่างจาก​ เซ็นทรัลปิ่นเกล้าไปอีกแค่​ 129 กิโลเมตร​ แต่ว่าถ้าท่าน​ start จากแถบบางบัวทอง​ พุหางนาคจะอยู่ไกลจากบางบัวทองแค่​ 99​ Km​ เท่านั้นเอง

วิธีการเดินทาง​ : พิมพ์บน​ Google​ map เลยครับ​ "วัดเขาทำเทียม" หรือ​ "Bhutsaya​ Khiri​ Suvarnabhumi​ (Rock Buddha)" หรือ​ "พระพุทธปุษยคีรีศรีสุวรรณภูมิ" (ที่ให้พิมพ์วัดเขาทำเทียมเพราะมันสั้นที่สุดครับ)​ ฮ่าๆๆ

เมื่อมาถึง​ที่นี่​ คุณจะพบกับความอลังการของหน้าผา​ที่มีพระพุทธรูปแกะสลักองค์ใหญ่​ ปางสมาธิ​ เด่นเป็นสง่าอยู่กลางหน้าผา​ ให้จอดรถด้านหน้าลานกว้างๆได้เลย​ เตรียมอุปกรณ์​ แต่งองค์ทรงเครื่องพร้อมเสร็จสรรพแล้วให้เดินไปตามถนนอีกประมาณ​ 100 เมตรจะเจอทางเข้าเหมือนเป็นซุ้มๆ

ปฐมบท​ : ซ้อมวิ่งเทรล​ พื้นที่จริงครั้งแรกของผมณ​ ขณะที่ผมไปจะมีริบบิ้นติดอยู่ตามต้นไม้​ (แบบห่างๆ)​ ต้องสังเกตุกันเยอะๆนะครับ​ แต่สังเกตุไม่ยาก​ แต่ต้องย้ำว่า​ หาริบบิ้นต้องใจเย็นๆ​ เพราะ​ ชมรมวิ่งเทรลที่นั่นเค้าก็มาติดกันเอง​ ไม่ใช่เป็นงานหรืออะไรนะครับ​ ม่ะ​!!! มาเริ่มกันเลย

1. เข้าซุ้มต้นไม้ตรงประตูแรกก็​ uphill เลยจร้า​ ผมเดินไต่ขึ้นไปเรื่อยๆ​ เผาแรงไปเยอะเลยทีเดียวครับ (ในภาพไม่ใช่ซุ้มประตูที่ขึ้นมานะครับ) แต่ตรงนี้มีป้ายบอกทางอยู่ครับ

2. ถึงยอดเขาที่เป็นหน้าผา​ เดิน-วิ่ง-ถ่ายรูป​ ระวังกันด้วยครับ​ อันตรายนะครับ​ มีสติๆ​ แต่วิวโคตรพันล้านจริงๆ​ สวยงามมาก​ 

3. ผมไต่ตามหน้าผา​ ตามริบบิ้นมาเรื่อยๆ​ หลงบ้าง​ หาริบบิ้น​ไม่เจอบ้าง​ 1.78 km ใช้เวลา​ 30​ นาทีอ่ะ​ ในใจคิด​ "ชิบหายละ" เมียรออยู่บ้าน​ บอกจะกลับประมาณ​ 9​ โมง​ ผม​เริ่ม​ 6:20 เกือบจะ​ 7​ โมงละเพิ่งได้​ 1.78​ Km​ เอง

4. จบจากหน้าผาก็จะจบการ​ Downhill แต่ด้วยความที่ว่าไม่เคยฝึก​ Downhill จริงๆนิ​ กลัวฟ่ำสิครับ​ ก็ต้องค่อยๆเดิน​ลง

5. เดินไปเรื่อยๆ​ เริ่มเข้าเขตป่ามืด​ เมื่อคืนฝนตกหนัก​ บอกเลยชุ่มฉ่ำมาก​ เย็นสบายครับ​ แต่ช่วงนี้เอง​ หาริบบิ้น​ไม่เจอ​ ช่วงนี้เป็นช่วงที่กังวลใจที่สุด​ ผมยืนอึ้งอยู่พักนึง​ "เอาไงดีวะ" จะกลับหรือจะไปต่อ​ ยืนตั้งสติ​ ยืนเฉยๆอยู่แว่บนึง​ แล้วค่อยๆกวาดตาหาทางที่มันพอจะเดินได้​ แล้วก็เจอริบบิ้นๆครับ​ ถึงตรงนี้ถ้าจำไม่ผิดน่าจะต้องมองทางซ้ายไว้ครับ

6. ออกมาจากป่าได้​ จะเจอหน้าผาย่อยอีก​หนึ่งหน้าผา​ ถ้าจะให้ดี​ จินตนาการไปเลยว่าเราอยู่​ UTMB​ monblanc ไปเลยละกัน​ แต่อากาศไม่ใช่นะ​ ฮ่าๆๆ​ ถึงตรงนี้​ ไต่หินลงไปด้านล่างสุดของหน้าผาครับ​ จะเจอริบบิ้นบอกทางออก​ อันไกลโพ้น

7.​ ออกมาทางถนนมาได้​ 100 เมตรจะเจอประตูทางเข้าสวนศึกษาธรรมชาติ​ พุหางนาค​ ตรงนี้แหละ​ โคตรดราม่า​ เพราะตรงนี้เป็นจุดเริ่มต้นของบันไดหิน​ uphill ขึ้นไปยอดสูงสุด​ ตรงจุดนี้ไม่มีริบบิ้นนะครับ​ ตามบันไดหินขึ้นไปบนจุดสูงสุดให้ได้เป็นพอ ตรงนี้เหนื่อยมาก

8. เดินไปบันไดหินไปเรื่อยๆบนจุดสูงสุด​ สังเกตุริบบิ้นดีๆ​ จะเป็นทางเข้าช่องหินเล็กๆ​ เพื่อไปที่จุดชมวิวด้านใน
9.​ ข้างๆจุดชมวิว​ ไปต่อเลย​ รูเล็กๆข้างๆนั่นแหละ​ เดินไปตามริบบิ้น​ จะไปเจอสำนักสงฆ์​ ช่วงนี้เป็นช่วงเคว้งอีกช่วง​ เพราะไม่มีริบบิ้นนะครับ​ ให้เดินไปแถบๆซ้ายมือ​ เดินลงบันได​ ลงเขาไปเลยจะเจอถนนครับ​ ข้างหน้าจะเขียนว่า​ สวนหินพุหางนาค
10. ตรงนี้เจอน้องๆขับรถกะบะมากับน้ำครับ​ น้องเค้ามาส่งน้ำให้กลุ่มข้างหน้าครับ​ (เพิ่งรู้ว่ามีกลุ่มหน้าเราด้วย)​ น้องๆเลยให้น้ำมาขวดนึง​ ชื่นใจมากๆเลย​ ผม ถามน้องๆว่าต้องไปทางไหนต่อ​ ได้ความว่า​ ณจุดที่ยืนอยู่บนถนน ให้มองไปทางซ้ายครับ​ จะเจอขั้นบันไดหินเพื่อขึ้นเขาอีกรอบ

11.​ ไต่ขึ้นไปอีกรอบจ้า.. ถึงตอนนี้เรามาทันกลุ่มข้างหน้าพอดีครับ​ ซึ่งทั้งหมดมาด้วยกันครับ​ ก็เดินกันไปเรื่อยๆ​ ไต่บันไดหินขึ้นไปครับ​ จะเจออีกยอด​ ตรงนี้สวยงามมากครับ​ เป็นคล้ายทุ่งหญ้าสีม่วงๆ​ แดงๆหรือเลือดหมูๆ​ กับลมพัดต้นหญ้า​ เฮ้ย... สวยมาก​ สวยจริง

12.​ Downhill ละจ้า​ ตรงนี้ ผมพึ่งจะได้สัมผัสความรู้สึก​ downhill แบบมันส์ๆก็ครั้งนี้เอง​ แต่ต้องระวังกันด้วยนะครับเพราะว่าถ้าใช้ความเร็วมากเกินไป อาจจะ ตก หรือกลิ้งได้เลยนะครับ

13.​ ถึงจุดนี้ จะเจอป้ายสีเขียวใหญ่ๆ​ ให้เดินตรงไปข้างหน้าจะเป็นพวกหินลอย​ ลงทางด่วนมาก็จะเจอ ทางเข้าวนอุทยานพุม่วง​ นี่คือครึ่งทางของพุหางนาค​ ซึ่งต้องไปวัดเขาถ้ำเสือต่อ​ แต่"มันคือตอนจบของผม" 

14. ด้วยความที่​ inbox หาแอดมิน​ FB​ หมู่บ้านพุหางนาค​ ท่านบอกว่า​ ทางของครี่งหลังเป็นป่า​ส่วนใหญ่กลัวจะหลง​ และจะเสียเวลามาก​ "ประเด็นคือเมียตามถี่ละ" ผมเลยตัดสินใจ​ dnf​ ตัวเองที่หน้าทางเข้า​ "วนอุทยานพุม่วง" เดินไปหน้าปากทางเพื่อหากะบะของชาวบ้านขอติดรถกลับมาที่จุดเริ่มต้น​ (จริงๆคิดจะวิ่งกลับ)​ เพราะ​ search Google map กลับไปหา​ 6.6 km เอง​ แต่ ด้วยความที่ว่าอากาศร้อนและรองเท้ากัด​ ก็ต้องยอมแพ้ไป​ (อ่อนแอก็แพ้ไป)​ ฮ่าๆๆ

15. ผมติดรถพี่ชาวบ้านที่จะไปหาญาติที่ด่านช้าง​ แกใจดีมากไปส่งผมถึงที่เลยครับ​ เอาจริงๆ นอกจากจะเป็นการซ้อมวิ่งเทรลครั้งแรกของผม​ การโบกกระบะ ชาวบ้านข้างถนน​ นี่ก็เป็นครั้งแรกของผมเช่นกัน​ ฮ่าๆๆ

สรุป

วันนี้มาซ้อมเทรลเป็นครั้งแรก

​ได้เจอเส้นทางใหม่ๆได้เจอเทรลแรก

​ได้เจอ​ uphill แรก

​ได้เจอ​ downhill แรก

ได้เจอ​ หินลอย

ได้เจอความรู้สึกแรก​ ว่า​ downhill มันมันส์อย่างนี้นี่เอง

ได้เจอความท้อแรก​ ว่าเมื่อไหร่จะถึงวะ

ได้เจอบันไดหินหมื่นขั้น

ได้เจอเพื่อนใหม่ระหว่างทาง

ได้เจอแอดมินพุหางนาคที่เราก็ไม่เห็นหน้า​ inbox ถามทางตลอด

ได้เจอหลงแรก​ หลงสอง​ หลงสาม​ ตามมาตามลำดับ

ได้เจอคุณ​พระอาทิตย์ที่แผดเผาจนดวงใจเราไหม้เกรียม

ได้เจอคนมีน้ำใจ​ โบกรถกลับ​ พี่ก็รับ.. ...

การวิ่งเทรลได้อะไรโคตรเยอะเลยครับ

I am a Runner

 วันอังคารที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2563 เวลา 16.38 น.

ความคิดเห็น