หากย้อนเวลากลับไปเมื่อ 4 ปีก่อน “ภูกระดึง” เป็นสถานที่แรกสำหรับผมในการเริ่มต้นเดินป่า ด้วยสภาพแวดล้อม และสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ที่เหมาะแก่การมาพิสูจน์ตัวเองว่าเราชอบการเดินป่าแค่ไหน และหลังจากนั้นก็ทำให้เกิดทริปเดินป่าอื่นๆ ตามมา 

ภูกระดึงแห่งนี้มีเรื่องเล่ามากมาย อย่างที่พูดต่อๆ กันมาว่าหากอยากพิสูจน์รักแท้ ให้มาที่ภูกระดึง  

และคุณรู้มั้ยว่าลักษณะทางกายภาพของภูกระดึงเป็น “ภูเขายอดตัดรูปหัวใจ” ทำให้ยิ่งเพิ่มความพิเศษของที่นี่ที่ไม่เหมือนใครอีกด้วย

สำหรับผมแล้วรู้สึกว่าสถานที่แห่งนี้มีมนต์เสน่ห์หลายๆ อย่างให้หลงรัก 

บางคนมาแล้วก็ยังกลับมาอีกจนทำให้ผมเกิดคำถามขึ้นในใจว่าทำไมเขาเหล่านั้นถึงกลับมาที่นี่อีกครั้ง 

และการกลับมา “ภูกระดึง” ครั้งนี้ ผมจะไปกลับหาคำตอบของคำถามนี้ 

ด้วยการกลับไปหา “ภูกระดึง” รักครั้งแรกอันหอมหวานของผม

คอนเทนต์นี้จะเป็นการพรรณนาความรู้สึกอันเวิ่นเว้อที่มีต่อ “ภูกระดึง” อันเป็นที่รัก

*** หากใครอยากอ่านรีวิวการไปเที่ยว ภูกระดึง ให้ไปอ่านกระทู้เก่าของผมได้เลย ***

พากันดึง ณ ภูกระดึง 3 วัน 2 คืน

สำหรับการเดินทางมาภูกระดึงนั้นสะดวกมาก ไม่ว่าจะเป็นรถสาธารณะ หรือรถส่วนตัว คงไม่แปลกหากคนมักนิยมที่จะมากัน 

แค่การเริ่มต้นการคลาสสิคแล้วด้วยข้อความตอนรับที่ว่า “ ขอต้อนรับมวลมิตร สู่ เส้นทางพิชิตภูกระดึง ” ความสูงจากระดับน้ำทะเล 1,288 เมตร  จัดอยู่ในความสูงอันดับท้ายๆ เลยก็ว่าได้ แต่ด้วยความที่เป็นภูกระดึง มันยังคงเป็นที่ดึงดูดของใครหลายคน

บางคนเห็นป้ายที่เยอะๆ แล้วอาจจะตกใจ แต่ถ้าเราลองมองลึกๆ เข้าไป ป้ายบางป้ายบอกระยะทางในการเดินจากจุดหนึ่งไปอีกจุดหนึ่งไม่ไกลกันเลย และความที่เป็นภูกระดึงก็เลื่องชื่ออยู่แล้วในเรื่องของร้านค้า ขายของกินตลอดทางเลยก็ว่าได้ จะเรียกแต่ละซำ ว่าร้านชำแทนก็ยังได้ 555

ส่วนเรื่องราคาก็อย่างที่รู้กันว่ายิ่งไกลเท่าไหร่ ราคาก็ยิ่งบวกเพิ่มไป จริงๆ แล้วนี่ก็เป็นบททดสอบอย่างนึงเหมือนกันนะ บางคนไม่ได้เดินช้านะ แต่กินเยอะไปหน่อย แต่สำหรับผมมองว่าเป็นเรื่องที่ดีอย่างนึงนะ คือทำให้เราได้ใช้ชีวิตอย่างช้าๆ หรือสโลว์ไลฟ์ ไม่ต้องรีบร้อนอะไร ในเมื่อจุดหมายปลายทางก็ไม่ได้หนีไหนจะเร็วหรือช้า แต่ไปให้ถึงก็พอแล้ว

“ ครั้งหนึ่งในชีวิต เราคือผู้พิชิตภูกระดึง ” ประโยคที่ยังคงตราตรึงอยู่ในความทรงจำผมเสมอ แม้ว่าเวลาจะผ่านมา 4 ปี และผมได้กลับมาที่นี่อีกครั้ง ประโยคนี้ก็ยังทำให้ผมได้ขนลุกทุกครั้งที่ได้เห็นมัน

ระหว่างทางเดินจาก หลังแป ไปยังที่ทำการอุทยาน ธรรมชาติ 2 ข้างทางได้เปลี่ยนไป อย่างที่ทุกคนรู้กันว่าภูกระดึงได้เกิดไฟป่าครั้งใหญ่ไปเมื่อต้นปีที่ผ่านมา ฝั่งหนึ่งเป็นต้นไม้ที่ไร้ซึ่งชีวิต อีกฝั่งหนึ่งเป็นต้นไม้ที่เขียวขจีสมบูรณ์ ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม ก็ไม่อาจที่จะทำให้ความรู้สึกดีๆ ต่อภูกระดึงน้อยลงไปเลย

ไม่ว่าจะไปคนเดียว ไปกับคนรัก หรือว่าจะไปกับเพื่อน มันได้ความรู้สึกคนละแบบเลย เพราะผมเองครั้งแรกก็มากับคนรัก และครั้งนี้ผมมากับเพื่อนๆ และมันก็เป็นแบบนั้นจริงๆ 

ต้นสนอันโดดเดี่ยวกลางทาง ไม่ว่าใครก็ตามที่เดินผ่านมันเหมือนดั่งมนต์สะกดให้หยุดเดิน และถ่ายรูปกับมัน จะบอกว่าเป็นแลนด์มาร์กของภูกระดึงจุดหนึ่งก็ยังได้

“Vanila Sky” ณ ลานกางเต๊นท์ มันเป็นท้องฟ้าในแบบที่ผมหลงรักมาโดยตลอด และเมื่อมาได้มาเห็นบนภูกระดึงแห่งนี้ องค์ประกอบต่างๆ  มันช่างทำให้ภาพท้องฟ้าในวันนี้ของผมไม่เหมือนวันไหน ๆ น่าเสียดายที่ตามแพลนปกติเมื่อเก็บของเข้าเต๊นท์แล้วแล้วจะต้องไปดูพระอาทิตย์ตกที่ผาหมากดูก แต่ด้วยสภาพอากาศก่อนหน้านี้มันเต็มไปด้วยเมฆฝน มันเป็นความผิดพลาดของผมเองที่ไม่กล้าเสี่ยงกับสภาพอากาศ ถ้าภาพนี้ได้มองเห็นจากผาหมากดูก มันคงจะเป็นอะไรที่วิเศษมากๆ 

ยามเช้าที่ไร้ซึ่งพิรุณหลั่ง เป็นเช้าแห่งความหวังที่จะไปรอชมพระอาทิตย์ขึ้น และทะเลหมอก แต่ดูแล้วบรรดาหมู่เมฆาดูไม่เป็นใจอย่างที่คิด แต่ทุกคนก็ต่างเฝ้ารออย่างมีความหวัง 

หากหยุดเวลาตอนนี้ที่มีเธออยู่ ภาพเธอตรงนี้ช่างดูงดงามเกินจะเขียนเป็นเพลง

หากเอ่ยวาจา คงไม่อาจหา ภาษาถ้อยคำที่นำภาพนี้ไว้ในกระดาษ

: เนื้อเพลงท่อนนึงจากเพลง  Magic Hour - T_047

ไม่รู้ว่าจะมีคนรู้สึกเหมือนกับผมมั้ย ที่รู้สึกว่าต้นสนเป็นต้นไม้ที่มองยังไงก็สวย เมื่อเวลาได้มองย้อนแสงลายเส้นของมันที่เมื่อได้มอง มันทำให้ผมดั่งต้องมนต์ชั่วขณะเสมอ และไม่ว่าจะไปที่ใดเมื่อผมได้เห็นต้นสนคำว่า “ภูกระดึง” มันลอยขึ้นมาในหัวเสมอ

พอฟ้าเริ่มสว่างหมู่เมฆหมอกก็เริ่มชัดเจน ขาดเพียงแต่ดวงตะวันที่ยังหลบซ่อนอยู่หลังก้อนเมฆ และผมก็จะอดทนรอต่อไป

ทำไมเธอทำกับเราแบบนี้ ช่างไม่ยุติธรรมเลย แสงจากตะวันทำให้รู้ว่าตอนนี้ได้โผล่ขึ้นมาแล้ว  และก็ทำให้รู้ด้วยว่าคนเฝ้ารอถูกหมางเมิน

และนี่ก็คือปิ่นโตคู่ใจ   New Item  สำหรับทริปนี้ของผม น้อง “ Namiko “ เก็บอาหารให้คงความร้อนได้ระดับนึงไว้กินกลางทาง ปกติเป็นคนไม่ชอบกินอาหารเย็นๆ พอได้เจ้าปิ่นโตอันนี้มาก็เข้าทางเลย

Namiko มีให้เลือกหลายแบบเลย เผื่อใครสนใจ 👉 https://bit.ly/31nJnnJ

#กล่องข้าว #กล่องข้าวน่ารัก #กล่องอาหาร #ปิ่นโต #Namiko #Topvalue #iwillgothailand

มาภูกระดึงครั้งนี้ว่าจะเดินไปให้ถึงผาหล่มสักอีกสักครั้ง แต่เพื่อนร่วมทางบอกไม่ไหวแน่ๆ เราต้องใช้เงินแก้ปัญหาก็เลยมาจบที่ร้านเช่าจักรยานอย่างที่เห็น

น้ำใสตกไหล เป็นทาง

ไหลพุ่งจากสูงสุดทาง

ไหลหลั่งพื้นล่าง สุธา

เส้นทางน้ำตก เป็นหนึ่งในเส้นทางที่ไม่ควรพลาด เพราะน้ำตกที่มีเยอะ และสวยงามดุจดั่งอยู่ในป่าหิมพานต์ยังไงยังงั้นเลย

เหมือนอยู่ในดินแดนพิเศษที่ทำให้ Energy  ในตัวถูกปลุกขึ้นอีกครั้ง  

และอาหารกลางวันของผมก็ยังคงอยู่ในสภาพที่น่ากิน เพราะมีน้อง  “ Namiko ” คอยดูแล

Namiko มีให้เลือกหลายแบบเลย เผื่อใครสนใจ 👉 https://bit.ly/31nJnnJ

หาไม่เจอใช่ว่าเธอไม่มี หนึ่งในปัจจัยที่ทำให้คนหลงรักภูกระดึงมากขึ้นไปอีก ก็คือการในเห็น “ใบเมเปิ้ล” หล่นเรียงรายอยู่คู่กับธารน้ำตก ดั่งธรรมชาติส่งมาให้คู่กัน ณ ที่ตรงนี้

ยิ่งเดินลึกเข้าไป ปริมาณความสุขก็เพิ่มขึ้นตามไปพร้อมกัน ทั้งความสวยงาม ความร่มรื่น ความบริสุทธิ์ของอากาศ ที่ทำให้ตัวผมไว้ใจ และกล้าที่จะสูดลมหายใจได้อย่างเต็มปอด

ที่อื่นจะเป็นแบบนี้มั้ยไม่รู้ แต่สำหรับผมแล้วที่ตรงนี้เหมือนดังป่าหิมพานต์จริงๆ ทุกพื้นที่มากไปด้วยมอส เฟิร์น ที่คอยปกคุมดุจดั่งพรมที่ปูทางให้เรา

ริมธารระราญไปด้วยบุปผา

ดอกแดงกุหลาบพนา

ประดับลัดดากล้วยน้ำ ไพร

พงไพรทอดยาวไกลสุดลูกตา เป็นช่วงเวลาที่ไม่อาจละสายตาจากความเขียวขจีได้เลย

ครั้งแรกที่ได้มาเห็นตรงนี้เมื่อ 4 ปีก่อน ก่อนที่ผมจะรู้จักทุ่งแสลงหลวง จ.พิษณุโลก  ที่เขาว่าเป็นทุ่งสะวันนาเมืองไทย ผมก็รู้สึกว่าที่ภูกระดึงนี่แหละ ที่มองดูแล้วก็คล้ายทุ่งสะวันนาเมืองกัน แม้จะไม่ยิ่งใหญ่เท่า

แล้วเวลาก็เดินทางมาครึ่งวัน น้อง Namiko ก็ได้เวลาที่ต้องรับใช้ผมสักทีหลังจากที่ให้ดูแลอาหารของผมมาตลอดทาง

ผมเดินทางมาจนถึง “สระอโนดาต” ด้วยเวลา และสภาพแวดล้อมที่เหมาะแก่การนั่งรับประทานอาหารกลางวันอย่างมาก

และเมนูง่ายๆ อย่างข้าวเหนียว หมูฝอย ก็เป็นเมนูที่แสนอร่อย เพราะความเหน็ดเหนื่อย

คุณว่าปิ่นโตผมน่ารักมั้ย จริงๆ มีหลายแบบเลย 

ลองเข้าไปดูได้ที่   https://bit.ly/31nJnnJ

ยามบ่ายที่ฝนพรำเบาๆ เมฆหมอกก็ลอยคละคลุ้งไป จนมองไม่เห็นทางไกลๆ ข้างหน้าเลย นี่เป็นครั้งแรกที่ผมได้สัมผัสกับบรรยากาศแบบนี้บนภูกระดึง ทุกช่วงฤดูกาลภูกระดึงมีเสน่ห์ในตัวมันเองอย่างไร้ที่ติ

ไร้ซึ่งทิวทัศน์ แต่ไม่ไร้ซึ่งความสุข ขึ้นชื่อว่า “ ผาเหยียบเมฆ ”  ถ้ามองโลกในแง่ดีก็คงไม่แปลกอะไรถ้าหากจะเจอแต่เมฆเต็มไปหมด แม้จะดูเป็นการปลอบใจตัวเองก็ตาม 

และผมก็ได้พาตัวเองมาจนถึงเป้าหมายหลักที่ไม่ว่าใครก็ตามที่พิชิตภูกระดึง จะต้องมาจุดนี้ให้ได้นั่นก็คือ “ ผาหล่มสัก ” หนึ่งในสถานที่ที่มากี่ครั้ง มองกี่ครั้งก็มีความสุขทุกครั้ง

แล้วทุกสิ่งทุกอย่างที่ได้สัมผัสมาตลอดทางนี้จะไม่ให้ผมหลงรักรักแรกที่ชื่อ “ ภูกระดึง ” ได้อย่างไร

แล้วสิ่งที่ผมพรรณนามานี้ พอจะทำให้คุณหลงรัก และทำให้คุณอยากไปสัมผัสเหมือนกับผมบ้างหรือยัง ?

หากไม่มีไฟป่าในวันนั้น “ ภูกระดึง ” คงจะสมบูรณ์แบบกว่าวันนี้ กฏธรรมชาติยากเกินจะคาดเดา ที่ที่เป็นมากกว่าสถานที่ท่องเที่ยว แต่มันคือบ้านของทุก ๆ ชีวิต ฉันรักเธอนะ “ ภูกระดึง ”

คงถึงเวลาที่เราต้องร่ำลา ระหว่างที่ไม่มีฉันดูแลตัวเองให้ดีนะ “ ภูกระดึง ”

ขอบคุณเจ้าหน้าที่อุทยาน พ่อค้า แม่ค้า ลูกหาบ ที่ดูแลสถานที่แห่งนี้ด้วยดีเสมอมา และขอให้ดูแลให้ดีแบบนี้ตลอดไป

บันทึกความทรงจำแด่เธอที่ชื่อ  “ภูกระดึง”
iwillgothailand

ฉันจะไป : I Will Go

 วันอาทิตย์ที่ 18 ตุลาคม พ.ศ. 2563 เวลา 15.26 น.

ความคิดเห็น