วันนี้ก็จะมารีวิวที่พักหรู ที่มีเอกลักษณ์ที่โดดเด่นมากที่สุดแห่งหนึ่งของจังหวัดเชียงใหม่ครับ

เป็นโรงแรมที่ตั้งอยู่ท่ามกลางสายน้ำตกน้อยใหญ่ มีชื่อว่า สุกันทรา แคสเคด รีสอร์ท แอนด์ สปา Sukantara Cascade Resort & Spa

สำหรับคนที่อยากหลีกหนีความวุ่นวายจากเมืองใหญ่มาเสพรับพลังธรรมชาติ  แสวงหาความสงบและมีเป็นส่วนตัวสูงสุดๆ  ก็อยากจะแนะนำโรงแรมนี้ไว้ให้พิจารณาเป็นอย่างยิ่งเลยครับ

โรงแรมตั้งอยู่ในอำเภอแม่ริม
ห่างจากตัวเมืองเชียงใหม่ไปทางทิศเหนือ เพียงแค่ 30 กิโลเมตร  ใช้เส้นทางเดียวกับทางมาน้ำตกตาดหมอก โดยจะถึงก่อนน้ำตกตาดหมอกประมาณ 1 กิโลเมตร  

ใช้เวลาขับรถจากตัวเมืองเชียงใหม่ประมาณ 40 - 50 นาทีเท่านั้น  พอเข้าเขตหุบเขาในตำบลแม่แรม
เราก็จะพบกับทางเข้าของโรงแรมตั้งอยู่ในหุบเขาที่เงียบสงบ

เดินเข้ามาก็จะพบกับนกกระตั้ว และนกกิ้งโครง ร้องทักทาย
และผ่านมาถึงแผนกต้อนรับ ที่ตั้งอยู่ริมน้ำตกแบบใกล้ชิดมากๆ    มองลงไปในน้ำตกจะเห็นนกเป็ดแมนดารินเล่นน้ำตกอยู่เป็นฝูง    และมีนกยูงเดินไปเดินมา บางตัวก็แวะมาทักทาย

เป็นบรรยากาศแรกที่น่าตื่นตาตื่นใจ  ไม่เคยคิดว่าในเชียงใหม่จะมีสถานที่พิเศษๆแบบนี้ซ่อนอยู่

หลังจากที่ทำการเช็คอินเรียบร้อย   น้องพนักงานก็ได้ยก welcome drink พร้อมแจ้งว่าให้รอสักครู่  กำลังเช็คความเรียบร้อยของห้องพักอยู่

นั่งชมบรรยากาศได้สักครู่เดียว น้องพนักงานก็พร้อมจะนำเราไปสู่ห้องพัก ซึ่งห้องพักต่างๆก็จะมีตำแหน่งตามในแผนที่นี้



Suite Waterfall Pool Villa หมายเลข 7
พูลวิลล่าที่มีความเป็นส่วนตัวที่สุดของรีสอร์ต  เป็นเรือนทรงล้านนาประยุกต์ ตั้งอยู่ในส่วนที่ลึกที่สุดของรีสอร์ต   มีพื้นที่ประมาณ 120 ตารางเมตร
ประกอบด้วยห้องนั่งเล่น  ห้องอาบน้ำ ห้องนอนพาวิลเลี่ยนชมวิว และยังมีสระเล็กๆส่วนตัว
ที่หันหน้าเข้าหาน้ำตก  เรียกได้ว่ามีน้ำตกส่วนตัวอยู่หน้าบ้านเลยเหอะครับ

ศาลาชมวิวของบ้านพัก เห็นวิวน้ำตกได้ชัดเจน
น้ำตกที่หน้าบ้านพัก เป็นเหมือนน้ำตกส่วนตัว

ยืมภาพตัวบ้านมาจากทางรีสอร์ท  เพราะสภาพปัจจุบัน ต้นไม้ขึ้นล้อมรอบตัวบ้านจนแน่นแล้ว
สำหรับคนที่รักธรรมชาติ จะต้องรักบ้านหลังนี้แน่ เพราะล้อมรอบไปด้วยต้นไม้ และน้ำตก

ภาพห้อง Suite Waterfall pool villa จากทางที่พัก

คือมันเป็นอะไรที่สุดยอดมากๆครับ บ้านพักส่วนตัวที่มีน้ำตกส่วนตัวอยู่หน้าบ้าน
นั่งๆนอนๆแช่น้ำ ฟังเสียงน้ำไหลทั้งวัน  ไม่มีใครมารบกวน

ส่วนอุปกรณ์อำนวยความสะดวกในบ้านก็มีครบครัน
สิ่งที่ขาดไม่ได้ในยุคนี้ ใน villa นี้ก็มี WIFI router  ส่วนตัว
ที่ไม่ต้องไปแชร์กับใครด้วย    เท่าที่ทดสอบความเร็ว WIFI กลางกลางป่ากลางดอยแบบนี้
ความเร็วอินเตอร์วิ่งอยู่ที่ความเร็ว 40Mbps
ก็จัดว่าเร็วเหลือเฟือ เพียงพอกับการทำงาน และความบันเทิงต่างๆละครับ

เป็นสถานที่ๆเหมาะกับการพักผ่อนรับพลังธรรมชาติอย่างเป็นที่สุด
ป่า ท้องฟ้า น้ำตก แสงดาว  เมฆ หมอก  ล้อมรอบตัวเรา
เหมือนใช้ชีวิตอยู่คนเดียวกลางป่ากลางเขา

ยิ่งเป็นช่วงปลายฝนต้นหนาวแบบนี้ สภาพอากาศก็ยิ่งเป็นใจอย่างมาก
ช่วงกลางวันไม่ร้อนมาก ช่วงกลางคืนก็เย็นสบายๆกำลังดี
เป็น villa ที่อยู่สุขสบายมากๆที่สุดแห่งหนึ่ง เท่าที่เคยได้ไปพักมาครับ

นั่งๆนอนๆฟังเสียงน้ำ เดินไปเดินมาชมสวน ชมน้ำตก แช่สระน้ำ
เวลาก็ผ่านไปอย่างรวดเร็วจนไม่รู้ตัว แป๊บๆเดียวก็จะค่ำแล้ว

ต้องรีบไปเดินถ่ายรุปน้ำตก และบรรยากาศที่พักในยามเย็นเก็บไว้ 

แล้วเดินไปทานอาหารเย็น ที่เขาจัดไว้ริมน้ำตกครับ

สำหรับอาหารเย็นในวันนี้ เป็นชุดขันโตกสูตรของคุณป้าเจ้าของที่พักนี่เอง
ประกอบไปด้วยน้ำพริกอ่อง แกงฮังเลที่เข้มข้นเข้าเนื้อ หมูนุ่มละลายในปาก
แคบหมู ไส้อั่ว ไข่ต้ม พะแนงหมู หมูทอด ทานกับข้าวเหนียวนุ่มๆ ตามสูตรของคนเมืองเจียงใหม่
ภาษาเหนือ เขาเรียกว่าลำขนาด กิ๋นจนกั๊ด


ปิดท้ายด้วยขนมเค้ก เป็นของหวานล้างปาก เค้ก red velvet และ white choc cheese cake
เป็นที่เรียบร้อย พอเดินกลับมาถึงบ้าน หัวถึงหมอน ตาก็แทบจะปิดลงในทันที
อิ่มทั้งข้าว อิ่มทั้งบรรยากาศ

เวลาหนึ่งวัน และหนึ่งคืน มันช่างผ่านไปอย่างรวดเร็ว ทั้งๆที่ไม่อยากให้มันผ่านไปเลยครับ

ตื่นเช้าขึ้นมาด้วยเสียงนกร้องปลุกถึงหลังคาบ้าน


อาหารเช้าที่นี่ ก็ทานกันที่ห้องอาหารริมน้ำตก ที่เดียวกับอาหารมื้อเย็นนี่หละครับ
โดยทางที่พักก็จะมีให้เลือก ว่าเราจะรับ American Breakfast หรืออาหารไทบแบบข้าวต้ม หรือว่าเป็นตัมซุบมักกะโรนี

ในระหว่างทานมื้อเช้า ก็จะมีนกยูงเจ้าถิ่นมาเยี่ยมเยือนถึงโต๊ะ

หลังจากทานมื้อเช้าเสร็จ

โปรแกรมวันนี้ เราก็จะไปทานกาแฟ และขับรถชมวิวเล่นๆ แถวๆม่อนแจ่ม
ซึ่งอยู่เลยขึ้นไปจากที่พักราวๆแค่ 15 กิโลเมตรจากที่พักเท่านั้นเอง

ร้านที่เล็งไว้คือ ม่อนอิงดาวคาเฟ่ เป็นร้านกาแฟเปิดใหม่
แล้วก็ย้ายห้องไปพักที่ Suite Panorama ที่เป็นห้องพักที่อยู่บนตัวอาคารครับ

ม่อนอิงดาวคาเฟ่

เมื่อกลับมาถึงที่พัก ข้าวของๆเราก็ถูกน้องๆพนักงานย้ายไปไว้ที่ ห้อง Suite Panorama หมายเลข 17 เรียบร้อยแล้ว

Suite Panorama เข้าไปสำรวจในห้องพัก ความประทับใจแรกคือขนาดห้องพักที่ใหญ่โตมากๆ

อย่าเรียกว่าห้องพักเลยครับ มันให้อารมณ์เหมือนเป็นเรือนไทยหลังใหญ่ๆมากกว่า
ห้อง Suite Panorama  อยู่บนชั้นสองของทั้งอาคารทั้งชั้น 

มีบันไดแยกเป็นส่วนตัวของแต่ละห้องเป็นสัดส่วน   พื้นที่ทั้งหมด ราวๆ 110 ตารางเมตร

คือทั้งชั้นเป็นห้องของเราห้องเดียว  และทางเข้าห้องยังเป็นประตูไม้กั้นอีกชั้นอีกต่างหาก
อารมณ์เหมือนอยู่ในคุ้มเจ้าหลวงล้านนาสมัยก่อนเลย
ตัวโครงหลังคาทำด้วยไม้ ลงรักปิดปิดทอง เขียนด้วยลวดลายล้านนา ประดับด้วยกระจกสีอันวิจิตร

และสิ่งที่น่าประทับใจอีกอย่างคือรอบๆห้อง เป็นกระจกใสรอบด้าน   มองเห็นวิวภูเขาได้รอบทิศทาง

และมีอ่างจากุชชี่ตั้งอยู่ริมหน้าต่างให้เราได้นอนแช่น้ำอุ่น และเสพวิวธรรมชาติได้เต็มที่

ยิ่งในช่วงเช้าๆอากาศหนาวๆนะครับ  ได้แช่น้ำอุ่นๆ ชมวิวภูเขา มีเมฆมีหมอกลอยมาจางๆ
เสร็จแล้วออกมานั่งดื่มกาแฟร้อนๆ ชมวิวน้ำตกที่ระเบียงหน้าห้องนี่   คือดี  

และแม้จะอยู่ท่ามกลางบรรยากาศยุคล้านนาสมัยก่อน
แต่ในห้องนี้ ก็มี WIFI router ส่วนตัวที่เร็วแรง ไม่ต้องแชร์กับใครอยู่ด้วยเช่นกันครับ

เวลาสองวันกับสองคืน ในสุกันทรา แคสเคด ผ่านไปอย่างรวดเร็วมากๆ
มันเป็นจริงอย่างที่เขาว่ากันเลยครับ  ว่าเวลาของความสุข นั้นมักจะผ่านไปอย่างรวดเร็ว

กับที่พักที่มีความสบาย สงบ และความเป็นส่วนตัวที่แท้จริง
ให้เราได้พักผ่อน ล้อมรอบไปด้วยต้นไม้ และสายน้ำ เพื่อเปิดรับพลังธรรมชาติได้อย่างเต็มที่

ถ้าใครมีโอกาสได้แวะมาเชียงใหม่   อยากจะแนะนำให้ลองมาพักกัน

มันเป็นประสบการณ์ที่เรียกว่า Unique Experience กับสถานที่พิเศษๆแบบนี้จริงๆ


เวป: https://www.sukantara.com/
facebook : https://www.facebook.com/Sukan...
google location : https://goo.gl/maps/YZ363QZHhA...
TEL : 081 881 1444

tamrong

 วันพุธที่ 4 พฤศจิกายน พ.ศ. 2563 เวลา 21.51 น.

ความคิดเห็น