จุดเริ่มต้น​ของการเดินทางเกิดจาก​ 'ไก่'​ เพร่ะเพื่อนมันบอกว่าไก่ทอดหาดใหญ่​ของแท้มึงต้องไปกินที่หาดใหญ่​ ได้ยินเช่นนั้นผมจึงตัดสินใจ​ไปหาดใหญ่​ และนี่เป็นจุดเริ่มต้นในการเดินทางครั้งนี้​ คุณอาจคิดว่านี่มันเป็นเรื่องที่โอเวอร์​ใช่ครับคุณคิดถูกแล้ว​ นี่เป็นการเปิดหัวให้น่าสนใจที่ผมตั้งใจหลอกคุณ​ เพื่อให้มันดูมีสตอรี่ชิคๆ​ไปอย่างงั้น​ ไม่ก็เขียนให้คนอ่านด่าไอ้.. แล้วแต่จะเติมนะครับ​

    นั้นเล่าใหม่...(อันนี้ไม่หลอกแล้ว)​ เรื่องมันมีอยู่ว่าผมจะไปเที่ยวที่อื่นสักที่​หนึ่งยังไม่ได้คิด แต่ที่แน่ๆไม่ใช่หาดใหญ่ ส่วนไอ้ญาติผมที่ชื่อไอ่เปรียวมันดันอยากไปหาดใหญ่เพราะไม่เคยไป​ เพื่อเป็นการไม่เสียเว..​เราตัดภาพไปที่หาดใหญ่เลยแล้วกัน​ คัดชนอีกทีเราก็มาอยู่บนรถสีฟ้าที่วิ่งเข้าสนามบินตลอดเวลา​เพื่อไปลง บขส. เพราะแหล่งเช่าร้านมอไซค์อยู่ที่นี่(เราไม่ได้จดเบอร์ว้ให้แต่เอาที่กูเกิ้ลได้) แดดตอนบ่ายของภาคใต้ไม่ได้ปราณีหรือเห็นอกเห็นใจเรา ครีมกันแดดและปลอกแขนคือสิ่งที่ควรนำติดตัวมาและโชคดีที่ผมเอามา

‘ภาพเฟดอีกทีเราก็มาถึงน้ำตกโตนงาช้างที่เรียกได้ว่าคุ้มค่ากับการเป็นขี้เกลือมาก​ซึ่งภาพจะอธิบายในต่อๆไป​’


    น้ำตกชั้นที่​ 1​ โตนบ้า​ เหมาะสำหรับครอบครัว​มาปิกนิก​นำอาหารมากินชิวๆ ถ่ายรูปกิ๊บเก๋ ให้รู้ว่านี่นะน้ำตก​ ส่วนอีกรูปคนบ้าในป่าใหญ่ ญาติผมเองชื่อไอ้เปรียวคนที่อยากมาหาดใหญ่ให้ได้ (จะพูดญาติซ้ำทำไมไม่เข้าใจ)

    ชั้นที่​ 2​ โตนปลิว​ แนะนำให้เดินตัวปลิวๆจะดีมาก​ เพราะมันทั้งร้อนระงม​ และเหนื่อยระบม​ อัณฑะ​ที่ว่าเก็บความร้อนได้ดีถึงตอนนี้​มันคือ Heater พกพาแกว่งไปแกว่งมาได้ด้วย

    ชั้นที่​ 3​ นี่คือไฮไลท์เลยเพราะเป็นชื่อเรียกของที่นี่เลย “ น้ำตกโตนงาช้าง ”​ ส่วนชั้น​ 3​ ที่เรียกโตนงาช้าง​เพราะน้ำตกไหลมาเป็นรูปงาช้าง​จบ​ เดี๋ยวๆ!!ยังไม่จบ คือชั้นนี้มันสูงมากและสวยมากนะมองไปด้านบนยังคิดว่าเหลืออีกตั้ง 4 ชั้น มันจะอลังการขนาดไหน อยากเขียนอะไรให้มันพีคๆ ที่สมกับความงามของชั้น 3 นะ แต่สุดท้ายแล้วเราบรรยายไปตามที่เห็นและรู้สึกดีกว่า และอีกสุดท้ายการที่คุณมาเหยียบที่นี่เองมันคงจะดีกว่าอ่านผ่านตัวหนังสือหรือเห็นจากภาพถ่ายที่สัมผัสไม่ได้ถึงความรู้สึกจริงๆ

ส่วนชั้นที่​ 4-7 บอกได้เลยว่าเป็นไรที่สุดมาก​ สุดยอดจริงๆ​ สุดที่ชั้น​ 3​ นี่แหละ​ เพราะเราตั้งใจมาถึงแค่ชั้นนี้​ ด้วยเวลาที่เกือบจะหกโมงเย็นแล้วถ้าขืนไปต่อคิดว่าน่าจะได้ค้างข้างบน

หลังจากลงมาได้ก็ตามสภาพเลยที่บอกว่าคุ้มกับการเป็นขี้เกลือมันเป็นยังไง​ นี่ไม่ได้แอบเล่นน้ำนะเพราะตามมาตรการป้องกัน​โคควิดเจ้าหน้าที่เขาห้ามลงเล่นน้ำ​ ถึงห้องสภาพไม่เอาอะไรแล้ว

*หมายเหตุ​ ไม่รู้จะเข้าย่อหน้าไหนขอยัดไว้ตรงนี้​เลยแล้วกัน​ ทางขึ้นชันมาก​ รองเท้าแนะนำเป็นแบบพื้นยึดเกาะจะดีมากๆ​ ไม่งั้นจะเป็นเหมือนในรูป​ 10.1 ปากเป็ดหลบไปรองเท้าปากเปิดมาแล้ว *หมายเหตุอีกรอบ หินลื่นมากควรใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษ เพราะเราลื่นกันไปคนละที  แต่เรายังไม่ตาย



   อาบน้ำชำระล้างขี้ไคล​และขี้เกลือ​ก็เริ่มสดชื่นพร้อมที่จะออกไปหา​แสงสีของเมืองหาดใหญ่ หาถนนคนเดินชื่อ Hatyai Street Stalls ในกูเกิ้ลอย่างรวดเร็ว โอโห้ววจั๋งซี้มันต้องไป๊​ BEFORE -​ AFTER โอเคกลับพร้อมกับไก่ทอดหาดใหญ่และหอยทอด​ ที่มาซื้อก่อนถึงที่พักนิดเดียว

zZZ The End​


   เช้าวันต่อมา (อังคารที่4ส.ค.63)​ วันที่เช้าสดใสและไม่มีใครมาหยุดพวกเราได้​ แม้กระทั่งโคควิด​ โปรแกรมแน่นๆถูกยัดไว้ในวันนี้​ วัดแหลมพ้อ​ แชะ​ แชะ​ แชะ​ เห้ยฝนตก​ วันที่​ 2​ เช้าที่ไม่สดใสและฝนกำลังจะหยุดพวกเรา​ เชี่ย.. วัดท้ายยอของเราถูกหยุดไว้ที่ร้านข้าวมันไก่​ เพื่อหลบฝน​ และเติมเชื้อเพลิงคน​ ระหว่างนั้นก็สวดอธิฐานให้ฝนหยุด​ ก่อนที่ฝนจะหยุดเบาแต่ดันแรงขึ้น และกลับมาเบาอีกรอบ​ เราฉกฉวยโอกาสนั้นซิ่งไปวัดท้ายยอ และค้นพบว่าบรรยากาศ​อึมครึมก็สวยไปอีกแบบ​ แต่บรรยากาศ​อึมครึมของมนุษ์ไม่มีแบบไหนที่สวย​ เป็นไงบาดเลยดิคมสัน​(ตว์)​


   ขากลับเราเห็นชาวบ้านท้องถิ่นที่กำลังดูปลากระพงที่จับมาได้ เราจึงเขาไปขอดูบ้าง เราป้าๆขอดูปลาหน่อย​ มีตาไหม​ มีตาก็ดู​ไป​ อันนี้หลอก​ จริงๆป้ายิ้มและส่งสายตาว่ามาสิ​ ผมยกกล้องขึ้นมาถ่ายปลา​ที่เขาจับมา​(โดยไม่ใสกุญแจมือ)​ ก่อนเดินไปอีก​สิบก้าวเพื่อกินกาแฟแก้ง่วง​และกินบรรยากาศโดยถามจากเพื่อนของป้าที่ให้เราดูปลา ปล.สถานที่บางที่ไม่ได้อยู่ในกูเกิ้ลแต่อยู่ที่ปาก


    เราจิบกาแฟและทำการสโลไลฟ์ส​แบบสั้นๆสิบห้านาที​ โดยการถ่ายรูปให้น้อยที่สุดและสโลไลฟ์ส​ให้มากที่สุดให้เท่ากับสลอธตอนที่มันขี้เกียจ​ เมื่อดูเวลาเราก็รู้ว่าหมดเวลาสโลไลฟ์ของสลอธ 15 นาทีในสถานที่ฟินๆแม่มหมดโคตรไว ตัดภาพมาสถานีต่อไปที่ปิดทุกวันอังคารซึ่งเราไปวันนั้นพอดี คือ พิพิธภัณฑ์คติชนวิทยา สถาบันทักษิณคดีศึกษา เราจึงขับไปเรื่อยๆรอบเกาะยอเพราะมีเวลาเหลือ และคิดว่าจะได้วัดสักวัดทำบุญซึ่งก็ผ่านมาเจอแบบไม่ได้ตั้งใจ คือ วัดบ่อ(นึกว่าเป็นเสียงพี่คนหนึ่งในรายการคนอวดผีนะ) ..และนั่นก็เป็นเรื่องราวลี้ลับที่ผมจะถอดจากเสียงพี่คนหนึ่งที่เป็นคนพื้นที่ ให้ท่านได้อ่านโดยใช้วิจารณญาณในการอ่านไปด้วยนะ

“ ก็คือจริงๆแล้วหลงพ่อเพิ่มเนี่ยท่านมารับตำแหน่งเจ้าอาวาสเมื่อพรรษาที่แล้ว แล้วท่านก็มาขุดเขาลูกนี้ ท่านเป็นพระสอนวิปัสสนาในเมืองสงขลาเวลาใครเปิดคอร์สวิปัสสนาก็จะนิมนต์ท่านไปสอนพอท่านมาอยู่ที่นี่ ท่านก็บอกว่าที่นี่พอมีที่นะ ทำที่วิปัสสนาดีกว่าหลังจากนั้นท่านก็เริ่มขุดเขาท่านชุดคนเดียวนะเราก็เป็นคนในหมูบ้านแล้วท่านก็มาอยู่ใหม่เราก็ดูว่าจะได้สักกี่น้ำ ท่านก็ขุดอยู่คนเดียวเดือนนึง เราก็ถามนะว่าท่านจะทำอะไร ท่านก็ตอบว่าจะทำบันไดนาค เราก็บอกไปว่านิมนต์สร้างอย่าให้เหมือนคนอื่นเพราะว่าบันไดนาคผู้มีทั้งประเทศแล้ว พออีกวันท่านก็มาบอกว่า อาตมาจะทำพญานาคที่เข้าทางปากออกทางสดือ พอพูดอย่างนั้นนั้นท่านก็ทำเลย เราก็ถามว่าหลวงพ่อมีตังค์แล้วหรอท่านก็ตอบไม่มีหรอกอาตมาก็อธิฐานเอา คนก็เริ่มที่จะเอาปูนคนก็ไม่ถวายเป็นเงินกันเลยนะ คนถวายเป็นวัสดุหมดเลยแบบพร้อมทำเลย ท่านก็เริ่มทำในช่วงที่วัสดุเริ่มมา ท่านก็ชวนชาวบ้านมายกเสาเอก 27 มกรา ตอนสร้างก็ไม่ได้คิดว่าจะเป็นพญานาคที่ให่ที่สุดในประเทศไทย ไม่ได้คิดแต่สร้างเพราะว่าเข้าทางปากมันควรขนาดเท่าไหร่ ซี่โครงนาคเราก็ใช้แพทเทิร์นของงูนะ ซี่โครงแรกที่ทำเส้นผ่าศูนย์กลาง 2.90 เมตร เราก็บอกมันใหญ่มากท่านก็ลดเหลือ 2.50 เมตร ส่วนลูกกะตาเป็นลูกแก้วของเรืออวนลากสมัยก่อนสงขลาเรือประมงเยอะลูกแก้วที่ว่าเนี่ยเขาจะใช้เป็นทุ่นสำหรับเรืออวนสมัยก่อนตาด้านขวาเราเจอในศาลาวัดด้านซ้ายเจ้าของร้านกาแฟในสงขลานำมาถวาย และตั้งแต่เราสร้างเราไม่เคยติดขัดเลยนะไม่ว่าแม้กระทั่งน้ำกินถ้าเราเริ่มที่จะซื้อน้ำกินเมื่อไหร่เช้าสว่างมาจะมีคนบรรทุกน้ำกินมาให้ 1 คันรถจะเป็นอยู่อย่างนี้ตลอดตอนที่เราจะปั้นหัวเราจะใช้ศิลปินแห่งชาติคิวก็ไม่ว่างช่างในหมูบ้านก็ไม่ว่างพระรูปนี้เป็นพระจากนครพนม (ในรูปที่ท่านกำลังเชื่อมเหล็ก) ท่านมาจำพรราษาอยู่ วัดควนเนียง ท่านก็มา(มาเพราะมีคนแนะนำว่ามีพระท่านนึงที่พอปั้นได้)แล้วท่านก็ถามว่า มีเครื่องเชื่อมไหม มีนั่นไหม วัดนี้ตั้งใจกันดีนะ แล้วท่านก็วาดแพทเทิร์นบนลานนี้เลยท่านก็ทำสด แล้วท่านก็สักรูปนาคที่ข้อเท้าด้วยนะ แต่โจทย์คือขอว่าต้องเป็นพญานาคที่เป็นงูจริงๆ มีหงอนมีเคราและไม่เอาลายไทย ”



    หลังพวกเราท่านบุญไหว้พระกันแล้วก็เดินทางต่อไปที่ สำนักสงฆ์เขากุฏิ เพื่อขึ้นมาไหว้พระ ถ่ายรูปวิว ตามคำแนะนำของพี่ที่เล่าเรื่องการสร้างพญานาคหรืองูมีหงอนให้เราฟัง หลังจากไหว้พระถ่ายรูปเสร็จขาลงเราก็เจอวิวสวยๆ ที่พอจะทำให้ผมหยิบกล้องขึ้นมาอีกครั้ง เพราะวิวในที่ที่เราไม่เคยไปนั้นสวยงามเสมอ ปล.อยู่ช่วงก่อนถึงร้าน I am cake ร้านกาแฟที่เขาว่าวิวสวยที่สุดบนเกาะนี้ที่เราไม่ได้ไป



    ขับชิวๆจากเกาะยอจนมาถึงย่านเมืองเก่าสงขลา ที่รถราเยอะมาก ถ้าทำเป็นที่ปั่นจักรยานหรือสำหรับเดินโดยเฉพาะจะเวิร์คมากๆ ย่านนี้เราถ่ายรูปและชมภาพวาด อ่านเรื่องราวที่มีป้ายติดไว้ อย่างเช่นเรื่องของ อาเธอร์ สจ๊วต “ หนึ่งในทหารที่ได้รับเครื่องอิสริยาภรณ์ชั้นสูงสุดในสงครามโลกครั้งที่ 2 ซึ่งเป็นหัวหน้ากองบิน เครื่องบินของเขาเป็นลำเดียวเท่านั้น ที่สามารถทิ้งระเบิดในบริเวณใจกลางเมืองสงชลาดได้สำเร็จ เพื่อกำจัดฐานทัพกองทหารญี่ปุ่น ”



    อีกสถานที่ที่ผมลิสต์ไว้แต่เอาออกเพราะไปเจอข่าวฝูงลิงตกน้ำตายที่บ่อน้ำเพราะอดยาก คิดว่ากลัวจะติดเชื้อโรคหรืออะไรต่างๆนาๆที่สมองคิดไปเรื่อย แต่สุดท้ายก็ตัดสินใจไปเพราะพ่อค้าลอดช่องที่เราแวะทานย่านเมืองเก่าแนะนำ ซึ่งลอดช่องหอมหวานเย็นๆของเขาช่วยให้เราตื่นจากภวังค์ค้างคาจากอาการง๊วงง่วง... เขาตังกวน ระวังลิงแค่นั้น (ระวังโดนขโมยกระเป๋า) วันที่เราไปเป็นวันอังคารที่มีความคึกคักของคนและลิงพอสมควร ผมถือโอกาสฉวยเก็บของที่ระลึกครั้งสุดท้ายก่อนนจะจากลา แชะ แชะ !

[ ขึ้นเขาตังกวนด้วยลิฟต์ ราคา 30 บาท ]



‘ เราใช้ตา สมอง และความรู้สึกของเราจดจำภาพเหล่านี้ไว้ให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะไม่ว่าจะใช้กล้องดีแค่ไหน ก็ไม่สามารถจะเก็บภาพเหล่านี้ไว้ได้ดีไปกว่าความทรงจำ ’

    เราใช้เวลาบนเขาตังกวนอยู่ชั่วโมงกว่าก็คิดว่าควรเดินทางต่อได้แล้ว นี่ก็บ่ายสามแก่ๆแล้ว เรายังไม่ได้เตรียมอาหารทะเลเลย การปิ้งย่างเป็นอะไรที่ผมชอบมาก แม้กระทั่งกลับบ้านที่ต่างจังหวัดผมก็แทบจะไม่ได้ใช้เตาแก๊สเลย ระหว่างเดินทางเราแวะปั้มเพื่อเติมน้ำมันและสอบถามพนักงานว่าอาหารทะเลจะหาซื้อได้ที่ไหนบ้าง เพราะตลอดเวลาที่เราขับรถมาผมไม่เห็นเลย ตลาดนัดเกาะหมีคือคำตอบ สำหรับคนที่จะไปควนคานหลาว แล้วยังไม่ได้เตรียมของปิ้งย่าง

    ที่พักของเราชื่อบ้านพักควรคานหลาวที่นี่ปั่นไฟใช้และไม่มีน้ำอุ่นให้คุณนอกจากน้ำฝนเย็นฉ่ำเรียกได้ว่าอาบน้ำทีหัวนมแข็งเลย ด้านบนไม่มีอะไรนอกจากความเงียบสงบและวิวสวยๆ ที่สวยในแบบของมัน แม้จะเป็นวิวที่สามารถพบเจอได้ที่จังหวัดอื่นๆ แต่มันก็ไม่ได้สุนทรีย์ไปกว่าการนั่งลงเฉยๆ จ้องมองมันและสูดอากาศดีๆเข้าปอด ชื่นชมกับทุกวินาทีที่นานๆที คนในเมืองอย่างเราจะได้พบเจอ

ปล.ขอบคุณพี่ใหม่เจ้าของที่พักที่ดูแลเราอย่างดี รวมถึงก่อเตาถ่านให้เราด้วย (พี่ใหม่เสื้อสีฟ้า)

    พระอาทิตย์หลบไปอีกทางซีกโลกค่ำคืนหมุนเวียนเปลี่ยนเป็นเช้า เช้าสุดท้ายที่ไม่มีอะไรพีคๆนอกจากการสโลไลฟ์จริงๆ กาแฟซองหอมๆ อากาศชื้นๆที่ไร้แดด รอบตัวเต็มไปด้วยหมอกจางๆ เสน่ห์ของกลิ่นอายธรรมชาติ เสน่ห์ของสิ่งก่อสร้างที่เป็นไม้ ต้นไม้รอบๆที่ดูเป็นผู้ใหญ่จากการถูกกัดกร่อนด้วยลม ฝน และแดด ..เหม็นหว่ะเสื้อผ้าที่ซักไว้ตั้งแต่วันแรกที่มายังไม่แห้ง แล้วจะต้องเดินทางกลับกุงเตบวันนี้ด้วย เป็นการเดินทางที่โหยหาแดดอย่างมาก เป็นการเดินทางที่จอดไหนตากผ้านั่น สงบสติอารมณ์ด้วยวัดก่อนกลับ วัดที่เปิดสถานที่ท่องเที่ยวในกูเกิ้ลแล้วต้องเจอ วัดพระมหาธาตุเจดีย์ไตรภพ ไตรมงคล

การเดินทางไปสถานที่ต่างๆ สามารถเสิร์ช GPS ได้เลย หรือถามจากเพจเราได้เน้อ :: https://www.facebook.com/roadmovieTH/

ที่พักควนคานหลาว คนละ 400 เบอร์โทรชื่อพี่ใหม่ดูแลดีมาก 087-3944222



ROAD MOVIE

 วันเสาร์ที่ 15 สิงหาคม พ.ศ. 2563 เวลา 00.15 น.

ความคิดเห็น