จากตอนที่แล้ว [เที่ยวสิงคโปร์ โอ้โหนี่มันโคตรลำบาก (ตอนที่ 12)] เราอยู่ตรง Art science museum ซึ่งที่นี่มันจะตั้งอยู่ตรงกลางระหว่างป้ายรถเมล์ 2 ป้าย ก็คือป้าย Marina Bay Sands Theatre กับป้าย The Float @ Marina Bay 

จริงๆ ถ้าเราไปขึ้นรถตรงป้าย Marina Bay Sands Theatre เลยก็ได้นะ แต่เหมือนตอนนั้นเราอยู่ใกล้กับตรงสะพาน Helix bridge ก็เลยเดินข้ามสะพานไปเลย 

คำเตือน : สะพานนี้มีความยาวประมาณ 500 เมตร++ ถ้าเดินไม่ไหวแนะนำให้ไปขึ้นรถที่ป้าย Marina Bay Sands Theatre ดีกว่า เหนื่อยน้อยกว่า

แต่ไหนๆ ก็มาแล้วควรเดินข้ามสักครั้งนะ เพราะสะพานมันสวยม๊ากกกกก เป็นการออกแบบที่สวยแปลกตาซึ่งก็สมกับที่เป็นสิงคโปร์จริงๆ 

ถ้าเดินมาเรื่อยๆ ก็จะเจอกับคุณลุงขายไอติมอยู่ประมาณกลางสะพาน น่าจะเป็นร้านขายไอติมตัดที่คนเขาชอบรีวิวกัน แต่ตอนนั้นคือเหนื่อยมาก ไม่อยากกินอะไรแล้ว อดชิมเลย TT^TT

ตอนแรกเราก็คิดว่า Helix bridge เป็นสะพานยาวไปเรื่อยๆ สะอีก ที่ไหนได้ มีจุดชมวิวด๊วยยยยย >///<

จากมุมนี้คือเห็น Art science museum สวยม๊ากกกก

แล้วก็เห็นวิวตึก Marina bay sands เต็มๆ เลย คิดถูกจริงๆ ที่ยอมลากขาเดินมาตรงนี้ สวยมากจริงๆ 

แต่ด้วยความที่สะพานมันยาวม๊ากกกกก ก็ต้องลากขาเดินกันต่อไปนะจ๊ะ 5555

สะพานนี้ก็จะมีคนเดินข้ามกันมาเรื่อยๆ เลย แต่ถ้าจะให้เหนื่อยน้อยก็คงต้องขี่สกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าเหมือนเขาแหละม้างง น่าจะได้ชมเมืองเพลินๆ เลย 

ยิ่งเห็นมุมนี้เราก็ยิ่งตกหลุมรักสถาปัตยกรรมจริงๆ มีความตึก มีความขาว มีความกระจก สวยยย >///<

ส่วนมุมนี้ก็แอบเป็น city scape เบาๆ สวยเหมือนกัน แต่เสียดายนิดนึง ถ้าฟ้าสีสดใสกว่านี้รูปอาจจะดีกว่านี้ก็ได้ คือตอนนั้นแค่ฝนไม่ตกลงมาก็ดีใจมากแล้ว ฟ้ามืดตึ๊บขู่มาแต่ไกล 5555

เราก็เดินลากขากันมาเรื่อยๆ จนมาถึงป้าย The Float @ Marina Bay แล้วเงื่อนไขของเราก็คือว่าจากตรงนี้ถ้าจะไปสนามบินต้องไปด้วยรถไฟฟ้าเท่านั้น เพราะเราต้องเอาบัตร Singapore Tourist Pass ไปแลกเงินคืนจะได้เงินสดกลับมา 10$ เงินเยอะมากเลยนะ ไม่แลกคืนมานี่เสียดายตายเลย

เราก็ไม่คิดอะไรมากเซ็ท Google Map จากป้ายรถเมล์ The Float @ Marina Bay ไป MRT Changi Airport เลย 

ซึ่งตอนแรกเราต้องนั่งรถเมล์ไปลงป้าย Capitol Bldg ก่อน แล้วเดินย้อนไปนิดนึงไปขึ้น MRT City Hall สายสีเขียว แล้วนั่งยาวไปถึง MRT Tanah Merah แล้วเปลี่ยนขบวนไป MRT Changi Airport ได้เลย กลูเกิ้ลเพื่อนยากนี่มันสะดวกมากจริงๆ นะ

ทีนี้ด้วยความที่ MRT สายสีเขียวมัน Popular มากๆ ก็เลยไม่มีที่นั่งแน่นอน ยืนกันไปยาวๆ เลยจ้าาาาชั่วโมงนึงเต็มๆ ระหว่างที่เรายืนกันไปเรื่อยๆ ดูวิวกันไปเรื่อยๆ ไม่ได้คิดอะไร อยู่ดีๆ ก็มีเสียงภาษาไทยดังขึ้นมาใกล้ๆ เรา 

"อ้าวววหนู เป็นคนไทยหรอ" เราก็เลยหันไปตามเสียงงงๆ ใช่ค่ะเป็นคนไทย รู้ได้ยังไงคะ "อ๋ออ ป้าเห็นแท็กติดกระเป๋ามันขึ้นต้นด้วยเบอร์ (+66) นั้นเป็นเบอร์บ้านป้าหนิ ก็เลยรู้ว่าเป็นคนไทย"  

ป้าเขาก็ถามว่าเรามาจากจังหวัดไหนกัน เนี่ยป้ามาทำงานที่นี่หลายปีแล้วพักอยู่เลย MRT Tanah Merah ไปสองสถานีนู้นนี่ 

ก็คือคุยมากันตลอดทางจนถึงสถานีที่เราต้องลงกันแล้ว ป้าก็ลงท้ายด้วยคำว่า "พระเจ้าอวยพรนะ" เราก็เลยหันไปตอบพระเจ้าอวยพรป้าเหมือนกันค่าา "อ้าวหนูเป็นคริสเตียนหรอ" ใช่ค่ะหนูก็เป็นคริสเตียน....

แล้วเราก็เปลี่ยนขบวนจาก MRT Tanah Merah ไป MRT Changi Airport ถึงตอน 14.46 พอดี ใช้เวลาเดินทางทั้งหมดเกือบชั่วโมงครึ่ง ก็รีบไปคืนบัตรอะไรเรียบร้อย เย้มีเงินสดติดตัวแล้ว

ส่วนตอนหน้าจะเป็นยังไง เราจะมีเวลาได้ไปดูน้ำตกที่ Jewel Changi Airport ไหมมโปรดติดตามได้ในตอน [เที่ยวสิงคโปร์ โอ้โหนี่มันโคตรลำบาก (ตอนที่ 14)] และสามารถติดตามเรื่องราวอื่นๆ ของเราได้ที่ [https://th.readme.me/id/JKtrytotry] หรือพูดคุยกันได้ในเพจ "Try to Try ก็แค่ออกไปลอง" แล้วจะรู้ว่าการก้าวออกจาก Comfort zone ของตัวเองมันสนุกแค่ไหน

Try to try ก็แค่ออกไปลอง

 วันอังคารที่ 13 ตุลาคม พ.ศ. 2563 เวลา 11.36 น.

ความคิดเห็น