อันยองฮาเซโยยยย~

ห่างหายไปนานกับการเขียน Blog เนื่องการสถานการณ์โควิดเอย ขี้เกียจเอย อะไรเอย หวังว่าทุกคนจะสบายดีนะคะ ^^ รีวิวเกาหลีครั้งนี้ใช่เวลาคร่ำคิด ค่ำครวญ ตัดสินใจอยู่นานมากกก เพราะว่าไปตั้งสิบวันคงจะต้องเขียนเยอะ เจ้าตัวก็ยิ่งขี้เกียจ แต่หลังจากที่ถามความเห็นเพื่อนๆ มีหลายคนอยากในรีวิว ก็เลยตัดสินใจเปิดคอมรีวิวโลดดด~

ทริปนี้ กับแฟน ไปมาช่วงเดือนธันวาคม 25/12/2019-03/01/2020 ค่ะ 10 วันพอดีเป๊ะ ไปช่วงคริสมาสต์พอดี บรรยากาศก็จะน่ารัก อบอุ่น (หมายถึงความรู้สึกทางใจนะ เพราะความรู้สึกทางกายนี้โคตรหนาวเลย555) กับแฟน ชอบไปเที่ยวต่างประเทศช่วงคริสมาสต์มากๆ เพราะว่าแต่ละประเทศก็จะมีการเฉลิมฉลองเท ศกาลนี้ ที่เกาหลีก็มีประดับต้นคริสมาสต์ ประดับไฟ เปิดเพลงคริสมาสต์ Feeling Good สุดๆไปเลย

มาเข้าสาระกันดีกว่า...

  • สายการบินขาไป คือ Eastern China Airline บอกได้คำเดียวว่าอย่าหานั่ง ห่วยแตกมากค่ะ ไม่ได้บินตรงอีกต่างหาก นั่งจาก BKK Airport ไปแวะ Transit เครื่องที่ คุนหมิง ถ้าใครไปแวะไม่ต้องกังวลเรื่องวีซ่านะคะ เพราะทางเจ้าหน้าที่ให้วีซ่าเรา 24 ชม. ถ้าจะให้เดี๊ยนรีวิวสนามบิน สำหรับเดี๊ยนคือ  3/5 ค่ะ อาหารไม่มีอะไรที่ดูจะกินได้เลย ยกเว้น KFC
    • ส่วนขากลับนั่ง Asiana Airlines บินตรงค่ะ ดีมากก นั่งเถอะ อาหารก็อร่อยด้วย
    • รวมค่าตั๋วตกคนละประมาณ 12,000 ค่ะ ราคานี้ถือว่าดีเวอร์ เพราะไปช่วง High Season
  • เรื่อง SIM card เราใช้สองแบบค่ะ เครื่องนึงเปิดโรมมิ่ง ใช้แพจเกจของ AIS 399 บาท 4 GB บอกเลยไม่พอ ใช้เกินไปสองพันห้า อย่าเผลอกดโทรกับที่ไทยน้าา นาทีละ 90บาทมั้งรู้สึก จุกนิดๆเลย ข้อดีอย่างเดียวคือ พอเครื่องจอดปัีปก็เปิดใช้ได้ปุ๊ป ส่วนเครื่องของแฟน เราซื้อซิมที่อินชอนแอร์พอต ของ KT Sim แนะนำเลยค่ะ เน็ตไม่อั้น 10 วัน ราคา 38,500 won (ประมาณพันเดียว)
  • โรงแรมที่เราพักอยู่แถว Dongdaemun ค่ะใกล้ฮงแด เป็น Guest House  ราคาคืนละประมาณ 1400ค่ะ มี Breakfast ให้ด้วย เจ้าของน่ารักมากกก ห้องเล็กๆน่ารัก มีน้ำห้อง ไดร์เป่าผม สิ่งอำนวยความสะดวกครบค่ะ รอบหน้าถ้าไปอีกก็จะพักที่เดิม (ปลใอันนี้รูปเอามาจากเน็ตนะคะ พอดีไม่ได้ถ่ายห้องไว้)
  • เรื่องเงินที่เตรียมไป กับแฟน แลกไปประมาณ  70,000 ค่ะ ใช้กันสองคนกับแฟน เผื่อเหลือเผื่อขาด เพราะไปตั้งสิบวัน กินเยอะกันทั้งคู่
  • Application ที่ควรมีติดไว้ คือ Never Map กับ Subway บอกเลยนี่คือ Apps ช่วยชีวิต อยากไปไหนก็แค่จิ้ม บอกละเอียดหมด ทั้งเวลารถ Bus สายที่ต้องไป ไปยังไงบ้าง นั่งไปกี่นาที
  • ค่าใช้จ่ายทุกๆครั้ง แนะนำลงไว้ในโน๊ต หรือ จดไว้ เราจะได้รู้ว่าเหลือเงินเท่าไหร่ แต่ละวันใช้เท่าไหร่

มาเข้าเรื่องกันดีกว่าค่ะ

พอเครื่องลงปุ๊ป หัวใจก็เต้น ตึกๆ เพราะกลัว ตม. อ่านเรื่องคนอื่นมาเยอะ เลยระแวง555 ช่วงต่อคิวรอสังเกตดูไม่ค่อยมีคนไทย เลยยิ่งคิดหนัก (ปล. ใบกรอก Immigration ประเทศนี้เค้ามีหลายภาษานะคะ ไอ้เราก็ไม่รู้ ไม่ได้สังเกต ดันไปกรอกภาษาเวียดนาม เพิ่งจะมาสังเกตตอนใกล้จะถึงคิว เลยต้องวิ่งแจ้นไปเปลี่ยนกัน) พอมาถึงตรง ตม.  เจ้าหน้าที่ไม่ถามอะไรเลย มองหน้า บอกให้แสกนนิ้วแล้วไล่ออก ไม่ถึงสองนาที ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าจะเครียดเพื่อ??? 555 อาจจะเป็นเพราะ Passport เรากับแฟนมีตราปั้มประมาณนึง อีกทั้งยังเป็นนักเรียน นักศึกษา กันทั้งคู่

กว่าจะรับกระเป๋า เดินออกมา ซื้อ SIM Card ก็เวลาเกือบเที่ยงคืน วิธีเข้า Seoul ของเราคือซื้อตั๋วรถบัสไปลง Seoul Station ราคาคนละ 9,000 won แล้วต่อรถแท็กซี่ไปโรงแรมราคาประมาณ  10,000   won ก่อนขึ้นแท็กซี่ ไอ้แฟนเราก็ทำเรื่อง พอเก็บกระเป๋าท้ายรถเสร็จ นางก็ไปเปิดประตูฝั่งคนขับจะเข้าไปนั่ง (เข้าใจว่าชินกับที่เมืองไทยอะเนอะ) คนขับแม่งก็โวยวายใหญ่ บ่นเป็นภาษาเกาหลี ไอ้คนที่ต่อคิวรอแท็กซี่ก็พากันมอง โครตอายบอกเลย >o<  เรื่องมันยังไม่จบแค่นี้จร้า พอถึงแถวโรงแรม แท็กซี่นางก็จอดตรงถนนใหญ่แล้วบอกให้เราเดินเข้าไปในซอยเอง เราก็โอเค No Problem จ่ายตังเสร็จ เดินลงจากรถจะไปเอากระเป๋าท้ายรถ ยังไม่ทันได้หยิบ ไอ้ลุงแท็กซี่แม่งขับออกไปเลย ต่อหน้าต่อตา ไอ้เราก็พากันตะโกนบอกให้หยุด โชคดีที่ข้างหน้ามีสี่แยกไฟแดง เราก็เลยได้หยิบกระเป๋า เหมือนลุงจะเพิ่งรู้ด้วยนะ เสี่ยงตายมากจร้า กลางถนน คนก็มอง นี่ขนาดวันแรกนะเนี่ย...

หนาวสิคะ เดินออกมากจาก Airport อากาศ -4 แทบจะกลืนนมกล้วยไม่ลง

มาเกาหลี อย่าลืมกินคิมบับรสนี้นะคะ อร่อยมาก ใครไม่กินถือว่าพลาด ราคาฏสามอย่างนี้หมดไปแค่.      4,300 won  (ร้อยนิดๆ)


DAY 2

ตื่นสายค่ะ...กว่าจะออกจากโรงแรมก็ สิบเอ็ดโมงกว่า ก่อนออกเดินทาง อย่าลืมซื้อบัตร T-money นะคะใช้ได้ทั้ง Subway & Bus ราคาบัตร 2,500 won แล้วต้องเติมเงินเข้าในบัตรอีกค่ะ

วันนี้ไปแถวๆ Buckon Hanok Village นั่ง Subway ไปลงสถานี Gyeongbokgung  ทางออก 5ค่ะ (ราคา Subway 1,250 won ตลอดสาย ส่วน Bus 1,200 won ซึ่งถือว่าดีมากๆ) ย่านนี้ที่ตรอกซอกซอยให้เดินเยอะมาก ร้านคาเฟ่ก็เยอะค่ะ

เดินเข้ามาตรงหมู่บ้านจะมีขายโปสการ์ด ชุดฮันบกให้เช่าเต็มเลยค่ะ เข้ามาแล้วจะมีอาจุมม่าเดินถือป้ายห้ามส่งเสียงดัง เนื่องจากมีคนอาศัยอยู่ในหมู่บ้านจริงๆค่ะ

selfie หนึ่งที อิอิ

เดินไปได้นิดนึงก็เดินกลับค่ะ เพราะทางมันชัน เหนื่อย ขี้เกียจเดิน  แล้วก็มาแวะกินต๊อกบกกีร้านคุณป้าใกล้ๆ

อร่อยมากกกกก ซดน้ำซุปร้อนๆเข้าไปยิ่งฟิน ต่อมาก็มาต่อมื้อใหญ่ค่ะ ไม่ได้ถ่ายหน้าร้านไว้ จำได้แต่ว่ามีรูปปั้นหมูข้างหน้าร้าน รสชาติใช้ได้เลยค่ะ เจ้าของร้านบริการดี ต้องสั่งอย่างน้อยคนละ 1  เมนู ราคามื้อนี้หมดไป 24,000 won ค่ะ อิ่มมาก

พอกินของคาวเสร็จก็มาต่อที่ของหวานกันค่ะ ร้านนี้หลายๆคนคงจะรู้จัก Cafe onion แนะนำให้ลองทานขนมปังที่มีไอซิ่งพูนๆ อร่อยมากชอบบ ตอนคีบต้องคีบระวังๆนะคะ เพราะถ้าคีบไม่ดีไอ้ที่มันพูนๆอยู่หกหมด (ประสบการณ์จริง) บาริสต้าร้านนี้งานดีย์มากกก มีแต่คนหล่อๆrvmk

พอทานเสร็จก็พากันรีบแจ้นไปสถานี Mangwon เพราะนัดสักตอนสี่โมงค่ะ ช่างสักเกาหลีนี่เก่งๆเยอะเลยค่ะ สักงานเนี๊ยบ สวยๆทั้งนั้น ร้านที่เราเลือกคือ Saegeemtattoo เป็นช่างผู้หญิง (น่ารักมากกก) แต่ราคาไม่ค่อยน่ารักสักเล็กๆก็ปาไป   230,000 won ประมาณ หกพันนิดๆ

รูปที่สักไปเป็น stamp ที่ปั้มลงบนพาสปอตของประเทศเกาหลีค่ะ ไม่เจ็บเลย ช่างมือเบามาก

กว่าจะเสร็จก็มืดค่ำ วันนี้ตัดสินใจกินข้าวเย็นโดยการตะเวนเดินกิน Street Food  ที่เมียงดง ของกินเยอะมาก ไม่ค่อยได้ถ่ายไว้ต้องขอโทษด้วยค่ะ แต่มีบางอันที่ แนะนำจริงๆอันแรกคือ ไก่ย่างบาบีคิว (รูปไม่ชัดต้องขออภัยเพราะถ่ายไว้แค่บูเมอแรง)

ที่แนะนำอีกอย่างคือกุ้งย่างเนย คนซื้อเยอะมาก คนย่างก็หล่อ แต่นั้นไม่ใช่ประเด็น

ไดฟูกุก็อร่อยค่ะ

วันที่สองถ่ายมาได้เพียงเท่านี้เนื่องจากกำลังเบิกบานอยู่กับอาหารจนไม่มีเวลาถ่ายรูป บวกกับความหนาวจับใจ บอกเลยค่ะว่าเสื้อ Uniqlo เอาไม่อยู่ พวกฮีทเทค ที่ซื้อมาป่าวประโยชน์หมด 5555

ขากลับก็มาแวะซื้อ ขนมนมเนยตรงมินิมาร์ทแถวโรงแรมค่ะ ส่วนมากพวกนมจะมีโปรซื้อสองแถมหนึ่ง


DAY 3

เช้าวันที่สามหนาวกว่าเมื่อวานวันนี้พากันมาเดินเล่นแถวคลอง Cheonggyechon ค่ะ เป็นคลองโบราณยาวประมาณ ห้าเกือบ หก กิโลเมตรค่ะ รอบๆคลองก็จะมีตลาด ร้านค้าอยู่เต็มไปหมด

เดินไปก็หนาวไปเจอแดดนี้คือประเจ้ามาโปรด หนาวจนคิดถึงแดดที่เมืองไทย

เช้านี้เรามาแวะทานอาหารเช้าที่ตลาดกวางจางค่ะ (Gwangjang Traditional Market) ตลาดนี่จะอยู่แถวๆคลอง Cheonggyechon (ลงสถานี Jongno ทางออก 7 หรือ Euljiro ทางออก 4)ร้านอาหารส่วนมากจะเริ่มเปิดตอน 11 โมงค่ะ ภายในตลาดมีอาหารหลายอย่าง ส่วนมากจะเป็น Traditional Food  ภายในตลาดมีห้องน้ำให้เข้าด้วยค่ะ สะอาดด้วย

บรรยายกาศภายในตลาด

ร้านที่เราเลือกกินเป็นร้านดังที่ Netflix เคยนำไปทำเป็นซีรีย์ Street Food Asia ร้านนี้มีเมนูขึ้นชื่อคือ มันดู เกี๊ยวเกาหลี ก๋วยเตี๋ยวที่เส้นทำด้วยมือ ขอบอกว่าใครมาต้องสั่งเกี๊ยว (เกี๊ยวมีไส้หมูกับกิมจิ) แนะนำสั่งทั้งสองไส้ อร่อยมากค่ะ ยิ่งอากาศหนาวๆได้กินเกี๊ยวร้อนๆ นี่ฟินสุด ในภาพเพื่อนๆจะสังเกตได้ว่าลูกค้ามาเยอะมากโดยเฉพาะนักท่องเที่ยว แต่รอไม่นานมากค่ะ มีโต๊ะให้นั่งอยู่รอบร้านเลย ทุกคนในร้านก็น่ารักบริการลูกค้าได้ดีมากค่ะ มีน้ำชาให้ดื่มฟรีอีกต่างหาก

เมนูที่ กับแฟน สั่งมามีสามเมนูค่ะ (แต่ถ่ายรูปไว้แค่สองเมนูต้องขออภัยค่ะ) เมนูที่ กับแฟน แนะนำคือ เกี๊ยว (มันดู) กับ บะหมี่เย็นคลุกกับซอสที่ออกจะเผ็ดหน่อย  ที่ร้านมีเมนูภาษาอังกฤษค่ะเพราะฉะนั้นไม่ต้องห่วง ราคาอาหารไม่แพงเลยค่ะ เมนูส่วนใหญ่ตกชามละ 5,000 won เท่านั้นค่ะ ร้านเปิดจนถึง 5 ทุ่มถ้าใครอยากมาลองทานเดินตรงมาเลยค่ะจากทางเข้า จะเห็นคุณป้าเจ้าของร้านใส่เสื้อสีชมพูสดคือจุดสังเกตง่ายๆค่ะ

ส่วนตัวคิดว่าเมนูล่างนี้จืดไปนิด เพราะเป็นคนทานรสจัด

พอทางเสร็จก็ยังไม่จุใจ อยากกินต๊อกบกกี เลยเดินมานั่งอีกร้านนึงค่ะ เอาจริงๆคือคนเยอะทุกร้าน

เมนุที่สั่งมาคือต๊อกบกกี กับ ตีนไก่กับหนังหมูผัดซอส รสชาติหวานทั้งคู่ กินไปกินมาเลี่ยนค่ะ 5555 กินไม่หมด จะให้ป้าคิดตังเลยก็กลัวป้าเสียความรู้สึก เพราะเหลือเยอะ เลยให้แฟนยัดค่ะ สองจานนี้หมดไปประมาณ 9,000 won ค่ะ

อิ่มสุดๆไปเลย แทบอ้วก555 เลยพากันเดินย่อยค่ะ เดินกันเพลินจนไปโผล่แถวๆเมียงดง (เดินเป็นกิโลอะคิดดู) เลยไปถ่ายรูปเล่นแถว Myeongdong Catholic Cathedral

ขอสวยนิดนึง ~o~

พอถ่ายรูปจนหนำใจก็ไปเจอทางเดินลงไปใต้ดิน อยู่ตรงแถวๆโบสถ์เลยค่ะ ข้างในเป็นห้างขนาดย่อม มีร้านคาเฟ่ให้นั่ง มีร้านหนังสือ ร้านกิ๊ฟช้อป อุ่นมากกก กับแฟนเลยซุ่มนั่งร้านนึงสั่ง Hot Chocolate มาดื่ม จิบไปอึกแรก ตานี่ลุกวาวเลย อร่อยมาก แบบว่าไม่เคยทานรสชาติแบบนี้มาก่อน แนะนำมากค่ะ ชื่อร้าน Jeonscoffee ราคา Hot Chocolate แก้วละ 5,500 won  ค่ะ

บรรยากาศร้านให้โทนอบอุ่น น่านั่งมากค่ะ

หลังจากนั่งเรากับแฟนก็พากันเดิน Shopping แถวเมียงดง กับ Lotte town จนหนำใจ ก็พากันไปเดินเล่นแถวห้าง Coex starfield ไปดู Destination ฮิต ซึ่งนั้นก็คือ Starfield Library ช่วงนั้นห้องสมุดก็ตกแต่งธีมคริสมาสต์พอดีค่ะ สวยใช่ได้ แต่ก็ไม่มีไรน่าตื่นเต้นมากเพราะมันก็คือห้องสมุดอะเนอะ

หลังจากเดินที่ห้างเสร็จก็มาแวะกินไก่ทอดที่ฮงแด (Hongik Uni ทางออก 9) เลือกร้านมั่วๆค่ะ ร้านนี้อยู่ใกล้ๆร้าน Ice cream 32 cm หน้าร้านจะมีเสียงยิงปืน เรากับแฟนเลยเรียกว่ร้านไก่กระสุนเหมือนในซีรีย์เกาหลี555

เมนูที่สั่งคือไก่ทอดแบบ half half คือเราเลือกได้สองรสชาติ ที่เลือกไปคือ ไก่ทอดออริจินอล กับไก่คลุกซอส bestseller ราคารวมน้ำหมดไปทั้งหมด 22,900 won ค่ะ

หลังทานข้าวเสร็จก็ขอกินของหวานล้างปากสักหน่อย เราเลือกไอติม 32 cm รสโยเกิร์ต อร่อยมากไม่ต้องรีบกินด้วยเพราะอากาศมันหนาวยังไงก็ไม่ละลาย ไม่ได้จำราคาไว้ แงง~น่าจะประมาณสองสามพันวอนไม่แพง


DAY 4

โปรแกรมเที่ยววันนี้ของเราจะแปลกๆหน่อยค่ะ หลายคนอาจจะยังไม่ค่อยรู้จัก Trout Festival  เทศกาลตกปลาซงออหรือปลาเทราต์เมืองพยองชางค่ะ เทศกาลนี้จะจัดช่วงประมาณเดือนธันวาคมจนไปถึงเดือนกุมภาพันธ์ นอกจากกิจกรรมการตกปลาแล้วยังมีเล่นไอซ์สเก็ต เล่นเลื่อนหิมะพอตกเสร็จก็สามารถเอาไปเผาหรือแล่ทานสดๆได้เลย ในงานมีบริการแล่ให้ค่ะ แนะนำถ้าใครสนใจอยากไปให้ไปแต่เช้าเจ็ดแปดโมงเช้าควรออกเดินทางค่ะ  เพราะเดินทางค่อนข้างไกล กับแฟนไปตอนเที่ยงเลยแทบไม่ได้ทำอะไรเลย เพราะกว่าจะถึงก็เย็น งานก็ใกล้ปิดแล้ว เสียเที่ยวนิดนึงค่ะ

การเดินทาง-นั่ง Subway ลงสถานี Gangbyeon ทางออก 4 จากนั้นเดินข้ามถนนไป Dong Seoul Bus Terminal ซื้อตั๋วไปลง Jinbu Public Bus Terminal ลงรถแล้วเดินต่อไปประมาณ 5 นาทีค่ะ            ค่ารถบัสไปกลับตกคนละ 26,200 won ค่าเข้างาน+ค่าตกปลา คนละ 34,000 won ค่ะ ที่งานมีอุปกรณตกปลาขายค่ะ แต่ส่วนคนมากจะเตรียมไปกันค่ะ

ระหว่างรอขึ้นรถก็แวะทานอาหารเช้ารอค่ะ ที่พีคคือทำกระเป๋าตังหาย ตอนรู้ว่าหายนี่ใจหล่นวูบเลย สรุปคือทำตกอยู่ตรงร้านนี้ไปนั่งทานค่ะ แต่ประเด็นคือเงินหายไปประมาณแปดพัน จะไปโทษเจ้าของร้านก็ไม่ได้ เพราะมันก็ความผิดเราที่ไม่ระวัง เครียดและเสียดายตังค์มากค่ะแต่ก็ทำอะไรไม่ได้ กลัวเงินใช้ไม่พอถึงวันกลับด้วยเลยโทรไปขอเงินกับป้ามาทบส่วนที่หาย555 บทเรียนที่ได้จากเรื่องนี้คืออย่าพกเงินติดตังทีละมากๆค่ะ แบ่งออกมาใช้ทีละนิด อย่าสะเพร่า

มื้อนี้หมดไป 11,000 won ค่ะ ค่าอาหารเรื่องเล็กแต่เงินหายนี้สิ...

นั่งรถจากโซลมาประมาณสองชั่วโมงนิดๆ ก็มาถึงแล้วค่ะ เมืองพยองชาง เมืองนี้เป็นเมืองเล็กๆไม่ใหญ่มาก 

ถึงแล้ว Trout Festival อย่าลืมนะคะถ้าจะมาต้องมาแต่เช้า เพราะ กับแฟนออกตอนเที่ยง รอรถออกตอนบ่ายสองถึงสี่โมง งานปิดหกโมง มีเวลาเที่ยวนิดเดียวเอง

บรรยากาศภายในงาน

เดินไปซื้อเบ็ดแล้วทำแอ๊บถ่ายรูปว่ามาตกปลาค่ะ ปกติต้องมีเสื่อปูพื้น อุปกรณ์ต้องพร้อม ไอ้เราก็ไม่รู้อะเนอะเลยมาทำเป็นแอ๊บตกปลาถ่ายรูปไปก็พอ ขนาดตกปลายังแต่งตัวจัดเต็ม ปลาที่เห็นนี่ไม่ใช่ว่าตกได้นะคะ มีคนให้ค่ะ

มาช้าอดเล่นสไลด์หิมะเลยค่ะ

ระหว่างรอรถบัสกลับโซลก็ลองเดินสำรวจเมืองกันค่ะ ไปเจอร้านไก่ร้านนึงเกิดหิวเลยแวะทาน อร่อยมากค่ะ ราคารวมแล้ว 23,000 won

อร่อยแต่รอนานไปนิด ต้องกินแข่งกับเวลากลัวรถบัสมา ไก่ก็ร้อน รีบก็รีบ

พอกลับมาถึงโรงแรมเกิดหิวเลยซื้อรามยอนกินค่ะ ยี้ห้อนี้อร่อยแนะนำค่ะ                               

ปล.ถ้าใครสวสัยว่าแล้วปลาล่ะเราเอาไปทำอะไร เราเอาไปให้เจ้าของโรงแรมค่ะ เพราะทำไม่เป็น


DAY 5

ย่านที่ กับแฟน อยู่เป็นย่านที่มีคนรัสเซียอยู่เยอะ เช้านี้เลยเริ่มมื้อเช้าด้วยร้านขนมปังรัสเซีย ร้านนี้มีขนมปังหลายแบบ น่ากินทุกแบบ เจ้าของร้านเป็นคนรัสเซียน่ารักมาก ถ้าใครผ่านมาแถว Dongdaemun ก็มาลองทานกันได้น้าา อร่อยดีค่ะ ราคาไม่แพง

โปรแกรมเที่ยวของเราวันนี้คือสวนสนุก Everland เราซื้อตั๋วล่วงหน้าผ่าน website ของทางสวนสนุก ราคาประมาณคนละ 1,600 บาท ได้ Q-pass สองใบ เราเลือกใช้กับ Lost Valley และ T-express

การเดินทาง สามารถเดินทางได้ทั้งรลบัส หรือ Subway แล้วแต่สะดวกค่ะ สามารถดูวิธีเดินทางได้ใน Apps Never Map ได้เลยค่ะ แล้วต่อ Shuttle bus ของทางสวนสนุกเข้ามาฟรีค่ะ ส่วนเราชอบเดินทางโดยนั่งรถบัส เราแนะนำนะสำหรับคนที่ชอบดูบ้านเมือง ดูวิว บอกเลยเพลิน เดินทางง่ายกว่าที่คิดด้วย

ถึงแล้ววว หน้าหนาวคนไม่ค่อยมาเยอะค่ะ ข้อดีคือไม่ต้องรอคิวนาน แต่มันก็จะหนาวเวอร์

เข้ามาแล้วก็อย่าลืมหยิบแผนที่กันน้า มีให้เลือกหลายภาษาเลยค่ะ มีภาษาไทยด้วย พอเข้ามาในต่อสวนสนุกอย่างแรกที่จะเห็นเลยคือร้านGift shop ของขายข้างในค่อนข้างน่ารัก

ก่อนอื่นขอจัดชูโรสกับต๊อกบกกีทอดสักหน่อย อร่อยมากขอบอก

อาหารในสวนสนุกก็จะแพงนิดนึงค่ะ จานนี้ราคา 17,800 won

ภายในสวนสนุกตกแต่งไปด้วยต้นคริสมาสต์สีทองค่ะ สวยมากๆ

ชูโรสแบบไส้ช็อคโกแลตก็อร่อยน้า

ภาพจากมุมสูงค่ะ

เข้ามาดูน้องๆใน Lost Valley มีแต่ตัวอ้วนๆ น่ารักๆทั้งนั้นเลย

น้องแพนด้าอยู่บนเขาค่ะ ต้องเดินขึ้นไปเหนื่อยนิดนึง 

ส่วน T-Express นี้แนะนำให้มาลองทุกคนนะคะ เพราะเป็น Signature ของที่นี้ ต้องมาลองเองค่ะขอไม่บรรยายความสูง ความน่ากลัว ที่รู้ๆคือเหมือนวิญญาณออกจากร่างไปสักพักเลยค่ะ

หลังจากเล่นเครื่องเล่นจนหนำใจเรากับแฟนก็พากันไปทานมื้อค่ำที่แถวฮงแด ก่อนทานก็ขอเข้าไดโซะซักหน่อย สาขาแถวฮงแดร้านใหญ่มาก มีตั้ง 5 ชั้น มีตั้งแต่ของใช้ ขนม ของกุ๊กิ๊ก ยันเครื่องครัว ราคาก็แสนจะถูก ใครมาเกาหลีต้องมาลองช้อปในนี้ดูนะคะ รับรองเสียหายเยอะค่ะ5555 

ร้านที่เราเลือกมากินกันวันนี้คือร้านปิ้งย่าง  Gochangogui Chakhan Grilled Short Ribs เไม่ได้เป็นบุฟเฟ่นะคะ รสชาติอร่อยใช่ได้ คนเยอะมาก ส่วนราคาก็ตกประมาณพันกว่าๆ


DAY 6

วันนี้เป็นวันชิวๆของกับแฟน เพราะเป็นวันพักผ่อนหลังจากที่ตารางแน่นเอี๊ยดมาหลายวัน เราเริ่มวันด้วยการเดินมากิน Toast ของอาจุมม่าใกล้โรงแรม ตอนแรกก็ไม่ได้คิดว่ามันจะอร่อย แต่พอกัดไปคำแรก น้ำตาแทบไหลเลยค่ะTT โคตรอร่อยเลยยยรสชาติหวานๆหอมเนยสุดๆ

หลังจากอิ่มหนำสำราญเราก็พากันไปย่าน Itaewon ไปกินบิงซูเส้นร้าน Tiravento ร้านนี้คนไทยนิยมไปทานกันเยอะเลยค่ะ กับแฟนก็เลยอยากไปลองมั่ง

ย่านนี้จะมีร้านขาย Furniture แนว วินเทจเยอะมากเรียงรายเต็มไปหมด กับแฟนเห็นแล้วยังอยากซื้อกลับบ้านด้วยเลยค่ะ

ร้านอยู่ในหลืบสังเกตดีๆนะคะ ตรงข้างหน้าจะมีร้านขายดอกไม้อยู่

ร้านที่เกาหลีส่วนมากเค้าจะให้เราสั่ง 1  เมนูต่อ 1 คนค่ะ บิงซูที่เราสั่งเป็นรสนมอร่อยมาก นุ่มมากแนะนำให้ลองสั่งกันนะคะ อีกเมนูเป็นทีรามิสุอร่อยเหมือนกันค่ะ ราคาสองเมนูหมดไป 17,000 won ค่ะ

ต่อมาเราไปแวะเดินเล่นที่หมู่บ้านศิลปะ Hwa-dong Village ค่ะ

แถวหมู่บ้านจะมีร้านขายโปสการ์ดเต็มเลยค่ะ ถ้าใครชอบสะสม อย่าลืมซื้อเก็บไว้เป็นที่ระลึกน้า

ร้านที่อยู่ในฉากหนังซีรีส์เกาหลีเรื่อง Encounter ที่โบกอมแสดงค่ะ

ทางเดินขึ้นไปจะค่อนข้างชันมากๆเลย เล่นเอาคนเดินเมื่อยพอตัวค่ะ

พอเดินขึ้นมาบนสุดแล้วจะเห็นวิวสวยๆแบบนี้ หนาวมากกก แต่ก็ถือว่าคุ้มค่ะ

หลังจากเดินเล่นที่หมู่บ้านเสร็จแล้ว ก็นึกอยากไปปิกนิคที่ริมแม่น้ำฮัน แต่ด้วยความโง่เขลาก็ลืมไปว่าตอนนี้มันหน้าหนาว -6 ฮงศาใครเค้าจะมาปิกนิค ก็อย่างที่เห็นในภาพนี้แหละค่ะ โล่งเชียว เงียบมาก ไม่มีสิ่งมีชีวิตอยู่เลยค่ะ ภาพที่มโนไว้กับการนั่งเล่นที่แม่น้ำฮันกินรามยองก็ทลายสิ้น

ก่อนกลับโรงแรมก็เลยแวะกิน Waffle ร้าน Better than Waffle แถวมหาลัยหญิง Ewha women Uni. ค่ะ ขอบอกว่ามาเกาหลีแล้วต้องลองมากินเพราะอร่อยมาก แบบอร่อยจนต้องกลับไปเบิ้ลอีกชิ้น 


DAY 7

มื้อเช้าของวันนี้ มาอุดหนุนร้านป้าเหมือนเดิมค่ะ Toast อร่อยมาก ถ้ามากินซ้ำแสดงว่าอร่อยจริงๆ

วันนี้วันสิ้นปีเที่ยวหนักมาหลายวัน เลยตัดสินใจพักบ้างขอเที่ยวชิวๆวันนี้ วันนี้มาเดินเล่นที่ฮงแดค่ะ เดินมั่วๆเข้าซอยโน้นซอยนี้มาเจอร้านคาเฟ่ร้านนึงดูน่ารักมากๆ เลยตัดสินใจเข้าค่ะ ร้านชื่อร้าน Damso ค่ะ  ร้านตกแต่งน่ารักมากๆ

ตอนที่ไปร้านเพิ่งเปิด (ร้านเปิด 2PM-11PM) มีแค่เรากับแฟนในร้าน เจ้าของร้านเลยเข้ามาดูแลเราดีมากๆเลยค่ะ เมนูที่ขึ้นชื่อของทางร้านคือ Homemade Chocolate Cake ราคา 6500 won

น้ำที่เราสั่งมีสตอเบอรี่โซดา กับ กาแฟยูสุค่ะ รสชาติอร่อยเลย ทั้งหมดนี้หมดไป 20,500 won 

เดินช้อบไปเรื่อยๆก็มาเจอร้าน Waffle ค่ะ ราคา 4800 won แต่ส่วนตัวคิดว่าไม่ค่อยอร่อยเท่าไหร่ อร่อยแต่ครีม กับไส้ แป้งไม่ค่อยโอ

พอเดินช้อปจนเหนื่อยก็มาแวะกินข้าวที่ร้านปลาหมึกผัดเผ็ด ร้านนี้คนไทยน่าจะรู้จักเยอะ ร้านดังเลยก็ว่าได้ ชื่อร้าน ฮงซึจูกุมิ ราคาจะคิดตามจำนวนคนคะ คนละ 16,000 won สองคนก็ 32,00 won ค่ะ ตอนแรกก็คิดว่าจะไม่อิ่มเพราะดูร้านให้น้อย อีกทั้งเราเป็นคนตะกละ แต่อิ่มเกินเบอร์มากโดยเฉพาะช่วงข้าวผัด 

รสชาติให้คะแนนเค็มค่ะเพราะอร่อยมาก เข้มข้นสุดๆ ข้าวผัดก็อร่อยเวอร์

ของหวานตบท้ายคือ better than waffle สาขาฮงแด อร่อยเหมือนเดิม เบิ้ลสองชิ้นเหมือนเดิม จากนั้นก็พากันกับโรงแรมไปนอนค่ะ Countdown อะไรไม่ทำหรอกค่ะ หนาวเกิน คืนนี้อากาศ -10 ใครไหวก็ไปเลย แต่เราไม่ไหว55555

ขอ Countdown ที่ห้องพอจ้า


DAY 8

เริ่มต้นวันที่ 1 ของปี 2020 หิมะตกจ้า แต่ไม่ค่อยหนาวเท่าไหร่ วันนี้เราจะไปเมือง Buam Dong เป็นเมืองที่มีความเงียบสงบ ต่างจาก Seoul มาก ที่นี่ห่างจากแถวพระราชวังเคียงบกกุงไปแค่ประมาณ 10-15 นาที

การเดินทางนั่งรถบัสสาย 7212,7022,1020 เปิด map ดูตามไปด้วยเลยจ้า

เป็นเมืองเล็กๆที่น่ารักมากๆ มีร้านน่าเข้าหลายร้านเลยค่ะ

เดินตามถนนมาเรื่อยๆก็เดินมาเจอร้านคาเฟ่ มีคนนั่งเต็มเลย ขนมปังก็ดูดี๊ดูดี จะให้ปล่อยผ่านไปเฉยๆก็คงจะไม่ได้ เรากับแฟนก็พากันเข้าเลยค่ะ

เข้ามาในร้านกลิ่นขนมปังหอมหวนมาก เดินมาดูมีแต่อันน่ากินทั้งนั้น เลือกไม่ถูกเลยค่ะ

ที่เราเลือกมามี Ginger bread, Lemon cake, Apple tea, Ice latte รสชาติร่วมๆถือว่าโอเคร แต่ไม่หวือหวาค่ะ สงสัยคงเลือกเมนูผิด เพราะชาแอปเปิ้ลไม่อร่อยเลย แต่ความสวยงามของอาหารนี่ต้องยกนิ้วให้ ราคาทั้งหมด 19,00 won

พอทานเสร็จก็พากันเดินถ่ายรูปเล่นแถวนั้นกันค่ะ ให้เมืองนี้มีร้านขายของ handmade เยอะดีค่ะ แมีแต่อันน่ารักๆ โดยเฉพาะเครื่องประดับ เมืองเล็กมาก เดินแปปเดียวก็ทั่วแล้ว ขาเดินกลับเราก็ไปเจอร้าน Pasta ร้านนึงค่ะ ดูน่ารักมากจนต้องแวะเข้าไปลองทานดูค่ะ

ร้านชื่อ La Pasta ค่ะ เจ้าของร้านเคยไปเป็นเชฟทำงานอยู่ที่ Italy พูดภาษาอังกฤษปนอิตาเลี่ยนไอเราก็โชคดีพอฟังรู้เรื่องเพราะเรียนภาษาโปรตุเกสมา มันคล้ายๆกัน เลยสื่อสารกันได้

ข้างในมีโต๊ะไม่กี่โต๊ะเองค่ะ เข้าไปในข้างนี่ได้ feel ไปเที่ยวอิตาลี่เลย มโนเก่ง555

เมนูเป็นภาษาเกาหลีค่ะ เจ้าของต้องมาช่วยอธิบาย เค้าบอกคาโบนาลร่าขายดี เราก็เลยสั่ง ปรากฏว่าอร่อยมาก ปกติไม่ชอบกินคาโบนาร่า แต่บอกได้กินจานนี้เข้าไปนี้ชอบเลย ไม่เหมือนที่เคยกินมาก่อนเลยค่ะ

ส่วนของแฟนสั่ง Spaghetti tomato sauce เราว่าจานนี้เฉยๆ ทั้งหมดสองจานรวมน้ำ หมดไป 35,900 won ค่ะ

จากนั้นก็นั่งรถเมล์กลับแล้วมาลงที่ City hall station ช่วงนี้มีลานเสก็ตกลางแจ้งค่ะ ค่าเข้าคนละ 1,000 won รอบละ 1 ชั่วโมง (ถ้าครบชั่วโมงแล้ว ถ้าอยากเล่นอีกก็ไปซื้อตั๋วใหม่ค่ะ) มีอุปกรณ์ให้พร้อม สำหรับใครที่เล่นยังไม่เก่ง แนะนำให้ลองไถลเล่นตรงขอบๆไปก่อนค่ะ อย่าหาไปเล่นตรงกลาง เพราะคนที่นี้เล่นเก่งอย่างกับอะไร เข้าไปในวงอย่างกับสมภูมิรบ เรานี่ก็เล่นไม่เก่ง แฟนยิ่งไม่เคยเล่นมาก่อน ล้มที่นี้เจ็บสุดๆ เข่าระบมไปจนถึงวันกลับเลยจ้า

เล่นเสร็จก็มาหากินไก่ทอดใกล้ๆ บอกเลยว่าไม่อร่อย ไก่หวานมาก โรยถั่วอีก เข้าไม่ถึงรสชาติจริงๆค่ะ ราคา 7,000 won

จากนั้นก็พากันไปเดินเล่น ช้อปปิ้งกินขนมแถวเมียงดง แล้วมาแวะที่คาเฟ่ดัง เห็นคนไทยไปกินกันเยอะ ชื่อร้าน cafe de paris ต้องสั่ง 1 คน ต่อ 1 เมนูขึ้นไป เราเลยสั่งนมกล้วยกับสตอเบอรี่ที่เค้านิยมสั่งกัน ราคา 23,000 won อร่อยดีค่ะ ครีมไม่เลี่ยนเลยยิ่งกินกับสตอเบอรรี่ยิ่งเข้ากัน


DAY 9

ผลพวงจากการเล่น ice skate เมื่อวานคืน เดินขากะเผลกค่ะ เจ็บเข่ามาก เริ่มมีไข้ ทำให้เที่ยวไม่ค่อยสนุก  ไม่น่าหาเรื่องใส่ตัว555 แพลนวันนี้ออกนอกเมืองอีกแล้วค่ะ วันนี้เราไปเทศกาลน้ำพุน้ำแข็ง Chilgapsan Ice Festival เมืองชองยาง จังหวัด ชุงชองนัมโด ค่าเข้าคนละ 20,000 won 

ขึ้นรถบัสจาก Central City terminal  ไปลงสถานี Jeongsan bus terminal ใช้เวลา 2 ชั่วโมง ค่ารถคนละ 10,900 won  ต่อเที่ยว (รวมไป-กลับ 21,800 won ต่อคน) พอลงสถานีรถบัสแล้วก็นั่งTaxi โลดดด บอกให้คนขับไปส่งที่งานได้เลย ค่ารถ Taxi ประมาณ 7,800 won

แนะนำให้ทุกคนลองมาค่ะ แต่ถ้าใครไม่ชอบที่หนาวมากๆ แนะนำไม่ต้องมาค่ะ ร่างกายต้องแกร่งพอตัว ส่วนตัวแล้วคิดว่า ตัวเองไม่น่าเลยค่ะ เพราะมันหนาวมากๆๆ ที่นี้ไข้ขึ้นเลยค่ะ เพราะไปเล่นสไลเดอร์  หาเรื่องใส่ตัวเองชัดๆ

สภาพหน้าพร้อมสู่ขิตค่ะ

ลมเย็นตีหน้า ไม่สบายยิ่งกว่าเดิม 555555 แต่มีโอปป้าหล่อเพียบ

ของกินข้างในมีไม่เยอะมากค่ะ ไม่ได้ถ่ายไว้เนื่องจากสภาพต้องการนอนมากๆ (ข้างในจะมีของกินพวก มันเผา hotdog รามยอง ของว่างแนวประมาณนี้ค่ะ)

ขากลับเราก็พากันไปแวะฮงแดตามเคยค่ะ เพราะพรุ่งนี้ก็บินกลับแล้ว เลยพากันมาซื้อของฝาก ของเก็บตกที่ยังไม่ได้ซื้อ แล้วก็มาแวะกินร้านไก่ทอดที่เคยมากินตอนวันที่ 3 อีกรอบ บอกแลฃ้วว่าถ้าอร่อยมากจริงๆจะมาซ้ำ มื้อนี้หมดไป 24,400 won ค่ะ (หน้าร้านจะมีเสียงกระสุน เรากับแฟนเลยเรียกว่าร้านไก่กระสุนตาม Vagabond)

ของหวานก็มาซ้ำร้านเดิม ร้าน Damso  ค่ะ ของกลางคืนคนเยอะมากเลยที่ร้าน


DAY 10

เนื่องจากไข้ขึ้น เจ็บหัวเข่าทำให้ไปไหนไม่ได้เลย เลยได้กลับไปช้อปปิ้งที่ เมียงดง แปปเดียวก่อนกลับ จึงต้องขอจบการรีวิววันสุดท้ายเพียงเท่านั้นค่ะ 

ขอบคุณเพื่อนๆทุกคนที่อ่านมาจนจบด้วยนะคะ เราคิดว่าถ้าหมดโควิดเมื่อไหร่ก็จะซื้อตั๋วกลับไปเที่ยวเกาหลีอีกแน่นอน เพราะเกาหลีมีที่ให้เที่ยวเยอะมาก ของกินก็เยอะเหมือนกัน ถ้าไม่มีโควิด คิดว่าคงได้ อัพไปเที่ยวเกาหลี Ep. 2 ให้เพื่อนๆได้อ่านแล้วค่ะ

ส่วนครั้งหน้า "กับแฟน" จะไปรีวิวที่ไหนอย่าลืมติดตามกันนะคะ ^^

อัน ยอง ฮา เซ โย / คัม ซา มิ ดา

รีวิวอื่นๆของ กับแฟน https://th.readme.me/id/kubfan


senhorita lele

 วันพุธที่ 9 ธันวาคม พ.ศ. 2563 เวลา 16.25 น.

ความคิดเห็น