Day 2 


กลับมาแล้ว!! สำหรับ Part 2 เข้ามาเที่ยวในตัวเมืองตรังกันค่า

สำหรับการเดินทางจากเกาะมุกด์กลับเข้าในตัวเมือง เราใช้บริการรถตู้ที่ทางที่พักติดต่อให้ (สำหรับเรื่องรถตู้สามารถตู้ได้ที่ part 1 นะคะ) รถตู้มาส่งในตัวเมืองที่สถานีรถไฟอำเภอเมืองตรัง เราก็นั่งหัวกบ หรือรถตุ๊กตุ๊ก ไปที่พัก ชื่อว่า เดอะ ทรี สลีป แอนด์ สเปซ (The Tree Sleep and Space) ซึ่งเราได้การจองที่พักใน agoda ในราคา 763 บาท สำหรับเราว่าคุ้มมาก เพราะได้เป็นห้องพักที่มีห้องน้ำด้วย ราคาแค่คนละ 381.5 บาทเอง และเค้าอยู่ใกล้สถานที่ท่องเที่ยวในอำเภอเมืองหมดเลยค่า

สำหรับการท่องเที่ยวในตัวเมืองตรังก็สามารถทำได้ทั้งนั่งรถหัวกบเหมาๆ ราคา 450 บาท ไม่จำกัดคน (สำหรับคนที่ไม่อยากขับรถแต่ได้ไปทุก landmark วิธีนี้ก็คุ้มค่าเลยทีเดียว) 
     แต่สำหรับสายลุย สายประหยัดอย่างเรา ที่ไม่ได้อยากไป landmark แค่ในเมือง ก็ได้ทำการเช่ามอเตอร์ไซค์ในราคา 200 บาท ที่ให้ทางที่พักติดต่อไว้ให้
     ที่พักของเราจะ check-in ได้ตอนบ่าย 2 เราเลยฝากกระเป๋าแล้วขี่มอไซต์เที่ยวก่อนละกัน จะได้ไม่เสียเวลา ต้องบอกก่อนว่าการเช่ามอเตอร์ไซค์ขี่เที่ยวคือต้องสตรองพอสมควร เพราะแต่ละที่มันไกลกัน ที่แรกที่เราไปเลยคือ หาดปากเมง เพื่อไปกินข้าว 55555555555 

ช่วงหลังโควิด ร้านอาหารค่อนข้างเงียบเหงา แล้วร้านอาหารตรงหาดเยอะมาก สุดท้ายเราก็เลือก ร้านยกยอ
ที่เคยได้ยินชื่อมาบ้าง 

ดูสิ อาหารน่าตาน่าทานมาก แล้วราคาไม่แพงเลย ครัวยกยอ นี่เราแนะนำเลยค่ะ ส่วนตัวเราชอบกันเชียงปูผัดพริกไทยดำ ราคา 250 บาท คือเนื้อปูเน้นๆ แน่นๆ ไม่ต้องแกะเอง มันดีตรงนี้ 
ส่วนกุ้งเค้าขายเป็นขีด แต่สามารถเลือกได้ว่าจะเอากี่ขีด เริ่มต้นที่ 2 ขีด ราคา 200 บาท เราก็เลยบอกเค้าว่าขอ 2 ขีดพอเพราะจะสั่งอย่างอื่นด้วย สรุปอร่อยมากกก กุ้งตัวใหญ่ เนื้อหวาน สดมาก อาหารมื้อนี้เราจ่ายไป 800 บาท ที่ได้บรรยากาศและรสชาติอาหารที่เริ่ดมาก

หลังจากกินอาหารจนอิ่ม เราก็ขี่มอไซต์ชิวๆ ไปตามทางเพื่อที่จะไปอุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหมต่อ ก็เจอกับอุโมงค์สนสวยๆ

คือจะบอกว่าบรรยากาศดีมาก ลมเย็นตลอด รถไม่ค่อยมี ทำให้เราสามารถจอดถ่ายรูปชิวๆได้เลย พอขี่ไปซักพักก็ถึงอุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหม ค่าเข้าคนละ 30 บาทเท่านั้นค่ะ จะบอกว่าช่วงที่เราไป ไม่มีคนเลย ถ่ายรูปไม่ติดคนแน่นอน แล้วคือสวยมาก น้ำทะเลสีดี เกาะสวย คือมันดีมาก เราประทับใจมากสำหรับที่นี่

ดูสิทุกคน คือวิวสวยมาก แดดดี ถ่ายตรงไหนก็สวย ถ้าใครมาเที่ยวตรัง อย่าลืมมาที่นี่นะคะ 

เราใช้เวลาอยู่หาดเจ้าไหมซักพัก พอมองนาฬิกา บ่ายสองแล้วจ้า แต่ๆๆ เราก็แบบไหนๆก็มาแล้วอ่ะ ขากลับแวะ สวนพฤกษศาสตร์ทุ่งค่าย จังหวัดตรัง ซะหน่อยละกันเนาะตัวเธอ อยากถ่ายสะพานแดงๆ ที่เสมือนเป็น landmark ของที่นั่นเลยทีเดียว แต่ฟ้าฝนก็เริ่มจะเตือนๆมาแล้ว ไปหน้าฝนอ่ะเนาะ ต้องทำใจหน่อยนะคะ แต่ส่วนตัวเรา ไปช่วง low season เราชอบนะ คนไม่ค่อยเยอะ ได้เห็นอีกมุมนึงของสถานที่นั้นๆด้วย ประทับใจไปอีกแบบค่ะ

ถึงแล้ววว ป่าในเมือง อย่าลืมเที่ยวแบบ new normal สวมหน้ากากอนามัย check-in นะคะ

ที่นี่ต้นไม้เยอะมาก แต่ละต้นก็จะมีป้ายชื่อ รายละเอียดบอก แต่เราเดินได้ไม่นาน ฝนตกจ้า รูปอะไรที่วางแพลนไว้ ไม่ได้ถ่ายทั้งนั้น ต้องกลับที่พักให้ทันก่อนเปียกเท่าน้านนนนนนน 

สรุปคือถึงที่พักทันฝนตกหนักประมาณ 5 โมงเย็น เรียกว่าเที่ยวคุ้มจริงๆ แต่ๆๆ หิวแหละตอนเย็น ได้ข่าวว่าที่ตรังมีถนนคนเดินตรงสถานีรถไฟวันศุกร์ - อาทิตย์ ก็เลยออกไปหาอะไรกินซะหน่อยหลังฝนหยุด

สิ่งนี้เรียกว่า มะตะบะไก่ นะคะเพื่อนๆ อร่อยมาก กินอย่างเดียว คืออิ่มจุกเลยจ้า ที่ถนนคนเดินมีของกินเยอะมาก เส้นถนนไม่ยาวมาก แต่ของกินครบมาก อร่อยด้วย ประทับใจอีกแล้วจ้า

ต่อไปมาดูรูปห้องพักกันซักเล็กน้อยนะคะ

สำหรับวันนี้ หมดแรงค่ะ ทั้งฝน ทั้งแดด ทั้งลม แต่ประทับใจมาก 


Day 3

วันสุดท้ายก็มาถึงแล้วค่ะ สำหรับวันนี้ เราตั้งใจว่าฉันต้องกินติ่มซำกับหมูย่างเมืองตรังให้ได้ วันนี้ก็เลยตื่นตั้งแต่ 7 โมงเช้าเพื่อไปกินอาหารเช้ากันที่ร้าน เรือนไทยติ่มซำ ร้านติ่มซำชื่อดังในเมืองตรัง ร้านใหญ่ คนเยอะ ติ่มซำเยอะมากกก วิธีการเลือกซำของที่นี่คือ ที่โต๊ะของเราจะมีใบเลขโต๊ะมาให้ เราก็หยิบใบนั้นไปเลือกติ่มซำหน้าเคาน์เตอร์ให้เค้านึ่งให้พร้อมกับแนบใบเลขโต๊ะเพื่อที่เค้าจะได้มาเสิร์ฟถูกค่ะ

สำหรับติ่มซำเริ่มต้นที่ราคา 25 บาท เท่านั้นค่ะ หมูย่างเมืองตรังเค้าจะมีรถชาติเฉพาะของเค้าที่หากินได้ที่ตรงเท่านั้น  อร่อยมากจริงๆนะทุกคน ติ่มซำมีให้เลือกเยอะมาก ใจจริงอยากหยิบเยอะกว่านี้อีก แต่มาแค่ 2 คน เอากลับก็น่าจะไม่ฟินเท่ากินที่ร้าน ส่วนตัวเราชอบหมั่นโถวมาก เนื้อแน่น นุ่น ดีงาม 

หลังจากเสร็จมื้อเช้า ยังพอมีเวลาก่อนจะขึ้นเครื่องกลับกรุงเทพ เราก็ขอแวะไป วังเทพทาโร ที่เค้าว่ากันว่า เป็นที่ตั้งของวังมังกรงานศิลปะที่นายจรูญ แก้วละเอียด เนรมิตนำเอาเศษซากไม้และรากไม้เทพทาโร หรือ ไม้จวง มาสร้างเป็นมังกรหลายขนาด คือเราไปถึงที่จริงแล้วค่อนข้างทึ่งว่าเค้าสามารถทำได้ขนาดนี้เลย เก่งมากค่ะ

ในวังเทพทาโรก็มีสินค้าให้เลือกซื้อหลากหลายนะคะ ส่วนตัวเราก็ได้ยาหม่องมาเหมือนกัน

ก่อนจะขึ้นเครื่อง เราก็อยากจะแวะซื้อของฝากซะหน่อย ฝากตัวเองนี่แหละจ้า ก็เสิชว่าของดีเมืองตรังมีอะไรบ้างในอากู๋ ก็มีคนแนะนำ ขนมเปี๊ยะซอย9 ว่ามันดีมากนะคะทุกคน ไอ้เราก็ไม่รอช้า รีบบึ่งรถไปเลยจ้า 

ทุกคนนนน คือมันอร่อยจริงๆด้วย ที่นี่เค้าจะไม่มีขายคละรสใน 1 กล่องนะคะ ก็คือไส้ละกล่องไปเลย กล่องละ 120 บาท ได้ 10 ลูก คือคุ้มมาก ไส้แน่นมาก มีไข่เค็มอยู่ทุกอัน เราเลือกไส้ถั่วเหลือง ไส้มันม่วง และไส้เผือก อร่อยทุกไส้จริงๆค่ะ แป้งบางกรอบ ไส้แน่น อยากให้ทุกคนได้ลอง ที่นี่เค้ามีส่งต่างจังหวัดด้วยนะคะ ลองเสิชใน facebook เป็นชื่อร้านเพื่อหาข้อมูลการสั่งได้เลยค่า 

** สรุปค่าใช้จ่ายวันที่ 2 และ 3
1. ค่ารถตุ๊กๆไปที่พัก 80 บาท
2. เช่ามอเตอร์ไซต์ 250 + 100 (วันที่ 3 ขอเช่าต่อครึ่งวัน) 350 บาท
3. อาหารกลางวันครัวยกยอ 800 บาท
4. อาหารเย็นตลาดนัด 100 บาท
5. อาหารเช้า เรือนไทยติ่มซำ 415 บาท
6. ขนมเปี๊ยะซอย 9 360 บาท
7. น้ำมันรถ 40 บาท
8. เรียก Grab ไปสนามบิน 101 บาท

รวม
2,246 บาท ตกคนละ 1,123 บาท

จบไปแล้วสำหรับรีวิวทริปเที่ยวตรังหลังโควิด19 เที่ยวแบบ new normal ค่อนข้างประทับใจเลยทีเดียว อาหารไม่แพง ผู้คนน่ารัก สถานที่สวยงาม เงียบ สงบ เป็นเมืองรองที่เราจะต้องได้มาเป็นครั้งที่ 2 แน่นอนค่ะ


✿ หวายพาไป ✿ ♡

 วันอังคารที่ 18 สิงหาคม พ.ศ. 2563 เวลา 09.55 น.

ความคิดเห็น