ดินแดนลับ ๆ ในเมืองใหญ่ ที่อยู่ใกล้กับตัวเมืองเชียงใหม่ จนแทบนึกไม่ถึงว่าธรรมชาติยังคงสวยสดงดงาม พร้อมให้เราได้มาสัมผัส ที่นี่คือ ชุมชนสันลมจอย ตั้งอยู่ในพื้นที่ ต. สุเทพ อ. เมือง จ. เชียงใหม่

เราเริ่มต้นกันที่จุดนัดพบร้านธารากาแฟ ตรงข้ามสนามกีฬาสุเทพ ใกล้ ๆ กับชุมชนสันลมจอย รสชาติและกลิ่นกาแฟหอมกรุ่น ปลุกพลังยามเช้าให้กับเราได้อย่างดี

เมื่อกาแฟหยดสุดท้ายหมดจากแก้ว เราผูกเชือกรองเท้าให้แน่น กระชับกระเป๋าบนหลัง ได้เวลามุ่งหน้าออกเดินไปพร้อมกับแสงแดดอ่อน ๆ ที่นำทางเราสู่เส้นทางเดินป่า ศึกษาธรรมชาติของ “ชุมชนสันลมจอย” ซึมซับบรรยากาศสีเขียวและความอุดมสมบูรณ์ของป่าเขาของที่นี่ เราใช้เวลาครึ่งช่วงเช้าในการเดินเท้าสำรวจป่า เดินกันเพลิน ลืมเหนื่อยเลยทีเดียว

และนี่เป็นครั้งแรกก็ว่าได้ ที่ได้รับประทานมื้อเที่ยงกลางป่าเขียวชอุ่มแบบนี้ ข้าวห่อใบตองขนาดกะทัดรัด แต่อัดแน่นไปด้วยขุมพลัง อิ่มอร่อย ให้เราได้มีแรงเดินเที่ยวกันต่อ

ที่สันลมจอยยังมีพระเอกสำคัญอย่างหนึ่ง นั่นก็คือ “ ผักเชียงดา” ผักพื้นบ้าน ของดีที่หาได้เฉพาะในภาคเหนือของไทยเท่านั้น เพราะเป็นทั้งผักและเป็นยาสมุนไพร ซึ่งเราเองก็เพิ่งเคยเห็นต้นจริง ๆ กันก็ครั้งนี้ ซึ่งในช่วงบ่ายพวกเราได้ลงมือเก็บผักเชียงดา ณ ศูนย์เศรษฐกิจพอเพียง เพื่อนำไปร่วมทำอาหารเย็นของวันนี้

เมนูเด็ดของเรามื้อนี้ คือ เชียงดาผัดไข่ ความอร่อยเหาะอยู่ที่ความสดและหวานกรอบของผักเชียงดาสด ๆ ที่เราได้ลงมือเอง ตั้งแต่เก็บผักจากต้น นำมาผัดเป็นอาหารมื้อค่ำ ที่สำคัญยังได้รับประทานร่วมกับลุง ๆ ป้า ๆ เจ้าของโฮมสเตย์ที่พวกเราได้พักด้วย ในทริปนี้ถือเป็นมื้ออิ่มอุ่น เป็นความประทับใจที่หาได้ไม่ง่ายเลย อร่อยและภูมิใจสุด ๆ

หลังมื้อค่ำก่อนแสงจะหมดจากฟ้า พวกเราขอยืมรถมอเตอร์ไซค์เพื่อไป “กาดของชุมชน” ตลาดชุมชนที่ชาวบ้านที่นี่จะเอาพืชผักของพื้นถิ่นต่าง ๆ มาวางขายกัน เดินเที่ยวได้เพลิน ๆ หรือถ้าใครมาตรงกับเสาร์อาทิตย์ ก็สามารถขี่มอเตอร์ไซค์เพื่อไปถนนคนเดินได้ด้วยเหมือนกัน ระยะทางไม่ไกล ขับไปได้สบายมาก

เผลอแป๊บเดียวหมดไปหนึ่งวันอย่างรวดเร็ว พวกเรากลับมาที่โฮมสเตย์ อาบน้ำอาบท่าพักเอาแรง นอนคุยกันเล็กน้อยถึงความสนุกในวันนี้ ก่อนที่ต่างคนจะผล็อยหลับไป

เข้าสู่เช้าวันที่สอง เสียงนาฬิกาปลุกดังแข่งกับเสียงไก่ขันยามเช้า พวกเรารีบตื่นเพื่อที่จะร่วมกัน ตักบาตรพระ พร้อมกับคุณลุงคุณป้าเจ้าของบ้าน อากาศยามเช้าดีมาก ๆ จากนั้นก็รับประทานมื้อเช้าทำภารกิจส่วนตัว เตรียมตัวออกเที่ยวกันต่อ

โปรแกรมของวันที่สองนี้ พวกเรามุ่งหน้าไปเยี่ยมชมวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของชนเผ่าลีซู เพื่อดูการทำ

“น้ำต้มภูมิปัญญาของชาวเผ่าลีซู” ที่ทำจากข้าวโพด ที่นี่จะดื่มกันเป็นเป๊ก มีรสชาติเฉพาะตัวมาก ๆ ใครอยากรู้ต้องมาลองชิมด้วยตนเอง ส่วนพวกเราเองบอกได้เพียงว่าแต่ละคนก็เติมกันไปคนละหลายรอบเลยละ

เราใช้เวลาที่มีอยู่จนถึงเที่ยงก่อนที่จะรับประทานอาหารเที่ยง และปิดท้ายด้วยการเติมความหวานของขนม และเครื่องดื่มสดชื่น ๆ ของร้านมาหาสมุด คาเฟ่ คาเฟ่สุดเก๋ในบ้านข้างวัด ย่านวัดร่ำเปิง ก่อนหอบเอาทุกความสุข

จากที่นี่เตรียมตัวกลับกรุงเทพฯ ไปด้วย

นับเป็นสองวัน หนึ่งคืน ที่ได้รับความสุขอิ่มเอม เต็มไปด้วยรอยยิ้มและความสนุก ธรรมชาติที่ไร้การปรุงแต่งและวิถีชีวิตของผู้คนที่นี่ เติมเต็มพลังให้กับพวกเราได้กลับไปใช้ชีวิตได้เป็นอย่างดี และสัญญาว่าจะกลับมาเจอกันอีกแน่นอนสำหรับ “สันลมจอย เชียงใหม่” ดินแดนที่จะไม่เป็นความลับสำหรับเราทุกคนอีกต่อไป

Thistrips

 วันพฤหัสที่ 3 กันยายน พ.ศ. 2563 เวลา 13.25 น.

ความคิดเห็น