“ไปเที่ยวทะเลหน้าฝนเนี่ยนะ!!!!!”

หนึ่งในสมาชิกถามขึ้นมาเมื่อเราตกลงกันว่าจะไปเที่ยวเกาะที่กำลังเป็นกระแสกันอยู่ในตอนนี้ นั่นคือเกาะแสมสาร แถมยังจะไปกันหน้าฝนอีก เพราะกว่าจะรวมตัวสมาชิกมนุษย์เงินเดือน และวันว่างได้ ก้อปาเข้าไปต้นๆหน้าฝนซะแล้ว รู้ๆกันอยู่ว่า เที่ยวทะเล ถ้าฝนตก ก้อหมดกัน ชายหาดขาวๆ สายลม แสงแดด ไม่เหลือแน่ๆ

“ห๊ะ!!!! ต้องตื่นตี4 ไปจองคิว จะบร้าเรอะ อะไรมันจะขนาดนั้น”

อีกเสียงดังแทรกขึ้นมา ผมก้อคิดแบบนั้น ถ้าไม่ได้ไปหาข้อมูลมาก่อนว่า คนกำลังฮิตเที่ยวที่เกาะแสมสารกันขนาดนี้

สุดท้าย ทริปของเราก้อเกิดขึ้นจนได้ ทริป ซ่า ท้า ฝน ที่เกาะแสมสาร

ทริปนี้เราเลือกเดินทางกันเย็นวันศุกร์หลังเลิกงาน เพราะไม่อยากจะออกจากกรุงเทพตั้งแต่ตี2ตี3 ออกตอนเย็นไปหลับที่โน่นแล้วค่อยตื่นตี4 ดีกว่า เราพักกันที่ อาคารรับรอง หน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศและรักษาฝั่ง ซึ่งเป็นที่พักในเขตทหาร ขับรถไปท่าเรือเกาะแสมสารแค่ 20 นาทีเท่านั้น ออกจากกรุงเทพ 5โมงครึ่ง ถึงโน่นประมาณ สองทุ่มกว่าๆ

พอติดต่อที่พัก เก็บของกันเรียบร้อย ทุกคนก้อรีบนอนเอาแรงกัน ก่อนเลย

“โอ๊ะ โอ โอ๊ะ โอ โอ๊ะ โอ . . . โอ๊ะ โอ โอ๊ะ โอ” เสียง Ring Tone เพลง Change ของผมดังตอนตี 4 ตามที่ตั้งไว้ ผมรีบเด้งตัวขึ้นจากที่นอน และปลุกเพื่อนๆทันที ทุกคนรีบล้างหน้าแปรงฟันแต่งตัว (แน่นอน ไม่ได้อาบน้ำ 55555) และได้เริ่มออกเดินทางกันตอนตี 4 ครึ่ง และไปถึง พิพิฑภัณฑ์ธรรมชาติวิทยาเกาะ และทะเลไทย ก่อนตี5 นิดๆตาม plan พอดี ต่างคนต่างมีคำถามในใจ

“นี่เราบ้ามากันเช้าๆกลุ่มเดียวหรือเปล่าเนี่ย”

พาลงจากรถ มีคนอยู่ 2-3 กลุ่มยืนรออยู่ก่อนแล้ว และเจอภาพแปลกๆ มีรองเท้าวางเรียงๆกันอยู่หน้าประตู

จริงๆแล้วประตูจะเปิดให้เราเข้าไปรับบัตรคิวตอน 6โมงเช้า แต่คนที่มาถึงก่อนเค้าบอกว่าเป็นธรรมเนียม(???) เอารองเท้าจองไว้ โดยไม่รอช้า พวกผมก้อรีบเข้าไปจองบ้าง

ระหว่างที่นั่งเล่นรอแถวนั้น คนก้อทยอยกันมาเรื่อยๆ เริ่มเยอะเหมือนกัน

พอถึงเวลาประมาณใกล้ๆ 6 โมง ก้อมีพี่ทหารมาเปิดประตูให้เราเข้าไปตั้งแถวต่อข้างในเพื่อรับบัตรคิว โดย 1 คนจะรับได้แค่ 1 ใบเท่านั้น และต้องใช้บัตรประชาชนด้วย

ในที่สุด ก้อได้บัตรคิวมาคิวที่ 26 จากการอดหลับอดนอนของเรา 55555555 ดูแถวข้างหลังสิครับ คนเยอะไหม

บัตรจะเริ่มขายตอน 8:30 โดยถ้าผ่านแล้วก้อจะผ่านไปเลย และต้องใช้บัตรประชานอีกครั้งนึง แนะนำให้ขับรถไปทางวัดหลวงพ่อดำเขาเจดีย์ครับ หน้าวัดมีขายของกินนิดหน่อย ฆ่าเวลากันได้

แต่แล้ว สิ่งที่พวกเรากังวลก้อเกิดขึ้นจนได้ ระหว่างต่อคิว ฟ้าร้อง ครืนๆ พร้อมฟ้าแลบมาเป็นระยะๆ ฟ้าปิดมืดไปหมด สุดท้าย ประมาณ 8โมงเช้า ฝนก้อตกลงมาอย่างหนัก เราต้องเดินตากฝนกันไปถึงท่าเรือ เพราะไม่ได้เตรียมร่มมากัน เดินไกลอยู่เหมือนกัน ถ้ามาคิวแรกๆแนะนำให้ขับรถเข้าไปจอดใกล้ๆท่าเรือได้เลย กว่าพวกเราจะรู้ตัวก้อเดินมากันไกลมากล่ะ

ระหว่างรอเรือ เราจะเห็นเกาะแสมสารอยู่ไม่ไกลนัก คนอื่นเป็นไงไม่รู้ แต่ผมที่ลงน้ำไม่ได้ เพราะแผลผ่าตัดยังไม่หายดี เลยกะจะมาถ่ายรูปสวยๆอย่างที่เคยเห็น เริ่มออกอาการเซ็ง ฝนตก ฟ้าปิด จบกัน เล่นน้ำก้อไม่ได้ ดำน้ำก้อไม่ได้ ถ่ายรูปก้อไม่ได้ ผมคงมาเสียเที่ยวแล้ว

นั่งเรือไป 15 นาที พี่ทหารก้อให้เรามานั่งฟังบรรยาย ประวัติความเป็นมาเกาะ โครงการหลวงต่างๆบนเกาะ กิจกรรมต่างๆ พอังบรรยายเสร็จก้อแยกย้ายกันไป หาดที่อนุญาตให้ไปได้มีอยู่ 2 หาด คือหาดเทียน ที่เรามานั่งฟังบรรยายกับหาดลูกลม อ่านว่า ลูก – ลม นะครับ ไม่ใช้ ลู – กลม

เราเลือกกันไปที่หาดลูกลมก่อน นั่งรถของทหารไป 4-5 นาทีก้อถึงล่ะ ผมมีโอกาสคุยกับพี่ทหาร พี่ทหารบอก เชื่อสิ เดี๋ยวสายๆฝนก้อหยุด ฟ้าใสเหมือนเดิม ผมฟังด้วยความไม่ค่อยอยากจะเชื่อเท่าไหร่ เพราะฝนตกปรอยๆแบบ น่าจะตกไปทั้งวัน และแล้ว คำพูดของพี่ทหารก้อเป็นจริงแบบไม่น่าเชื่อ

“ฟ้าหลังฝนย่อมสวยงามเสมอ” ผมนี่ นึกถึงประโยคนี้เลย หลังจากฝนหยุด และท้องฟ้าค่อยๆเปิด ความสวยงามที่เคยเห็นใน web ก้อปรากฎสู่สายตาของผม

น้ำที่นี่ใส และสวยมากๆ จนไม่อยากจะเชื่อเลยว่าใกล้กรุงเทพแค่นิดเดียว

รอบที่ผมไปมีทัวร์จีนมาลงด้วย คิดว่าจะแย่ แต่ไม่เลย เพราะทางเกาะจำกัดคนเข้าแค่วันละ 300 หรือ 500 คนเนี่ยแหละ แถมผมมากับเรือรอบแรก คนจึงไม่มากนัก บรรยากาศชิวสุดๆ

กิจกรรมที่หาดลูกลมมีเยอะแยะเลย มีการลงเรือไปดำน้ำ ที่หาดนี้จะปล่อยฟรี ส่วนหาดเทียนจะเป็นรอบๆ หมดเวลาก้อต้องขึ้นมา และยังมีเรือท้องกระจกให้นั่งไปดูประการังอีกด้วย

หรือใครอยากค่อยๆพายเรือคายัค เค้าก้อมีให้บริการ ไป Slow Life อยู่กลางทะเลก้อได้

ที่ชายหาดยังมีวอลเล่ย์บอลชายหาดไว้ให้บริการ ได้เหงื่อดีเลยล่ะครับ

หรือใครอยาก Adventure หน่อย ก้อมีจุดชมวิว ที่ต้องไต่ขึ้นเขาไปนิดนึง ไม่สูงมาก แต่ด้วยทางที่ไม่ค่อยจะดี เลยเหนื่อยหน่อย แต่พอขึ้นไปแล้วก้อหายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้ง

พอกลุ่มผมดำน้ำกันหนำใจ เราก้อนั่งรถกลับไปที่หาดเทียน มีอีกหนึ่งกิจกรรมที่แนะนำคือ ขี่จักรยาน กับเดินเส้นทางชมธรรมชาติ ประมาณกิโลกว่าๆ ครับ น่าสนใจดีเหมือนกัน แต่คราวนี้ไม่ได้ใช้บริการ

กลับมาที่หาดเทียน ตรงนี้คือจุดที่เรานั่งฟังบรรยายกับพี่ทหารตอนแรก

มองออกไปหน้าหาดเทียน จะเห็นเกาะเพื่อนบ้านอยู่ สวยดีเหมือนกันครับ

บ้างก้อนั่งกันเป็นคู่ๆ สวีทกันน่าดู ทำเอาคนโสดอย่างผมตาร้อนผ่าวเลยทีเดียว

เห็นจักรยานจอดทิ้งไว้ น่าขี่เล่นรอบเกาะจริงๆ

ที่ท่าเรือตรงหาดเทียนจะมีกระชังตั้งไว้อยู่ เอ เค้าเลี้ยงอะไรไว้น๊อออออ เราเดินไปดูกันครับ

อ๋อ ที่แท้เค้าก้ออนุรักษ์เพาะพันธ์เต่าทะเลไว้นั่นเอง เห็นมีอยู่ในกระชังแว๊บๆ 4-5 ตัว ขนาดกำลังน่ารักเลย

มาดูความใสของน้ำกัน

ปลาที่นี่ก้อมีอยู่บ้างครับ เห็นแล้วเสียดายที่ไม่ได้ดำน้ำ ถ้าเพื่อนๆไป ห้ามพลาดเด็ดขาดนะครับ

บนเกาะ จะมีสถานที่ศักดิ์สิทธิ์คือ ศาลเจ้าแม่อาม่า แห่งเกาะแสมสาร คนที่นี่จะเรียกกันสั้นๆว่า ศาลอาม่า อย่าลืมเข้าไปไหว้ด้วยนะครับ อยู่ข้างๆหาดเทียน แต่ผมไม่เห็นมีคนอื่นเข้าไปเลย

ส่วนข้างๆ เป็นศาลเก่าๆ เข้าใจว่าเป็นศาลดั้งเดิมมั๊งครับ ดูแล้วน่าเกรงขามจริงๆ แถมคนไม่ค่อยมีด้วย ไม่กล้าเดินเข้าไปข้างใน แหะ แหะ

และแล้วก้อสมควรแก่เวลา ได้เวลากลับกันแล้ว เรือขากลับจะออกทุกๆชั่วโมงครับ(จำเวลาที่แน่นอนไม่ได้ แต่ออกถี่กว่าขามา) มีเลทบ้างนิดหน่อย

บ๊ายบาย เกาะแสมสาร ไว้จะมาใหม่น๊า

ท่าเรือด้านแผ่นดินใหญ่ ขาไปไม่ได้ถ่ายเพราะฝนตก เลยมาถ่ายรูปเอาขากลับแทน

น้ำที่ฝั่งนี้ยังใสแจ๋วเลย นี่ชลบุรีจริงๆเหรอเนี่ย

เค้ามีการปลูกต้นโกงกางไว้ด้วยครับ ที่ชายฝั่ง และยังมีในส่วนของพิพิฑภัณฑ์ 5 ชั้น เสียดายที่สามชิกเหนื่อยกันก่อน เห็นว่าชั้น 5 วิวสวยเหมือนกัน

ของแถม ตอนเย็น ถ้าไม่รู้จะไปไหน แนะนำไปเดินเล่นที่หาดน้ำใสครับ อยู่ใกล้ๆกับท่าเรือแสมสารเลย แต่บรรยากาศไม่สงบเหมือนบนเกาะนะครับ คนเยอะเลยทีเดียว

สรุปแล้ว เกาะแสมสาร เป็นทะเลที่สวยมากๆ ที่น่าไปแห่งหนึ่งเลย ไม่ไกลจากกรุงเทพด้วย เสียดายที่ตอนนี้คนนิยมไปกัน เลยต้องรีบไปต่อคิวแต่เช้า แต่ถ้าเพื่อนๆมีโอกาส แนะนำให้ไปเลยครับ

ผมขอตัวไปนับวันลาพักร้อนก่อนนะครับ แล้วจะมาพาไปเที่ยวกันใหม่


-----------------------------------------------------------------------
ติดตามกันต่อได้ที่
https://www.facebook.com/TravelofSalaryMan/
https://www.facebook.com/voravuds

Voravud Santiraveewan

 วันศุกร์ที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2564 เวลา 09.03 น.

ความคิดเห็น