สวัสดีค่ะ ^^

อาจจะน้อยครั้งสำหรับใครหลายๆคน ที่มาเยือนภูเก็ตทั้งที แต่ไม่มีโมเม้นต์ที่เท้าสัมผัสน้ำทะเล
ในการมาภูเก็ตครั้งนี้  "เราคือหนึ่งในนั้น"

แม้ว่าทะเลจะเป็นเป้าหมายแรกที่เด้งขึ้นมาในหัว 

แต่พายุที่กำลังเข้าภูเก็ตในช่วงนั้นก็ซัดทะเลในหัวเราจนหายวับเลยทีเดียว

ถ้าใครได้ไปภูเก็ตมาแล้วจะรู้ว่า ภูเก็ตเป็นเมืองที่มีป่าเขาอุดมสมบูรณ์ ตามภูมิศาสตร์เกาะในทะเลที่ไม่ใช่เทือกเขาสลับซับซ้อน แต่เป็นทางชันขึ้นๆลงๆ 

และรอบนี้เรามาสะดุดกันที่ อ.ป่าครอก ซึ่งเป็นอำเภอนักท่องเที่ยวไม่ค่อยมานัก เป็นคนพื้นที่ซะส่วนใหญ่     ซึ่งมีที่ๆ น่าสนใจอยู่ที่นึง

“Phuket Elephant Sanctuary”
100, Moo 2,, Paklok, Thalang, 83110
Tel. 088 752 3853

Location : https://goo.gl/maps/hZceJfm5jh...

ก่อนจะเข้าไปชม เราต้องมาลงทะเบียนกันก่อน ออฟฟิตอยู่ติดถนนใหญ่เลย เปิดประตูเข้าไป ติดต่อเจ้าหน้าที่

จากนั้นก็จะเป็นเวลาที่นั่งรถ สองแถวไปชมคุณช้างกันเลยค่ะ

ถึงแล้วค่าาาาาา......

เมื่อถึงแล้วจะมีเจ้าหน้าที่มาคอยต้อนรับ และพาเดินชมนะคะ 

ให้ข้อมูลทั้งสนุกและทำให้เราอินไปพร้อมๆ กับการเดินชม .....

เริ่มแรกเราก็เปลี่ยนรองเท้าเป็นรองเท้าบู้ท ล้างมือให้สะอาด เพื่อป้องกันเชื้อโรคจากภายนอกมาสู่คุณช้างค่ะ

ที่นี่เรียกได้ว่าเป็น "บ้านพักช้างชรา"ก็ได้นะ เพราะคุณแม่ช้างทุกตัวที่มาอยู่ที่นี่ถูกรับมาจากช้างที่ถูกปลดจากการทำงานและมาเพื่อพักผ่อนในช่วงวัยเกษียณที่นี่ค่ะ 

เริ่มแรกเป็นกิจกรรมการ "feeding" ให้อาหารคุณช้าง

คุณช้างที่ถูกเลือกมาทำกิจกรรม feeding จะต้องเลือกคุณแม่ที่คุยกันได้ง่ายและมนุษยสัมพันธ์ดีนะคะ เพราะคุณแม่ที่นี่บางเชือกก็ค่อนข้างอินดี้ทีเดียว

ก่อนอื่นก็ต้องอธิบายวิธีการให้อาการกันก่อนนนน

เมนูในวันนี้กล้วยน้ำว้า แตงโมและแตงกวา ซึ่งคุณช้างแต่ละเชือกก็จะถูกควบคุมอาหารต่างกันนะ คุณช้างคนไหนตุ๊ต๊ะมากหน่อย ก็ต้องอยู่ในโปรแกรมไดเอทค่ะ 

แตงโมของคุณแม่เค้า ต้องปลอกเปลือกด้วยนะ คุณแม่ที่นี่มี 12 เชือก ทานกันวันละหลายตันเลยทีเดียว

เมื่อจบกิจกรรมแรก เราก็ไปเดินชมคุณแม่กันเลยยยย.... 

ด้วยความที่ฝนตกก็ต้องมีพรอพที่ขาดไม่ได้คือเสื้อกันฝนหรือมีร่มทางสถานที่ก็มีจัดไว้ให้ค่ะ แต่เราเลือกเสื้อกันฝนเพื่อความคล่องตัว

จุดแรกเป็นสระว่ายน้ำช้าง อย่างที่รู้ การออกกำลังการที่ดีของคนที่มีปัญหาเรื่องกระดูกและกล้ามเนื้อคือการว่ายน้ำใช่ป่ะ ช้างก็เช่นกันนะ... เราเรียกที่นี่ว่า "Hydrotherapy pool" การบำบัดด้วยน้ำนั่นเอง 

คุณแม่บางเชือกที่อายุมากมีปัญหาที่ขาก็จะมาบำบัดที่นี่ค่ะ ระหว่างลงน้ำก็จะมีอาหารว่างบ้าง อารมณ์เหมือน Floating Breakfast อะ 555555

ซึ่ง 2 เชือกนี้คือคุณแม่กรรณิการ์กับคุณแม่ทองดี ด้วยความสนิทสนมกันมากกๆๆ ถ้าคนไหนไม่ลงก็จะไม่ลงนะจ๊ะ คือซี้กันมาก  ธรรมชาติชองคุณช้างที่นี่นะคะ มักจะไม่อยู่เป็นแก็ง แต่จะอยู่กันเป็นดูโอ หรือออกซิงเกิลเดี่ยวกันไปเลยย 

เราเดินมาชมห้องนอนกันค่ะ ขนาดประมาณ 10x15 m. เบ้อเริ่มเทิ้มมากกกกก 

ไฮไลต์ของที่นี่ “Canopy walkway” ที่มีความยาว 750 m. ความสูง 10 เมตร
เป็นสะพานเชื่อมเส้นทางเพื่อชมการใช้ชีวิตแบบเป็นธรรมชาติของช้าง

กฏเหล็กของที่นี่เลย จะไม่มีการบังคับช้างโดยตะขอหรืออะไรก็ตามนะ
งานนี้คนที่ถูกเอาใจเป็นช้างเท่านั้นคะ คืนความสุขและเสรีภาพให้กับคุณแม่ๆ กันคะ เพราะบางเชือกจากที่เจ้าหน้าที่ให้ข้อมูลมาช้างบางเชือกก็เป็นช้างลากซุง พอแก่ตัวลงลากไม่ได้หรือเจ้าของไม่ได้เลี้ยงต่อทางศูนย์ก็จะไปซื้อมารับดูแลต่อ ช้างแสดงบางเชือกก็อายุมากถูกปลด หรือบางเชือกที่ฝึกยากหน่อยก็จะถูกตีมาบ้าง ซึ่งช้างเหล่านี้ทางศูนย์ก็จะไปติดต่อขอซื้อมาและต้องมารักษาดูแลเพื่อให้ช้างเหล่านั้นมีสุขภาพที่ดี ไม่ต้องพูดถึงค่ายารักษาเลยละคะ สูงไม่น้อย

เป็นการดูความน่ารักการใช้ชีวิตของช้าง โดยไม่รบกวนช้าง
เราชอบแนวคิดนี้มาก มันเหมือนกันว่าเราอยู่ในส่วนพื้นที่ของเรา และช้างก็อยู่ในพื้นที่ของช้าง เราต่างไม่รบกวนกัน ให้ทั้งสองฝ่ายได้มีพื้นที่ส่วนตัวของตัวเอง และคุณแม่บางเชือกไม่ชอบเสียงดัง เราเองก็ชมกันแบบกระซิบกระซาบ ถือว่าให้เกียรติซึ่งกันและกัน 555555.

มีหนองน้ำธรรมชาติลงมาจากเขา ที่นี่เขาสร้างเป็นที่กักเก็บน้ำไว้เพื่อให้ช้างได้ลงมาเล่นเพื่อให้ช้างได้ผ่อนคลายในแบบฉบับที่คล้ายคลึงกับธรรมชาติมากที่สุด ลักษณะน้ำจะไหลเป็นลำธาร ก่อนออกไปสู่ภายนอกจะมีที่ตักอุจจาระเศษของเสียต่างๆ ก่อนไหลออกไปจากที่นี่ค่ะ

สนุกกันใหญ่เลยจ้าาา บอกเลยยย


พอถึงเวลาพักเวลาทานข้าวนางก็จะเดินไปเลยคะ ทุกเชือกจะมีควาน 1 คนต่อเชือก เรียกได้ว่าคู่ชีวิตกันก็ได้นะ แทบจะ 24 ชม.เลยค่ะ ที่อยู่ด้วยกันน

ด้วยความที่อากาศมันดีเย็นๆชื้นๆ คุณช้างเองก็แฮปปรี้ เป็นพิเศษ . . . เรายืนดูคุณช้างเล่นโคลนเล่นน้ำกันจนเพลิน  จริงๆแล้วฤดูฝน ฤดูไหน ก็เที่ยวที่นี่ได้ไม่จำกัดนะคะ แต่สำหรับเรา "หน้าฝนคือเดอะเบส"

ทั้งชมช้างและชมบรรยากาศธรรมชาติรอบๆที่มีหมอกลงบางๆ ภูเก็ตก็มีหมอกนะจ๊ะ มาดูได้นี่ คืออากาศดี สูดละสดชื่นมากกกก  สุขกายสุขใจกันไปจนจุกเลยแหละ

เมื่อชมกันจนอิ่มอารมณ์ละ กิจกรรมสุดท้ายเป็นกิจกรรมพักผ่อน

ทางสถานที่จะจัดผลไม้และเครื่องดื่มปังๆ ที่เป็นเมนูหากินได้ยาก คือ "น้ำอัญชันสัปปะรดมะนาว" และ"แตงกวามะนาว" ค่ะ เตรียมไว้ค่ะ ทั้งนี้คือเราเลือกเมนูเองนะ

ตอนนี้ทางศูนย์กำลังสร้างในส่วนคาเฟ่ ที่ทำให้เราได้ใกล้ชิดคุณช้างทั้งหลายมากขึ้น..บวกกับบรรยากาศที่ชิลแสนชิลเพราะติดกับภูเขา คือ unseen มากนะ ถ้าได้มาภูเก็ตไม่น่าพลาดกันนะ

สุดท้ายละค่ะ
เรื่องนี้เราเขียนเพราะเราอยากเขียน
อยากให้มา....ให้มาชมความน่ารักที่เป็นธรรมชาติจริงๆ
ไม่ใช่ความน่ารักที่ถูกสร้างให้น่ารัก บังคับให้ช้างเป็นอย่างที่เราคิดว่านั่นคือน่ารัก
มาเที่ยวที่นี่กันนะ เราจะมองความเพลิดเพลินต่างออกไป
“เพราะการรักช้างไทย ไม่ใช่หน้าที่ของชาวต่างชาติ”
และ “การเคารพชีวิตของสิ่งอื่นเป็นสิ่งที่มนุษย์พึงมีเช่นกัน”

- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -

ค่าเข้าชม 500 บาท (ใครมองว่าแพงคิดใหม่เด้ออ...ที่นี่บริการดีเราไม่ได้โม้)

ระยะเวลาของกิจกรรมประมาณ 2-3 ชั่วโมงค่ะ

เราแปะ link ไว้นะ ลองไปเปิดดูว่างๆ ช่วงโควิด พอโควิดหายเราค่อยมาลุยกัน

https://www.phuketelephantsanc...

go_with_puay

 วันอาทิตย์ที่ 11 เมษายน พ.ศ. 2564 เวลา 00.24 น.

ความคิดเห็น