ไม่ว่าม่ะมี้จะเป็นแม่คนแล้วก็ตาม แต่ม่ะมี้ก็ยังมีแม่ที่ยังต้องดูแลอยู่นั่นคือ "ยายยาย" นั่นเอง ทริปที่แล้วพายายยายไปนอนดมหมอนที่ศรีราชามาแล้ว ทีนี้ขอเปลี่ยนโลเคชั่นมาเที่ยวภาคเหนือของไทยบ้างค่ะ



ทริปนี้ยายยายขอรีเควสเอง เนื่องจากม่ะมี้ซื้อโปรบินบัฟเฟต์กับทางไทยแอร์เอเชียในราคา 2,990บาท จะบินกี่เที่ยวก็ได้ภายในประเทศ(ตามเงื่อนไข) จ่ายแค่ภาษีสนามบิน (ดอนเมือง 100บาท ที่อื่นแค่ 50บาท) เพราะงั้นทริปนี้ม่ะมี้จ่ายเพียง 150บาท ส่วนเจด (ลูกสาวม่ะมี้เองค่ะเผื่อบางคนยังไม่เคยตามอ่านรีวิวของม่ะมี้) ผู้ติดสอยห้อยตามทุกทริปน้านนน ราคาเดิมค่ะ 556 บาทแม้จะนั่งตักม่ะมี้ก็ตามราคานี้ทั่วประเทศ ส่วนยายยายราคาเต็มค่ะ เราบินไปลงที่สนามบินแม่ฟ้าหลวงตอนสิบเอ็ดโมง



ม่ะมี้เช่ารถขับเที่ยวค่ะ ส่วนรายละเอียดตามไปอ่านได้ในเฟสบุคเพจของม่ะมี้นะคะ 

 รีวิวการเช่ารถของ Chic car rent


เพราะนี่คือการเดินทางที่มีทั้งเด็กขวบสี่เดือนและคนแก่วัยหลังเกษียณ(64ปี) เราจึงไม่เร่งรีบอะไรค่ะ มาเที่ยวชมสามสถานที่เท่านั้นคือ ไร่เชิญตะวัน สิงห์ปาร์คและวัดห้วยปลากั้ง ส่วนสถานที่กินและที่พักนั้นม่ะมี้ไม่ขอลงรายละเอียดนะคะ จะเน้นที่เที่ยวที่ไปมาเท่านั้นค่ะ ใครอยากตามรอยก็เชิญเลยค่ะ ไม่หวง อิอิ

ที่แรกมาเล้ยยยยย........


Rai Chern Tawan Meditation Center (Than W. Wachiramethi)

ศูนย์วิปัสสนาไร่เชิญตะวัน (ว.วชิรเมธี) 

เน้นเกินไปไหมคะ 555555  ที่หัวข้อยิ่งใหญ่ปานนี้เพราะว่าเราสามคนชื่นชอบมากค่ะเพราะยายยายรีเควส  ทริปนี้เพราะอยากมาที่นี่ทีเดียวเลย (แต่ใครจะบินมาเที่ยวที่เดียวละคะ ฮ่าๆเสียเที่ยวหมด) พิกัดไร่เชิญตะวัน

ขับรถออกมาจากตัวเมืองเกือบสามสิบนาทีเพราะไม่ชินทางและขับระมัดระวังเนื่องจากเจดหลับ(รอบสอง) เจอแอร์ในรถทุกครั้งจะเป็นแบบนี้ค่ะ เชิญดูภาพบรรยาย.....


พอเลี้ยวเข้าไปในไร่เชิญตะวันก็ทึ่งกับความเขียวขจีของต้นไผ่ที่ปลูกริมทางเข้า สวยมากเหมือนเราเข้ามาในดินแดนที่ตัดขาดจากโลกภายนอกอย่างสิ้นเชิง.....(เสียงนกเสียงกาประกอบ) 


สิ่งแรกที่เห็นก็เจอกับประตูทางเข้าค่ะ เหมือนวัดในเมืองนาราเลยสไตล์คล้ายๆกัน ทำด้วยไม้สวยงามมากค่ะ อลังการงานสร้าง



พอเดินผ่านประตูซุ้มดอกไม้สีม่วงเข้ามาก็จะเจอป้ายไปห้องน้ำ ค่ะใช่ค่ะ ห้องน้ำคือที่ที่ม่ะมี้ เจดและยายยายขอเยี่ยมชมเป็นที่แรกเพราะยายแก่แล้วต้องเข้าห้องน้ำบ่อย เจดก็เด็กมากต้องเปลี่ยนผ้าอ้อมบ่อย ส่วนม่ะมี้ก็แม่ลูกอ่อนฉี่บ่อยเป็นเรื่องธรรมดามากค่ะ ฮ่าๆๆๆ จุดนี้ใครไม่ถ่ายรูปถือว่ามาไม่ถึงค่ะ ห้องแรกเป็นห้องติดต่อสอบถามค่ะ ใครอยากมาวิปัสสนาหรือบริจาคก็ติดต่อห้องแรกเลยค่ะ ถัดมาก็ตู้เอทีเอ็ม ใช่ค่ะตู้เอทีเอ็มป้ายบอกแบบนั้นจริงๆค่ะ ถัดมาก็เป็นห้องน้ำที่ที่ม่ะมี้วิ่งเข้าใส่เป็นอันดับแรก 

ป้ายไม้ที่แขวนซ้อนๆกันมากมายเรียงรายเป็นแถวนี้ก็คล้ายๆกับแผ่นปิดทองหลังพระที่เราเขียนว่าเราทำบุญส่วนนี้อนุโมทนาถึงใคร ให้ผลบุญส่งถึงใครหรือเขียนขอพรก็ว่าไปตามจะชอบ สไตล์ญี่ปุ่นมากเลยค่ะไ้ด้ฟิลลิ่งไปญี่ปุ่นสุดๆเลย 

เจดขอรูปนึงได้ไหมคะ ม่ะมี้พยายามอย่างมากที่จะถ่ายรูปเจด แต่ได้รูปที่เบลอหลังมาแบบนี้ค่ะ สวยที่สุดเท่าที่จะทำได้ล้าวววว (เด็กอ่ะค่ะ ไม่หยุดนิ่งให้ถ่ายรูปดีๆหรอก)


ส่วนม่ะมี้นั้นได้รูปนี้มาอย่างตั้งใจจะถ่ายมุมเสย เห็นรูจมูกบาน ขอโทษคุณผู้โชมด้วยนะคะ ฮ่าๆ     มีเวลาแค่สามวิในการสั่งโซดาน้ำแดง ในนั้นจะมีร้านอาหารและคาเฟ่ค่ะ น่านั่งมากแต่ม่ะมี้ไม่ได้นั่งหรอกค่ะเพราะต้องวิ่งไล่ตามเจดดดดดดด (ชีวิตแม่ลูกอ่อน) ยายยายหายไปไหนนะเหรอคะ หลงเข้าป่าไปแล้วค่ะ แกชอบต้นไม้ ปล่อยให้แกดื่มด่ำกับสถานที่ไปค่ะ

ม่ะมี้พายายยายมาครั้งนี้ไม่ได้เตรียมใจว่าจะมาเจอท่านว.วชิรเมธีเลยนะคะ แต่ด้วยบุญพาวาสนาส่งมีคณะที่เพิ่งวิปัสสนาเสร็จและกำลังบวชต้นไม้สามร้อยปี แล้วท่านว.วิชรเมธีก็เทศน์ให้ฟังนิดหน่อยก่อนให้ถ่ายรูปแล้วส่งทุกคนกลับบ้าน ยายยายได้นั่งฟังท่านเทศนาเกี่ยวกับชีวิตที่ไม่ยึดติด ไม่ขี้อิจฉา ไม่คบเพื่อนชั่ว สามสิ่งนี้จะนำพาเราไปเจอหนทางแห่งความสุขที่แท้จริง (จริงๆท่านเทศนาเยอะกว่านี้แต่ม่ะมี้จับใจความแล้วกลั่นออกมาได้แค่สามวลีสั้นๆแค่นั้นเพราะมัวแต่ดูเจดที่วิ่งไล่ตามเจ้าสแตมป์ หมาของท่าน ว.) เหนื่อยนะเนี่ยเป็นทั้งแม่และลูกในวันเดียวกัน 



ดูจากยิ้มนั้นสิคะ ยายยายดีใจแค่ไหน ม่ะมี้ภูมิใจค่ะอย่างน้อยๆก็ได้ทำให้ยายยายยิ้ม (แม้ว่าแต่ก่อนยายยายจะน้ำตาตกเข่ามาหลายต่อหลายครั้ง เวลาเราทำให้แม่ร้องไห้เราจะจำภาพนั้นได้ติดตาค่ะ ขอเล่านิดนึงนะคะ

ไหนๆก็ไหนๆแล้วเล่ายาวหน่อยนะ

ม่ะมี้สอบเข้าเรียนม.1 ได้ที่โรงแรียนแก่นนครวิทยาลัยค่ะ เป็นร.ร.ประจำจังหวัดขอนแก่นแห่งหนึ่งซึ่งม่ะมี้ไม่เคยใช้ชีวิตนอกบ้านเลยเป็นเด็กบ้านนอก แต่ด้วยความที่ยายยายพยายามอยากส่งให้เรียนสูงๆ ยายยายเลยให้มาอยู่หอหญิงแล้วม่ะมี้ก็พักกับเพื่อนร่วมห้องอีกคนที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน เป็นการเริ่มต้นใช้ชีวิตเองตามลำพังตั้งแต่วันแรกที่ออกจากบ้านโดยไม่มีพ่อแม่พี่น้องหรือเพื่อนเลยสักคน มีแค่รูมเมทที่เพิ่งเจอกัน ถือว่าเป็นก้าวแรกที่ยิ่งใหญ่มากสำหรับม่ะมี้ค่ะ เดินไปโรงเรียนเองเพราะหออยู่หน้าร.ร. ข้ามถนนเองมีพี่ๆคอยโบกธงให้รถหยุดเพื่อให้เราข้าม

อยู่มาเรื่อยๆจน...ขึ้นม.3 ถ้าจำไม่ผิด ยายยายมาหาที่หอ บอกเราว่าจะให้ไปเยี่ยมยายทวดที่ไม่สบายแอดมิทที่รพ.ศรีนครินทร์ แต่ยายยายเห็นว่าม่ะมี้ใส่สร้อยเงินเส้นนึง แกเลยขอว่าถอดออกก่อนได้ไหม เดี๋ยวลุงป้าน้าอามองว่าเป็นเด็กใจแตก ไม่ตั้งใจเรียน ม่ะมี้ตะคอกใส่ยายยายว่า "ทำไมถึงใส่ไม่ได้ มันไม่ได้ทำให้ใครเป็นอะไรสักหน่อย" แล้วม่ะมี้ก็เดินนำยายยายไปขึ้นรถโดยสารสายสี่หน้าร.ร.เพื่อไปรพ.เยี่ยมยายทวด ม่ะมี้มองไป....ที่ยายยาย......

สิ่งที่เห็นคือ...แม่ของม่ะมี้ที่พยายามทำงานหาเงินอย่างลำบากเพื่อส่งม่ะมี้เรียนโรงเรียนดีๆ พักหอพักดีๆ มีเงินค่าขนมเหมือนคนอื่นนั่งหันข้างแล้วน้ำตาไหล

--------------------------------------------------------------------------

ใช่ค่ะ....ม่ะมี้พูดไม่คิด ไม่คำนึงถึงใจยายยายว่าเค้าอาจจะกลัวคนอื่นมองม่ะมี้ไม่ดี กลัวคนเค้าเอาไปนินทาลับหลังว่าลูกของยายยายแต่งตัววัยรุ่นเหมือนเด็กใจแตก เพียงแค่สร้อยเส้นเดียวค่ะ จริงๆค่ะมันคือสร้อยที่ม่ะมี้ได้แถมฟรีมาจากหนังสือนิตยาสารวัยรุ่นญี่ปุ่น J-Spy 


ไม่เคยคิดว่าสร้อยเส้นเดียวจะทำให้ยายยายเสียใจได้ถึงขนาดนั้น ม่ะมี้ยังรู้สึกผิดมาจนถึงวันนี้เลยค่ะ "อย่าหาทำ" บอกไว้เพียงเท่านี้ค่ะ (นอกเรื่องยาวไปชิมิ) 


 

บริเวณภายในไร่เชิญตะวันค่ะ เขียวขจีมองไปทางไหนก็สบายตาเหมือนเราอยู่อีกโลกนึงเลยค่ะ


ตรงนี้คือต้นไม้ ๓๐๐ ปีที่ท่านว.เพิ่งบวชให้ไป ท่านแนะนำให้ไปถ่ายรูปกับต้นนี้ ต้นจริงคือใหญ่สูงเฉียดฟ้าเลยนะคะ ไม่แน่ใจว่ากี่คนโอบลืมถามค่ะ

ที่ประทับใจสุดๆคือ สไตล์ของสิ่งปลูกสร้างที่นี่ ความร่มรื่นและเงียบสงบ ส่วนโบนัสของเราคือได้เจอท่านว.วชิรเมธี ได้ฟังเทศน์ และท่านได้ผูกข้อมือด้วยสายสิญจน์ให้ค่ะ 


จบไปสำหรับวันแรก...............หืมมมมมม จบจริงๆค่ะเพราะเจดต้องกินข้าวตรงเวลา ยายยายต้องกินยาก่อนนอนก่อนสามทุ่ม (หลับก่อนเจดอีก ฮ่าๆๆๆ) 



วันที่สองค่ะ (วันที่จะบินกลับเที่ยวบินบ่ายสองโมง) 

Singha Park Chiang Rai

สิงห์ปาร์คเชียงราย

เริ่มจากไปถึงก็เกือบเที่ยงแล้วเพราะเจดกินข้าวเช้ากว่าจะเสร็จ กว่าจะอาบน้ำเก็บกระเป๋าเช็คเอ้าท์ก็ปาไปสิบโมงครึ่งแล้ว ขับรถออกมาจากตัวเมืองยี่สิบนาทีค่ะ ไม่ไกล รถไม่ติดเพราะทุกคนคงไปทำงานกันแล้ว พิกัดสิงห์ปาร์ค

ใช่ค่ะ ถ้ามาแล้วไม่ถ่ายรูปตรงรูปสิงห์ก็เหมือนมาไม่ถึงที่นะคะ ขอให้ยายยายถ่ายรูปให้ ออกมาสวยงามตามท้องเรื่องค่ะ แดดดีสีไม่ตก

จริงๆริมถนนจรงรูปสิงห์ทางเข้าจะมีร้านคาเฟ่ให้แวะสำหรับคนเดินทางผ่านนะคะ แต่ม่ะมี้ขับรถเข้าไปข้างในค่ะ แบบงงๆขับตามรถคันข้างหน้า ขับไปเรื่อยๆก็เจอไร่ชาเขียวปลูกแบบขั้นบันได สวยงามทีเดียวค่ะแม้แดดจะไม่ปราณีม่ะมี้และยายายเลยก็ตาม แต่ถ่ายรูปออกมาสวยใช้ได้เลยนะคะ ไม่ได้ปรับตกแต่งภาพเลยค่ะ 


CEO ลงมาดูกิจการนิดนึงค่ะ หลังจากนอนบนรถมาตลอดทาง ฮ่าๆๆๆ

แวะคาเฟ่ชาไทยสักหน่อยค่ะ วิวหลักล้าน ความแรงของแดดหลักสิบล้านค่าาาา (แต่ก็ไม่กลัวเพราะ "พาเที่ยวเทื่อเดียวนั่นล่ะ บ่พามาอีกดอก" ตามคอนเซปต์ของทริปนี้


อันนี้คือพยายามอธิบายคอนเซปต์ให้ยายยายฟังว่า อยากได้รูปแบบย้อนแสงแล้วเห็นวิวด้านนอกไร่ชา นี่คือสิ่งที่ได้ค่ะตรงปกไหมคะ อิอิ 


จุดหมายสุดท้ายที่จะแวะก่อนไปขึ้นเครื่องที่สนามบินค่ะ นั่นคือ

Wat Huay Pla Kang

วัดห้วยปลากั้ง


ที่จอดรถโล่งมากค่ะ คนน้อยมากกกกก ดีอย่างไม่ดีอย่างนะคะ อยากเชิญชวนให้คนไทยมาเที่ยวเมืองไทยเยอะๆค่ะ ยิ่งมาช่วงที่ไม่ใช่เทศกาลจะยิ่งดี ใครพอมีเวลาจัดทริปมาเชียงรายแล้วอย่าพลาดที่นี่นะคะ 

รถรางไปส่งฟรีที่องค์เจ้าแม่กวนอิมค่ะ จ่ายค่าขึ้นไปชั้น๒๕ ชั้นสูงสุดและเป็นชั้นที่เบิกพระเนตรออกไปค่ะ ยี่สิบบาทค่ะถือว่าเป็นค่าบำรุงสถานที่ 


จากนั้นเราก็นั่งลงไหว้ขอพร และสิ่งที่ได้คือ...........


ใช่ค่ะ ม่ะมี้และยายยายทำบุญหวังผล ส่วนตัวเลขที่แสดงคือเจดหยิบจากโถเซียมซีมาให้ค่ะ งวดที่แล้วไงคะที่ออก 97, 98 แต่เจดบอก 96 (สามสิบล้านที่หวังไว้ สลายไปเพียงพริบตา ฮ่าๆๆ) 


ไม่เป็นไรค่ะ ชีวิตยังมีงวดหน้าเสมอ................ไม่ได้ให้งมงายนะคะ แต่ให้อยู่ด้วยความหวัง อิอิ

ยายยายกับหลานทะเลาะกันเรียบร้อยค่ะ แดดเที่ยงตรง ม่ะมี้ใส่ชุดสีเหลือง เหงื่อไหลท่วมตัวค่ะแต่รู้สึกเย็นสบายเพราะทริปนี้มารับพลังบวกค่ะ เสริมกำลังใจให้ชีวิตตั้งหลักและดำเนินไปด้วยสติ จากนั้นก็รีบบึ่งไปสนามบินค่ะ บินกลับถึงดอนเมืองโดย(เกือบ)สวัสดิภาพเพราะฝนตกหนักก่อนที่เครื่องจะลงจอด กุมมือยายยายเลยค่ะกลัวแกจะกลัว แต่พอลงมาแกก็บอกว่าไม่ได้กลัวนะคะ มากุมมือแกทำไมพ่ะนะ 555555 


Yesterday is a history,  Tomorrow is a mystery, but Today is a gift

That is why it is called "Present".



จบทริปดมหมอนด้วยคำคมจากหนังเรื่องกังฟูแพนด้า ทริปนี้ 10/10  ไปเลยค่ะ ใครยังไม่เคยไปรีบจัดเลยค่ะ      "เชียงราย อิส คอลลิ่ง" 


Facebook page : mamii_baby_jade ฝากกดไลค์และติดตามด้วยนะคะ 

แชร์ประสบการณ์ตามประสาแม่ลูกอ่อนเวลาไปไหนมาไหน ไม่ว่าจะเที่ยวเก่ง กินเก่ง ยังช้อปเก่งอีกด้วย #เก็บไว้ให้เจดอ่านตอนโด 

รีวิวอื่นๆในเวป readme รีวิวอื่นๆค่ะช่วยไลค์และแชร์ให้ด้วยนะคะ 

ขอบคุณค่ะ ^^! เจอกันทริปหน้าค่ะ

Mamii_baby_Jade

 วันเสาร์ที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2563 เวลา 00.50 น.

ความคิดเห็น